รอยสิวและหลุมสิว ปัญหาต่างกัน และดูแลอย่างไรให้หายชัดเจน

รอยสิว และ หลุมสิว ดูแลอย่างไรให้หายชัดเจน

รอยสิวและหลุมสิว คือปัญหาผิวที่ส่งผลกระทบทั้งด้านความงามและความมั่นใจของคนจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นถึงวัยทำงานที่ต้องเผชิญกับปัญหาสิวสะสมมายาวนาน หลายคนอาจรู้สึกกังวลเมื่อมองกระจกแล้วเห็นร่องรอยจากสิวเก่า หรือหลุมตื้นลึกที่ไม่เรียบเนียน และแม้จะลองใช้สกินแคร์ต่าง ๆ แล้ว ก็ยังไม่เห็นผลชัดเจน

เราจะพาคุณไปรู้จักความแตกต่างระหว่าง รอยสิว และ หลุมสิว รวมถึงแนวทางดูแลเบื้องต้นอย่างมีหลักการ พร้อมเจาะลึกแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละประเภท และตอบทุกคำถามที่หลายคนสงสัยก่อนตัดสินใจรักษาจริง

ทำความรู้จัก รอยสิว กับ หลุมสิว แตกต่างกันอย่างไร

หลายคนมักเข้าใจว่า รอยสิว และ หลุมสิว คือปัญหาเดียวกัน แต่ความจริงแล้ว ทั้งสองแบบมีลักษณะ สาเหตุ และแนวทางการดูแลที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง การแยกให้ออกตั้งแต่ต้น จะช่วยให้เลือกวิธีดูแลได้อย่างเหมาะสมและตรงจุดมากที่สุด

รอยสิว (Post-inflammatory Hyperpigmentation หรือ PIH)

รอยสิวคือ ร่องรอยสีผิวผิดปกติ ที่เกิดขึ้นหลังสิวหายไป โดยทั่วไปแบ่งเป็น

  • รอยแดง มักพบหลังสิวอักเสบ สิวหัวหนองหายใหม่ๆ สีจะออกแดง–ชมพู
  • รอยดำ เกิดจากการผลิตเม็ดสีเมลานินมากผิดปกติ มักเกิดหลังบีบหรือแกะสิว

การฟื้นตัวของรอยสิว ใช้เวลาเฉลี่ย 3–6 เดือน (หรือมากกว่านั้น) หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม เช่น ใช้ครีมไวท์เทนนิ่ง ทากันแดดสม่ำเสมอ หรือใช้กลุ่มวิตามิน A–C หรือถ้าอยากทำเลเซอร์ แนะนำเป็น Picosecond laser หรือเลเซอร์หน้าใส

หลุมสิว (Atrophic Acne Scars)

หลุมสิว คือ รอยบุ๋ม ที่เกิดจากการอักเสบลึกในผิวซึ่งทำลายคอลลาเจนและโครงสร้างใต้ผิว ก่อให้เกิดพังผืดดึงรั้งไม่ให้ผิวเรียบเนียน หลุมสิวมีหลายประเภท ได้แก่

ประเภท

ลักษณะ

Ice Pick

หลุมแคบ ลึก ชี้ลง

Boxcar

หลุมกว้าง มีขอบชัด

Rolling

หลุมตื้นเป็นคลื่น ผิวไม่เรียบ

หลุมสิว ไม่สามารถหายได้เอง ต้องอาศัยหัตถการในการฟื้นฟูเท่านั้น

เหตุผลที่การรักษาต้องแยกประเภท เพื่อความชัวร์

หลายคนเข้าใจผิดว่า เลเซอร์ช่วยได้ทุกอย่าง หรือ ทาครีมก็หาย แต่ความจริงคือ รอยสิว กับ หลุมสิว ต้องใช้แนวทางรักษา ต่างกันโดยสิ้นเชิง การไม่แยกประเภท อาจทำให้เสียเวลา เสียเงิน หรือแย่กว่านั้นคือได้ผลลัพธ์ที่ไม่ปลอดภัยไปด้วย

การแยกประเภทนี้คือหัวใจของการดูแลอย่างถูกวิธี หากคุณกำลังมีหลุมสิวแบบ Rolling การใช้แต่เลเซอร์เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ต้องพิจารณาหัตถการอื่นร่วมด้วย เช่น Subcision หรือ ฟิลเลอร์ เป็นต้น

วิธีดูแลรอยสิวและหลุมสิวเบื้องต้น เริ่มจากพื้นฐานที่คุณทำได้ทันที

หากคุณยังไม่พร้อมเริ่มรักษาด้วยหัตถการ การดูแลพื้นฐานอย่างถูกต้องก็สามารถช่วยลดเลือนรอยสิว และเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการรักษาระยะยาวได้

1. หยุดพฤติกรรมบีบสิว–แกะสิว

หลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวหน้าโดยไม่จำเป็น ลดการอักเสบ และการเกิดหลุมสิวซ้ำ

2. ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสม

เลือกกลุ่ม Whitening สำหรับรอยดำ เช่น Niacinamide, Vitamin C หรือ Retinoid สำหรับกระตุ้นการผลัดเซลล์ ลดจุดด่างดำ

3. ทาครีมกันแดดทุกวัน

รังสี UV จะกระตุ้นการผลิตเม็ดสี และทำให้รอยดำฝังลึกมากขึ้น ใช้ SPF 50 PA+++ เป็นประจำ แม้ในวันที่อยู่บ้าน

4. เสริมการฟื้นฟูผิวด้วยวิตามิน

ทั้งทาและรับประทาน โดยเฉพาะ Vitamin C และ Zinc ช่วยเสริมการซ่อมแซมผิว

5. พักผ่อนและดื่มน้ำให้เพียงพอ

การฟื้นตัวของผิวขึ้นอยู่กับระบบร่างกายโดยรวม การนอนให้พอ ดื่มน้ำมาก ๆ ช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้ดีขึ้น

เมื่อไหร่ควรเริ่มพิจารณารักษาแบบหัตถการ?

หากคุณมีหลุมสิวที่คงอยู่เกิน 6 เดือน และไม่ตอบสนองต่อการดูแลพื้นฐาน นั่นคือสัญญาณว่า คุณควรปรึกษาคลินิกเพื่อประเมินทางเลือกที่เหมาะสม บางรายที่เป็นหลุมสิวลึกมานาน อาจต้องผสมผสานหลายวิธี เช่น Subcision + ฟิลเลอร์ + เลเซอร์ เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน

วิธีรักษาหลุมสิวแบบต่าง ๆ รักษาแบบไหนตอบปัญหาคุณได้

ในกรณีที่การดูแลเบื้องต้นไม่เพียงพอ และผิวมีร่องรอยหลุมที่ชัดเจน หัตถการทางการแพทย์ผิวหนัง คือทางเลือกสำคัญที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง โดยต้องเลือกให้เหมาะกับ ประเภทหลุม และ สภาพผิวของแต่ละบุคคล

เลเซอร์หลุมสิว ปรับพื้นผิว ลดรอยหลุม

หลุมสิวไม่ใช่ปัญหาที่จะแก้ได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งเพียงลำพัง เพราะร่องรอยที่หลงเหลือมักเกี่ยวข้องทั้งกับพังผืดใต้ผิว โครงสร้างคอลลาเจน และประวัติการอักเสบที่เฉพาะตัวของแต่ละคน ดังนั้น การรักษาที่ได้ผลจึงต้องเริ่มต้นจากการ เข้าใจผิวของคุณ อย่างลึกซึ้ง

ที่ รัตตินันท์ คลินิก เราให้ความสำคัญกับการประเมินอย่างละเอียดก่อนเริ่มการรักษาหลุมสิว โดยใช้ระบบ Visia Skin Analysis วิเคราะห์ระดับความลึกของรอยหลุม ความเสียหายต่อโครงสร้างผิว และสภาพผิวโดยรวม เพื่อออกแบบแผนการรักษาแบบ เฉพาะบุคคล

หนึ่งในเทคโนโลยีที่เราเลือกใช้ คือ Pico Laser Enlighten III ซึ่งให้ผลลัพธ์ครอบคลุมหลายปัญหา

  • ตัดพังผืดโดยไม่ต้องใช้เข็ม
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
  • ปรับความสม่ำเสมอของพื้นผิวหน้า
  • ลดความเสี่ยงในการเกิดรอยดำหรือผลข้างเคียง

โดยเฉพาะการใช้ เลนส์พิเศษ MLA (Microlens Arrays) ที่แปลงพลังงานเลเซอร์ให้กลายเป็นแรงกระแทกระดับนาโน ทำให้สามารถ แยกพังผืด ได้อย่างแม่นยำ และปลอดภัยกว่าวิธีเดิม พร้อมทั้งให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้นโดยไม่ทิ้งรอย

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม Pico Laser รักษาหลุมสิวที่รัตตินันท์ คลินิก การรักษาหลุมสิวคือการดูแล โครงสร้างผิวหน้าในเชิงลึก เพื่อผลลัพธ์ที่เรียบเนียน มั่นใจ และยั่งยืน

ฟิลเลอร์หลุมสิว เติมเต็มหลุมลึก

ฟิลเลอร์คือการใช้สารเติมเต็ม เช่น Hyaluronic Acid (HA) ฉีดใต้ผิวบริเวณหลุม เพื่อ ยกพื้นผิว ให้เรียบสม่ำเสมอทันที

  • เหมาะกับหลุมลึกเฉพาะจุด
  • ข้อดี เห็นผลเร็ว ฟื้นตัวไว
  • ต้องฉีดซ้ำทุก 8–12 เดือน (ขึ้นกับชนิดฟิลเลอร์)

อ่านเพิ่มเติม ฟิลเลอร์รักษาหลุมสิว รัตตินันท์ คลินิก

Subcision ทำลายพังผืดใต้หลุม

Subcision คือการใช้เข็มขนาดเล็กสอดใต้ชั้นผิวเพื่อ ตัดพังผืด ที่ดึงรั้งผิว ทำให้หลุมยุบลง และกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเนื้อเยื่อใหม่เติมเต็มผิว

  • เหมาะกับ หลุมแบบ Rolling หรือหลุมลึก
  • ต้องทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์
  • อาจมีรอยช้ำหลังทำประมาณ 3–5 วัน

อ่านต่อ Subcision คืออะไร

Plasmalis ยกกระชับด้วยพลังงานพลาสมา

เทคโนโลยี Plasmalis ใช้คลื่นพลังงานพลาสมาอ่อน ๆ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิวในระดับตื้นถึงกลาง

  • เหมาะกับ รอยสิวตื้นๆ ผิวไม่เรียบ หรือหลุมแบบ Rolling ตื้น
  • ข้อดี เจ็บน้อย พักฟื้นน้อย
  • ใช้ควบคู่กับเลเซอร์ได้

อ่านต่อ Plasmalis ยกผิว ลดรอยสิว

เปรียบเทียบวิธีการแต่ละแบบ

วิธีรักษา

เหมาะกับหลุม

ผลลัพธ์เร็ว

ต้องทำซ้ำ

พักฟื้น

เลเซอร์

Rolling / Boxcar ตื้น

✳✳

✳✳✳

3–7 วัน

ฟิลเลอร์

หลุมลึกเฉพาะจุด

✳✳✳✳

ทุก 8–12 เดือน

1–2 วัน

Subcision

Rolling / Ice Pick

✳✳✳

2–3 ครั้ง

3–5 วัน

Plasmalis

ตื้น/ผิวไม่เรียบ

✳✳

3–6 ครั้ง

1 วัน

ปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจรักษา

  1. ประเภทหลุมสิวของคุณ ต้องให้แพทย์วินิจฉัยเพื่อเลือกวิธีที่ตรงจุด
  2. เป้าหมายความเรียบเนียน หากคุณต้องการผิวเหมือนเดิม ต้องใช้หัตถการผสม
  3. งบประมาณและเวลาพักฟื้น แต่ละวิธีมีค่าใช้จ่ายและระยะฟื้นฟูต่างกัน
  4. ความกลัว ความกังวล หากกลัวเข็มหรือมีผิวแพ้ง่าย ควรเลือกวิธีที่อ่อนโยน

คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับรอยสิว–หลุมสิว

หลุมสิวแบบ Ice Pick คือชนิดที่รักษายากที่สุด เพราะมีลักษณะลึกและแคบ คล้ายรูเข็ม จึงไม่สามารถใช้เลเซอร์เพียงอย่างเดียวได้ผลดี แพทย์มักแนะนำให้รักษาแบบผสมผสาน เช่น Subcision เพื่อตัดพังผืด ร่วมกับ เลเซอร์ และอาจใช้ TCA Cross แต้มกรดลึกลงไปเฉพาะจุดเพื่อกระตุ้นผิวให้สร้างเนื้อเยื่อใหม่

TCA Cross (Trichloroacetic Acid Chemical Reconstruction of Skin Scars) คือเทคนิคการแต้มกรด TCA ความเข้มข้นสูงลงเฉพาะจุดในบริเวณหลุมสิวลึก เช่น Ice Pick โดยตรง จุดประสงค์คือการทำให้ผิวบริเวณหลุมเกิดการอักเสบอย่างควบคุม เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายซ่อมแซมและสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่

  • ใช้สำหรับหลุมลึกที่วิธีอื่นเข้าไม่ถึง
  • เจ็บเล็กน้อยคล้ายยิบๆ เฉพาะจุดขณะทำ
  • อาจมีสะเก็ดหรือผิวลอกบางจุด 5–7 วัน
  • ต้องทำต่อเนื่องทุก 3–4 สัปดาห์ จึงจะเห็นผลชัดเจน

TCA Cross มักใช้ร่วมกับ Subcision หรือเลเซอร์ เพื่อเสริมประสิทธิภาพโดยรวม โดยต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น

ถ้ายังไม่เคยทำอะไรเลย เริ่มจาก Plasmalis เพื่อกระตุ้นเบื้องต้นได้ก่อน

โดยเฉลี่ย 8–12 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดที่ใช้และการดูแลผิวของแต่ละคน

เจ็บน้อยเพราะมีการฉีดยาชาก่อนทำ เสี่ยงหลัก ๆ คือรอยช้ำชั่วคราว

โดยทั่วไป 3–5 ครั้ง ขึ้นกับประเภทหลุมและการตอบสนองของผิว

เหมาะมาก โดยเฉพาะการผสมหัตถการหลายแบบเพื่อผลลัพธ์แบบองค์รวม

สรุป

รอยสิวและหลุมสิวอาจดูเหมือนปัญหาเล็ก ๆ บนผิว แต่ส่งผลอย่างลึกซึ้งต่อภาพลักษณ์และความมั่นใจของเรา การเข้าใจความแตกต่างระหว่างรอยสิวกับหลุมสิวคือจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะพาเราไปสู่การดูแลที่ถูกทาง การเลือกวิธีรักษาอย่างถูกต้อง ไม่เร่งรีบ และฟังเสียงร่างกายตัวเอง จะช่วยให้คุณก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ  หากคุณกำลังมองหาแนวทางดูแลปัญหาหลุมสิวแบบปลอดภัย ได้ผล และตรงจุดขอเชิญปรึกษาทีมแพทย์ของ รัตตินันท์ คลินิก ทุกคำถามของคุณ มีคำตอบรออยู่ที่นี่ อย่ารอให้ปัญหาหนักขึ้น เริ่มจากการประเมินเบื้องต้นวันนี้ได้เลย