ฟิลเลอร์ Belotero ดีอย่างไร เหมาะกับฉีดบริเวณไหนบ้าง

ฟิลเลอร์ Belotero

เมื่อพูดถึงฟิลเลอร์ที่ให้ผลลัพธ์เรียบเนียนแนบสนิทกับผิวอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่เป็นก้อน Belotero คือหนึ่งในแบรนด์ที่แพทย์ชั้นนำในยุโรปและเอเชียนิยมเลือกใช้ ด้วยเทคโนโลยีเฉพาะทางจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เนื้อฟิลเลอร์ของ Belotero จึงถูกออกแบบให้เข้ากับชั้นผิวได้อย่างแม่นยำ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับบริเวณที่ผิวบาง เช่น ใต้ตา มุมปาก หรือร่องลึกที่ต้องการความกลมกลืน

ในบทความนี้ Rattinan Clinic จะพาคุณทำความรู้จักกับ Belotero ทั้ง 5 รุ่นหลัก ที่ได้รับการรับรองจาก อย. ไทย พร้อมแนะนำว่าแต่ละสูตรเหมาะกับฉีดตรงไหน และมีจุดเด่นที่แตกต่างอย่างไร เพื่อให้คุณสามารถเลือกสิ่งที่เหมาะกับผิวของตัวเองได้อย่างมั่นใจที่สุด

ฟิลเลอร์ Belotero คืออะไร

Belotero เป็นฟิลเลอร์ที่ผลิตในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยบริษัท Merz Aesthetics ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเวชศาสตร์ความงามระดับสากล จุดเด่นของผลิตภัณฑ์อยู่ที่คุณสมบัติของเนื้อเจลที่มีความละเอียด และสามารถใช้งานในชั้นผิวตื้นได้โดยแพทย์ เช่น บริเวณใต้ตา หรือริมฝีปาก

สิ่งที่ทำให้ Belotero แตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไป คือการใช้เทคโนโลยีเฉพาะที่เรียกว่า
Dynamic Cross-Linking Technology (DCLT) หรือในบางเอกสารเรียกว่า Double Cross-Linking Technology ซึ่งเป็นเทคนิคการเชื่อมโครงสร้างของกรดไฮยาลูโรนิก (HA) ให้มีความสม่ำเสมอ

ส่งผลให้เนื้อฟิลเลอร์มีลักษณะที่สามารถกลมกลืนกับผิวโดยรอบได้ดี ช่วยลดโอกาสเกิดปัญหาเป็นก้อนหรือเป็นคลื่นเมื่อฉีดโดยแพทย์ในตำแหน่งที่เหมาะสม

นอกจากนี้ Belotero ยังมีความหลากหลายในด้านความหนืด (viscosity) และความยืดหยุ่น (elasticity) ทำให้สามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับตำแหน่งต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา หรือบริเวณที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ

ข้อเท็จจริงเพิ่มเติม

  • ผ่านการรับรองจาก US FDA และ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทย
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ ดูเป็นธรรมชาติ
  • มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในประเทศแถบยุโรปและเอเชีย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มี ผิวบาง และมองหาฟิลเลอร์ที่ กลมกลืนกับชั้นผิว

ฟิลเลอร์ Belotero ดีอย่างไร

Belotero เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่มีการใช้งานในคลินิกความงามหลายประเทศ จุดเด่นของฟิลเลอร์นี้คือ เนื้อเจลที่บาง เบา และกลมกลืนกับผิวได้ดี เหมาะกับการใช้งานในบริเวณที่ต้องการผลลัพธ์แบบเป็นธรรมชาติ เช่น ใต้ตา มุมปาก หรือบริเวณที่มีผิวบาง

คุณสมบัติที่น่าสนใจของ Belotero

1. แนบผิวได้อย่างเรียบเนียน ด้วยเทคโนโลยี DCLT (Dynamic Cross-Linking Technology) ที่ช่วยให้โมเลกุลของ Hyaluronic Acid กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เนื้อเจลเรียบและเข้ากับชั้นผิวได้ดี ลดการมองเห็นขอบฟิลเลอร์

2. ลดโอกาสเกิดการเป็นก้อนหรือคลื่น โดยเฉพาะในจุดที่ต้องฉีดในชั้นตื้น เช่น ใต้ตา หรือบริเวณร่องน้ำหมาก ซึ่งต้องการฟิลเลอร์ที่มีความละเอียดสูง

3. ไม่รบกวนการเคลื่อนไหวของใบหน้า เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่น เหมาะกับการฉีดในบริเวณที่เคลื่อนไหวบ่อย เช่น ริมฝีปากหรือมุมปาก เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติเมื่อยิ้ม พูด หรือหัวเราะ

4. มีหลายสูตรให้เลือกใช้งาน Belotero มีผลิตภัณฑ์หลายรุ่น เช่น

  • Belotero Volume สำหรับการเติมวอลลุ่มในผิวชั้นลึก
  • Belotero Revive สำหรับผิวแห้ง ขาดน้ำ หรือมีริ้วรอยบาง ๆ

5. ผ่านการรับรองจาก US FDA และ อย. ไทย ผลิตภัณฑ์ได้รับการตรวจสอบและอนุมัติให้ใช้ทางการแพทย์ในหลายประเทศ

จุดเด่นของฟิลเลอร์ Belotero แต่ละรุ่น

Belotero เป็นฟิลเลอร์ที่ใช้เทคโนโลยี Dynamic Cross-Linking Technology (DCLT) ซึ่งช่วยกระจายโครงสร้างของ HA (Hyaluronic Acid) ได้อย่างสม่ำเสมอ ลดโอกาสเกิดขอบฟิลเลอร์หรือเป็นก้อน โดยมีหลายสูตรให้แพทย์เลือกใช้ตามตำแหน่งและความต้องการของผู้เข้ารับบริการแต่ละราย ออกแบบมาให้เหมาะกับบริเวณเฉพาะจุดบนใบหน้า

Belotero Intense

Belotero-intense
  • เหมาะสำหรับ ร่องแก้มลึก มุมปาก คาง กรอบหน้า
  • จุดเด่น เนื้อเจลแน่น ยืดหยุ่นสูง สามารถช่วยพยุงเนื้อผิวได้ดี
  • ระยะเวลาการคงอยู่ ประมาณ 12–18 เดือน
  • การใช้งาน ใช้สำหรับปรับรูปหน้า เสริมแนวกระดูก หรือบริเวณที่ต้องการความชัดเจนของโครงสร้าง และมีการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบ่อย

Belotero Volume

Belotero-volume
  • เหมาะสำหรับ ขมับ แก้มตอบ แก้มส้ม โหนกแก้ม
  • จุดเด่น เพิ่มวอลลุ่มได้ดี เนื้อเจลนุ่ม ช่วยเติมเต็มอย่างกลมกลืน
  • ระยะเวลาการคงอยู่ ประมาณ 12–18 เดือน
  • การใช้งาน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาใบหน้าทรุด หรือใบหน้าขาดมิติบริเวณแก้ม

Belotero Soft

Belotero-soft
  • เหมาะสำหรับ ชั้นผิวตื้น เช่น ร่องน้ำหมาก มุมปาก ริมฝีปาก
  • จุดเด่น เนื้อบางเบา กระจายตัวได้ดีเมื่อฉีดในชั้นตื้น
  • ระยะเวลาการคงอยู่ ประมาณ 6–12 เดือน
  • การใช้งาน สำหรับริ้วรอยเล็ก ๆ หรือจุดที่ต้องการให้ผิวเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะในบริเวณที่ต้องการความอ่อนโยนของเนื้อเจล

Belotero Balance

Belotero Balance
  • เหมาะสำหรับ ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก มุมปาก
  • จุดเด่น ความหนืดระดับกลาง เนื้อเจลกระจายตัวได้ดี และช่วยเติมเต็มร่องตื้นถึงกลาง
  • ระยะเวลาการคงอยู่ ประมาณ 6–12 เดือน
  • การใช้งาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับร่องเล็กหรือริ้วรอยระดับปานกลาง โดยเนื้อฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มอย่างเรียบเนียนในชั้นผิวที่ไม่ลึกมาก และยังเคลื่อนไหวกลมกลืนกับการแสดงสีหน้าในชีวิตประจำวัน

Belotero Revive

Belotero Revive
  • เหมาะสำหรับ ผิวแห้ง ขาดน้ำ ผิวมี Texture ไม่สม่ำเสมอ
  • จุดเด่น มีส่วนผสมของ Glycerol ซึ่งช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูคุณภาพผิว
  • ระยะเวลาการคงอยู่ ประมาณ 6 เดือน
  • การใช้งาน เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวหลังการทำเลเซอร์ หรือมีปัญหาผิวแห้งสะสม โดยเน้นการบำรุงมากกว่าการเสริมโครงสร้าง
Belotero Revive คืออะไร

การเลือกใช้ฟิลเลอร์แต่ละรุ่นควรอยู่ภายใต้การประเมินโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เพื่อให้สอดคล้องกับลักษณะผิว จุดประสงค์ของการรักษา และตำแหน่งที่ต้องการแก้ไข

ฟิลเลอร์ Belotero เหมาะกับใครบ้าง? และไม่เหมาะกับใคร?

การเลือกฟิลเลอร์ให้เหมาะกับ ปัญหาผิว และ โครงสร้างหน้า ของแต่ละบุคคล เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ควรพิจารณาควบคู่กับการเลือกแพทย์ผู้มีประสบการณ์ สำหรับ Belotero ซึ่งเป็นฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติด้านความละเอียดของเนื้อเจลและความกระจายตัวในชั้นผิว เหมาะกับกลุ่มที่ต้องการผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ และใช้งานในบริเวณผิวตื้น

กลุ่มที่เหมาะกับการใช้ Belotero

  • ผู้ที่มี ผิวบาง หรือบริเวณที่ต้องฉีดในชั้นผิวตื้น เช่น ใต้ตา มุมปาก หรือร่องน้ำหมาก
  • ผู้ที่เคยใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นแล้วพบปัญหา เช่น เป็นก้อน หรือมองเห็นขอบชัด
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ ดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่เน้นเปลี่ยนโครงสร้างใบหน้า
  • ผู้ที่มี ริ้วรอยตื้น หรือปัญหาผิวแห้ง และต้องการความชุ่มชื้นในระดับผิวชั้นบน
  • ผู้ที่ต้องการเติมเล็กน้อยแบบ Soft contour มากกว่าการปรับยกโครงหน้าชัดเจน

กลุ่มที่อาจไม่เหมาะกับ Belotero

  • ผู้ที่ต้องการ การปั้นทรงที่ชัดเจน เช่น การเสริมคางให้คม หรือยกโหนกแก้มอย่างเด่นชัด (แพทย์อาจพิจารณาฟิลเลอร์ที่มีความคงรูปสูงกว่า เช่น Juvederm Volux หรือ Restylane Lyft)
  • ผู้ที่คาดหวังให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า 18 เดือน (Belotero ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงประมาณ 6–12 เดือน ขึ้นกับสูตรและการดูแล)
  • ผู้ที่มี ประวัติแพ้สาร HA (Hyaluronic Acid) หรือส่วนประกอบในฟิลเลอร์ (ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินทางเลือกที่ปลอดภัย)

วิธีตรวจสอบฟิลเลอร์ Belotero ของแท้

เพื่อความปลอดภัย และความมั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ Belotero เป็นฟิลเลอร์จากสวิตเซอร์แลนด์ที่ใช้ในคลินิกความงามหลายแห่ง ด้วยความที่เป็นผลิตภัณฑ์นำเข้าและมีราคาค่อนข้างสูง จึงควรตรวจสอบความถูกต้องของผลิตภัณฑ์ก่อนรับบริการ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน

แนวทางในการตรวจสอบเบื้องต้น

1. มีสติกเกอร์ภาษาไทยจากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ควรมีฉลากภาษาไทยบนกล่อง พร้อมข้อมูลชัดเจน ได้แก่

  • หมายเลข Lot
  • เลขทะเบียน อย.
  • วันหมดอายุ

2. มี QR Code สำหรับการตรวจสอบย้อนกลับ QR Code บนกล่องสามารถสแกนเพื่อตรวจสอบข้อมูลจากระบบของผู้นำเข้าหรือเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของ อย. ได้

3. เปิดกล่องต่อหน้าผู้เข้ารับบริการ ควรมีการ แกะกล่องใหม่ต่อหน้า โดยแสดงซีลเดิมที่ยังไม่ผ่านการใช้งาน และหลอดฟิลเลอร์ต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์

4. ตรวจสอบรายละเอียดบนกล่องและหลอดฟิลเลอร์ ข้อมูลสำคัญที่ควรมี เช่น

  • ชื่อรุ่น
  • หมายเลข Lot
  • วันที่ผลิต

หากพบความผิดปกติ เช่น ตัวอักษรไม่ชัดเจน สีหมึกจาง หรือฟอนต์ไม่สม่ำเสมอ ควรสอบถามเพิ่มเติมจากแพทย์หรือคลินิก

5. รูปลักษณ์ของบรรจุภัณฑ์ควรตรงตามมาตรฐานของผู้ผลิต Belotero ที่นำเข้าโดยตรงจาก Merz Aesthetics จะมีดีไซน์เฉพาะ โลโก้คมชัด และฟอนต์ที่ได้มาตรฐาน ไม่ควรมีความผิดปกติ เช่น สีซีดจาง ไม่มีข้อมูลภาษาอังกฤษ หรือใช้โลโก้ที่แตกต่างจากต้นฉบับ

คำแนะนำเพิ่มเติม การเลือกคลินิกที่แสดงกล่องฟิลเลอร์ต่อหน้าผู้รับบริการ และเปิดซีลใหม่โดยแพทย์ที่ผ่านการฝึกอบรม ถือเป็นแนวปฏิบัติที่ช่วยเสริมความมั่นใจได้อย่างเหมาะสม

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Belotero

โดยทั่วไป ฟิลเลอร์ Belotero มีระยะเวลาการคงอยู่ประมาณ 6–18 เดือน ขึ้นกับสูตรที่ใช้และตำแหน่งที่ฉีด

  • Belotero Soft อยู่ได้ประมาณ 6–9 เดือน
  • Belotero Intense และ Volume อาจอยู่ได้ถึง 12–18 เดือน

ทั้งนี้ พฤติกรรมหลังการฉีด เช่น การพักผ่อน การสัมผัสความร้อนบ่อย การออกกำลังกาย รวมถึงระบบเผาผลาญของแต่ละบุคคล อาจมีผลต่อความคงทนของฟิลเลอร์ได้

Belotero เหมาะกับการฉีดในบริเวณที่มี ชั้นผิวบางหรือตื้น เช่น ใต้ตา ริมฝีปาก หรือบริเวณที่ต้องการความเรียบเนียนของผิวระดับผิวตื้น โดยเนื้อฟิลเลอร์จะมีลักษณะนุ่มและกระจายตัวได้ดี

ในขณะที่ Juvederm มีสูตรที่ออกแบบมาสำหรับการสร้างโครงหน้า เติมวอลลุ่ม หรือใช้ในบริเวณที่ต้องการความคงรูปมากขึ้น เช่น คางหรือโหนกแก้ม

ทั้งสองแบรนด์มีจุดเด่นต่างกัน และแพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าแต่ละกรณีควรใช้ฟิลเลอร์ประเภทใดให้เหมาะสมกับเป้าหมาย

โดยทั่วไป แพทย์มักเลือกใช้ Belotero Soft หรือ Belotero Balance (ในบางประเทศ) สำหรับบริเวณใต้ตา เพราะเป็นฟิลเลอร์ที่มีความละเอียด และสามารถใช้กับชั้นผิวที่ตื้นได้ดี โดยเนื้อฟิลเลอร์จะกระจายตัวได้ดี ลดโอกาสมองเห็นขอบฟิลเลอร์ใต้ผิว

อย่างไรก็ตาม การฉีดใต้ตาควรประเมินโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์โดยเฉพาะ เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีความบอบบางสูง

Belotero ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Dynamic Cross-Linking Technology (DCLT) ซึ่งออกแบบให้เนื้อฟิลเลอร์มีโครงสร้างละเอียดและยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับใช้ในชั้นผิวตื้นโดยช่วยลดโอกาสเกิดความไม่เรียบเนียนหลังฉีด

จึงมักนำมาใช้ในบริเวณที่มี ผิวบาง เช่น ใต้ตา มุมปาก หรือร่องน้ำหมาก ซึ่งต้องการฟิลเลอร์ที่ให้ผลลัพธ์อย่างเป็นธรรมชาติและไม่รบกวนการเคลื่อนไหวของใบหน้า

สรุป ฟิลเลอร์ Belotero

Belotero เป็นฟิลเลอร์จากสวิตเซอร์แลนด์ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อใช้งานกับผิวในระดับที่หลากหลาย โดยเฉพาะบริเวณที่มี ชั้นผิวบาง หรือจุดที่ต้องการความเรียบเนียน เช่น ใต้ตา ริมฝีปาก หรือร่องน้ำหมาก ด้วยคุณสมบัติของเนื้อเจลที่ละเอียดและยืดหยุ่น จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่แพทย์อาจพิจารณาสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ ดูเป็นธรรมชาติ

Belotero มีหลายสูตรที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์การใช้งานแตกต่างกัน เช่น

  • สูตรที่เน้น เติมวอลลุ่ม เช่น Volume หรือ Intense
  • สูตรสำหรับผิวตื้น เช่น Soft และ Balance
  • สูตรที่เน้น เพิ่มความชุ่มชื้น เช่น Revive

การเลือกฟิลเลอร์ให้เหมาะกับโครงสร้างใบหน้าและสภาพผิวของแต่ละบุคคล เป็นสิ่งที่ควรอยู่ภายใต้การประเมินของแพทย์ผู้มีประสบการณ์ โดยคำนึงถึงตำแหน่งที่ต้องการแก้ไข ลักษณะผิว อายุผิว และผลลัพธ์ที่คาดหวัง เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างเหมาะสมและปลอดภัย