1. Diagnosis เกี่ยวกับการผ่าตัดบายพาสกระเพาะอาหาร
- การผ่าตัดบายพาสกระเพาะอาหาร จะทำการสร้างกระเพาะอาหารขนาดเล็กและเปลี่ยนเส้นทางการไหลของลำไส้เล็ก เพื่อลดการรับประทานอาหารและการดูดซึมสารอาหาร ทำให้ความรู้สึกหิวน้อยลง ถึงไม่มีเลย รวมถึงลดการเกิดภาวะ Dumping Syndrome ซึ่งเป็นการที่อาหารไหลผ่านกระเพาะเข้าสู่ลำไส้เร็วเกินไป
- การผ่าตัดนี้จะช่วยในการลดน้ำหนัก และสามารถรักษาโรคเบาหวานได้ ในรายที่เป็นไม่นาน และยังเป็นไม่มากนัก และผ่าตัดได้ในคนไข้ทุกประเภท รวมทั้งหากเป็นโรคกรดไหลย้อน และเป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหากรณีผ่าตัดแบบอื่นๆ แล้วไม่ได้ผล
- เหมาะสำหรับการผ่าตัดมักจะมีดัชนีมวลกาย (BMI) 40 ขึ้นไป หรือ BMI 35 ขึ้นไปพร้อมกับโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วน
2. การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
- ผู้ป่วยต้องผ่านการประเมินทางการแพทย์อย่างครบถ้วน รวมถึงการตรวจเลือด การตรวจภาพถ่าย และการประเมินทางจิตวิทยา เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยพร้อมสำหรับการผ่าตัด
- ผู้ป่วยอาจต้องปฏิบัติตามการควบคุมอาหารล่วงหน้า โดยปกติจะเป็นอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำและโปรตีนสูง เพื่อช่วยลดขนาดของตับและเพิ่มประสิทธิภาพในการผ่าตัด
3. ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
- ภาวะแทรกซ้อนระยะสั้น: การติดเชื้อ การตกเลือด การเกิดลิ่มเลือด และความเสี่ยงจากการใช้ยาสลบ
- ภาวะแทรกซ้อนระยะยาว: การขาดสารอาหาร อาการท้องเดิน (Dumping Syndrome) การอุดตันของลำไส้ และนิ่วในถุงน้ำดี
4. คำแนะนำด้านการรับประทานอาหารหลังการผ่าตัด
- 1-2 สัปดาห์ (อาหารเหลว) : ของเหลวใส เช่น น้ำซุป โปรตีนเชค
- 2-4 สัปดาห์ (อาหารบด) : อาหารนุ่มบดละเอียด เช่น โยเกิร์ต มันฝรั่งบด ไข่คน
- 4-8สัปดาห์ (อาหารนุ่ม) : เนื้อนุ่ม ผักสุก และผลไม้ที่นิ่ม
- หลัง 8 สัปดาห์ (อาหารปกติ) : การเริ่มรับประทานอาหารทั่วไป โดยมุ่งเน้นที่โปรตีนและไฟเบอร์
คำแนะนำเพิ่มเติม :
- ควรกินอาหารในปริมาณน้อยแต่บ่อยครั้งและเคี้ยวอาหารให้ละเอียด
- การดื่มน้ำ : ควรดื่มน้ำ 1.5-2 ลิตรต่อวัน แต่ควรหลีกเลี่ยงการดื่มของเหลวก่อนและหลังมื้ออาหาร 30 นาที
- ผู้ป่วยต้องเตรียมตัวที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารและวิถีชีวิตอย่างถาวร
- การเลิกสูบบุหรี่และการลดการดื่มแอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนและส่งเสริมการฟื้นตัวหลังการผ่าตัด
5. การใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
การใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตลอดชีวิตเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันการขาดสารอาหาร เช่น
- วิตามินรวม (รวมทั้งธาตุเหล็ก กรดโฟลิก และสังกะสี)
- แคลเซียมพร้อมวิตามินดี
- วิตามินบี12
- ผลิตภัณฑ์เสริมธาตุเหล็ก (ถ้าจำเป็น)
6. การปฏิบัติตัวหลังผ่าตัด
หลังการผ่าตัดควรเริ่มทำกิจกรรมทางกายที่เบา เช่น การเดิน และค่อยๆ เพิ่มระดับกิจกรรมทางกาย เช่น การออกกำลังกายแบบแอโรบิกและการฝึกกล้ามเนื้อ
7. การติดตามผลและการดูแลหลังการผ่าตัด
- ผู้ป่วยต้องเข้ารับการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอเพื่อประเมินผลการลดน้ำหนัก ตรวจสอบสถานะสารอาหาร และทำการทดสอบทางห้องปฏิบัติการ
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น อาเจียนบ่อย ปวดท้องรุนแรง หรือความอ่อนเพลียผิดปกติ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
รัตตินันท์ คลินิก ให้บริการด้านความงามและการรักษา โดยทีมแพทย์เฉพาะทางระดับอาจารย์หลากหลายสาขา ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีความปลอดภัยสูงและเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ได้รับรองมาตรฐานจาก AACI สหรัฐอเมริกา ด้านศูนย์ศัลยกรรมผู้ป่วยนอกแห่งแรกในเอเชียแปซิฟิก 2 ปีซ้อน รวมถึงรางวัลจาก WhatClinic ด้านบริการลูกค้ายอดเยี่ยมระดับสากล เป็นปีที่4 จากลูกค้ากว่า 30 ประเทศทั่วโลก ที่ให้ความไว้วางใจและใช้บริการอย่างต่อเนื่อง