นอนกรน ไม่ใช่แค่เสียงรบกวนตอนหลับ แต่เป็นสัญญาณเตือนสุขภาพที่หลายคนมองข้าม เสียงกรนเกิดจาก การสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อในทางเดินหายใจส่วนบน ขณะหลับ โดยมักเกิดขึ้นเมื่ออากาศไหลผ่านบริเวณที่แคบหรืออุดตัน เช่น เพดานอ่อน ลิ้นไก่ หรือโคนลิ้น และในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับ นอนกรนเกิดจากอะไร? อธิบายสาเหตุ พร้อมวิธีรับมือแบบเข้าใจง่าย มากยิ่งขึ้น
นอนกรนคืออะไร? ทำไมจึงไม่ควรมองข้าม
นอนกรน คือ เสียงที่เกิดขึ้นจากการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อในทางเดินหายใจส่วนบน เช่น เพดานอ่อน ลิ้นไก่ หรือโคนลิ้น ขณะหายใจเข้าออกระหว่างหลับ เมื่อกล้ามเนื้อบริเวณลำคอผ่อนคลายมากเกินไป ทำให้ช่องทางเดินหายใจแคบลง และเกิดแรงสั่นจากการไหลของอากาศ กลายเป็นเสียงกรนที่ได้ยิน
เสียงกรนมาจากไหนในร่างกาย?
เสียงกรนไม่ได้มาจากปอดหรือเสียงพูด แต่เกิดที่ทางเดินหายใจส่วนบน ได้แก่
- โพรงจมูก
- เพดานอ่อน
- ลิ้นไก่
- ลิ้น
- ผนังคอหอย
หากโครงสร้างเหล่านี้แคบหรือหย่อนตัวมากเกินไป จะทำให้อากาศไหลผ่านลำบากและเกิดเสียงสั่นสะเทือน
กรนเบา vs กรนเสียงดัง เสี่ยงต่างกันอย่างไร?
กรนเบา : มักไม่มีอันตรายร้ายแรง เป็นเพียงภาวะทางกายภาพชั่วคราว เช่น ง่วงมาก อ่อนเพลีย หรือนอนผิดท่า
กรนเสียงดัง หรือมีจังหวะหยุดหายใจ : เป็นสัญญาณที่ต้องระวัง เพราะอาจสัมพันธ์กับ “ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ” (Obstructive Sleep Apnea – OSA) ซึ่งมีผลต่อหัวใจ สมอง และความดันโลหิต
นอนกรนเป็นแค่เรื่องน่ารำคาญ หรือสัญญาณโรค?
สำหรับบางคน การนอนกรนอาจเป็นเพียงปัญหาเสียงรบกวนต่อคนรอบข้าง แต่ในหลายกรณี นอนกรนคืออาการเริ่มต้นของโรคเรื้อรังที่ซ่อนอยู่ โดยเฉพาะ OSA ซึ่งทำให้สมองขาดออกซิเจนซ้ำ ๆ ระหว่างนอน ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต การทำงาน และสุขภาพหัวใจในระยะยาว
ดังนั้น หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการนอนกรนบ่อย ควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยกับแพทย์เฉพาะทางเพื่อความปลอดภัยในอนาคต
สาเหตุของการนอนกรน เกิดจากอะไรได้บ้าง
การนอนกรนไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มักมี สาเหตุเฉพาะเจาะจง ที่ส่งผลให้ทางเดินหายใจตีบแคบในขณะหลับ ทำให้เกิดเสียงสั่นสะเทือนที่เรียกว่า กรน โดยสาเหตุหลักที่พบได้บ่อยมีดังนี้
1. ทางเดินหายใจแคบ เช่น เพดานปากลู่ลง ลิ้นไก่ยาว
บางคนมีโครงสร้างทางเดินหายใจที่แคบกว่าปกติโดยกำเนิด เช่น เพดานปากลู่ลง ลิ้นไก่ยาว หรือเนื้อเยื่อในช่องคอหย่อนตัวมากกว่าปกติ สิ่งเหล่านี้ทำให้อากาศไหลผ่านได้ยากและเกิดเสียงกรนในขณะหลับ โดยเฉพาะในช่วงที่กล้ามเนื้อคลายตัว
2. โครงสร้างใบหน้าหรือขากรรไกรผิดปกติ
ผู้ที่มีคางเล็กหรือขากรรไกรล่างถอยร่นไปด้านหลัง จะมีทางเดินหายใจด้านหลังแคบลงโดยธรรมชาติ ยิ่งเวลานอนหงาย ลิ้นจะตกลงมาปิดทางเดินหายใจมากขึ้น ทำให้เกิดเสียงกรนหรือหยุดหายใจขณะหลับได้ง่ายขึ้น
3. ภาวะอ้วน น้ำหนักเกิน
ไขมันส่วนเกินโดยเฉพาะบริเวณลำคอ มีผลโดยตรงต่อทางเดินหายใจ เพราะอาจไปกดทับหลอดลมและช่องคอ ทำให้หายใจลำบากและเกิดการกรน ยิ่งน้ำหนักมาก เสี่ยงต่อการเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) มากขึ้นตามไปด้วย
4. การดื่มแอลกอฮอล์ หรือใช้ยาคลายกล้ามเนื้อ
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาบางชนิด เช่น ยานอนหลับหรือยาคลายเครียด จะทำให้กล้ามเนื้อในลำคอคลายตัวมากเกินไป ทำให้ช่องทางเดินหายใจแคบลงโดยไม่รู้ตัว เพิ่มโอกาสการกรนหรือหยุดหายใจชั่วคราว
5. ภูมิแพ้หรือไซนัสอักเสบเรื้อรัง
ผู้ที่มีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรัง หรือจมูกตันจากโรคภูมิแพ้และไซนัสอักเสบ จะหายใจทางจมูกลำบาก ส่งผลให้ต้องหายใจทางปากมากขึ้นในขณะหลับ ซึ่งเพิ่มโอกาสเกิดเสียงกรนโดยตรง
6. นอนหงายเป็นประจำ
ท่านอนหงายทำให้ลิ้นและเนื้อเยื่อภายในช่องปากตกไปด้านหลังมากกว่าท่านอนอื่น ๆ จึงขวางทางเดินหายใจได้มากขึ้น และมักเป็นท่าที่ทำให้กรนหนักกว่าปกติ
นอนกรน มีกี่ประเภท? รู้ไว้เพื่อประเมินความเสี่ยง
กรนธรรมดา (Primary Snoring)
เป็นการกรนที่ไม่มีภาวะหยุดหายใจร่วมด้วย เสียงกรนมักเกิดเป็นช่วง ๆ จากพฤติกรรมชั่วคราว เช่น นอนดึก ง่วงมาก หรือดื่มแอลกอฮอล์ก่อนนอน ไม่พบภาวะขาดออกซิเจนหรือสมองสะดุ้งตื่น เหมาะกับการปรับพฤติกรรม เช่น เปลี่ยนท่านอน ลดน้ำหนัก
กรนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea – OSA)
เป็นประเภทที่ต้องเฝ้าระวัง เพราะมีช่วงที่ “หยุดหายใจ” ระหว่างนอนหลับจากการที่ทางเดินหายใจอุดตันเป็นระยะ ส่งผลให้ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำลง สมองต้องปลุกตัวเองให้ตื่นบ่อย ๆ อาการร่วม คือ กรนเสียงดัง สะดุ้ง สำลัก หยุดหายใจ ง่วงมากในเวลากลางวัน ควรพบแพทย์เพื่อทำ Sleep Test และรับการรักษาอย่างจริงจัง
กรนจากโรคประจำตัว เช่น ต่อมทอนซิลโต
กรนจากโรคประจำตัว เช่น ต่อมทอนซิลโต พบได้มากในเด็กและวัยรุ่น ซึ่งต่อมทอนซิลหรือต่อมอะดีนอยด์ที่โตผิดปกติจะไปขวางทางเดินหายใจ ทำให้กรนเสียงดัง หายใจแรง หยุดหายใจเป็นช่วง ๆ และมีผลต่อพัฒนาการของเด็ก อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัดหรือตรวจเพิ่มเติมโดยแพทย์เฉพาะทาง
สรุป นอนกรนไม่ใช่เรื่องเล็ก! รู้สาเหตุ-แก้ได้ ก่อนเสี่ยงโรคร้าย
“นอนกรน” อาจเริ่มต้นจากเรื่องเล็ก ๆ อย่างท่านอนหรือน้ำหนักตัว แต่หากปล่อยไว้นานโดยไม่ใส่ใจ อาจพัฒนาไปสู่ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ที่ส่งผลต่อสมอง หัวใจ และคุณภาพชีวิตในระยะยาวได้
นอนกรนสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างของร่างกาย พฤติกรรมก่อนนอน หรือโรคประจำตัวบางชนิด หากคุณมีอาการกรนเสียงดัง กรนเรื้อรัง หยุดหายใจเป็นช่วง ๆ หรือรู้สึกง่วงผิดปกติในตอนกลางวัน
- เข้ารับการวินิจฉัยกับแพทย์เฉพาะทาง
- ตรวจ Sleep Test เพื่อประเมินความรุนแรง
- และเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม เช่น ปรับพฤติกรรม ใส่อุปกรณ์ หรือเลเซอร์ลดการกรนแบบไม่ต้องผ่าตัด
รัตตินันท์ คลินิก ให้บริการด้านความงามและการรักษา โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา พร้อมด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้รับบริการ ศูนย์ได้รับการรับรองคุณภาพจาก AACI สหรัฐอเมริกา ในฐานะศูนย์ศัลยกรรมผู้ป่วยนอกแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และได้รับการประเมินในด้านการให้บริการจากลูกค้าหลายประเทศ