โปรแกรม ยกกระชับผิว ไม่ผ่าตัด

โปรแกรม ยกกระชับผิว ไม่ผ่าตัด

วิเคราะห์ผิวโดยแพทย์ เพื่อผลลัพธ์หน้าเรียว กรอบหน้าคมชัด ปรึกษาประเมินผิวฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

เมื่อผิวเริ่มสูญเสียความกระชับ คุณอาจรู้สึกกังวลกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ตั้งแต่กรอบหน้าที่ไม่ชัดเหมือนเดิม ไปจนถึงผิวที่ดูอ่อนล้าแม้พักผ่อนเพียงพอ และแม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ในความเป็นจริง สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อ ความมั่นใจในทุกวันของคุณ

ที่ Rattinan Clinic เราเข้าใจดีว่าปัญหาความหย่อนคล้อยของผิว ไม่ใช่แค่เรื่องอายุ แต่เกี่ยวข้องกับ โครงสร้างผิว-ชั้นไขมัน-การใช้ชีวิต ซึ่งแตกต่างในแต่ละบุคคล

ด้วยเหตุนี้ โปรแกรมยกกระชับผิวของเราจึงออกแบบอย่างพิถีพิถันโดยอาศัย เทคโนโลยีผ่านมาตรฐานการรับรอง และการประเมินสภาพผิวโดยทีมแพทย์ เพื่อวางแผนการดูแลที่เหมาะสมในแบบของคุณ ทั้งด้านความกระชับ ความเรียบเนียน และความสบายผิวหลังทำ

ผลลัพธ์ที่ได้ คือผิวที่ดูแข็งแรงขึ้น ดูเป็นธรรมชาติ พร้อมความมั่นใจที่กลับมาอย่างอ่อนโยน โดยคำนึงถึงความปลอดภัยในทุกขั้นตอน

ผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ เกิดขึ้นจากอะไร

ผิวที่เริ่มหย่อนคล้อยเป็นสัญญาณของการเสื่อมถอยของบรรดาโครงสร้างชั้นผิว ตั้งแต่ชั้นหนังกำพร้า ไขมันใต้ผิว ไปจนถึง SMAS โดยเฉพาะการลดลงของ คอลลาเจนและอิลาสติน อันเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยให้ผิวคงความยืดหยุ่นและกระชับดูเป็นธรรมชาติ

เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ร่างกายสร้างคอลลาเจนน้อยลงตามธรรมชาติ ส่งผลให้ผิวค่อย ๆ สูญเสียความแน่นกระชับ และตอบสนองต่อแรงโน้มถ่วงได้ชัดเจนขึ้น ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจไม่เกิดขึ้นในทันที แต่ค่อย ๆ สะสมจนเห็นความแตกต่างชัดเจนในช่วงวัยหนึ่งของชีวิต

ปัญหาผิวหย่อนคล้อย จากอายุที่มากขึ้น เป็นแบบไหน

เมื่ออายุเพิ่มขึ้น การทำงานของเซลล์ผิวและโครงสร้างใต้ผิวค่อย ๆ ลดประสิทธิภาพลง เช่น

  • ไฟโบรบลาสต์ที่สร้างคอลลาเจนลดจำนวนลง
  • ชั้นหนังกำพร้าบางลง
  • เนื้อเยื่อพยุงผิวอ่อนแอลง

ผลลัพธ์คือผิวดูบางลง ขาดความยืดหยุ่น และเริ่มเกิดรอยย่นจากการเคลื่อนไหวประจำวัน บริเวณที่มักเห็นได้ชัด ได้แก่

  • รอบดวงตา ที่ดูอ่อนล้าเร็ว
  • แนวกราม ที่ไม่คมชัดเหมือนเดิม
  • ลำคอ ที่เริ่มมีรอยยับและผิวคล้อยลง

หลายคนเริ่มรู้สึกถึง “การเปลี่ยนแปลงความมั่นใจ” มากกว่าการมองเห็นความหย่อนคล้อยเพียงอย่างเดียว และนั่นคือช่วงเวลาที่เราสามารถช่วยฟื้นผิวคุณให้กลับมาดูแข็งแรงได้อีกครั้ง

ปัญหาผิวหย่อนคล้อย จากน้ำหนักที่ลดลง เป็นแบบไหน

การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วหรือจำนวนมาก ทำให้ไขมันใต้ผิวหายไปเร็วกว่าที่ผิวจะสามารถปรับตัวตาม ส่งผลให้ผิวเกิด “ช่องว่าง” และดูคล้อยลง โดยเฉพาะบริเวณ

  • ใบหน้า
  • หน้าท้อง
  • ต้นแขน
  • ต้นขา

ในบางกรณี เช่นภาวะที่หลายคนเรียกกันว่า Ozempic face จะเห็นชัดบริเวณแก้มตอบ ร่องลึก และผิวที่ขาดความแน่นเนื่องจากสูญเสียไขมันใต้ผิวอย่างรวดเร็ว

ความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เกิดจากอายุเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจาก ความไวของผิวที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงของปริมาณไขมัน ซึ่งแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ทำให้บางคนรู้สึกว่าหน้าดูโทรมลง แม้ว่าน้ำหนักลดลงตามเป้าหมายก็ตาม

ปัญหาผิวหย่อนคล้อย หลังคลอด เป็นแบบไหน

ระหว่างตั้งครรภ์ ผิวหนังจะขยายออกเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของทารก โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง หลังคลอดแล้ว ผิวที่ถูกยืดออกอาจไม่สามารถคืนสู่สภาพเดิมได้ทั้งหมด ทำให้เกิด

  • ผิวหย่อนคล้อย
  • ความไม่เรียบเนียน
  • รอยแตกลายจากการขยายตัวของผิว

นอกจากนี้ ระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงหลังคลอดยังส่งผลต่อความกระชับและความยืดหยุ่นของผิว ทำให้คุณแม่หลายคนรู้สึกว่า “รูปร่างและผิวไม่เหมือนเดิม” แม้ร่างกายเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้วก็ตาม

ผิวหย่อนคล้อย แต่ละช่วงวัย ต่างกันอย่างไร

การทำความเข้าใจลักษณะผิวในแต่ละช่วงวัยจะช่วยให้เลือกแนวทางการดูแลที่เหมาะสมขึ้น เพราะ “ผิวหย่อนคล้อย” ไม่ได้เกิดขึ้นในรูปแบบเดียวกัน แต่เปลี่ยนไปตามโครงสร้างผิว ฮอร์โมน ไลฟ์สไตล์ และประวัติการดูแลตัวเองของแต่ละคน

ผิวหย่อนคล้อย ช่วงอายุ 30+

ในวัย 30 ต้นถึงปลายปี เป็นช่วงที่เริ่มเห็น “สัญญาณแรกของการเปลี่ยนแปลง” เช่น

  • ริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตา
  • ผิวเด้งช้ากว่าเดิม
  • ความเรียบเนียนเริ่มลดลงเล็กน้อย

โครงสร้างผิวยังมีความแข็งแรงดี แต่คอลลาเจนเริ่มลดลงตามธรรมชาติ การดูแลผิวในช่วงนี้จึงมุ่งเน้นที่การ ชะลอการเสื่อมของคอลลาเจน และเสริมความกระชับเบื้องต้น เช่น

  • RF Microneedling (เช่น Morpheus8) เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน
  • โฟกัสการดูแลผิวพื้นฐานให้เหมาะสมกับสภาพผิว

เหมาะสำหรับกลุ่มที่ต้องการ คงความกระชับของผิวในระยะยาว ก่อนที่จะเกิดการหย่อนคล้อยชัดเจน

อายุยังไม่ 30 ทำหัตถการยกกระชับผิวดีไหม


ผู้ที่อายุยังไม่ถึง 30 ปี มักยังมีโครงสร้างผิวที่แข็งแรงและการสร้างคอลลาเจนที่ดีอยู่ การทำทรีตเมนต์ยกกระชับระดับเข้มข้นอาจยังไม่จำเป็น

การดูแลที่เหมาะสมในช่วงนี้คือ

  • การปกป้องผิวจากแสงแดด
  • การใช้ผลิตภัณฑ์เสริมความชุ่มชื้นและความแข็งแรงของผิว
  • หัตถการเบื้องต้น เช่น Fotona 4D, เลเซอร์ปรับผิว หรือการบำรุงผิวเชิงป้องกัน

จุดสำคัญคือการประเมินตามโครงสร้างผิวของแต่ละบุคคล เพื่อไม่ให้ “เกินความจำเป็น” แต่ยังช่วยเสริมความแข็งแรงของผิวในระยะยาว

ผิวหย่อนคล้อย ช่วงอายุ 40+

ช่วงวัย 40 ปีขึ้นไป เริ่มเห็นสัญญาณความคล้อยในระดับปานกลาง โดยเฉพาะบริเวณ

  • แนวกรามที่เริ่มไม่คมชัด
  • ช่วงล่างของใบหน้า
  • ลำคอที่เริ่มเปลี่ยนรูปทรง

คอลลาเจนและอิลาสตินลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ชั้นไขมันบางส่วนเริ่มเคลื่อนตัวตามแรงโน้มถ่วง การดูแลในช่วงวัยนี้มักเน้นการยกกระชับชั้นลึก เช่น

  • พลังงานคลื่นเสียง MFU เช่น Ultherapy เพื่อกระตุ้นชั้น SMAS
  • พลังงานคลื่นความร้อน RF แบบพื้นที่กว้าง เช่น Thermage FLX

เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้ผิวกลับมาดูแข็งแรงขึ้นและช่วยให้กรอบหน้าเห็นชัดขึ้นตามธรรมชาติ

ผิวหย่อนคล้อย ช่วงอายุ 50+

เมื่อเข้าสู่วัย 50 ปี ผิวจะมีลักษณะของการเสื่อมหลายจุดพร้อมกัน เช่น

  • ผิวบางลงคล้ายกระดาษแก้ว (crepey skin)
  • คิ้วตกลงเล็กน้อย
  • ผิวโดยรวมดูคล้อยและขาดความอิ่มฟู

การดูแลจึงต้องผสานหลายเทคนิคเพื่อฟื้นโครงสร้างผิว เช่น

  • การยกกระชับชั้นลึก (Ultherapy)
  • การกระตุ้นผิวให้แข็งแรง (Morpheus8)
  • การเติมปริมาตรชั้นผิวบางส่วนด้วยฟิลเลอร์ เพื่อคืนความสมดุลของใบหน้า

จุดสำคัญคือการประเมินสรีระใบหน้าอย่างละเอียดเพื่อวางแผนแบบเฉพาะบุคคลให้ดูกลมกลืนและดูเป็นธรรมชาติ

ผิวหย่อนคล้อย ช่วงอายุ 60+

ในช่วงวัย 60 ปีขึ้นไป ผิวอยู่ในภาวะ Advanced Aging

  • ชั้นผิวบางลงอย่างเห็นได้ชัด
  • ความยืดหยุ่นลดลงมาก
  • โครงสร้างใบหน้ามีการเปลี่ยนแปลงเกือบทุกระดับ

การดูแลมุ่งเน้นที่การ ชะลอการเสื่อมเพิ่มเติม และช่วยให้ผิวคงสภาพที่ดีที่สุด โดยอาจประกอบด้วย

  • การยกกระชับด้วยพลังงาน MFU หรือ RF ในระยะเวลาที่เหมาะสม
  • การดูแลผิวแบบองค์รวมที่ครอบคลุมทั้งความชุ่มชื้น การปกป้องผิว และการเสริมสร้างชั้นผิว

การวางแผนควรทำอย่างละเอียดและสอดคล้องกับความต้องการจริงของแต่ละบุคคล เพื่อให้ผิวดูสุขภาพดีและสง่างามในทุกวัย

เทคนิค ยกกระชับผิว ไม่ผ่าตัด มีอะไรบ้าง เพื่อแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย

จากประสบการณ์ที่ให้คำปรึกษาผู้เข้ารับบริการที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 1999 พบว่าปัญหาผิวหย่อนคล้อยเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งอายุที่เพิ่มขึ้น การลดน้ำหนัก ฮอร์โมน และไลฟ์สไตล์ การเลือกเทคโนโลยีจึงต้องอาศัยการประเมินอย่างละเอียด เพื่อให้สอดคล้องกับโครงสร้างผิวของแต่ละบุคคลจริง ๆ

ที่ Rattinan Clinic เรามีเทคโนโลยีหลากหลายประเภท โดยแต่ละเทคโนโลยีเน้น “ชั้นผิว – กลไก – ความลึกในการรักษา” แตกต่างกัน เพื่อให้สามารถวางแผนได้อย่างแม่นยำและตอบโจทย์ผิวแต่ละแบบ ทีมแพทย์ของเราจึงต้องพิถีพิถันตั้งแต่ขั้นตอนแรกไปจนถึงการติดตามผล

Morpheus8 ช่วยเรื่องอะไร

Morpheus8 เป็นเทคโนโลยี RF Microneedling แบบ Fractional/Bipolar ที่ลงได้ทั้งชั้นผิวหนังแท้และชั้นไขมันใต้ผิว ความลึกสามารถเลือกได้หลายระดับ (ประมาณ 0.5–4.0 มม.) ทำให้เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับหลายปัญหาพร้อมกัน เช่น

  • ความไม่เรียบเนียนของผิว
  • รูขุมขนกว้าง
  • รอยสิวหรือรอยหลุม
  • ผิวหย่อนคล้อยระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง

เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการ ปรับพื้นผิวผิวและกระชับผิวในครั้งเดียว ภายใต้แนวทางการประเมินของแพทย์

โปรแกรม Ulthera ช่วยเรื่องอะไร

Ultherapy ใช้พลังงาน Microfocused Ultrasound (MFU) โดยสามารถลงลึกได้หลายระดับ รวมถึงระดับลึกที่สุดที่ชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดยกหน้า

เหมาะสำหรับ

  • ผิวหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงมาก
  • บริเวณคิ้ว กรอบหน้า ใต้คาง และลำคอ
  • ผู้ที่ต้องการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด

ระบบ Imaging แบบ Real-time ช่วยให้แพทย์มองเห็นชั้นผิวระหว่างการทำ ทำให้การส่งพลังงานแม่นยำขึ้น

Thermage ช่วยเรื่องอะไร

Thermage FLX คือ Monopolar Radiofrequency ที่ส่งพลังงานความร้อนสู่ชั้นผิวลึกประมาณ 3.0 มม. ทำให้ผิวบริเวณกว้างกระชับขึ้นและดูเป็นธรรมชาติ

เหมาะกับ

  • ใบหน้าเต็มส่วน
  • หน้าท้อง
  • ท่อนแขน หรือต้นขาบางส่วน

เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ ผิวแน่นขึ้นทั่วทั้งใบหน้าและลำตัวในหนึ่งครั้ง ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

EmFace ช่วยเรื่องอะไร

EmFace ผสานพลังงาน 2 กลไกพร้อมกัน คือ

  • RF เพื่อฟื้นฟูผิวชั้นบน
  • HIFES เพื่อกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อใบหน้า

จุดเด่นคือสามารถกระตุ้นมัดกล้ามเนื้อใบหน้าที่ลึกได้ (ประมาณ 20 มม.) จึงช่วยให้ใบหน้าดูยกขึ้นดูเป็นธรรมชาติ พร้อมช่วยให้ผิวเรียบขึ้น

เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ

  • ความตึงกระชับด้วยความสบาย
  • การกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด
  • การลดริ้วรอยเล็ก ๆ และเพิ่มความแข็งแรงของผิว

Fotona 4D ช่วยเรื่องอะไร

Fotona 4D ใช้เลเซอร์สองชนิด (Nd:YAG และ Er:YAG) ทำงานแบบ 4 ขั้นตอน โดยหนึ่งในขั้นตอนคือการยิงเลเซอร์ ด้านในช่องปาก (SmoothLiftin) ช่วยให้ผิวมีความอิ่มฟูจากด้านใน

เหมาะสำหรับ

  • การฟื้นฟูผิวแบบองค์รวม
  • ใบหน้าที่ต้องการความเรียบเนียน สีผิวกระจ่างขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการ “ยกกระชับแบบนุ่มนวล” และใช้ชีวิตได้ทันทีหลังทำ

เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบ “lifting + resurfacing” ในทรีตเมนต์เดียว

Tesla Former ช่วยเรื่องอะไร

Tesla Former ใช้พลังงาน Functional Magnetic Stimulation (FMS) เพื่อกระตุ้นมัดกล้ามเนื้อในระดับลึก ซึ่งเป็นระดับที่การออกกำลังกายปกติไม่สามารถทำได้

เหมาะสำหรับ

  • การสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้อง
  • การเสริมสัดส่วนเอว–สะโพก
  • การฟื้นฟูกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
  • บริเวณที่ต้องการทั้ง “กล้ามเนื้อแข็งแรง + กระชับผิวรอบด้าน”

เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลรูปร่างและความกระชับแบบ non-invasive (ไม่รุกราน)

ทำไมต้องเลือก โปรแกรมยกกระชับผิว โดยไม่ผ่าตัด ที่ รัตตินันท์ คลินิก

การยกกระชับผิวแบบไม่ผ่าตัดเป็นหัตถการที่ “ต้องอาศัยการประเมินอย่างละเอียดและความเข้าใจโครงสร้างผิวหลายระดับ” เพราะปัญหาผิวหย่อนคล้อยของแต่ละคน ไม่ได้เหมือนกันเลย ซึ่งแตกต่างทั้งอายุ สภาพผิว ชั้นไขมัน ไลฟ์สไตล์ และพื้นที่ที่ต้องการดูแล

ที่ Rattinan Clinic เราให้ความสำคัญกับการรักษาแบบ ปรับตามรายบุคคล (Personalized Treatment) ผสานเทคโนโลยีมาตรฐานที่ได้รับการรับรองเข้ากับการประเมินอย่างพิถีพิถันของแพทย์ เพื่อให้ผู้รับบริการได้รับการดูแลที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพผิวที่สุด

1) เข้าใจในการเลือกเทคโนโลยีให้เหมาะกับ “แต่ละบริเวณ”

โครงสร้างผิวใบหน้าและร่างกายมีความลึกและการตอบสนองต่อพลังงานต่างกัน แพทย์จึงต้องเลือกเทคโนโลยีที่ถูกชั้นผิว ถูกปัญหา ไม่ใช่ใช้เครื่องเดียวแก้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ใบหน้าทั้งหมด รอบดวงตา คอและคาง ลำตัวและร่างกาย โดยหลายเทคโนโลยีอาจสามารถใช้ได้อย่างครอบคลุม แต่ต้องเลือก Applicator และความลึกให้เหมาะกับ

  • ระดับความหย่อนคล้อย
  • ความไวของผิว
  • ความต้องการรายบุคคล

Rattinan Clinic จะวิเคราะห์ “ชั้นผิว + พื้นที่ + ความคาดหวัง” เพื่อออกแบบโปรแกรมที่เหมาะสมที่สุด ไม่ใช้วิธีเหมารวม

2) การประเมินอย่างละเอียดก่อนรักษา ซึ่งเป็นจุดแข็งสำคัญของเรา

ก่อนเริ่มการรักษา แพทย์จะประเมินตามปัจจัยต่อไปนี้ เพื่อให้ทุกขั้นตอนปลอดภัยและเหมาะสมที่สุด

  • ระดับความหย่อนคล้อยจริงในแต่ละบริเวณ
  • ความหนาของผิวและคุณภาพของคอลลาเจน
  • ปัญหาเฉพาะร่วม เช่น ริ้วรอย รูขุมขน รอยสิว ผิวไม่สม่ำเสมอ
  • ความทนต่อความรู้สึกขณะทำ
  • เวลาพักฟื้นที่สะดวก
  • งบประมาณ และผลลัพธ์ที่ต้องการแบบเป็นธรรมชาติ

การประเมินเหล่านี้ทำโดยแพทย์ผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมเครื่องมือวิเคราะห์ผิวที่ช่วยให้เห็นชั้นผิวชัดขึ้น ทำให้แผนการรักษาแม่นยำขึ้นและเหมาะกับผิวมากที่สุด

3) มาตรฐานความปลอดภัย อันเป็นจุดยืนของ Rattinan Clinic

การรักษาดำเนินการโดยแพทย์เท่านั้น

แพทย์เป็นผู้ประเมินชั้นผิว ความลึก และพลังงานที่เหมาะสมในแต่ละบริเวณ และดูแลขั้นตอนการส่งพลังงานทั้งหมดอย่างใกล้ชิด ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัย AACI

อุปกรณ์ได้รับการรับรองระดับมาตรฐาน

  • ผ่านมาตรฐาน FDA/CE
  • ผ่านการตรวจสอบและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ

แพทย์ผ่านการอบรมเฉพาะด้านจากผู้ผลิตโดยตรง

เพื่อให้การปรับพลังงาน การวางตำแหน่งหัวเครื่อง และการดูแลหลังทำเป็นไปตามมาตรฐาน การติดตามผลแบบต่อเนื่องหลังการรักษา คุณจะได้รับการติดตามผลตามช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่าแผนการรักษาให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และปรับตามปฏิกิริยาของผิวในแต่ละบุคคล

4) การวางแผนการรักษาแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Treatment Plan)

เราเน้นการวางแผนการรักษาที่ “เหมาะ” กับผิวและไลฟ์สไตล์ของคุณ โดยจัดเป็น 3 รูปแบบหลัก

1) Single Treatment เลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมที่สุด อย่างใดอย่างหนึ่ง เหมาะกับปัญหาที่ชัดเจนจุดเดียว เช่น แนวกราม ร่องแก้ม หรือบริเวณคอ

2) Combination Treatment การผสานหลายเทคโนโลยี เช่น

  • Ultherapy + Thermage
  • Morpheus8 + Fotona4D เพื่อดูแลทั้งโครงสร้างลึกและพื้นผิวให้สอดคล้องกัน

3) Sequential Treatment วางแผนการรักษาเป็นขั้นตอน เช่น เดือนนี้ยกชั้นลึก เดือนถัดไปปรับพื้นผิว เพื่อผลลัพธ์ที่กลมกลืนและอ่อนโยนต่อผิว

ทีมแพทย์รักษาผิวพรรณ
รัตตินันท์ คลินิก

พญ. รัตตินันท์ ตรีรัตน์
ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ

พญ. นฤมล วิเชียร
แพทย์หญิง

พญ. จุฑามาศ ตันคุณากร
แพทย์โรคผิวหนัง

นพ. ศศินทร์ ตรีรัตน์
นายแพทย์

คำถามที่พบบ่อย

ระดับความรู้สึกจะแตกต่างกันตามประเภทของพลังงานที่ใช้และความไวของผิวในแต่ละบุคคล

โดยทั่วไป

  • Thermage FLX และ EmFace มักรู้สึกสบายกว่าหัตถการประเภทพลังงานลึก
  • Ultherapy อาจรู้สึกมากกว่าเล็กน้อยในบางบริเวณ เนื่องจากเป็นการส่งพลังงานถึงชั้นโครงสร้างลึก

ก่อนทำแพทย์จะประเมินระดับความทนต่อความรู้สึกของแต่ละบุคคล และอาจใช้วิธีประคบเย็น ยาชาเฉพาะที่ หรือยาลดความเจ็บเพื่อให้รู้สึกสบายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

หลังทำสามารถรู้สึกถึงความกระชับเบื้องต้นได้ในช่วงแรก แต่การสร้างคอลลาเจนใหม่ต้องใช้เวลา ทำให้ผลลัพธ์ค่อย ๆ ชัดขึ้นในช่วงสัปดาห์ต่อจากนั้น โดยมักจะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนขึ้นใน ช่วงเดือนที่ 2–3 ระยะเวลาจะแตกต่างกันตามสภาพผิวและการตอบสนองของแต่ละบุคคล

จำนวนครั้งขึ้นอยู่กับ

  • ชนิดของเทคโนโลยี
  • ปัญหาผิวตั้งต้น
  • เป้าหมายที่ต้องการ

โดยทั่วไป

  • Ultherapy / Thermage FLX มักทำเป็นประจำปีละครั้ง
  • Morpheus8 มักวางแผนเป็นคอร์สหลายครั้งตามดุลยพินิจแพทย์
  • EmFace มักทำต่อเนื่องหลายครั้งในช่วงแรกเพื่อให้กล้ามเนื้อและผิวตอบสนองได้ดี

แพทย์จะออกแบบแผนที่เหมาะกับผิวของคุณโดยเฉพาะ

ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยและมักเป็นเพียงชั่วคราว เช่น

  • ผิวแดง
  • บวมเล็กน้อย
  • ความรู้สึกตึงใบหน้า

อาการเหล่านี้มักค่อย ๆ ดีขึ้นเองภายในไม่กี่วัน ขึ้นอยู่กับชนิดของพลังงานที่ใช้ หลังทำควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ใช้ครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ และดูแลผิวตามคำแนะนำของแพทย์

กลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยง หรือควรได้รับการประเมินเป็นพิเศษ ได้แก่

  • หญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีอุปกรณ์โลหะบางชนิดในบริเวณที่ต้องการรักษา
  • ผู้ที่มีภาวะโรคผิวหนังเฉพาะที่กำลังอักเสบ
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่างที่ต้องได้รับการประเมินก่อน
  • ผู้ที่มีความคาดหวังไม่สมเหตุสมผลหรือยังไม่พร้อมดูแลผิวหลังทำ

การประเมินโดยแพทย์เฉพาะทางจะช่วยให้มั่นใจว่าหัตถการเหมาะสมและปลอดภัยสำหรับคุณ

เริ่มต้นเส้นทางสู่ผิวที่ตึงกระชับ

โปรแกรมยกกระชับผิวเป็นการลงทุนในความงามและความมั่นใจระยะยาว การเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับปัญหาและความต้องการของคุณจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์
ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและการดูแลโดยแพทย์ผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด คุณจะได้สัมผัสกับการฟื้นฟูความอ่อนเยาว์และความมั่นใจที่แท้จริง โดยไม่ต้องเสี่ยงกับการผ่าตัดหรือการพักฟื้นที่ยาวนาน

นัดปรึกษาคุณหมอ
This entry was posted in . Bookmark the permalink.