กระตุ้นคอลลาเจน ใบหน้า ทำได้กี่วิธี

กระตุ้นคอลลาเจน

สารบัญ

กระตุ้นคอลลาเจน เป็นกระบวนการที่สำคัญสำหรับการรักษาผิวหน้าให้ดูสดใสและอ่อนเยาว์ โดยเฉพาะเมื่อเราอายุมากขึ้น การผลิตคอลลาเจนในร่างกายจะลดลง ทำให้ผิวเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดริ้วรอยต่างๆ การกระตุ้นคอลลาเจนจึงเป็นวิธีที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาดูเต่งตึงและกระชับอีกครั้ง

ในบทความนี้ เราจะพูดถึงวิธีการต่างๆ ในการกระตุ้นคอลลาเจน เช่น การดูแลจากภายในและภายนอก รวมถึงการใช้หัตถการที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนอย่างมีประสิทธิภาพ

คอลลาเจนคืออะไร?

คอลลาเจน เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่พบมากในร่างกายของเรา โดยเฉพาะในผิวหนัง กระดูก เอ็น และ เนื้อเยื่อเกี่ยวพันอื่นๆ คอลลาเจนมีบทบาทสำคัญในการรักษาความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อในร่างกาย คอลลาเจนช่วยให้ผิวดูเต่งตึงและมีความยืดหยุ่น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องผิวจากการหย่อนคล้อยและการเกิดริ้วรอย

คอลลาเจน ช่วยฟื้นฟูผิวหน้าให้ดูเรียบเนียนและกระชับ ผิวที่มีคอลลาเจนในปริมาณที่พอเหมาะ จะมีความยืดหยุ่นและไม่เกิดริ้วรอยได้ง่าย นอกจากนี้ คอลลาเจน ยังช่วยรักษาความแข็งแรงของผิว และปกป้องไม่ให้ผิวหนังเสียหายจากการถูกทำร้ายจากปัจจัยต่างๆ เช่น แสงแดดและมลภาวะ

ทำไมต้องกระตุ้นคอลลาเจน?

เหตุผลที่ทำให้เราควรกระตุ้น คอลลาเจน เนื่องจากผิวเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่นและความกระชับ นอกจากนี้ยังเกิดริ้วรอย และ ความหย่อนคล้อย บนผิวหน้าด้วย คอลลาเจน มีบทบาทสำคัญในการทำให้ผิวดูเต่งตึงและมีความยืดหยุ่น หากร่างกายผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง ผิวจะเริ่มหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น ทำให้หน้าดูแก่ลงและไม่สดใส

การกระตุ้นคอลลาเจน เป็นกระบวนการที่สำคัญในการ ฟื้นฟูผิว ให้ดูอ่อนเยาว์และกระชับขึ้น

สัญญาณที่บอกว่า คอลลาเจนใบหน้า ลดลง

รอยแตกบริเวณปากและรอบตา คือ สัญญาณแรก ๆ ที่บอกว่าคอลลาเจนในผิวหน้ากำลังลดลง เนื่องจากบริเวณนี้มีการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อบ่อยที่สุด (ยิ้ม พูด กระพริบตา) ทำให้คอลลาเจนสึกหรอและแตกหักได้เร็วกว่าส่วนอื่น

ผิวหย่อนคล้อยและโหนกแก้มตก เป็นสัญญาณที่บอกว่าคอลลาเจนในชั้นผิวลดลงอย่างมาก เพราะคอลลาเจนทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพยุงผิว เมื่อคอลลาเจนลดลง ผิวจะสูญเสียความสามารถในการต้านแรงโน้มถ่วง ทำให้เนื้อเยื่อไหลลงด้านล่าง โหนกแก้มแบนราบ และหน้าเปลี่ยนรูปจาก V-Shape เป็น U-Shape

ผิวขาดความยืดหยุ่น กดแล้วไม่กลับคืนเร็ว เป็นสัญญาณชัดเจนว่าคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวลดลงอย่างมาก เพราะคอลลาเจนทำให้ผิวแข็งแรง ส่วนอีลาสตินทำให้ผิวยืดหยุ่นได้ เมื่อทั้งสองลดลง ผิวจะสูญเสียความสามารถในการกลับคืนสู่รูปเดิม

รูขุมขนกว้างขึ้นและผิวขรุขระ เกิดจากคอลลาเจนรอบรูขุมขนลดลง ทำให้ผนังรูขุมขนหย่อนและถูกแรงโน้มถ่วงดึงลง จนรูขุมขนขยายใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะด้านบนจะกว้างกว่าด้านล่าง เกิดเป็นรูปหยดน้ำ (Teardrop-shaped Pores) ผิวจึงดูขรุขระคล้ายผิวส้ม สัมผัสไม่เรียบเนียนเหมือนเดิม และแสงสะท้อนจากผิวหน้าไม่สม่ำเสมอ ทำให้ดูหมองคล้ำ

ผิวแห้งและขาดความชุ่มชื้น เกิดจากคอลลาเจนที่ลดลงทำให้ผิวสูญเสียความสามารถในการดึงดูดและกักเก็บน้ำ (ร่วมกับ Hyaluronic Acid) ผิวจึงแห้งเร็ว รู้สึกตึงตลอดเวลา แม้เพิ่งทาครีมไม่นาน นอกจากนี้ Skin Barrier ยังอ่อนแอลง ทำให้น้ำระเหยออกจากผิวได้ง่าย ผิวจึงดูซูบซีด ไม่เปล่งปลั่ง มีเกล็ดผิวปลิว และแต่งหน้าแล้วไม่เกลี่ยเนียน

ปัจจัยที่ทำลายคอลลาเจนใบหน้า

  • แสงแดด UV ที่ทำลายคอลลาเจนในชั้นผิว
  • การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
  • น้ำตาลและอาหารแปรรูปมากเกินไป
  • ความเครียดและการนอนหลับไม่เพียงพอ
  • มลภาวะและสารพิษจากสิ่งแวดล้อม

วิธีการกระตุ้นคอลลาเจนใบหน้า

การ กระตุ้นคอลลาเจน ในผิวหน้าสามารถทำได้หลายวิธีโดยใช้วิธีธรรมชาติ ซึ่งไม่จำเป็นต้องพึ่งหัตถการหรือผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีแรงๆ นี่คือวิธีที่สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวหน้าดูเต่งตึงและกระชับขึ้น

การทาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ Retinol (วิตามิน A)

Retinol หรือวิตามิน A เป็นหนึ่งในส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง โดย Retinol จะช่วยเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิวเก่าและกระตุ้นให้ผิวสร้างเซลล์ใหม่ที่มีความแข็งแรงและกระชับมากขึ้น ซึ่งทำให้ริ้วรอยและความหย่อนคล้อยลดลง ผิวจะดูเรียบเนียนและสดใสขึ้น

การรับประทานอาหารที่ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน

การรับประทานอาหารที่มีวิตามิน C และ โปรตีน เป็นวิธีธรรมชาติที่ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในร่างกาย วิตามิน C มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่แข็งแรงในผิวหนัง เช่น

  • ปลา เช่น ปลาแซลมอน ซึ่งอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ช่วยบำรุงผิว
  • ผักใบเขียว เช่น ผักโขม หรือบรอกโคลี ที่มีวิตามิน C สูงและไฟเบอร์ที่ช่วยในการสร้างคอลลาเจน
  • ผลไม้ที่มีวิตามิน C สูง เช่น ส้ม, สตรอเบอร์รี่, กีวี ที่ช่วยเพิ่มการผลิตคอลลาเจนและทำให้ผิวดูสดใสขึ้น

หัตถการที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน

  • การทำ Fractional Laser เลเซอร์ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว
  • การทำ Microneedling การใช้เข็มเล็กๆ เจาะผิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
  • การฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ การใช้ฟิลเลอร์เติมเต็มในบริเวณที่มีการสูญเสียคอลลาเจนเพื่อเพิ่มความเต่งตึง
  • โปรแกรม Profhilo กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน

ตารางเปรียบเทียบหัตถการ กระตุ้นคอลลาเจน ยอดนิยม

หัตถการ

เทคโนโลยี

หลักการทำงาน

จุดเด่น

Profhilo

Bio-remodeling

ฉีด Hyaluronic Acid ความเข้มข้นสูง กระจายตัวในผิว กระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสติน

ผิวชุ่มชื้น เปล่งปลัง ธรรมชาติที่สุด

Fractional Laser

CO2 หรือ Erbium Laser

ยิงเลเซอร์สร้างแผลเล็กๆ (Micro-wounds) กระตุ้นการซ่อมแซมผิว

ลบริ้วรอยลึก ปรับผิวหน้าได้มาก

Microneedling

Mechanical + RF (เช่น Morpheus8)

เข็มเล็กๆ เจาะผิว ส่งคลื่น RF กระตุ้นชั้นผิวลึก

รักษารอยแผลเป็นได้ดี ราคาเหมาะสม

Ulthera (HIFU)

High-Intensity Focused Ultrasound

คลื่นเสียงความถี่สูง ส่งพลังงานลึกถึง SMAS Layer

ยกกระชับลึกสุด ไม่ทำลายผิวชั้นนอก

ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน

Retinol & Retinoids – ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย

Retinol และ Retinoids คือ สารอนุพันธ์ของวิตามิน A ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการกระตุ้นคอลลาเจน ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์มากที่สุด 

หลักการทำงาน

  • กระตุ้น Fibroblast สร้างคอลลาเจนใหม่
  • ยับยั้งเอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจน (MMP)
  • เร่งการผลัดเซลล์ผิว (Cell Turnover)
  • ลดริ้วรอย รอยสิว และฝ้ากระ

Vitamin C Serum – ความเข้มข้นที่เหมาะสม

Vitamin C (L-Ascorbic Acid) เป็น Antioxidant ที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างคอลลาเจน

หลักการทำงาน

  • ช่วยสร้างคอลลาเจนในขั้นตอน Hydroxylation (จำเป็นต่อการสร้าง)
  • ปกป้องคอลลาเจนจากอนุมูลอิสระ (Free Radicals)
  • ยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ลดฝ้ากระ ผิวกระจ่างใส
  • ลดการอักเสบ เสริมฤทธิ์ครีมกันแดด

Peptides – ชนิดต่าง ๆ และการทำงาน

Peptides คือ สายของกรดอมิโนสั้น ๆ (building blocks ของโปรตีน) ที่ส่งสัญญาณให้ผิวสร้างคอลลาเจน

หลักการทำงาน

Peptides ทำงานเหมือนสื่อกลาง ส่งสัญญาณหลอกผิวว่ามีคอลลาเจนแตกหัก ผิวจึงเร่งซ่อมแซมโดยสร้างคอลลาเจนใหม่

Niacinamide – ประโยชน์ต่อการสร้างคอลลาเจน

Niacinamide (Vitamin B3) คือ Multitasking Ingredient ที่อ่อนโยนและใช้ได้กับทุกสภาพผิว

หลักการทำงาน

  • กระตุ้น Fibroblast สร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
  • เพิ่ม Ceramide เสริมสร้าง Skin Barrier ผิวแข็งแรง
  • ลด Glycation (กระบวนการที่น้ำตาลทำลายคอลลาเจน)
  • ปกป้องคอลลาเจน จากความเสียหายจาก UV

ประโยชน์เพิ่มเติม

  • ควบคุมความมัน (ลดการหลั่งซีบัม 35%)
  • ลดรูขุมขน
  • ลดฝ้ากระ รอยสิว
  • ลดการอักเสบ (เหมาะกับสิว rosacea)
  • เพิ่มความชุ่มชื้น

เทคโนโลยีกระตุ้นคอลลาเจน

Morpheus8 คือ Fractional RF Microneedling ที่ผ่านการรับรองจาก FDA ใช้เข็มไมโครนีเดิ้ลส่งคลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency) เข้าไปกระตุ้นชั้นผิวลึกถึง 8 มม.

Fotona 4D คือ Laser Facelift ที่ใช้ Nd:YAG และ Er:YAG Laser ทำงาน 4 มิติ (4 ขั้นตอน) เพื่อยกกระชับและฟื้นฟูผิวอย่างครบถ้วน

Ultraformer III คือ HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) รุ่นล่าสุด ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงโฟกัสลึกถึงชั้น SMAS (กล้ามเนื้อใต้ผิว) ชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ยกเมื่อทำ Facelift

Thermage FLX คือ Monopolar Radiofrequency (RF) รุ่นล่าสุดจาก Thermage ใช้คลื่นความถี่วิทยุ Monopolar RF ส่งความร้อนลึกถึงชั้น Dermis กระตุ้นคอลลาเจนแบบ Volumetric Heating

โปรแกรม Profhilo วิธีการกระตุ้นคอลลาเจนฟื้นฟูผิว

Profhilo คือ การรักษาผิวที่ใช้ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกาย และมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้นและยืดหยุ่น โดย Profhilo ใช้ไฮยาลูโรนิค แอซิดที่มีความเข้มข้นสูง เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนที่สำคัญในการให้ความยืดหยุ่นและความกระชับแก่ผิวหน้า

การฉีด Profhilo จะช่วย ฟื้นฟูผิวที่เริ่มหย่อนคล้อย และ ลดริ้วรอย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวดูเต่งตึงและกระชับขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวที่เริ่มสูญเสียไปตามอายุ

ข้อดีของ Profhilo

  • ผลลัพธ์ที่เห็นได้เร็ว เนื่องจาก Profhilo ใช้ไฮยาลูโรนิค แอซิดที่มีความเข้มข้นสูง ผลลัพธ์ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจะเริ่มเห็นได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว โดยเฉพาะการฟื้นฟูผิวที่มีริ้วรอยและความหย่อนคล้อย
  • ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นดีขึ้น ช่วยให้ผิวหน้าไม่หย่อนคล้อยและดูเต่งตึงขึ้น
  • ฟื้นฟูผิวที่เริ่มมีริ้วรอยและความหย่อนคล้อย Profhilo ช่วยฟื้นฟูผิวที่เกิดริ้วรอยจากการเสื่อมสภาพตามวัยหรือการถูกทำลายจากแสงแดด ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และกระชับมากขึ้น

สรุป วิธีการกระตุ้นคอลลาเจนที่ได้ผล

การกระตุ้นคอลลาเจนเป็นขั้นตอนสำคัญในการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์และมีความยืดหยุ่น ซึ่งมีหลายวิธีที่สามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการและสภาพผิวของแต่ละบุคคล โดยวิธีที่ได้ผลที่เราอยากแนะนำ คือ 

Profhilo คือ วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและไม่ยุ่งยาก Profhilo ใช้ ไฮยาลูโรนิค แอซิด เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหน้า ทำให้ผิวดูเต่งตึงและกระชับ ผลลัพธ์ที่ได้จะเห็นได้ในระยะสั้น ช่วยให้ริ้วรอยลดลงและผิวดูสดใสมากขึ้น

Fractional Laser คือ การใช้เลเซอร์ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนังได้ลึกขึ้น ช่วยลดริ้วรอยและกระชับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึกและเห็นผลในระยะยาว

Microneedling คือ การใช้เข็มเล็กๆ เจาะผิวเพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยในการฟื้นฟูผิว ลดรอยแผลเป็น และปรับสภาพผิวที่เสื่อมสภาพจากแสงแดดหรือการบาดเจ็บ

การเลือกวิธีการกระตุ้นคอลลาเจนที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสภาพผิวและเป้าหมายที่คุณต้องการ หากคุณต้องการการฟื้นฟูผิวในระยะยาวและกระชับผิวอย่างลึกซึ้ง Fractional Laser และ Microneedling อาจเป็นตัวเลือกที่ดี แต่หากคุณต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและสะดวก Profhilo อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม

เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนัง เพื่อเลือกวิธีการกระตุ้นคอลลาเจนที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการของคุณ

อ่านข้อมูลเกี่ยวกับ : โปรแกรม Profhilo คืออะไร?

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับการกระตุ้นคอลลาเจนใบหน้า

เริ่มได้ตั้งแต่ 25-30 ปี เพราะคอลลาเจนเริ่มลดลง 1-1.5% ต่อปี โดยอายุ 28-45 ปีเหมาะสมที่สุด เพราะผิวยังฟื้นตัวดี ผลชัดเจน 

สำหรับวัยทีน (18-25 ปี) ยังไม่จำเป็นต้องทำหัตถการ เน้น Skincare เช่น Retinol, Vitamin C และครีมกันแดด ส่วนผู้ที่อายุ 30+ ควรเริ่มจริงจังด้วย Profhilo หรือ Morpheus8 และถ้าอายุ 40+ อาจต้องใช้ Ulthera หรือ Thermage เพื่อยกกระชับลึก

ขึ้นอยู่กับหัตถการ Fotona 4D และ Thermage FLX เห็นผลทันที (กระชับ 20-30%), Profhilo เห็นผล 3-7 วัน (ผิวชุ่มชื้นฟู)

ส่วน Ulthera ต้องรอ 2-3 เดือน จึงเห็นผลชัดเจน และ Fractional Laser ต้องรอผิวลอกก่อน 7-14 วัน ผลชัดเจนสุดทุกหัตถการอยู่ที่ 3-6 เดือน เพราะคอลลาเจนต้องใช้เวลาสร้างและจัดเรียงตัว ไม่ใช่ผลทันทีเหมือนการเติมสาร

Ulthera และ Thermage FLX ทำ 1 ครั้ง ผลอยู่ได้ 1.5-3 ปี

Profhilo ต้องทำ 2 ครั้ง เว้น 4 สัปดาห์ (คอร์สแรก) แล้ว Maintenance ทุก 6-9 เดือน

Fractional Laser และ Morpheus8 ต้องทำ 3-6 ครั้ง เว้นครั้งละ 4-6 สัปดาห์ และ Fotona 4D แนะนำ 3-4 ครั้ง เว้น 3-4 สัปดาห์ สิ่งสำคัญคือ ต้องทำครบคอร์ส ไม่ทิ้งครึ่งทาง และทำ Maintenance สม่ำเสมอเพื่อรักษาผล

แนะนำ Profhilo เพราะ ใช้ HA ธรรมชาติ ไม่ทำลายผิว Downtime แทบไม่มี

Fotona 4D ไม่ทำลายผิวชั้นนอก ปลอดภัยกับทุกสีผิว ปรับ Energy ได้ 

และ Ulthera ใช้คลื่นเสียง ไม่เสี่ยงฝ้า เหมาะกับผิวคนเอเชีย ไม่แนะนำ Fractional Laser สำหรับผิวแพ้ง่าย เพราะเสี่ยงฝ้าหลังอักเสบและ Downtime นาน ควรเริ่มด้วย Energy ต่ำ ทา Soothing Cream หนาๆ และเลือกคลินิกที่แพทย์มีประสบการณ์กับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ