Overstitch (โอเวอร์สติ๊ช) น่าจะเป็นคำใหม่ สำหรับ การผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก เทคนิคใหม่ปี 2022 เนื่องจากเทคโนโลยีในฝันแบบนี้ยังใหม่มากสำหรับประเทศไทย ทั้งที่มีมาสักพักในต่างประเทศแล้ว เราจะพาไปทำความรู้จักกับ การลดขนาดกระเพาะ ด้วยการ เย็บกระเพาะ เพื่อลดน้ำหนัก-รักษาโรคอ้วน โดยไม่ต้องผ่าตัดกระเพาะออก ด้วยวิธีที่เรียกว่า “Overstitch” กัน
การตัดกระเพาะ คืออะไร ?
การผ่าตัดกระเพาะ (ฺBariatric Surgery) คือการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะด้วยวิธีแบบส่องกล้อง จะมีแผลบริเวณหน้าท้องประมาณ 5 จุด เพื่อนำอุปกรณ์ทางการแพทย์เข้าไปตัดกระเพาะ ทำให้กระเพาะเล็กลง ผลลัพธ์หละงการรักษาจะทำให้คนไข้อิ่มเร็ว ทานได้น้อยลง และน้ำหนักลดลง วิธีผ่าตัดกระเพาะ มีหลากหลายชนิด ตั้งแต่
- การใส่บอลลูน เข้าไปทำให้กระเพาะแน่น
- การรัดกระเพาะ ซึ่งไม่เป็นที่นิยมมากนัก เพราะผลลัพธ์ไม่ดี และหากรัดแน่นเกินไป อาจผลส่งเสียต่อร่างกายได้
- การผ่าตัดกระเพาะออกบางส่วนเพื่อให้ขนาดกระเพาะเล็กลงที่เรียกว่า การผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟ (Gastric Sleeve)
- การผ่าตัดกระเพาะออก ร่วมกับตัดต่อลำไส้ร่วมด้วย เรียกว่า การผ่าตัดกระเพาะแบบบายพาส (Gastric Bypass) ซึ่ง 2 วิธีหลังนี้ให้ผลลัพธ์ชัดเจน น้ำหนักลง รักษาโรคอ้วนได้ดีกว่า 2 แบบแรก
- Overstitch เป็นวิธีลดน้ำหนัก รักษาโรคอ้วน แบบใหม่ โดยการลดขนาดกระเพาะ ไม่ต้องผ่าตัดกระเพาะออก เป็นการ เย็บกระเพาะ โดยใส่อุปกรณ์ในช่องปากในการรักษาแทนผ่านการผ่าตัดบริเวณหน้าท้อง
การตัดกระเพาะเกือบทุกแบบ ยกเว้นการใส่บอลลูน จำเป็นต้องนอนค้างโรงพยาบาล เนื่องจากจะต้องให้แพทย์ตรวจเช็คร่างกาย กระเพาะ และอาการต่างๆ อย่างใกล้ชิดก่อน เพื่อความปลอดภัย
รีวิว คนไข้ลดน้ำหนัก รักษาโรคอ้วนด้วยการ เย็บกระเพาะ (Overstitch) ห่อให้กระเพาะเล็กลง โดยไม่มีการตัดกระเพาะออก และไม่มีแผลที่หน้าท้อง
- pain score หลังทำคือ 0-3 (ความเจ็บน้อยมาก)
- นอนพักฟื้นโรงพยาบาล 1 คืน และกลับบ้านได้ทันที
- การรักษาด้วยวิธี เย็บกระเพาะ (Overstitch) ไม่มีการใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม opioid จึงทำให้ผลแทรกซ้อนต่ำกว่าการผ่าตัดปกติ
การลดขนาดกระเพาะด้วย Overstitch คืออะไร ?
การลดขนาดกระเพาะด้วยโอเวอร์สติ๊ช (Endoscopic sleeve gastroplasty by Overstitch) คือการ เย็บกระเพาะรักษาโรคอ้วน แบบใหม่ปี 2022 โดยอุปกรณ์การเย็บกระเพาะ (Overstitch) จะถูกสอดเข้าไปในปากขณะที่คนไข้หลับ แบบเดียวกับการทำส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร ดังนั้นจึงไม่มีแผลที่หน้าท้อง ต่างจาก การผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักแบบเดิม เหมาะสำหรับคนไข้อ้วนที่ไม่สามารถลดน้ำหนัก ด้วยการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย ราคาไม่สูงจนเกินไป
หลังการเย็บกระเพาะ : กระเพาะจะถูกเย็บด้วยเข็มและไหมแบบพิเศษ โดย โอเวอร์สติ๊ช จากภายใน ทำให้กระเพาะมีขนาดเล็กลง โดยไม่ได้ตัดกระเพาะออก ทานอาหารได้น้อย อิ่มเร็ว การผ่าตัดแบบใหม่นี้ ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลหลายคืน หรือในบางกรณีสามารถทำเช้า เย็นกลับบ้านได้ ไม่ต้องดมยาสลบนาน และลดความเสี่ยงจากการผ่าตัดได้มากกว่าวิธีเดิม หลังคนไข้กลับบ้านแล้ว สามารถเริ่มต้นโปรแกรมลดน้ำหนักได้สบายมากขึ้น เนื่องจากความหิวลดลง และอิ่มนานกว่าวิธีทานยาลดความอ้วนหรือการใส่บอลลูนลดน้ำหนัก
Overstitch ลดขนาดกระเพาะ รักษาโรคอ้วน เหมาะกับใครบ้าง ?
- คนไข้ที่น้ำหนักเกินแต่อาจจะไม่มากจนต้องการผ่าตัดกระเพาะ (BMI 28-35) ( คลิ๊ก! คำนวณค่า BMI )
- คนอ้วนอย่างมากระดับ super obese patients ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการผ่าตัดนานๆ
- คนไข้ที่เคยผ่าตัดช่องท้องมาก่อนหลายครั้ง จนการผ่าตัดอีครั้งยากลำบากมากขึ้น
- คนไข้ที่มีอวัยวะในช่องท้องที่ผิดปกติเกินไป
- คนไข้อายุเกินเกณฑ์ผ่าตัดปกติ เช่นอายุมากกว่า 65 ปี
- คนไข้อายุน้อยที่ยังไม่เหมาะกับการตัดกระเพาะแบบเดิม ** อันนี้ยังไม่มีข้อมูลออกมา ว่าเด็กขนาดไหน อายุเท่าไร จะเหมาะกับการผ่าตัดบ้าง
- คนไข้ที่ไม่ต้องการการผ่าตัดด้วยหลายเหตุผล รวมทั้งความเชื่อทางศาสนาต่างๆ
- เป็น bridging surgery ระหว่างรอการผ่าตัดกระเพาะแบบบายพาสหรือสลีฟ
ประโยชน์ของการลดน้ำหนักด้วยวิธี เย็บกระเพาะ Overstitch
โอเวอร์สติ๊ช คือการลดขนาดกระเพาะ (เย็บกระเพาะ) รักษาโรคอ้วน ปี 2022 แบบไร้แผลหน้าท้อง ที่จะช่วยลดน้ำหนักอย่างถาวรและสามารถลดความเสี่ยงของโรคดังต่อไปนี้
- โรคไขมันเกาะตับ
- โรคหยุดหายใจขณะหลับ
- โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง
- โรคหัวใจทำงานหนักจากความอ้วน
- โรคข้ออักเสบที่เกิดจาก น้ำหนักเกิน
- โรคไขมันในเลือดสูง
- ลดความเสี่ยงขอ โรคเส้นเลือดสมองแตก หรือตีบ
- ลดความเสี่ยงของเส้นเลือดหัวใจตีบ
การลดขนาดกระเพาะรักษาโรคอ้วน (เย็บกระเพาะ) แบบไร้แผลหน้าท้อง ด้วยโอเวอร์สติ๊ช จะเหมาะกับคนไข้ที่อ้วน มีดัชนีมวลกายมาก เกิน 27.5 ขึ้นไป ซึ่งไม่สามารถลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นๆ แล้วไม่ได้ผล ร่วมกับมีโรคที่เกิดจากความอ้วน อีกทั้งยังเหมาะกับคนไข้ที่ได้รับการรักษาด้วยบอลลูนมาก่อน เมื่อถอดบอลลูนออกแล้วน้ำหนักขึ้น ไม่สามารถควบคุมได้
ข้อดีของการผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก ด้วยวิธี overstitch
- ไม่ต้องมีแผลหน้าท้อง ไม่มีการตัดกระเพาะออกไปจริงๆ แค่เย็บเข้าหากันเพื่อให้เล็กลงเท่านั้น
- ใช้เวลาในการผ่าตัดสั้นมาก เพียงประมาณ 60-90 นาที และไม่ต้องดมยาสลบนาน หรือบางรายไม่จำเป็นต้องให้ยาสลบใด ความเสี่ยงต่ำ
- ฟื้นตัวเร็วกว่าการผ่าตัดชนิดอื่นๆ จึงนอนค้าง รพ. เพียง 1 คืน เพื่อเฝ้าดูอาการเท่านั้น สามารถลุกนั่ง เดิน เข้าห้องน้ำ ได้ตามปกติ
- มีผลข้างเคียงหลังการผ่า ตามรายงานวิจัยปัจจุบันค่อนข้างต่ำส่วนใหญ่เป็นอาการเล็กน้อย เช่นคลื่นไส้อาเจียน
- ลดผลแทรกซ้อนที่เกิดจากการผ่าตัดกระเพาะแบบปกติ เช่นการขาดสารอาหารหรือกรดไหลย้อน
ข้อเสียของ การลดขนาดกระเพาะ ด้วยวิธี Overstitch
- มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการผ่าตัดชนิดอื่น เนื่องจากอุปกรณ์นำเข้าราคาสูง
- น้ำหนักที่ลดลงอาจจะไม่ถาวร เหมือนการผ่าตัดอื่น เพราะไหมอาจจะคลายหรือกระเพาะขยายขนาดเองภายหลัง
- ไม่มีการตัดส่วนที่ควบคุมความหิวที่ติดอยู่กับผนังกระเพาะออกไป จึงทำให้อาจจะหิวเป็นปกติ แต่อิ่มเร็วเนื่องจากกระเพาะเล็กลง
- ลดน้ำหนักได้น้อยกว่าการผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟหรือบายพาส
- การเย็บอาจจะไปเกี่ยวโดนอวัยวะอย่างอื่นๆ นอกกระเพาะ หากไม่ทำการฝึกอบรมมาดีพอหรือมีทักษะในการใช้กล้องส่องกระเพาะอาหารไม่มากนัก
การลดขนาดกระเพาะ (เย็บกระเพาะ) ด้วย Overstitch มีความเสี่ยงน้อยกว่า
จนถึงปัจจุบัน การลดขนาดกระเพาะรักษาโรคอ้วน ยังพบว่ามีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากลักษณะการผ่าตัด ใช้เวลาสั้น ไม่มีแผลจากหน้าท้อง เสียเลือดน้อยมาก ไม่มีความเจ็บปวดแผลจนลุกไม่ได้ หรือ ฟื้นตัวช้า
ผลข้างเคียงที่สำคัญมีเรื่องคลื่นไส้อาเจียนในช่วงต้นไม่กี่วันเท่านั้น เนื่องจากขนาดกระเพาะที่เล็กลง ซึ่งแก้ไขได้โดยการทานอาหารเหลวไปก่อน 2 อาทิตย์ ทานยาลดอาการก่อนจะค่อยๆ ปรับตัวมา ทานอาหารปกติได้ในที่สุด
ไหมจากโอเวอร์สติ๊ช ยังถูกออกแบบไม่ให้ละลายออกไปได้ง่ายๆ เพื่อความคงทนของการรักษา แต่อาจจะหลุดออกไปเองได้ เนื่องจากปกติกระเพาะจะเก่งมากในการปรับตัว หลังการเย็บกระเพาะแบบไร้แผล จะทำให้ลดน้ำหนักได้ราว 20-30% ใน 12 เดือน เช่น น้ำหนัก 100 กก จะลดลงไป 20-30 กก เป็นต้น ซึ่งอาจจะน้อยกว่าการผ่าตัดกระเพาะแบบส่องกล้อง ที่เอากระเพาะและส่วนที่ความคุมความหิวออกไปเลย ในระยะยาว ไหมที่ผูกเย็บไว้ อาจจะหลุดหรือคลายตัวออกได้เองและถูกขับถ่ายออกมา จนไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
บทความที่เกี่ยวข้อง
อาหารหลังการผ่าตัดลดน้ำหนัก ที่เหมาะสม คำแนะนำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
เราควรเลือก ผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก แบบไหนดี ?
เลือก การลดขนาดกระเพาะรักษาโรคอ้วน แบบ Overstitch ดีไหม ? หรือ การผ่าตัดกระเพาะแบบส่องกล้อง ดีกว่า ก็ต้องเทียบความคุ้มค่า ความเสี่ยง และความคาดหวังให้ดี โดยควรที่จะเข้ามาปรึกษาศัลยแพทย์ที่สามารถทำได้ทุกวิธี ซึ่งในไทยมีแพทย์จำนวนไม่มากที่สามารถทำได้ทุกแบบ ตั้งแต่การใส่บอลลูน การลดขนาดกระเพาะด้วยโอเวอร์สติ๊ช การตัดกระเพาะแบบสลีฟ และการตัดกระเพาะแบบบายพาส
เพราะศัลยแพทย์ที่ทำได้ทุกวธี สามารถเลือกวิธีที่เหมาะกับแต่ละคนไข้จริงๆ ไม่บังคับให้ทำแบบใดแบบหนึ่งตามความถนัดของตัวเอง ซึ่งทุกแบบมีข้อดี ข้อเสีย มีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน ไม่มีแบบไหนที่ดีที่สุด
บทความเกี่ยวข้องที่น่าสนใจ
เจาะลึก! ผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก รักษาโรคอ้วน โดย นพ.ปณต ยิ้มเจริญ
เย็บกระเพาะ วิธี Overstitch ที่รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
ทำการรักษาคนไข้ โดย นอ. นพ. ปณต ยิ้มเจริญ ศัลยแพทย์ทางเดินอาหารและผ่าตัดลดน้ำหนัก ของรัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ได้รับการฝึกอบรมเรื่องการใช้อุปกรณ์โอเวอร์สติ๊ช สำหรับใช้ทำการ ลดขนาดกระเพาะ แบบไร้แผล มาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2017 โดยเรียนโดยตรงกับ Professor Gontrand Lopex Nava และ Professor Manoel Galvao ซึ่งทั้งสองเป็นสุดยอดศัลยแพทย์ ที่ทำการผ่า ตัดเย็บกระเพาะ ด้วยโอเวอร์สติ๊ช มากที่สุดคนหนึ่งของโลก
newsweek best hospitals 2022 จัดอันดับโรงพยาบาลดีที่สุดในโลกประจำปี 2022 โดยอันดับที่ 2 คือโรงพยาบาล Clevland Clinic (สหรัฐอเมริกา) ที่ นอ. นพ. ปณต ยิ้มเจริญ ไปฝึกอบรมการตัดกระเพาะนั่นเอง
Professor Manoel Galvao (ซ้าย) Professor Gontrand Lopez Nava (ขวา)
ลดขนาดกระเพาะลดน้ำหนัก Overstitch ราคาเท่าไหร่
ลดขนาดกระเพาะลดน้ำหนัก แบบไร้แผล ในประเทศไทย ปัจจุบันได้ขึ้นทะเบียน อย. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมมีจำหน่ายอุปกรณ์ และเปิดให้ทำการรักษาได้แล้ว ส่วนเรื่องราคาเย็บกระเพาะลดน้ำหนักนี้จะมีราคาที่สูงกว่า การผ่าตัดกระเพาะแบบเดิม เช่น สลีฟ (Sleeve) หรือ บายพาส (ByPass) เนื่องจากเทคนิคใหม่ และต้องนำเข้าอุปกรณ์จากต่างประเทศทั้งหมด ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 5 แสน – 1 ล้านบาท
คำถามที่พบบ่อย ลดขนาดกระเพาะลดน้ำหนัก Overstitch
เนื่องจากการลดขนาดกระเพาะลดน้ำหนักนั้น เป็นการผ่าตัดด้วยเทคนิคใหม่ แบบส่องกล้องทางปาก จึงไม่มีแผลผ่าตัดที่หน้าท้องเลย ไม่ต้องตัดกระเพาะออก แต่ทำให้กระเพาะมีขนาดเล็กลงด้วยการเย็บด้วยเข็มและไหมแบบพิเศษ
- เจ็บน้อย ฟื้นตัวได้ไว ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลหลายคืน ในบางกรณีสามารถทำเช้า เย็นกลับบ้านได้ ไม่ต้องดมยาสลบนาน
- ลดความเสี่ยงจากการผ่าตัดได้มากกว่าวิธีเดิม
- หลังคนไข้กลับบ้านแล้ว สามารถเริ่มต้นโปรแกรมลดน้ำหนักได้สบายมากขึ้น เนื่องจากความหิวลดลง และอิ่มนานกว่าการใส่บอลลูนลดน้ำหนัก
- เมื่อน้ำหนักลดลงแล้ว โรคแทรกซ้อนต่างๆ ก็จะหายไปด้วย ทำให้สุขภาพกลับมาแข็งแรงทั้งภายในและภายนอก
- การลดขนาดกระเพาะลดน้ำหนัก นั้นเหมาะกับคนที่อยากลดความอ้วน มีปัญหาสุขภาพที่มีสาเหตุมาจากความอ้วน แต่ต้องมี BMI อยู่ที่ระหว่าง 28-35
- เหมาะกับคนที่เคยลดความอ้วน ด้วยวิธีการใส่บอลลูน มาก่อน
- คนไข้ไม่ต้องการผ่าตัด ด้วยจากหลายสาเหตุ เช่น ปัญหาสุขภาพ รวมถึงความเชื่อทางศาสนา
หลังการลดขนาดกระเพาะลดน้ำหนัก ในระยะแรกเวลารับประทานอาหาร อาจจะมีอาการอึดอัด คลื่นไส้ อาเจียน ได้เนื่องจากขนาดกระเพาะมีขนาดที่เล็กลง แต่อาการจะดีขึ้นจนเป็นปกติประมาณอาทิตย์ที่ 3 ขึ้นไป
- มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการผ่าตัดชนิดอื่น
- ไม่มีการตัดส่วนที่ควบคุมความหิวที่ติดอยู่กับผนังกระเพาะออกไป จึงทำให้อาจจะหิวเป็นปกติ แต่อิ่มเร็วเนื่องจากกระเพาะเล็กลง
- ลดน้ำหนักได้น้อยกว่าการผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟหรือบายพาส
มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการผ่าตัดชนิดอื่น เนื่องจากการเย็บกระเพาะ Overstitch นั้นเป็นเทคนิคใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในประเทศไทย (แต่มีมานานในต่างประเทศ) เครื่องมือทั้งหมดต้องนำเข้าจากต่างประเทศ อีกทั้งแพทย์ที่ทำการรักษาก็เป็นเรื่องสำคัญ ที่ห้ามมองข้ามเด็ดขาด เพราะต้องอาศัยแพทย์ที่มีฝีมือ ความชำนาญ และมากประสบการณ์ในการรักษาด้วย
References
ศัลยแพทย์ผู้ดำเนินการรักษา
น.อ นพ.ปณต ยิ้มเจริญ (Dr. Panot Yimcharoen)รายละเอียดการรักษา
เวลาผ่าตัด
ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
วิธีดมยาสลบ
โดยวิสัญญีแพทย์
ไร้แผลหน้าท้อง
เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว
ระยะพักฟื้น
หลังผ่าตัด 1 อาทิตย์
Alert : หลังการรักษาด้วยวิธี Overstitch ลดขนาดกระเพาะรักษาโรคอ้วน นั้นจะถูกเย็บด้วยเข็ม และไหมแบบพิเศษ ทานอาหารได้น้อย อิ่มเร็ว ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลหลายคืน ไม่ต้องดมยาสลบนาน และลดความเสี่ยงจากการผ่าตัดได้มากกว่าวิธีเดิม
บรรยากาศ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐานสากล
พร้อมด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ
ประสบการณ์กว่า 23 ปี
อาจารย์แพทย์สอนดูดไขมัน ในไทยและเอเชียแปซิฟิค
เชี่ยวชาญด้านการดูดไขมันมากว่า 24 ปี