Rattinan Medical Center

คลินิกดูดไขมัน ผ่าตัดกระเพาะ เสริมความงาม

  • หน้าแรก
  • บริการของเรา
    • ดูดไขมัน
      • ดูดไขมันหน้าท้อง
      • ดูดไขมันต้นขา
      • ดูดไขมันต้นแขน
      • ดูดไขมันน่อง
      • ดูดไขมันเหนียง
      • ดูดไขมันเอว
      • ดูดไขมัน Six Pack
      • ดูดไขมัน Sexy Line
      • ดูดไขมันหนอก
      • ดูดไขมันหน้า แก้ม
      • ฉีดไขมัน
    • ผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก
    • เย็บกระเพาะ Overstitch
    • ตัดหนังหน้าท้อง
    • ศัลยกรรมร่างกาย
      • Gynecomastia รักษาหน้าอกผู้ชาย
      • เสริมสะโพก เสริมก้น
      • ปลูกผม FUE
      • เสริมหน้าอก
      • ตกแต่งเลเบีย
    • ศัลยกรรมใบหน้า
      • ร้อยไหม
      • ดึงหน้า (Facelift)
      • เสริมจมูก
      • เสริมคาง
      • ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม
      • ศัลยกรรมหูกาง
    • เลเซอร์เพื่อการรักษา
      • ลบรอยสัก
      • รักษากระ ฝ้า
      • E-Matrix เลเซอร์หลุมสิว
      • 4D Lifting เลเซอร์ยกกระชับใบหน้า
      • เลเซอร์ กำจัดขน
      • รักษานอนกรน
      • รีแพร์กระชับจุดซ่อนเร้น
      • Ulthera
      • Thermage
      • Shockwave Therapy
    • miraDry ลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว
    • รักษาเส้นเลือดขอด
    • ผ่าตัดกรดไหลย้อน
    • Tesla Former เครื่องสร้างกล้ามเนื้อ
  • บทความ
    • ความรู้ดูดไขมัน
      • ก่อนดูดไขมัน
        • เรื่องควรรู้ก่อนดูดไขมัน
        • การเตรียมตัวก่อนดูดไขมัน
        • Bodytite VS Vaser
        • ใครบ้างที่เหมาะกับการดูดไขมัน
      • การดูแลหลังดูดไขมัน
      • ราคาดูดไขมัน
      • ภาพรีวิวดูดไขมัน
    • บทความสุขภาพ
      • คุยเรื่องศัลยกรรม
      • บทความผ่าตัดถุงใต้ตา
      • คำนวณ BMI
  • รีวิว
  • ทีมแพทย์
  • เกี่ยวกับเรา
    • ติดต่อเรา
  • Promotion
international@rattinan.comEmail Us
+66 2 2331424Call Us
Sitthi Vorakij Building, 12A fl, Silom Soi 3, Silom Rd, BangkokFind Us
  • ติดต่อสอบถาม
    blank Tel: 086-570-7040
Official Rattinan International Website
  • หน้าแรก
  • บริการของเรา
    • ดูดไขมัน
      • ดูดไขมันหน้าท้อง
      • ดูดไขมันต้นขา
      • ดูดไขมันต้นแขน
      • ดูดไขมันน่อง
      • ดูดไขมันเหนียง
      • ดูดไขมันเอว
      • ดูดไขมัน Six Pack
      • ดูดไขมัน Sexy Line
      • ดูดไขมันหนอก
      • ดูดไขมันหน้า แก้ม
      • ฉีดไขมัน
    • ผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก
    • เย็บกระเพาะ Overstitch
    • ตัดหนังหน้าท้อง
    • ศัลยกรรมร่างกาย
      • Gynecomastia รักษาหน้าอกผู้ชาย
      • เสริมสะโพก เสริมก้น
      • ปลูกผม FUE
      • เสริมหน้าอก
      • ตกแต่งเลเบีย
    • ศัลยกรรมใบหน้า
      • ร้อยไหม
      • ดึงหน้า (Facelift)
      • เสริมจมูก
      • เสริมคาง
      • ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม
      • ศัลยกรรมหูกาง
    • เลเซอร์เพื่อการรักษา
      • ลบรอยสัก
      • รักษากระ ฝ้า
      • E-Matrix เลเซอร์หลุมสิว
      • 4D Lifting เลเซอร์ยกกระชับใบหน้า
      • เลเซอร์ กำจัดขน
      • รักษานอนกรน
      • รีแพร์กระชับจุดซ่อนเร้น
      • Ulthera
      • Thermage
      • Shockwave Therapy
    • miraDry ลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว
    • รักษาเส้นเลือดขอด
    • ผ่าตัดกรดไหลย้อน
    • Tesla Former เครื่องสร้างกล้ามเนื้อ
  • บทความ
    • ความรู้ดูดไขมัน
      • ก่อนดูดไขมัน
        • เรื่องควรรู้ก่อนดูดไขมัน
        • การเตรียมตัวก่อนดูดไขมัน
        • Bodytite VS Vaser
        • ใครบ้างที่เหมาะกับการดูดไขมัน
      • การดูแลหลังดูดไขมัน
      • ราคาดูดไขมัน
      • ภาพรีวิวดูดไขมัน
    • บทความสุขภาพ
      • คุยเรื่องศัลยกรรม
      • บทความผ่าตัดถุงใต้ตา
      • คำนวณ BMI
  • รีวิว
  • ทีมแพทย์
  • เกี่ยวกับเรา
    • ติดต่อเรา
  • Promotion
  • Home
Home » ไขมันช่องท้อง ภัยเงียบที่คืบคลานมาพร้อมกับโรคภัย

ไขมันช่องท้อง ภัยเงียบที่คืบคลานมาพร้อมกับโรคภัย

ไขมันช่องท้อง

ไขมันช่องท้อง อันตรายที่สุด แม้น้ำหนักตัวจะพอดี แต่ก็ไม่ได้การันตีว่า คุณจะไม่อ้วน ถ้าคุณมีภาวะไขมันสะสมในช่องท้องมากเกินไป ไขมันเหล่านี้จะส่งผลอันตรายต่ออวัยวะ เพราะไขมันในช่องท้องสามารถละลายเข้าสู่กระแสเลือดไปสะสมที่อวัยวะต่าง ๆ ได้

ซึ่งไขมันลักษณะนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร จะส่งผลโดยตรงต่ออวัยวะส่วนไหน และควรจะต้องระวังอย่างไรบ้าง ไปร่วมรู้คำตอบกันดีกว่า

ไขมันในช่องท้อง คืออะไร

ไม่ว่าจะเป็นไขมันประเภทไหนก็ตามที่รับประทานเข้าไปแล้วแน่นอนถ้าทานในปริมาณที่มากเกินไปกว่าการใช้พลังงานมันจะเกิดเป็นการสะสมไขมันนั่นเอง การสะสมของไขมันเกิดขึ้นจากสะสมในตัวเนื้อตับและก็เยื่อบุช่องท้อง แล้วแต่ละชั้นของช่องท้องทำให้เกิดผนังไขมันที่หนาตัวขึ้น

ไขมันแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท 3 ตำแหน่งหลัก ๆ คือ

  1. ไขมันในหลอดเลือด

ซึ่งทุกคนคงได้ยินกันบ่อย ๆ อยู่แล้ว ถ้าแบ่งเป็นชนิดง่าย ๆ ก็คือ คอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์

คอเลสเตอรอลก็จะแบ่งออกเป็นคอเลสเตอรอลตัวร้ายที่มักเรียกว่า LDL ไขมันที่เรียกว่าเป็นไขมันตัวร้าย นั้นถ้ามีมากขึ้นในร่างกายมันก็จะไปเกาะอยู่ตามหลอดเลือดต่าง ๆ ทำให้เกิดโรคสมองหรือโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้ ไขมันอีกชนิดหนึ่งที่เรียกกันว่า HDL หรือไขมันชนิดที่ดีถ้าเกิดมีมากในร่างกายเขาจะไปจับไขมันที่ไม่ดีต่าง ๆ แล้วพาไปทำลายที่ตับโดยที่ทำให้มีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหรือโรคหลอดเลือดหัวใจน้อยลง

2.ไขมันใต้ผิวหนัง

ไขมันชนิดนี้มาจากการสะสมของร่างกายเพื่อเก็บไว้เป็นพลังงาน ไขมันชนิดนี้อาจจะไม่ค่อยอันตรายเท่าไหร่นักแต่อาจจะมีปัญหาของเรื่องความสวยงาม

3.ไขมันช่องท้อง

ซึ่งทุกคนจะได้ยินกันบ่อยขึ้นในช่วงหลังคือไขมันที่เรียกว่า  ไขมันในช่องท้อง ถ้าลองมองดูเป็นภาพแนวตัดขวางจากหน้าท้องเข้าไปในส่วนแรกก่อนที่จะเห็นเป็นไขมันใต้ชั้นผิวหนังก่อน พอลึกลงไปก็จะมีไขมันที่สะสมอยู่ในช่องท้องหรือสะสมอยู่ในอวัยวะภายในต่าง ๆ ซึ่งพวกนี้เป็นไขมันที่สะสมอยู่ในช่องท้องที่เราพูดถึงกัน

ไขมันในช่องท้อง มีลักษณะยังไง

กรณีการผ่าตัดเข้าไปสิ่งที่จะเจอเลยคือพบว่าตับมีขนาดใหญ่และมีไขมันไปพอกอยู่ปริมาณไขมันที่อยู่ในช่องท้องนั้นก็จะเยอะเรียกได้ว่าคล้าย ๆ เหมือนกับเป็นทะเลของไขมันในช่องท้อง

การมาของ ไขมันช่องท้อง

ประเด็นแรกของการมีไขมันช่องท้องนั้นเริ่มจากฮอร์โมนที่เข้ามาเกี่ยวข้องอยู่หลายตัวแต่หนึ่งตัวสำคัญก็คือ Sex Hormone หลายคนอาจมองว่าไม่น่าจะโยงถึงเรื่องเพศได้ ซึ้งสามารถโยงได้เพราเป็นการบ่งบอกของเพศไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายในฮอร์โมนเพศชายจะเรียกว่า ‘ เทสโทสเตอโรน ‘ ส่วนของผู้หญิงจะเรียกว่า ‘ เอสโตรเจน ‘

ฮอร์โมนเพศชาย

ต้องบอกเลยว่าเทสโทสเตอโรนหรือฮอร์โมนเพศชายมีผลต่อการสะสมไขมันอยู่เยอะมากเรื่องของไขมันที่อยู่ในช่องท้องก็สำคัญด้วยเช่นกันในช่วงที่มีเทสโทสเตอโรนหรือฮอร์โมนเพศชายที่อยู่ในระดับเหมาะสมการสะสมตัวไขมันที่พอกอยู่ในช่องท้องก็มีอยู่ในระดับที่เหมาะสมตาม แต่พออายุที่มากขึ้นก็จะพบปัญหาของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนตกตามวัย โดยเฉพาะ 45 ปีขึ้นไปจะพบว่าการสะสมของไขมันที่อยู่ในช่องท้องมีมากขึ้น ที่นี่ในปัจจุบันก็พบว่าไม่ใช่แค่ 45 ปีที่พบการสะสมของไขมันแต่น้อยกว่า 45 ปีก็สามารถพบเจอว่ามีไขมันสะสมในช่องท้องมากขึ้นเหตุผลเพราะมีการจัดการหรือมีการกินอาหารรวมถึงการผจญกับสิ่งบางอย่างที่ไปลดการสร้างเทสโทสเตอโรนเร็วเกินไปกว่าที่ควรจะเป็น

ฮอร์โมนเพศหญิง

สำหรับผู้หญิงก็จะมีฮอร์โมนที่เรียกว่าเอสโตรเจน นอกจากจะผลิตมาจากรังไข่ที่ช่วยให้การเจริญเติบโตนั้นเป็นไปตามวัย ซึ่งระดับของเอสโตรเจนจะสิ้นสุดลงเมื่ออายุ 45-51 ปี หรือวัยหมดประจำเดือน อาจก่อให้เกิดไขมันสะสมในช่องท้องได้เช่นกัน ทั้งนี้โอกาสของฮอร์โมนเอสโตรเจนลดต่ำลงปัจจุบันนี้ไม่ต้องรอหมดประจำเดือนก็ลดต่ำได้เนื่องจาก ความเครียด การเลือกอาหารการกิน ในแบบที่คล้าย ๆ กันกับฮอร์โมนเพศชายนั่นเอง

ความร้ายของไขมัน

ความร้ายของ ไขมันที่สะสมอยู่ในช่องท้อง เนื่องจากว่าตัวมันสามารถสลายและเข้าสู่กระแสเลือดได้ ซึ่งมันก็จะไปเกาะอยู่ตามอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะส่วนสำคัญมีดังนี้

-สมอง

ไขมันจะไปสะสมตามผนังเส้นเลือดขัดขวางการไหลเวียนส่งผลให้หลอดเลือดในสมองตีบอาจเสียชีวิตกะทันหันได้

-ปอด

ไขมันช่องท้องที่เพิ่มขึ้นหากปอดขยายตัวไม่เต็มที่ทำให้หายใจผิดปกตินำไปสู่การหยุดหายใจขณะหลับได้

-หัวใจ

ส่งผลให้ไขมันไปอุดตันเส้นเลือดทำให้หัวใจทำงานหนักส่งผลให้หัวใจวายได้

-ตับ

ไขมันในช่องท้องขัดขวางการเผาผลาญน้ำตาลกับจึงต้องทำงานหนักในการผลิตอินซูลินส่งผลให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงเป็นสาเหตุสำคัญของโรคเบาหวาน

-ถุงน้ำดี

ไขมันในช่องท้อง จะทำให้ถุงน้ำดีมีความข้นมีโอกาสเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้ง่าย

-หัวเข่า

ไขมันในช่องท้องทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มหัวเข่าต้องรับน้ำหนักมากขึ้นส่งผลให้เกิดโรคข้อเข่าเสื่อมได้นั่นเอง

ดังนั้นแล้วการกินอาหารประเภทนี้เข้าไปมากๆ จะทำให้เกิดการใช้ตัวของฮอร์โมนเยอะจึงส่งผลต่อฮอร์โมนที่ตกเร็วจึงไม่แปลกใจที่ว่าทำไมคนที่มีการกินอาหารหวานจะทำให้เกิดการสะสมเรื่องของไขมันที่อยู่ในช่องท้องเยอะมาก

ฉะนั้นสิ่งหนึ่งก็คือถ้าต้องการที่จะลดไขมันที่อยู่ในช่องท้องสิ่งที่จะต้องทำก็คือเพิ่มหรือบูสต์การทำงานของตัวฮอร์โมนที่ขึ้นมาใหม่โดยการลดการพยายามห้างอาหารที่เป็นแป้งน้ำตาลของหวาน

Sex Hormone ตกต่ำลงจากความเครียด

อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ Sex Hormone ลดต่ำลง ทว่าต้องการที่จะจัดการเรื่องของตัว ไขมันช่องท้อง ก็คือหลีกเลี่ยงความเครียด และการนอนหลับพักผ่อน โดยเฉพาะหากใครที่มีความเครียดสะสมมาก ๆ ก็มีผลต่อการนอนหลับพักผ่อนไปด้วย ยิ่งการนอนหลับพักผ่อนไม่เป็นไปตามที่ร่างกายกำหนด โอกาสเกิดไขมันในช่องท้องก็มากขึ้นตามไปด้วย

คาเฟอีนกับไขมันในช่องท้อง

นอกจากเรื่องของความเครียดที่สะสมแล้ว อาหารบางอย่างที่ไปเพิ่มเรื่องให้ร่างกายเกิดการนอนหลับนั้นไม่เพียงพอก็ต้องพยายามที่จะลดด้วยเช่นเดียวกัน ในกลุ่มของคาเฟอีนไม่ว่าจะเป็น กาแฟ เครื่องดื่มกาเฟอีนทุกชนิดพยายามกินให้อยู่่ในระดับต่ำหรือพอเหมาะใน 1 วันไม่ควรเกิน 2 แก้วสำหรับกาแฟ เพราะเวลาที่ Sex Hormone ตกก็จะทำให้เกิดการสะสมเรื่องของไขมันที่อยู่ในช่องท้องที่จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน

คำนวณ ไขมันในช่องท้อง

เราจะทราบได้ยังไงว่าเรามีไขมันชนิดนี้เยอะในร่างกาย

วิธีก็คือ การวัดเส้นรอบพุง โดยวัดจากตำแหน่งที่กว้างที่สุดผ่านสะดือนำไปเปรียบเทียบกับความสูงและหารด้วยสอง ถ้าเกิดเมื่อไหร่ที่เส้นรอบพุงมากกว่าส่วนสูงหารสองแปลว่าเริ่มที่จะมีภาวะอ้วนลงพุงหรือไขมันช่องท้อง ผู้ชายไม่ควรเกิน 90 เซนติเมตร ผู้หญิงไม่ควรเกิน 80 เซนติเมตร

ดังนั้นคนที่มองว่ามีน้ำหนักตัวน้อย แค่ความจริงแล้วเขาอาจมีภาวะอ้วนลงพุงซ่อนอยู่ก็ได้

ไขมันในช่องท้องการดูดไขมันช่วยได้ไหม

การดูดไขมัน หมายถึงการกำจัดตัวไขมันชั้นใต้ผิวหนังออกไป แต่ตรงไขมันที่ไม่ดีที่สะสมอยู่ในช่องท้องนั้นไม่สามารถกำจัดออกไปจากร่างกายโดยวิธี ดูดไขมัน ได้อย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจกัน

วิธีกำจัด ไขมันในช่องท้อง

วิธีที่จะทำให้ไขมันที่เกาะอยู่ในช่องท้องออกไปจากร่างกายของเราเลย อันนี้นับเป็นสิ่งสำคัญอย่างแรกเลยคือ ต้องคุมอาหารก่อน แต่การคุมอาหารอย่างเดียวไม่สามารถที่จะทำให้ไขมันที่สะสมในช่องท้องออกไปได้ ต้องร่วมกับการลดน้ำหนักตัวและออกกำลังกายแนะนำว่า 45-60นาที/วัน สัปดาห์ละ 5 ครั้ง

มันจะเริ่มไปดึงไขมันที่สะสมไว้ตามอวัยวะต่าง ๆ ก็คือไขมันในช่องท้อง นี่ถึงเป็นสาเหตุที่แนะนำว่าควรจะออกให้ถึง 45-60 นาที

ไขมันในช่องท้อง บอกโรค

แค่อ้วนลงพุงก็ไม่เห็นจะมีอะไรแต่จริง ๆ แล้วมันกำลังจะบอกเรา ที่สำคัญการเกิดอัมพฤกษ์อัมพาตการเกิดหัวใจล้มเหลวมันจะมาในไม่ช้านี้ ดังนั้นเราไม่ควรละเลยคิดว่ามันเป็นแค่เพียงความอ้วนธรรมดา

ดังนั้นแล้วก็จะเห็นได้ว่าการจะลดไขมันในช่องท้องนั้นไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร แต่ต้องขึ้นอยู่กับพฤติกรรมเป็นหลัก เลือกการดูแลตัวเอง มอบสิ่งที่ดีให้กับร่างกายยังไงไขมันช่องท้องก็ไม่มากวนใจแน่นอน

สารสกัดในลิ้นจี่สามารถลดไขมันในช่องท้องได้จริงหรือ 

จากการวิจัยของแพทย์ประเทศญี่ปุ่นเผยว่า Oligonol หรือสารสกัดในลิ้นจี่สามารถลดไขมันในช่องท้องได้ หลังจากมีการพบปริมาณไขมันในช่องท้องของอาสาสมัครที่ได้รับ Oligonol นั้นลดลงกว่า 15- 30% ในช่วงระยะเวลา 10 สัปดาห์

ทั้งนี้เหตุผลที่ว่าทำไมลิ้นจี่ (Oligonol) ถึงมีกลไกในการลดไขมันในช่องท้อง มีดังนี้

  • ช่วยลดการดูดซึมไตรกลีเซอไรด์จากอาหาร
  • ช่วยเร่งการเผาผลาญในระดับเซลล์
  • ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของหัวใจและหลอกเลือด

ดังนั้นแล้วก็จะเห็นได้ว่าการจะลดไขมันในช่องท้องนั้นไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร แต่ต้องขึ้นอยู่กับพฤติกรรมเป็นหลัก เลือกการดูแลตัวเอง มอบสิ่งที่ดีให้กับร่างกายยังไงไขมันช่องท้องก็ไม่มากวนใจแน่นอน

การใช้ยาลดไขมันในช่องท้อง

ยาบางชนิดเช่น metformin สำหรับเบาหวานและยากลุ่ม liraglutide สำหรับรักษาเบาหวานและโรคอ้วน ดูเหมือนจะลดภาพะเสี่ยงจากไขมันช่องท้องได้พอสมควร ลองปรึกษาแพทย์เฉพาะทางดู

Reference :

Jun Nishihira, Maremi Sato-Ueshima, Kentaro Kitadate, Koji Wakame Hajime Fujii, Amelioration of abdominal obesity by low-molecular-weight polyphenol (Oligonol) from lychee, Journal of Functional Foods I (2009) 34I-348

บทความน่าสนใจ !  โคเคนทางการแพทย์ มีใช้จริงๆหรือไม่

Filed Under: บทความสุขภาพทั่วไป Tagged With: อ้วนลงพุง, ไขมัน, ไขมันช่องท้อง

Rattinan Clinic
Rattinan Medical Center
(รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์)
5 Sitthi Vorakit, Building 12A,
Soi Phiphat, Silom, Bang Rak 10500
Bangkok

วันและเวลาทำการ

วันจันทร์ - วันเสาร์
เวลา 10.00 น. - 20.00 น.
วันอาทิตย์ หยุดทำการ
สอบถามข้อมูลบริการ :
086-570-7040 , 086-323-4040
ติดต่อเรื่องทั่วไป : 02-233-1424-5

Our Working Hours

We open Monday - Saturday from 10.00 AM.-08.00PM.
Close on Sunday and some public holidays.

Telephone : +66 22331424, +66 22331425
E-Mail: international@rattinan.com
WhatsApp : +66 917767741
Skype : +66 863234040

บริการของเรา

  • ดูดไขมัน
  • ผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก
  • Ulthera
  • Thermage FLX
  • รักษาเต้านมโตผู้ชาย Gynecomastia
  • รีแพร์กระชับจุดซ่อนเร้น
  • ตัดหนังหน้าท้อง
  • miraDry ลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว
  • รักษาเส้นเลือดขอด
  • ผ่าตัดกรดไหลย้อน
  • Tesla Former เครื่องสร้างกล้ามเนื้อ

บริการดูดไขมัน

  • ดูดไขมันหน้าท้อง
  • ดูดไขมันต้นขา
  • ดูดไขมันต้นแขน
  • ดูดไขมันน่อง
  • ดูดไขมันเหนียง
  • ดูดไขมันเอว
  • ดูดไขมัน Six Pack
  • ดูดไขมัน Sexy Line
  • ดูดไขมันหนอก
  • ดูดไขมันหน้า แก้ม

ติดตามเราได้ที่

Like Us

พูดคุยกับเราได้ที่

blank

© 2021 Rattinan Clinic | TOS/Privacy Policy | Sitemap