เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง หรือ การฉีดไขมันหน้าอก เป็นศัลยกรรมตกแต่งที่ทำมานานแล้ว โดยเริ่มต้นหลังการตัดเต้านมออกไปด้วยหลายสาเหตุ เช่น มะเร็งเต้านมและไม่สามารถเสริมเต้านมด้วยวิธีปกติ เช่นการใส่ซิลิโคนได้ เพราะอาจจะมีพังผืดจากการผ่าตัด ฉายแสง ทำให้การ ฉีดหน้าอก เป็นทางเลือกสุดท้าย แม้จะดูยุ่งยากกว่าและทรงไม่สวยเท่าซิลิโคนก็ตาม
ทำไมต้อง เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง (fat graft)
มีหลายเหตุผลที่คนนิยมเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง เช่น
- เสริมหน้าอกหลังการผ่าตัดหน้าอก เช่น การรักษามะเร็งเต้านมด้วยการตัดเต้านมและตามด้วยการฉายแสง อาจจะทำให้เนื้อหน้าอกไม่เหมาะกับการใส่ซิลิโคน
- หน้าอกมีความผิดปกติที่ใช้ไขมันตัวเองได้ เช่น โรค Poland’s syndrome หรือนมที่เล็กจิ๋วเป็น tube แบบ tubular breast
- ไม่ได้ต้องการหน้าอกใหญ่ แค่ทำให้โตขึ้นเล็กน้อย ดูธรรมชาติ (การ ฉีดไขมันหน้าอก จะไม่สามารถทำให้ไซส์ใหญ่มากได้ครับ)
- กลัวการ เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน และไม่อยาก ฉีดนม ด้วยสารอื่นๆ
- แพ้ซิลิโคนนม เคยทำแล้วเป็นพังผืด จำเป็นต้องถอดออก และไม่ต้องการให้นมเหี่ยวมากไป
- ถอด ซิลิโคนนม ออกด้วยสาเหตุต่างๆ แล้วใส่ไขมันทดแทน ป้องกันหน้าอกที่เคยขยาย เหี่ยวลงมากไป
- ใส่ทั้งซิลิโคนนมและไขมันแบบ Hybrid เพื่อความนุ่ม
- แก้ไขจุดบกพร่องบางอย่างที่เกิดขึ้นกับนม เช่นรอยบุ๋ม หน้าอกไม่ชิด โดยใส่ไขมันแค่เพียงเล็กน้อย เพื่อทำให้ข้อบกพร่องหายไปก็พอ
- แก้ไขรอยย่นจากการใส่ซิลิโคนนม
- แก้ไขขนาดนมที่ไม่เท่ากัน
คนที่เหมาะกับการ เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง
คนที่เหมาะกับการ ฉีดไขมันหน้าอก หัวใจสำคัญคือต้องมีไขมันที่มากพอสมควร สำหรับการฉีด เพราะเรื่องนี้มักเป็นปัญหาสำคัญ เนื่องจากคนที่มีขนาดหน้าอกเล็ก มักจะเป็นคนรูปร่างผอมบาง ซึ่งไม่ค่อยมีไขมันให้เก็บมาฉีดกลับเข้าไป หรือ ได้ไขมันมาปริมาณน้อยเกินไป เพราะเราต้องฉีดปริมาณ 200-300 ซีซี ต่อข้าง ซึ่งต้องดูดไขมันออกมาให้ได้ปริมาณ 500-700 ซีซี
ในทางกลับกับคนที่ดูดไขมันออกมาได้หลายๆลิตร กลับไม่นิยมฉีดไขมันใดๆเข้าไปอีกและอยากดูดทิ้งอย่างเดียว ในคนที่เคยเป็นมะเร็งเต้านม สามารถ ฉีดไขมันหน้าอก ได้หากไม่มีมะเร็งหลงเหลืออยู่และได้รับการรักษาอย่างครบถ้วนแล้ว
[reference : Petit JY, Lipofilling in breast cancer patients: from surgical technique to oncologic point of view, Plast Reconstr Aesthet Surg 2014]
ดังนั้นคนที่เหมาะจะ ฉีดไขมันหน้าอก คือ
- เหมาะกับการดูดไขมัน
- มีไขมันเพียงพอ เพราะการฉีดไขมันอาจจะต้องทำซ้ำ เพราะไขมันบางส่วนยุบลง
- มีสุขภาพดี
- ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับเต้านมมาก่อน หรือ มีแล้วหายแล้ว
- มีภาพถ่ายรังสีของเต้านม หรือ แมมโมแกรมเป็นปกติอยู่ก่อน
บทความที่เกี่ยวข้อง
ทำไมต้องใช้ไขมันตัวเอง เสริมหน้าอก
เราไม่สามารถใช้ไขมันของคนอื่นได้ ด้วยเหตุผลเหมือนกับการปลูกถ่ายอวัยวะอื่นๆ คือเซลล์ต้องเข้ากันได้ด้วย อวัยวะที่มาปลูกถ่าย จะใช้ของคนอื่นไม่ได้ยกเว้นญาติ พี่น้อง ที่มีพันธุกรรมใกล้เคียงกันและมีเซลล์ที่เข้ากันได้จริง ไม่อยากนั้นจะมีปฏิกิริยาปฏิเสธเนื้อเยื่อขึ้นมา ซึ่งรุนแรงมากและถึงตาย
อีกเหตุผลที่เราใช้ไขมันตัวเอง คือมักจะมีสเต็มเซลล์ในไขมันที่ติดมาด้วย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพผิวหนังที่ดูมีชีวิตชีวามากกว่า ไขมันมีลักษณะนุ่มเหมือนจริง ไม่จับแล้วรู้สึกแข็งเป็นซิลิโคน หรือ มีขอบให้รู้สึก อีกทั้งไขมันอยู่ทนกว่า ไม่ไหลไปที่ต่างๆ แบบการ ฉีดหน้าอกด้วยฟิลเลอร์
ขั้นตอนการ เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง
- ตรวจร่างกาย ประเมินหน้าอกว่าเหมาะกับการฉีดไขมันหรือไม่
- นัดหมายเพื่อทำการดูดไขมัน ขั้นตอนนี้เหมือนการเตรียมตัวดูดไขมันทั่วไป
- ทำการขยายเต้านม ล่วงหน้า 1-2 อาทิตย์ด้วยตัวปั๊มสูญญากาศ ส่วนใหญ่ที่ศัลยแพทย์ส่วนใหญ่ยอมรับและ มีวิจัยรองรับมากที่สุด คือยี่ห้อ Brava เพื่อทำให้เต้านมขยาย มีเลือดไปเลี้ยงมาก เหมาะแก่การฉีดไขมันแล้วเซลล์ไขมันจะตายน้อยลง ขั้นตอนนี้แพทย์ในประเทศไทยมักไม่ทำ มักใจร้อนฉีดกันเลย จึงทำให้ผลการรักษา การฉีดไขมันเต้านม ในประเทศเราจึงดูงั้นๆ ไม่ฮิตและไม่ค่อยสวย
- ทำการดูดไขมัน เข้าสู่ระบบปลอดเชื้อ อันนี้อาจจะต้องมีการจัดห้อง และอุปกรณ์ที่ต่างจากการดูดไขมันทิ้ง เพราะเรากำลังจะเก็บไขมันกลับมาฉีด แพทย์ไม่ควรใส่แค่ถุงมือเสื้อแขนสั้นทำงาน ตามที่เห็นในสื่อโซเชี่ยล ต้องแต่งตัวแบบจัดเต็ม เพราะเซลล์ไขมันจะแปดเปือนเชื้อไม่ได้เลย จะติดเชื้อแล้วแก้ยาก เชื้อแบคทีเรีย ชอบไขมันด้วย โตเร็วมาก
- อุปกรณ์ต้องใช้แบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
- ขั้นตอนการดูดไขมัน ซึ่งต้องคิดเสมอว่านอกจากจะเอามาเอาไขมันออกไปแล้ว ยังต้องทำให้ตำแหน่งที่ดูดไขมัน เรียบ ไม่บุ๋มไปด้วย จึงต้องทำการดูดไขมันอย่างเต็มที่และจัดเต็ม ซึ่งมักมีปัญหาตรงนี้ เนื่องจากแพทย์ที่ฉีดไขมันกลุ่มหนึ่ง มักดูดไขมันไม่เป็นหรือไม่คล่อง เวลาผมสอน มักจะไม่ค่อยมาเรียน อ้างว่าไม่ต้องเรียนมาก เพราะไม่ได้ดูดอะไรจริงจัง เพราะคิดว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มดูดจำนวนน้อยเพื่อมาฉีดเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่คิดผิดอย่างมาก เนื่องจากมีเคสแก้จำนวนมาก จากการทำงานแบบนี้
- นำไขมันไปเข้าสู่กระบวนการเตรียมฉีด (fat cell processing) มาดูวิดีโอวิธีการเตรียมไขมันสำหรับฉีดหน้า ซึ่งเป็นขั้นตอนเดียวกันกับการฉีดทุกส่วนในร่างกาย ซึ่งทางเรานิยมใส่ growth factor เช่น PRP ข้าไปด้วยในขั้นตอนสุดท้าย เพื่อเตรียมเซลล์ไขมันให้ดีที่สุด ก่อนฉีด
- ฉีดไขมันตามแนวที่เตรียมไว้ โดยใช้อัลตร้าซาวน์ช่วยดูร่วมด้วย เพื่อป้องกันฉีดเข้าต่อมน้ำนม จนเกิดการเน่าตายและติดเชื้ออีก
- การติดตามผล เพื่อตรวจภาวะแทรกซ้อน ตรวจความคงอยู่ของไขมัน ในกรณีที่เป็นเคสตัดเต้ามนมจากมะเร็ง ก็ต้องตรวจหาการเกิดซ้ำของมะเร็งเต้านม
นำไขมันไปแช่แข็งเพื่อกลับมาฉีด อีกหลายๆ รอบได้ไหม
ผมเห็นหลายคลินิกนำเสนอการบริการนี้ อาจจะเป็นเพราะไม่อยากดูดไขมันซ้ำและต้องการ recycle ไขมันที่ดูดมาครั้งแรกแล้วเหลือ คนไข้เองอยากฉีดอีกรอบ แต่ถึงปัจจุบัน ยังไม่พบรายงานการวิจัยใดๆ ที่สนับสนุนวิธีการแช่แข็งแล้วนำมาฉีด โดยเฉพาะการแช่แข็งด้วยความเย็นในช่องแช่แข็งของตู้เย็น ซึ่งเย็นไม่เพียงพอ
ในอนาคตอาจจะเป็นไปได้ เช่นเดียวกับการทำธนาคารเนื้อเยื่อ (tissue banking) แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ (ปี 2020)
[อ้างอิงบทความ พรชัย โอเจริญรัตน์, “การเสริมสร้างเต้านมด้วยเนื้อเยื่อไขมันและเซลล์ต้นกำเนิด” หน้า 519-533 , ตำรามะเร็งเต้านมศิริราช 2562 , ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล]
ความแตกต่างระหว่างการเสริมหน้าอก ด้วยวิธีต่างๆ
- การเสริมซิลิโคนนม ทำให้ได้รูปทรงและขนาดใหญ่ตามที่ต้องการมากกว่า แต่ซิลิโคน Motiva รุ่นใหม่ก็นุ่มมากเหมือนจริง
- การฉีดไขมันนม ได้ความนุ่มนวล แก้ไขปัญหานมได้เป็นจุดๆ หากไม่ต้องการขนาดใหญ่มากนัก
บทความที่เกี่ยวข้อง
ชมวิดีโอ ถาม-ตอบการเสริมหน้าอก จากคุณหมอเต้ย ศัลยแพทย์หน้าอก รัตตินันท์คลินิก
การเสริมหน้าอกแบบไฮบริด (Hybrid)
การเสริมเต้านมแบบไฮบริด คือการเสริมด้วยซิลิโคนขนาดเล็กกว่าปกตินิดหนึ่งแล้วฉีดไขมันร่วมด้วย โดยหวังผลทำให้นุ่มนวลมากขึ้น เหมาะกับคนที่มีเนื้อนมน้อย ขออธิบายนิดหนึ่ง คำว่าเนื้อนมหมายถึงผิวหนังที่ปกคลุมหน้าอก หากบางเกินไป (น้อยกว่าเซนติเมตร หากลองจับดูด้วยปลายนิ้ว) จะถือว่าบางไปแล้ว จะไม่ค่อยสวย เห็นขอบและเกิดอาการย่นของถุงซิลิโคนได้ คนกลุ่มนี้ ควรพิจารณาทำนมแบบไฮบริด
เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเองแล้วจะเป็นมะเร็งเต้านมหรือไม่
การเสริมหน้าอกด้วยไขมัน แม้ทำให้เกิดก้อนที่เต้านม จากการที่ไขมันบางส่วนตายไป แต่จะ ไม่ทำให้เกิดมะเร็งเต้านม ครับ
(อ้างอิงจากงานวิจัยนี้ : The use of autologous fat grafts in breast surgery: A literature review Arch Plast Surg. 2019 Nov; 46(6): 498–510)
ผลแทรกซ้อนสำคัญของการ เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง
- การเกิดเซลล์ไขมันตายเป็นก้อน เป็นหนอง ซึ่งป้องกันได้จากการ ฉีดไขมัน ไม่ให้เป็นก้อน ไม่กระจุกตัวที่ใดที่หนึ่ง และใช้เข็มฉีดที่เล็กแทนเข็มใหญ่ ไม่ยัดไขมันเข้าไปมาก และขยายเต้านมก่อนการฉีด
- การติดเชื้อ ซึ่งอาจจะเกิดจากห้องผ่าตัดที่ไม่สะอาด การเตรียมไขมันที่นานเกิดไปจนสัมผัสอากาศมาก หรือเกิดจากเซลล์ไขมันตายแล้วติดเชื้อตามมา
- การฉีดผิดไปทะลุปอด แต่โอกาสเกิดน้อยมาก มักจะเกิดในศัลยแพทย์ที่พยายามฉีดมากและเยอะ โดยการฉีดส่วนหนึ่งเข้าชั้นกล้ามเนื้อและพลาด
- มีการเปลี่ยนภาพรังสี แมมโมแกรมอย่างถาวร โดยจะเจอลักษณะแคลเซี่ยมเล็กๆเกาะอยู่ กระจายไปทั่ว ซึ่งมีลักษณะของภาพ คล้ายกับภาพของมะเร็งเต้านมระยะแรก และอาจจะทำให้รังสีแพทย์ อ่านภาพผิดได้ (คือไม่ได้เป็นแต่อ่านว่าสงสัยและนัดทำซ้ำๆ จนกว่าจะเคลียร์ หรือเป็นมะเร็งเต้านมจริงๆ แต่อ่านว่าไม่ได้เป็นเพราะคิดว่าเป็นไขมัน)
สรุปเรื่องการฉีดไขมันนม
การเสริมสร้างเต้านมด้วยไขมัน มีความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะได้มีเทคนิคที่พัฒนาได้ดีมากขึ้น สามารถแก้ไขความผิดปกติของเต้านมได้ โดยเฉพาะกรณีที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยซิลิโคนนมตามปกติ
อาจารย์แพทย์สอนดูดไขมัน ในไทยและเอเชียแปซิฟิค
เชี่ยวชาญด้านการดูดไขมันมากว่า 24 ปี