ผ่าตัดกระเพาะ ลดน้ำหนัก เป็นอีกหนึ่งในวิธีลดน้ำหนักที่ได้ผลมาก หากทำการลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นๆ ไม่ได้ผล เป็นการ ผ่าตัดลดความอ้วน ที่เปลี่ยนชีวิตของคนไข้เลยทีเดียว เพราะเปลี่ยนจากจากไซส์ XXL เป็น size M ได้ ในเวลาไม่ถึง 1 ปี พร้อมโรคต่างๆ ที่มาพร้อมความอ้วนก็จะหายไปหมด
การผ่าตัดกระเพาะอาหาร แบบนี้ มีมานานกว่า 20 ปีและได้รับการยอมรับในต่างประเทศ เช่น ประเทศออสเตรเลีย ที่มีผ่าตัดลดน้ำหนัก ( bariatric surgery) มากกว่า 10,000 ราย/ปี และอยู่ในโปรแกรมหลักประกันสุขภาพ เช่น เดียวกับประเทศในยุโรปหลายแห่งที่ ผ่าตัดลดความอ้วน ฟรีเช่นกัน เพราะในระยะยาวรัฐบาลสามารถลดค่าใช้จ่าย ค่ายา ค่ารักษาโรคที่เกิดจากความอ้วนเช่นเบาหวาน ความดัน โรคหยุดหายใจขณะหลับ ฯลฯ ได้เป็นอย่างดี
ผ่าตัดกระเพาะ ลดน้ำหนัก คืออะไร? (Bariatric surgery)
ในอดีต หากมีคนไข้เป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร เราจะรักษาด้วยการ ตัดกระเพาะ และพบว่าหลังการ ผ่าตัดกระเพาะอาหาร ออกไปคนไข้จะมีน้ำหนักตัวลดลง จึงเริ่มมีการทดลอง การผ่าตัดกระเพาะเพื่อลดความอ้วนบ้าง ซึ่งมาทำกันจริงๆ จังๆ ในปี 1950 ถึงแม้เรามักจะเรียกการผ่าตัดลดน้ำหนักว่า ตัดกระเพาะ แต่จริงๆ การผ่าตัดแรกเริ่มเป็นการผ่าตัดลำไส้เป็นหลัก เพราะมุ่งเน้นไม่ให้มีการดูดซึมอาหาร เรียกว่ากินได้แต่ดูดซึมไม่ได้จึงผอมลง
โดยการผ่าตัดในอดีตนั้น ได้นำเอาลำไส้ส่วนบนมาเชื่อมกับลำไส้ส่วนล่าง เราเรียกการผ่าตัดนี้ว่า Jejunoileal Bypass (JIB) มีจุดประสงค์เพื่อ ไม่ให้ อาหารที่ทานไปมีการย่อยและดูดซึมมากนักและขับถ่ายออกไปเลย โดยยังเก็บกระเพาะไว้ ทำให้ทานอิ่มสบายเหมือนเดิม เมื่อกินแต่ไม่ดูดซึม น้ำหนักย่อมลดลงนั่นเอง แล้วจึงพัฒนาเทคนิคการผ่าตัดต่อมา กลายเป็นการผ่าตัดกระเพาะแบบบายพาสในปัจจุบัน ที่เรียกว่า Roux-en-Y เราจึงเรียกการ ผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วน แบบนี้ว่า Roux-en-Y Gastric Bypass หรือ REYGB หรือขอเรียกสั้นๆ ว่าการ ผ่าตัดกระเพาะแบบบายพาส นะครับ
รีวิวผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก : ลดโรคแทรกซ้อนจากความอ้วน ได้สุขภาพที่ดีกลับมาอีกครั้ง
วิธีผ่าตัดกระเพาะ อาหารลดน้ำหนัก ทางการแพทย์ มีกี่แบบ?
เทคโนโลยีผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักทางการแพทย์ ในปัจจุบันสามารถทำได้ 7 วิธี คือ
- ใส่ห่วงรัดกระเพาะ (ปัจจุบันไม่ได้รับความนิยมแล้ว)
- ใส่บอลลูนในกระเพาะ
- ผ่าตัดกระเพาะบางส่วนแบบสลีฟ (Gastric Sleeve)
- ผ่าตัดกระเพาะ ร่วมกับตัดต่อลำไส้ แบบบายพาส (Gastric Bypass)
- Overstitch เย็บกระเพาะอาหาร แบบส่องกล้องผ่านทางปาก ไร้แผลหน้าท้อง
- การผ่าตัดกระเพาะอาหา เทคนิคแผลหน้าท้องรูเดียว (Single Port)
- ผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก แบบ Sleeve Plus (เทคนิคใหม่!)
ส่วนการตัดสินใจว่าจะเลือกทำการ ผ่าตัดกระเพราะลดความอ้วน รูปแบบไหนนั้นควรเข้ามาปรึกษา และรับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และปลอดภัยที่สุด เข้ากับร่างกายของแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ
“ศูนย์ผ่าตัดกระเพาะ ลดน้ำหนัก รักษาโรคอ้วน”
รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ สามารถทำได้ครบทุกเทคนิคการผ่าตัด
โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ประสบการณ์กว่า 30 ปี
1. การผ่าตัดกระเพาะอาหาร แบบสลีฟ
หรือ Sleeve Gastrectomy เป็นหนึ่งในวิธีผ่าตัดกระเพาะมาตรฐาน ได้รับการรับรองจากสถาบันทางการแพทย์หลายแห่งทั่วโลก ให้เป็นการรักษาทางเลือกสำหรับผู้ที่เป็นโรคอ้วน และโรคเรื้อรังจากโรคอ้วน สามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 15 ปี ขึ้นไป หากได้รับความเห็นชอบทางการแพทย์ กุมารแพทย์ และผู้ปกครอง ถึงประโยชน์ และความเสี่ยงที่อาจจะได้รับ
การรักษาด้วยวิธีสลีฟจะเป็นการตัดเอากระเพาะออกไปประมาณ 75%-80% ซึ่งรวมถึงส่วนที่ผลิตฮอร์โมนที่ควบคุมความหิวออกไป ทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง และสามารถลดน้ำหนักได้มากถึง 40-60% จากน้ำหนักตั้งต้น อีกทั้งลดควารุนแรงของโรค เช่น เบาหวาน ไขมัน ความดัน หยุดหายใจขณะหลับได้ด้วย
อ่านเพิ่มเติม : ผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักแบบสลีฟ (Gastric Sleeve)
2. การผ่าตัดกระเพาะอาหาร แบบบายพาส
หรือ Gastric Bypass – RYGB เป็นการผ่าตัดรูปแบบมาตรฐานที่สุด แล้วยังเป็นวิธีที่ได้ผลลดน้ำหนักมากที่สุด โดยใช้เทคนิคส่องกล้องผ่าตัดแบบแผลเล็กเหมือนวิธีอื่นๆ
แต่จะเพิ่มการผ่าตัดลำไส้ส่วนที่ดูดซึมน้ำตาลออกด้วยบางส่วน ทำให้ลดน้ำหนักได้มากและนาน และยังทำให้กระเพาะไม่เกิดแรงดันสูง ซึ่งเหมาะกับการผ่าตัดสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคกรดไหลย้อน เบาหวาน หรือผู้ป่วยที่เป็นโรคที่ไม่สามารถทำการผ่าตัดแบบสลีฟได้
อ่านเพิ่มเติม : ผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักแบบบายพาส (Gastric Bypass)
รีวิวหลังผ่าตัดกระเพาะอาหารลดน้ำหนัก : ที่รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ได้รับความไว้วางใจจากชาวต่างชาติจากหลายประเทศ บินมารักษาภาวะน้ำหนักตัวเกิน รักษาโรคอ้วน
3. การเย็บกระเพาะลดน้ำหนัก แบบ Overstitch ไร้แผลหน้าท้อง
วิธีนี้จะเป็นการส่องกล้องทางปาก (Endoscopic sleeve gastroplasty by Overstitch) โดยใช้อุปกรณ์สอดใส่เข้าไปในปาก เพื่อทำการเย็บกระเพาะด้วยไหมชนิดพิเศษแทนการตัดกระเพาะออกไปเลย ข้อดีคือลดน้ำหนักได้โดย ไร้แผลหน้าท้อง ฟื้นตัวเร็ว อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ ได้ดีอีกเช่นเดี๋ยวกัน ไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหยุดหายใจขณะหลับ ไขมันเกาะตับ เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติม : เย็บกระเพาะ Overstitch ไร้แผล ฟื้นตัวเร็ว
รีวิวผ่าตัดกระเพาะอาหารลดน้ำหนัก แบบ Overstitch
4. Sleeve Xtra ผ่าตัดกระเพาะอาหาร เทคนิคใหม่!
Sleeve Xtra (สลีฟ เอ็กซ์ตร้า) เป็นเทคนิคผ่าตัดกระเพาะแบบใหม่! ที่สามารถลดน้ำหนักได้มากกว่าวิธีสลีฟแบบดั้งเดิม และมีเทคนิคการผ่าตัดที่ง่ายกว่าแบบบายพาส
อีกทั้งยังช่วยลดผลแทรกซ้อนหลังผ่าตัดกระเพาะลงได้เยอะมากๆ เช่น ลดการเกิด Dumping syndrome , ลดการขาดวิตามิน เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติม : Sleeve Xtra ผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก
มีคนไข้ถามแพทย์ที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ บ่อยๆ คือ ผ่าตัดกระเพาะ แบบไหนดีที่สุด ระหว่างวิธีต่างๆ โดยเฉพาะวิธี ผ่าตัดแบบบายพาส และ วิธีแบบสลีฟ เราจึงขอสรุปความแตกต่างระหว่างสองวิธีนี้ มาให้ทราบกัน
” ผ่าตัดกระเพาะ แบบไหนดีที่สุด ? ”
มีคนไข้ถามแพทย์ที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ บ่อยๆ
โดยเฉพาะวิธี ผ่าตัดแบบบายพาส และผ่าตัดแบบสลีฟ
เราจึงขอสรุปความแตกต่างระหว่างสองวิธีนี้ มาให้ทราบกัน
ทำไมต้อง ผ่าตัดกระเพาะ ที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
- ได้รับคำแนะนำ และคำปรึกษา จากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- ได้รับการผ่าตัดโดยตรงจากทีมศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทางเดินอาหาร และการผ่าตัดโรคอ้วนจากสหรัฐอเมริกา มีประสบการณ์กว่า 30 ปี
- ทางคลินิก มีเคสผ่าตัดกระเพาะกว่า 300 ครั้ง/ปี สำเร็จทุกเคส ไม่มีปัญหาหลังผ่าตัด
- ดำเนินการผ่าตัดในโรงพยาบาล มาตรฐานระดับสากลในเครือ BDMS มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย
- ใช้เทคนิค Triple Lock เทคนิคเฉพาะของ นพ.ปณต มีที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ เพียงที่เดียว เพิ่มความปลอดภัยให้คนไข้มากขึ้น
- เทคนิค Pain Less Pump การใส่ยาชาแบบใหม่เฉพาะที่รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ลดการบาดเจ็บหลังผ่าตัด ทำให้คนไข้ฟื้นตัวเร็ว
- หลังผ่าตัดจะมีการทดสอบ การกลืนสานทึบแสง เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการรั่วของกระเพาะอาหาร เช็คความปลอดภัยก่อนออกจากโรงพยาบาล
- ได้รับการดูแลหลังการผ่าตัดจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรกรรมโรคอ้วน และเบาหวานโดยตรง รวมถึงมีการติดตามผล (Private Group) คอยให้คำแนะนำ และดูแลนานถึง 2 ปี
- หลังการผ่าตัดมีการใส่สายเดรน (Drainage) ผ่านผิวหนัง เพื่อช่วยระบายของเสียที่ตกค้างอยู่ในร่างกาย
- รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ มีมาตรฐานในการรักษาที่สามารถเชื่อถือได้ และได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ สังเกตได้จากมีชาวต่างชาติเดินทางมาเข้ารับการรักษา และขอคำปรึกษาจาก รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ อย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอตลอดระยะเวลาที่คลินิกเปิดดำเนินการ
ปลอดภัยด้วย Triple Lock
เทคนิคเฉพาะ ที่รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
เทคนิคการผ่าตัดลดน้ำหนักแบบ Triple Lock นี้เป็นเอกลักษณ์ของ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ที่ถูกออกแบบมาเพราะมองเห็นจุดที่ก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อผู้เข้ารับการรักษา ถึงแม้จะมีเทคนิคพิเศษนี้แล้ว ทาง รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ก็ไม่ได้ละเลยที่จะทำการตรวจสอบความสมบูรณ์ของการผ่าตัดถึงสามชั้นด้วยกัน จึงมั่นใจได้ว่า รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ และเทคนิค Triple Lock จะช่วยให้การผ่าตัดลดน้ำหนักสำเร็จไปได้ด้วยดี พร้อมกับมีผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม
เทคนิค Triple Lock คือ หลังจากใช้ Stapler ตัดพร้อมเย็บกระเพาะหนึ่งชั้นแล้ว แพทย์จะทำการใช้ไหมละลายที่มีความแข็งแรงมากในการเย็บให้รอยต่อแน่นหนามากขึ้น รวมถึงใช้กาวชีวภาพที่ป้ายเพื่อให้แผลติดกันมาเสริมความแข็งแรงอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งเทคนิคนี้มีข้อดีคือ
- ทำให้รอยต่อแน่นหนามากขึ้น
- ป้องกันการเกิดสภาวะรั่วที่เป็นภาวะแทรกซ้อนอันดับหนึ่งของการผ่าตัดลดน้ำหนัก
- เพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานกระเพาะอาหารในระยะยาว
เนื่องจากกระเพาะมีหน้าที่บดอาหาร เมื่อมีการขยับมากเข้าก็ไม่แน่ว่าแนวผ่าตัดจะปริออกหรือไม่ Triple Lock ทำให้แนวผ่าตัดนั้นแข็งแรงเพียงพอที่กระเพาะจะสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
ผ่าตัดกระเพาะอาหาร ลดความอ้วน เหมาะกับใครบ้าง ?
การผ่าตัดเหมาะกับคนอ้วนน้ำหนักเกิน แต่เราอาจจะไม่สามารถใช้เกณฑ์น้ำหนักตัวอย่างเดียวในการตัดสินใจ เพราะแต่ละคนมีส่วนสูงไม่เท่ากัน ดังนั้น จึงมีการใช้ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ในการวัดว่าใครอ้วนกว่าใคร โดยเอาน้ำหนักที่เป็นกิโลกรัมหารด้วยส่วนสูงที่เป็นเมตร (หารสองครั้ง) หรืออาจจะสามารถคำนวน BMI ออนไลน์ง่ายๆ คลิ๊ก! โปรแกรมคำนวณ ดัชนีมวลกาย BMI
เมื่อได้ค่า BMI แล้วก็มาดูว่าใครที่เหมาะสมที่จะ ผ่าตัดกระเพาะ ได้ดังนี้
- ผู้ที่มีดัชนีมวลกายมากกว่า 40
- ผู้ที่มีดัชนีมวลกายมากกว่า 35 ที่มีโรคร่วมที่เกิดจากโรคอ้วนร่วมด้วย เนื่องจากน้ำหนักตัวมากเกินไป เช่น เบาหวาน, ความดัน, หยุดหายใจขณะหลับ
- ปัจจุบันมีการลดเกณฑ์ลงมาเรื่อยๆ ปัจจุบันตามข้อแนะนำใหม่ของ สมาคม ASMBS (American Society for Metabolic and Bariatric Surgery) ซึ่งเป็นสมาคมที่ตั้งขึ้นมาทำหรับทำกฏเกณฑ์ ผ่าตัดลดความอ้วน โดยเฉพาะได้ระบุให้มีการผ่าตัดเร็วขึ้น โดยอาจจะแนะนำคนไข้อ้วนที่มี BMI ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป ผ่าได้หากมีโรคจากความอ้วนที่จำเป็นต้องแก้ไข สามารถเข้ามาปรึกษาได้ครับ
- ในกรณีที่ดัชนีมวลกายไม่ถึงเกณฑ์แนะนำทำการ ดูดไขมัน แทน น่าจะเหมาะกว่า
ผ่าตัดกระเพาะ ลดน้ำหนักได้ผลจริงหรือไม่ ?
เนื่องจาก การผ่าตัดกระเพาะอาหาร ลดน้ำหนัก จะทำให้กระเพาะมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้สามารถรับประทานอาหารได้น้อยลง ทำให้มีส่วนช่วยให้น้ำหนักลดลงได้ ในขณะเดียวกันผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดก็ควรที่จะมีการออกกำลังกาย ควบคู่ไปกับการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อสุขภาพที่ดีด้วยครับ
ผ่าตัดกระเพาะอาหาร นอกจากจะช่วยทำให้น้ำหนักลดแล้ว อัตราการเกิดโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากความอ้วนก็จะลดลงด้วย เช่น ไมเกรน, ไขมันในเลือด, ไขมันในตับ, โรคเบาหวาน, PCOS, เส้นเลือดขอด, เก๊าท์, หยุดหายใจขณะหลับ, หอบหืด, โรคหลอดเลือดหัวใจ, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคความดันโลหิตสูง, กรดไหลย้อน, ปัสสาวะเล็ด, อาการปวดข้อ ฯลฯ และได้คุณภาพชีวิตที่ดีคืนกลับมาอีกด้วย
ส่วนในเรื่องของผลลัพธ์หลังการผ่าตัดก็ขึ้นอยู่กับผู้รับการผ่าตัด โดยอาจจะได้ผลลัพธ์ไม่เท่ากันในแต่ละราย และขึ้นกับเทคนิคการผ่าตัดที่เลือกใช้
อ่านเพิ่มเติม :
ผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วน ทำให้ผอมได้จริงหรือไม่? ผ่าตัดกระเพาะ ช่วยรักษาโรคเบาหวานอย่างไร ?ผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วน อันตรายหรือไม่ ?
การผ่าตัดกระเพาะในอดีต ต้องอย่าลืมว่าเป็นการผ่าตัดแบบเปิดช่องท้องขนาดใหญ่ แผลใหญ่ เจ็บมากและฟื้นตัวช้า อีกทั้งเกณฑ์เดิมคือจะ ตัดกระเพาะ ในคนไข้ที่มีโรคอ้วนรุนแรงมาก หลายคนมีโรคประจำตัวที่ทำให้การผ่าตัด มีความเสี่ยงสูงไปด้วย
แต่ปัจจุบัน การผ่าตัดกระเพาะมีความปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี สามารถทำการผ่าตัดแบบส่องกล้องได้แล้ว (Minimally Invasive Surgery) ซึ่งทำให้บาดแผลมีขนาดเล็กลงจากเดิมมาก แผลเล็กขนาดเพียง 1-2 นิ้วเท่านั้น เจ็บน้อย และสามารถฟื้นตัวได้เร็ว รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงอื่นๆ ในการผ่าตัดได้อีกด้วย
รีวิวหลังผ่าตัดกระเพาะอาหารลดน้ำหนัก เป็นแผลส่องกล้องขนาด 1-2 นิ้ว ทำให้เจ็บน้อยลง ฟื้นตัวเร็ว
หลังการผ่าตัดกระเพาะ นอกจากน้ำหนักตัวที่ลดลงแล้ว จะทำให้โรคต่างๆ ที่มาพร้อมความอ้วน เช่นโรคหยุดหายใจขณะหลับก็จะดีขึ้นได้ อาการของโรคนี้คือกลางคืนนอนไม่ค่อยหลับเพราะกรนมาก สลับกับการหยุดหายใจ ทำให้กลางวันง่วงนอนมาก สลึมสะลือทั้งวัน มีผลทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นอีก เพราะไม่ค่อย active และโรคความดันสูง ควบคุมไม่ได้ หลังการผ่าตัดจะสามารถหยุดยาเบาหวาน ความดัน ไขมันและยาอื่นๆ ที่ทานไปได้เกือบหมด สุขภาพดีขึ้น คุณภาพชีวิตดีขึ้น
รีวิวผ่าตัดกระเพาะ ลดน้ำหนัก
ศัลยแพทย์ผู้ดำเนินการรักษา
น.อ นพ.ปณต ยิ้มเจริญ (Dr. Panot Yimcharoen)รายละเอียดการรักษา
เวลาผ่าตัด
3-6 ชั่วโมง
วิธีดมยาสลบ
โดยวิสัญญีแพทย์
นอนโรงพยาบาล
1 วัน
แผลเล็ก เจ็บน้อย
ฟื้นตัวเร็ว
Alert : อาการแทรกซ้อนที่สามารถเกิดขึ้นได้หลังทำศัลยกรรมโดยทั่วไปเช่น มีเลือดออก,ติดเชื้อ หรืออาการอักเสบนั้น แตกต่างกันขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายในแต่ละบุคคล จึงควรปฏิบัติตามข้อควรระวังอย่างเคร่งครัด
บรรยากาศ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐานสากลพร้อมด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประสบการณ์กว่า 23 ปี
อาจารย์แพทย์สอนดูดไขมัน ในไทยและเอเชียแปซิฟิค
เชี่ยวชาญด้านการดูดไขมันมากว่า 24 ปี