ในยุคที่คนให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์และความมั่นใจในตนเอง คำถามที่หลายคนสงสัยคือ ดูดไขมันแก้มดีไหม? สำหรับผู้ที่มีแก้มใหญ่หรือหน้ากลม การดูดไขมันที่แก้มเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียวและเล็กลงได้อย่างเห็นผลชัดเจน
นอกจากนี้ ยังเป็นทางเลือกที่สะดวกและไม่อันตรายเมื่อทำโดยแพทย์ที่มีทักษะ จึงทำให้หลายคนสนใจและพิจารณาวิธีนี้ในการเพิ่มความมั่นใจในตนเองมากขึ้น
การดูดไขมันที่แก้มได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะสามารถช่วยให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด หลายคนมองว่าการมีใบหน้าที่เรียวสวยทำให้ดูดีขึ้นและเพิ่มความมั่นใจ การดูดไขมันที่แก้มเป็นทางเลือกที่ช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณแก้มได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เห็นผลลัพธ์โดยไม่ต้องใช้เวลานาน
การปรับรูปหน้าด้วยวิธีนี้ยังเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาแก้มใหญ่หรือหน้ากลม ที่มักรู้สึกว่ารูปหน้าของตนเองดูอวบอ้วนหรือไม่สมส่วน
นอกจากนี้ การดูดไขมันที่แก้มยังเป็นวิธีที่ไม่อันตรายเมื่อทำโดยแพทย์ที่มีทักษะในด้านนี้ ทำให้หลายคนรู้สึกสบายใจในการเลือกวิธีนี้เพื่อปรับปรุงรูปหน้าของตนเอง
ประโยชน์ของการดูดไขมันที่แก้ม
การดูดไขมันที่แก้มมีประโยชน์หลัก ๆ คือผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจน ซึ่งช่วยให้ใบหน้าดูเรียวและเล็กลงหลังทำ ช่วยแก้ปัญหาแก้มใหญ่ หน้ากลม หรือมีไขมันส่วนเกินที่ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ การดูดไขมันที่แก้มจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการปรับรูปหน้าให้สมส่วนและดูสวยงามมากขึ้น
นอกจากนี้ การดูดไขมันที่แก้มยังช่วยเพิ่มความคมชัดให้กับโครงหน้า ทำให้กรอบหน้าดูชัดเจนขึ้นและมีมิติมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถทำได้โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ จึงลดความกังวลเรื่องการพักฟื้นและความเสี่ยงจากการผ่าตัด
ทั้งนี้การดูดไขมันที่แก้มสามารถทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติเมื่อทำโดยแพทย์ที่มีทักษะในด้านนี้
ข้อเสียและความเสี่ยงของการดูดไขมันที่แก้ม
แม้ว่าการดูดไขมันที่แก้มจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อเสียและความเสี่ยงที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ หนึ่งในความเสี่ยงที่สำคัญคือการกระทบกับเส้นประสาทบริเวณใบหน้า เนื่องจากแก้มเป็นบริเวณที่มีเส้นประสาทจำนวนมาก
การดูดไขมันที่ไม่ถูกวิธีอาจทำให้เกิดอาการชาหรืออาการอ่อนแรงในบางส่วนของใบหน้า ซึ่งอาจใช้เวลาหลายเดือนในการฟื้นตัว
นอกจากนี้ ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ยังรวมถึงการบวม ช้ำ หรืออาการอักเสบหลังการทำ ซึ่งส่วนใหญ่จะหายไปในระยะเวลาหนึ่ง แต่ในบางกรณีอาจใช้เวลานานกว่าปกติ
อีกทั้ง ผลลัพธ์จากการดูดไขมันที่แก้มอาจไม่ถาวรหากน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น หรือมีการสะสมไขมันใหม่ในบริเวณอื่นของใบหน้า
ดังนั้น การรักษาน้ำหนักและการดูแลสุขภาพหลังทำจึงเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาผลลัพธ์ให้ยาวนาน
การพิจารณาถึงข้อเสียและความเสี่ยงเหล่านี้จึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยควรทำการปรึกษากับแพทย์ที่มีทักษะ เพื่อประเมินความเหมาะสมและเลือกวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง
กระบวนการดูดไขมันที่แก้มทำอย่างไร?
การดูดไขมันที่แก้มเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความละเอียดและความระมัดระวัง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและลดความเสี่ยงต่าง ๆ ซึ่งมีกระบวนการดังนี้
1. ขั้นตอนการประเมิน |
ก่อนการทำดูดไขมันที่แก้ม แพทย์จะทำการประเมินใบหน้าของผู้เข้ารับบริการอย่างละเอียด โดยตรวจสอบโครงสร้างใบหน้า ปริมาณไขมันที่สะสม และสภาพผิวในบริเวณที่ต้องการดูดไขมัน การประเมินนี้ยังรวมถึงการตรวจสอบประวัติสุขภาพและปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เช่น ปัญหาเส้นประสาทหรือภาวะสุขภาพที่อาจส่งผลต่อการรักษา ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการวางแผนการรักษาที่เหมาะสม |
2. การเตรียมตัวก่อนทำ |
หลังจากประเมินแล้ว บุคลากรจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเตรียมตัวก่อนทำดูดไขมันที่แก้ม เช่น หลีกเลี่ยงการทานยาที่อาจทำให้เลือดออกง่าย เช่น แอสไพริน หรือยาสมุนไพรบางชนิด นอกจากนี้ ควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรงและพักผ่อนให้เพียงพอก่อนเข้ารับการรักษา การทำตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความสำเร็จของการดูดไขมัน |
3. ขั้นตอนการทำ |
ที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ในวันเข้ารับบริการ แพทย์จะตั้งต้นด้วยการทำความสะอาดบริเวณที่จะดูดไขมัน จากนั้นจะฉีดยาชาเฉพาะที่เพื่อให้ผู้รับบริการไม่รู้สึกเจ็บ โดยไม่ต้องดมยาสลบ การดูดไขมันจะใช้เครื่องมือขนาดเล็กที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการดูดไขมันบริเวณแก้ม เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างแม่นยำและลดความเสี่ยงต่อเส้นประสาท ขั้นตอนทั้งหมดนี้ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของแต่ละบุคคล |
กระบวนการดูดไขมันที่แก้มจึงเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้ทักษะและความระมัดระวังในทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
“ดูดไขมันเหนียง” ลดคางสองชั้น ให้กรอบหน้าเรียว พร้อมยกกระชับการเตรียมตัวก่อนการดูดไขมันที่แก้ม
คำแนะนำจากแพทย์
ก่อนการดูดไขมันที่แก้ม การปรึกษาแพทย์ที่มีทักษะเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการเตรียมตัวเพื่อให้การทำเป็นไปอย่างราบรื่น โดยแพทย์จะตรวจสอบสภาพร่างกาย ประวัติการใช้ยา และอธิบายขั้นตอนการทำเพื่อให้ผู้รับบริการเข้าใจและเตรียมตัวได้ถูกต้อง
การเตรียมใจ
การเตรียมใจเป็นอีกขั้นตอนที่สำคัญ ควรเข้าใจถึงกระบวนการ ความเสี่ยง และผลลัพธ์ที่คาดหวังจากการดูดไขมันที่แก้ม การมีทัศนคติที่เปิดกว้างและการเตรียมใจให้พร้อมจะช่วยลดความกังวล และทำให้รู้สึกมั่นใจในการตัดสินใจมากขึ้น
สิ่งที่ต้องทำ
- งดการใช้ยาและอาหารเสริมบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน วิตามินอี หรืออาหารเสริมที่ทำให้เลือดหยุดยาก เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกง่าย
- งดดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจทำให้แผลหายช้าลง
- พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดีก่อนและหลังการทำ
- เตรียมชุดกระชับ ควรเตรียมชุดกระชับใบหน้าตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อช่วยให้ใบหน้ากลับเข้ารูปเร็วขึ้น โดยสามารถปรึกษาเจ้าหน้าที่ในคลินิกของเราได้
ขั้นตอนการดูดไขมันที่แก้ม
การฉีดยาชา
ก่อนเริ่มการดูดไขมัน แพทย์จะทำการฉีดยาชาเฉพาะที่บริเวณแก้มเพื่อให้ผู้รับบริการรู้สึกสบายและลดความเจ็บปวดระหว่างทำ การฉีดยาชาเฉพาะที่ช่วยลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการดมยาสลบและทำให้การดูดไขมันเป็นไปอย่างราบรื่น
การใช้เครื่องมือ
การดูดไขมันที่แก้มจะใช้อุปกรณ์ที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อการทำในบริเวณเล็ก ๆ อย่างแก้ม โดยเครื่องมือที่นิยมใช้คือ AccuTite หรือเครื่องมืออื่น ๆ ที่มีขนาดเล็กและมีความแม่นยำสูง เครื่องมือนี้จะช่วยดูดไขมันออกอย่างนุ่มนวลและปลอดภัย โดยการดูดไขมันจะทำผ่านแผลขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ใต้ติ่งหูหรือบริเวณที่มองไม่เห็น
การดูแลหลังทำ
หลังการดูดไขมันที่แก้ม การดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด ผู้รับบริการควรสวมชุดกระชับใบหน้าตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อช่วยให้ใบหน้าเข้ารูปเร็วขึ้น และลดอาการบวม นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดการกระแทกบริเวณที่ทำ งดการออกกำลังกายหนัก และหมั่นทำความสะอาดแผลตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ผลลัพธ์ที่ได้จากการดูดไขมันที่แก้ม
ผลลัพธ์หลังทำ
หลังการดูดไขมันที่แก้ม ผู้รับบริการจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของรูปหน้าที่ดูเรียวเล็กลงอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม อาจมีอาการบวมเล็กน้อยซึ่งจะค่อย ๆ ลดลงในไม่กี่วันแรก ทำให้รูปหน้าดูชัดเจนยิ่งขึ้น
การพักฟื้น
การพักฟื้นหลังการดูดไขมันที่แก้มมักใช้เวลาไม่นาน ส่วนใหญ่สามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้ภายใน 1-2 วันหลังทำ แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักและการทำกิจกรรมที่อาจกระทบกระเทือนบริเวณที่ทำในช่วงแรก เพื่อให้ใบหน้าฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่
การดูแลตัวเอง
หลังทำควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น การทานยาแก้ปวดหรือลดบวม การสวมชุดกระชับหน้า และการนอนยกศีรษะสูงเพื่อช่วยลดอาการบวม นอกจากนี้ควรดูแลแผลให้สะอาดและหลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลด้วยมือเปล่า รวมถึงการปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผลลัพธ์การดูดไขมันที่แก้มคงอยู่ยาวนานและได้รูปหน้าที่สวยงามตามต้องการ
ใช้เวลากี่วันถึงจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน?
ระยะเวลาการฟื้นตัว
หลังการดูดไขมันที่แก้ม ระยะเวลาการฟื้นตัวของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและการดูแลตัวเอง โดยทั่วไป อาการบวมและช้ำมักจะลดลงภายใน 3-7 วันแรก ในช่วงนี้ใบหน้าอาจดูบวมเล็กน้อย ซึ่งเป็นอาการปกติหลังการดูดไขมัน ผู้รับบริการส่วนใหญ่สามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้ภายใน 1-2 วันหลังทำ
แต่ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมหนักหรือการออกกำลังกายที่อาจกระทบกระเทือนบริเวณที่ทำจนกว่าจะหายดี
การเห็นผลลัพธ์จริง
ผลลัพธ์ของการดูดไขมันที่แก้มจะเริ่มเห็นชัดเจนขึ้นหลังจากที่อาการบวมลดลง ซึ่งโดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ ใบหน้าจะดูเรียวเล็กและโครงหน้าจะชัดเจนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจะปรากฏเมื่อครบประมาณ 3-6 เดือน เนื่องจากกระบวนการฟื้นฟูและการปรับตัวของผิวหลังการดูดไขมันยังคงดำเนินไปเรื่อย ๆ ในช่วงเวลานี้
การดูแลตนเองตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น การสวมชุดกระชับใบหน้าอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้ใบหน้าเข้ารูปเร็วขึ้นและลดความเสี่ยงจากการเกิดอาการบวมซ้ำ การปฏิบัติตามคำแนะนำนี้จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและคงอยู่นานตามที่ต้องการ
บทความที่เกี่ยวข้อง
ข้อควรรู้และสิ่งที่ต้องระวังก่อนการตัดสินใจ
การปรึกษาแพทย์
ก่อนตัดสินใจทำการดูดไขมันที่แก้ม สิ่งสำคัญคือการปรึกษากับแพทย์ที่มีทักษะและรักษาในด้านนี้ เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องและตรงกับความต้องการของคุณ แพทย์จะช่วยประเมินโครงสร้างใบหน้า สภาพผิว และปริมาณไขมันที่ต้องการกำจัด รวมถึงตรวจสอบประวัติสุขภาพเพื่อระบุว่าเหมาะสมกับวิธีการนี้หรือไม่
การปรึกษาแพทย์ยังช่วยให้คุณเข้าใจขั้นตอนการทำ ความเสี่ยง และผลลัพธ์ที่คาดหวัง ซึ่งจะช่วยในการตัดสินใจได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
ข้อจำกัดของวิธีการ
การดูดไขมันที่แก้มไม่เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก หรือมีไขมันที่อยู่ลึกในชั้นกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ ผู้ที่มีผิวบางหรือมีปัญหาเกี่ยวกับเส้นประสาทอาจไม่เหมาะสมกับวิธีนี้ การดูดไขมันที่แก้มเน้นการกำจัดไขมันชั้นตื้นเท่านั้น และไม่สามารถแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้ทั้งหมด
ดังนั้น หากมีปัญหาอื่นร่วมด้วย เช่น กล้ามเนื้อหย่อนคล้อยหรือกระดูกใบหน้าที่ไม่สมส่วน แพทย์อาจแนะนำวิธีอื่นเพิ่มเติม เช่น การยกกระชับใบหน้า การร้อยไหม หรือการฉีดโบท็อกซ์
ปัจจัยเสี่ยง
แม้ว่าการดูดไขมันที่แก้มจะเป็นวิธีที่ไม่อันตรายเมื่อทำโดยแพทย์ที่มีทักษะ แต่ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ควรทราบ เช่น การบวม ช้ำ หรืออักเสบที่อาจเกิดขึ้นในบริเวณที่ทำ รวมถึงความเสี่ยงต่อการกระทบเส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อใบหน้า ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการชา หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงชั่วคราว
นอกจากนี้ ผลลัพธ์ของการดูดไขมันที่แก้มอาจไม่ถาวรหากมีการเพิ่มน้ำหนักหรือสะสมไขมันใหม่ การดูแลสุขภาพและรักษาน้ำหนักหลังทำจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผลลัพธ์คงอยู่นานยิ่งขึ้น
การทำความเข้าใจถึงข้อควรรู้และสิ่งที่ต้องระวังก่อนการตัดสินใจจะช่วยให้คุณสามารถเลือกวิธีที่เหมาะสมและปลอดภัยกับตัวเองได้มากที่สุด ควรพิจารณาทุกปัจจัยอย่างถี่ถ้วนและทำตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ดูดไขมันที่แก้มเหมาะกับใคร?
การดูดไขมันที่แก้มเป็นวิธีที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวและเล็กลง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมาะกับวิธีนี้ นี่คือกลุ่มคนที่เหมาะสมกับการดูดไขมันที่แก้ม โดยระบุช่วงอายุที่ควรพิจารณา
กลุ่มคนที่เหมาะสม
การดูดไขมันที่แก้มเหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมที่แก้มมาก ทำให้โครงหน้าไม่ชัดเจน โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวหนาและยืดหยุ่นดี ซึ่งสามารถเข้ารูปได้ง่ายหลังทำ วิธีนี้จะเหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถลดไขมันบริเวณแก้มได้ด้วยการออกกำลังกายหรือควบคุมอาหาร
วัยรุ่น (อายุ 18-25 ปี)
วัยรุ่นในช่วงอายุ 18-25 ปี ที่มีแก้มใหญ่ตั้งแต่วัยเด็ก และการลดไขมันด้วยวิธีธรรมชาติไม่เห็นผล อาจพิจารณาการดูดไขมันที่แก้มได้ อย่างไรก็ตาม ควรมีการปรึกษาแพทย์และผู้ปกครองอย่างละเอียด เนื่องจากวัยนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างใบหน้าและฮอร์โมน ซึ่งอาจส่งผลต่อผลลัพธ์ในระยะยาว
ผู้ใหญ่ (อายุ 26-45 ปี)
ผู้ใหญ่ในช่วงอายุ 26-45 ปี เป็นกลุ่มที่นิยมทำการดูดไขมันที่แก้มมากที่สุด เนื่องจากในวัยนี้โครงหน้ามักจะเริ่มเห็นชัดเจน และมีปัญหาไขมันสะสมที่แก้มมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีน้ำหนักเกิน การดูดไขมันที่แก้มสามารถช่วยปรับโครงหน้าให้ดูชัดเจนขึ้น ลดความอวบอ้วนของใบหน้าได้อย่างเห็นผลชัดเจน
ผู้สูงอายุ (อายุ 46 ปีขึ้นไป)
สำหรับผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 46 ปี การดูดไขมันที่แก้มควรทำด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากผิวหนังมักเริ่มหย่อนคล้อย การดูดไขมันอาจช่วยลดไขมันส่วนเกินได้ แต่ก็มีโอกาสที่จะทำให้ผิวยิ่งหย่อนคล้อยกว่าเดิม แพทย์อาจแนะนำวิธีอื่นเพิ่มเติม เช่น การยกกระชับใบหน้า หรือการร้อยไหม เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติและเข้ากับสภาพผิวของผู้สูงอายุ
โดยสรุป การดูดไขมันที่แก้มเหมาะกับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ซึ่งต้องการลดไขมันบริเวณแก้มเพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น แต่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมและเลือกวิธีที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง รวมถึงปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและตรงกับความต้องการที่สุด
ทีมแพทย์ดูดไขมัน ที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
นพ. สุทธิพงษ์ ตรีรัตน์
นายแพทย์
นพ. ทวีชัย ทวีเจริญกุล
แพทย์โสต ศอ นาสิก
น.ต.นพ. จตุพร ซื่อสัตย์
ศัลยแพทย์ตกแต่ง
นพ. อนิวรรต นิลกาญจน์
นายแพทย์
นพ. วุฒิวัธ อนุพรรณสว่าง
ศัลยแพทย์
ใครไม่ควรทำการดูดไขมันที่แก้ม?
แม้ว่าการดูดไขมันที่แก้มจะเป็นวิธีที่ช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียวและมีโครงหน้าชัดเจนขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมาะกับการทำวิธีนี้ นี่คือกลุ่มคนที่ควรหลีกเลี่ยงการดูดไขมันที่แก้ม
ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ
บุคคลที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมได้ หรือโรคที่เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด ควรหลีกเลี่ยงการดูดไขมันที่แก้ม เนื่องจากขั้นตอนนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน หรือส่งผลต่อการฟื้นตัวหลังทำ นอกจากนี้ ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือรับยาที่ส่งผลต่อการรักษาแผลก็ควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ
ผู้ที่มีผิวบาง
ผู้ที่มีผิวบางหรือผิวที่มีความยืดหยุ่นน้อยควรหลีกเลี่ยงการดูดไขมันที่แก้ม เนื่องจากหลังการดูดไขมัน ผิวที่บางและยืดหยุ่นน้อยอาจเกิดปัญหาหย่อนคล้อย ไม่เข้ารูปตามที่ต้องการ นอกจากนี้ การดูดไขมันที่แก้มในผู้ที่มีผิวบางอาจเสี่ยงต่อการกระทบกระเทือนต่อเส้นประสาทใบหน้า ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการชา หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้
ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์
การตั้งครรภ์เป็นช่วงที่ควรหลีกเลี่ยงการทำหัตถการที่ไม่จำเป็นทั้งหมด รวมถึงการดูดไขมันที่แก้ม เนื่องจากการทำในช่วงตั้งครรภ์อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของทั้งแม่และทารกในครรภ์ แม้ว่าจะเป็นหัตถการที่ไม่อันตราย แต่การเปลี่ยนแปลงของร่างกายในช่วงตั้งครรภ์ เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและการสะสมของไขมัน อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง นอกจากนี้ การฉีดยาชาหรือยาใด ๆ ที่ใช้ในขั้นตอนนี้อาจมีผลกระทบต่อทารกได้ จึงควรเลี่ยงจนกว่าจะคลอดและร่างกายฟื้นตัวเต็มที่
การพิจารณาถึงข้อจำกัดและกลุ่มคนที่ไม่เหมาะกับการดูดไขมันที่แก้มจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยในขั้นตอนการรักษา ควรปรึกษาแพทย์และประเมินสุขภาพอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ เพื่อเลือกวิธีการที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดสำหรับตัวคุณเอง
ดูดไขมันที่แก้มกับการทำวิธีอื่นต่างกันอย่างไร?
เมื่อพูดถึงการปรับรูปหน้าให้เรียวและลดไขมันบริเวณแก้ม นอกจากการดูดไขมันที่แก้มแล้วยังมีวิธีอื่น ๆ ที่ได้รับความนิยม เช่น การฉีดเมโสแฟต การร้อยไหม และการใช้เลเซอร์ ซึ่งแต่ละวิธีมีความแตกต่างกันในด้านของกระบวนการ ผลลัพธ์ และระยะเวลาการฟื้นตัว ดังนี้
- เปรียบเทียบกับเมโสแฟต
การฉีดเมโสแฟต คือการฉีดสารที่ช่วยสลายไขมันเข้าสู่ชั้นใต้ผิวหนังบริเวณแก้มเพื่อทำให้ไขมันลดลง วิธีนี้เป็นที่นิยมเพราะไม่ต้องผ่าตัดและใช้เวลาทำไม่นาน อย่างไรก็ตาม เมโสแฟตมักให้ผลลัพธ์ในระยะสั้นและจำเป็นต้องฉีดซ้ำหลายครั้งเพื่อคงผลลัพธ์ โดยเฉพาะในผู้ที่มีไขมันสะสมมาก อาจไม่เห็นผลเท่ากับการดูดไขมันที่สามารถกำจัดไขมันออกไปได้ถาวรกว่า และไม่ต้องกลับมาทำซ้ำบ่อย ๆ - เปรียบเทียบกับการร้อยไหม
การร้อยไหม เป็นการใช้เส้นไหมเพื่อยกกระชับผิวหน้าและปรับโครงหน้าให้เรียวขึ้น โดยเส้นไหมจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวดูตึงกระชับขึ้น การร้อยไหมเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่หากปัญหาหลักคือไขมันสะสมที่แก้ม การร้อยไหมอาจไม่ตอบโจทย์ เพราะไม่ได้กำจัดไขมันโดยตรงเหมือนกับการดูดไขมัน นอกจากนี้ การร้อยไหมอาจมีผลลัพธ์ชั่วคราวและต้องทำซ้ำทุก 1-2 ปี - เปรียบเทียบกับเลเซอร์
การใช้เลเซอร์ เช่น เลเซอร์ยกกระชับหรือเลเซอร์สลายไขมัน เป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัดและช่วยในการลดไขมันและยกกระชับผิวหน้าได้ในระดับหนึ่ง เลเซอร์ทำงานโดยใช้พลังงานแสงไปทำลายเซลล์ไขมันและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันเล็กน้อยและต้องการผลลัพธ์ที่ไม่รุนแรง อย่างไรก็ตาม การใช้เลเซอร์ไม่สามารถกำจัดไขมันได้มากเท่ากับการดูดไขมันที่แก้ม และอาจต้องทำหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
การดูดไขมันที่แก้มเหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณแก้มมากและต้องการกำจัดไขมันออกไปถาวร โดยไม่ต้องกลับมาทำซ้ำบ่อย ๆ ในขณะที่การฉีดเมโสแฟต การร้อยไหม และการใช้เลเซอร์เป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัดและมีระยะเวลาการฟื้นตัวสั้นกว่า
แต่ผลลัพธ์อาจอยู่ไม่นานและไม่สามารถกำจัดไขมันได้เท่ากับการดูดไขมัน การเลือกวิธีที่เหมาะสมควรพิจารณาจากปัญหาของแต่ละบุคคล รวมถึงปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและเลือกวิธีที่ตอบโจทย์ที่สุด
ดูดไขมันที่แก้มเจ็บไหม?
ระดับความเจ็บปวด
ในระหว่างการดูดไขมันที่แก้ม แพทย์จะใช้ยาชาเฉพาะที่เพื่อให้ผู้รับบริการรู้สึกสบายและไม่รู้สึกเจ็บขณะทำหัตถการ ซึ่งช่วยลดความเจ็บปวดได้อย่างมาก หลังจากการทำ ผู้เข้ารับบริการอาจรู้สึกตึงหรือเจ็บเล็กน้อยบริเวณที่ทำ แต่ความเจ็บนี้มักจะไม่รุนแรงและจะบรรเทาลงในไม่กี่วัน หากมีอาการเจ็บหรือไม่สบายมากเกินไป แพทย์จะให้คำแนะนำในการใช้ยาแก้ปวดตามความเหมาะสม
วิธีการลดอาการบวม
หลังจากการดูดไขมันที่แก้ม อาจมีอาการบวมเกิดขึ้นได้ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก การประคบเย็นในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังทำจะช่วยลดอาการบวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การนอนยกศีรษะสูงและหลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหน้า รวมถึงการสวมชุดกระชับใบหน้าตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยให้ใบหน้าเข้ารูปเร็วขึ้นและลดบวมได้ การดูแลตัวเองตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างรวดเร็วและลดอาการบวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
การดูดไขมันที่แก้มอาจทำให้เกิดอาการบวม ช้ำ หรืออักเสบในบริเวณที่ทำ ซึ่งเป็นอาการปกติที่มักหายไปภายใน 1-2 สัปดาห์ ในบางกรณีอาจรู้สึกชาหรือมีอาการเจ็บเล็กน้อยบริเวณแผล นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงต่อการกระทบเส้นประสาทใบหน้า ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการชา หรือกล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงชั่วคราว แต่อาการเหล่านี้มักจะค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการดูแลหลังทำจะช่วยลดผลข้างเคียงได้อย่างมาก
ในขั้นตอนการดูดไขมันที่แก้มจะมีการฉีดยาชาเฉพาะที่เพื่อช่วยลดความเจ็บปวด ทำให้ระหว่างทำผู้เข้ารับบริการจะรู้สึกสบาย หลังทำอาจมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยหรือตึงในบริเวณที่ทำ ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยการทานยาแก้ปวดที่แพทย์แนะนำ โดยทั่วไปอาการเจ็บจะหายไปภายในไม่กี่วันหลังทำ
ระยะเวลาการพักฟื้นหลังดูดไขมันที่แก้มมักไม่ยาวนาน โดยปกติผู้เข้ารับบริการสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ภายใน 1-2 วันแรกหลังทำ แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่อาจกระทบกระเทือนบริเวณที่ทำในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เพื่อให้ใบหน้าฟื้นตัวได้เต็มที่
ค่าใช้จ่ายในการดูดไขมันที่แก้มจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับคลินิกที่เลือกใช้และทักษะของแพทย์ โดยราคามักตั้งต้นที่ประมาณ 29,000 บาท ขึ้นอยู่กับเทคนิคและเครื่องมือที่ใช้ รวมถึงรักษาของแพทย์ที่ทำ การสอบถามราคาที่แน่นอนและรายละเอียดเพิ่มเติมจากคลินิกที่สนใจจะช่วยให้ทราบค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมและตรงกับงบประมาณ
การดูดไขมันที่แก้มสามารถให้ผลลัพธ์ที่ถาวรในกรณีที่มีการรักษาน้ำหนักตัวให้คงที่ เนื่องจากเป็นการกำจัดเซลล์ไขมันออกจากบริเวณแก้มโดยตรง อย่างไรก็ตาม หากมีการเพิ่มน้ำหนักหรือมีไขมันสะสมใหม่ ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นการรักษาน้ำหนักและการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญ
นอกจากการดูดไขมันที่แก้มแล้ว ยังมีวิธีอื่นที่ช่วยลดขนาดแก้มได้ เช่น การฉีดเมโสแฟต การร้อยไหม และการใช้เลเซอร์สลายไขมัน ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดต่างกัน การเลือกวิธีที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัญหาและความต้องการของแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่ดีที่สุด
การทราบคำตอบสำหรับคำถามที่พบบ่อยเหล่านี้จะช่วยให้ผู้อ่านมีข้อมูลที่เพียงพอและตัดสินใจได้อย่างมั่นใจในการเลือกวิธีการลดไขมันที่แก้มที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด
การดูแลหลังการดูดไขมันที่แก้มทำอย่างไร?
การดูแลผิว
หลังการดูดไขมันที่แก้ม การดูแลผิวเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผิวเรียบเนียนและเข้ารูปได้ดี ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณแผลด้วยมือเปล่า หรือล้างหน้าแรง ๆ ในช่วงแรก การทำความสะอาดแผลตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น การใช้ผ้าชุบน้ำเกลืออุ่น ๆ เช็ดเบา ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแล
ควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่แพทย์แนะนำ ซึ่งเหมาะกับสภาพผิวหลังทำหัตถการ เช่น ครีมลดรอยช้ำหรือครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมช่วยฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีแรง หรือเครื่องสำอางที่อาจทำให้ระคายเคืองในช่วงแรกหลังการทำ
การพบแพทย์
ควรพบแพทย์ตามนัดหมายเพื่อติดตามผลการรักษาและตรวจสอบความเรียบร้อยของการฟื้นตัว แพทย์จะทำการประเมินผลลัพธ์และให้คำแนะนำเพิ่มเติมในการดูแลใบหน้าหลังการดูดไขมัน การพบแพทย์ตามกำหนดนัดหมายเป็นสิ่งสำคัญในการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมถึงเพื่อให้แน่ใจว่าผลลัพธ์จะเป็นไปตามที่คาดหวัง
Before / After ดูดไขมันหน้า
ดูดไขมันที่แก้มดีไหม ? การดูดไขมันที่แก้มเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กลงอย่างชัดเจน เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณแก้มมากและต้องการผลลัพธ์ที่ถาวร ข้อดีของการดูดไขมันที่แก้มคือสามารถกำจัดไขมันออกไปได้ ทำให้เห็นผลลัพธ์รวดเร็ว และไม่จำเป็นต้องทำซ้ำบ่อย ๆ เมื่อเทียบกับวิธีอื่น อย่างไรก็ตาม ข้อเสียคืออาจมีความเสี่ยงต่อการกระทบเส้นประสาทบริเวณใบหน้า ทำให้เกิดอาการชา หรืออ่อนแรงในบางราย นอกจากนี้ ยังอาจมีอาการบวมและช้ำในช่วงแรกที่ต้องการการดูแลและการพักฟื้นที่เหมาะสม
รายละเอียดการรักษา
เวลาผ่าตัด
1 ชั่วโมง
วิธีฉีดยาชา
เฉพาะจุด
ดูดไขมันโดย
อาจารย์แพทย์
อาจมีอาการชาจากยา
แต่จะหายใน 2-3 วัน
แพทย์ผู้ก่อตั้ง รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์