ในยุคที่การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมกำลังได้รับความสนใจมากขึ้น หลายคนเริ่มตระหนักว่าการมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงคือรากฐานสำคัญของสุขภาพที่ยั่งยืน หนึ่งในกลไกป้องกันที่ทรงพลังที่สุดของร่างกายคือ NK Cells หรือ Natural Killer Cells ซึ่งทำหน้าที่เป็นเสมือน “นักรบแถวหน้า” ที่คอยปกป้องร่างกายจากเชื้อโรค ไวรัส และเซลล์ผิดปกติต่าง ๆ รวมถึงเซลล์มะเร็ง
บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจเกี่ยวกับ NK Cells อย่างครบถ้วน ตั้งแต่บทบาทหน้าที่ สาเหตุที่ทำให้อ่อนแอลง ไปจนถึงนวัตกรรมการรักษาด้วย NK Cells Therapy ที่ Rattinan Clinic นำเสนอเพื่อช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
NK Cells คืออะไร
NK Cells หรือ Natural Killer Cells คือ เซลล์เพชฌฆาตธรรมชาติ ที่เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ (Lymphocyte) เป็นส่วนสำคัญของระบบภูมิคุ้มกันแบบธรรมชาติ (Innate Immunity) หรือที่เรียกว่า ภูมิต้านทานแต่กำเนิด โดย NK Cells มีความพิเศษตรงที่สามารถจดจำและโจมตีเซลล์ที่ผิดปกติได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการกระตุ้นหรือฝึกฝนล่วงหน้าเหมือนเซลล์ภูมิคุ้มกันชนิดอื่น ๆ
ชื่อ “Natural Killer” หรือ “เซลล์เพชฌฆาตธรรมชาติ” สะท้อนถึงความสามารถพิเศษของเซลล์เหล่านี้ที่สามารถทำลายเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัส เซลล์ที่กลายพันธุ์ หรือเซลล์มะเร็งที่กำลังเติบโต
บทบาทหลักของ NK Cells ในการปกป้องร่างกาย
NK Cells มีหน้าที่สำคัญในการ ป้องกันและกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย เช่น เชื้อไวรัสต่าง ๆ อีกทั้งยังทำลายเซลล์ผิดปกติในร่างกายที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส หรือฆ่าเซลล์ที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์มะเร็ง
ลักษณะเด่นของ NK Cells คือ
- ไม่ต้องการการกระตุ้นก่อน สามารถทำงานได้ทันทีเมื่อพบเป้าหมาย โดยไม่ต้องรอการกระตุ้นแอนติบอดี
- จดจำเซลล์ผิดปกติได้เอง โดยไม่ต้องอาศัย Antibody หรือ MHC molecules
- ทำงานได้รวดเร็ว เป็นแนวป้องกันแรกของร่างกายก่อนที่ระบบภูมิคุ้มกันแบบจำเพาะ (Adaptive Immunity) จะเข้ามาทำงาน
ปริมาณ NK Cells ในร่างกาย
โดยปกติแล้วในร่างกายมนุษย์จะมี NK Cells อยู่ในกระแสเลือดประมาณ 5-20% จากจำนวนเม็ดเลือดขาวทั้งหมด หรือประมาณ 2,000-5,000 ล้านเซลล์ ถึงแม้จะมีจำนวนไม่มากนัก แต่ NK Cells กลับเป็นส่วนสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันในการป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง และป้องกันการติดเชื้อไวรัสในร่างกาย
อย่างไรก็ตาม เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น NK Cell ที่มีอยู่ในร่างกายจะค่อย ๆ มีจำนวนและประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการชราภาพของระบบภูมิคุ้มกัน ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำกว่าปกตินี้จึงทำให้ผู้สูงอายุเจ็บป่วยได้ง่าย ป่วยหนักหลังติดเชื้อไวรัส หรือมีโอกาสเป็นโรคร้ายอย่างมะเร็งลุกลามไวมากกว่าผู้ที่มีอายุน้อย
เพราะเหตุนี้ การทำ NK Cells Therapy จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน โดยการเพิ่มจำนวนและเสริมประสิทธิภาพ NK Cells ให้แข็งแรง พร้อมต่อสู้กับเชื้อไวรัสและเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หน้าที่ของ NK Cells ในระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย
NK Cells มีบทบาทสำคัญหลายประการในการปกป้องร่างกาย ทำหน้าที่เป็น “ผู้พิทักษ์สุขภาพ” ที่เฝ้าระวังและตอบสนองต่อภัยคุกคามต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
1. กำจัดสิ่งแปลกปลอมและเซลล์ผิดปกติได้ทันที
NK Cells จะเดินทางอยู่ในกระแสเลือดคอยตรวจหาเซลล์ที่ผิดปกติอยู่ตลอดเวลา และเมื่อเจอเซลล์ผิดปกติหรือสิ่งแปลกปลอม NK Cells จะมีการปล่อย สารโปรตีน Interferon Gamma (IFN-γ) ออกมาเพื่อเข้าไปทำลายเซลล์ที่มีความผิดปกติทันที โดยไม่ต้องรอการกระตุ้นจากแอนติบอดี
นอกจากนี้ NK Cells ยังมีการหลั่ง สารโปรตีน Cytokine มาเรียกเม็ดเลือดขาวกลุ่มอื่น ๆ เช่น Dendritic Cell, T-Cell และ B-Cell เพื่อช่วยในการกำจัดเซลล์เหล่านั้นด้วย การทำงานนี้ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทั้งหมดทำงานอย่างประสานสมดุล
2. การทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัส
เมื่อเซลล์ในร่างกายถูกไวรัสเข้าโจมตี NK Cells จะสามารถตรวจจับและทำลายเซลล์เหล่านั้นได้ก่อนที่ไวรัสจะแพร่กระจายไปยังเซลล์อื่น ๆ การทำงานนี้ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อรุนแรงและช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น ทำให้คุณกลับมามีพลังงานและความสดชื่นในชีวิตประจำวันได้เร็วยิ่งขึ้น
3. ยับยั้งและกำจัดเซลล์มะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
หนึ่งในหน้าที่สำคัญที่สุดของ NK Cells คือการเฝ้าระวังและทำลายเซลล์ที่กลายพันธุ์หรือเซลล์มะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ในทุก ๆ วัน ร่างกายของเรามีเซลล์ผิดปกติเกิดขึ้นหลายร้อยเซลล์ แต่ NK Cells ที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยกำจัดเซลล์เหล่านี้ก่อนที่จะพัฒนาเป็นมะเร็ง
NK Cells สามารถ ยับยั้งและกำจัดเซลล์มะเร็งได้หลายระยะ ไม่ว่าจะเป็น
- เซลล์กำเนิด (Cancer Stem Cell) เซลล์ที่เป็นต้นกำเนิดของมะเร็ง
- เซลล์ที่อยู่ในระบบไหลเวียน (Circulating Tumor Cell) เซลล์มะเร็งที่กำลังแพร่กระจาย
- เซลล์มะเร็งในระยะต่าง ๆ ช่วยควบคุมการลุกลามของมะเร็ง
4. การควบคุมการอักเสบและสร้างความสมดุล
NK Cells ไม่ได้ทำหน้าที่แค่ทำลายเซลล์ผิดปกติเท่านั้น แต่ยังสามารถหลั่งสาร Cytokines ต่าง ๆ เพื่อควบคุมและประสานงานกับเซลล์ภูมิคุ้มกันชนิดอื่น ๆ ช่วยสร้างสมดุลให้กับระบบภูมิคุ้มกันโดยรวม ลดการอักเสบเรื้อรังที่เป็นสาเหตุของการเสื่อมสภาพตามอายุ
5. การตอบสนองอย่างรวดเร็ว
เนื่องจาก NK Cells เป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันแบบธรรมชาติ จึงสามารถตอบสนองต่อภาวะคุกคามได้ทันที ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากพบเชื้อโรคหรือเซลล์ผิดปกติ ทำให้เป็นแนวป้องกันแรกที่สำคัญของร่างกาย ก่อนที่ระบบภูมิคุ้มกันแบบจำเพาะจะเข้ามาสนับสนุน
สาเหตุที่ทำให้ NK Cell ในร่างกายอ่อนแอลง
แม้ว่า NK Cells จะมีความสำคัญอย่างมากต่อสุขภาพ แต่มีหลายปัจจัยที่สามารถทำให้การทำงานของ NK Cells ลดลง ส่งผลให้ร่างกายมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและโรคร้ายแรงมากขึ้น การเข้าใจปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของ NK Cells
1. อายุที่เพิ่มมากขึ้น
เมื่ออายุมากขึ้น จำนวนและประสิทธิภาพการทำงานของ NK Cells มักจะค่อย ๆ ลดลง การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ Immunosenescence หรือการชราภาพของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งและโรคติดเชื้อมากขึ้น
2. ความเครียดเรื้อรัง
ความเครียดที่สะสมเป็นเวลานานสามารถส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันโดยรวม โดยเฉพาะการทำงานของ NK Cells ฮอร์โมนความเครียดอย่าง Cortisol ที่หลั่งออกมาในระดับสูงอาจยับยั้งการทำงานของเซลล์เหล่านี้ ทำให้ร่างกายอ่อนแอและเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยมากขึ้น
3. การนอนหลับไม่เพียงพอ
การพักผ่อนไม่เต็มที่มีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของ NK Cells งานวิจัยหลายชิ้นพบว่า ผู้ที่นอนหลับน้อยกว่า 6-8 ชั่วโมงต่อคืนมีระดับ NK Cells Activity ที่ต่ำกว่าผู้ที่พักผ่อนเพียงพอ การนอนหลับเป็นเวลาที่ร่างกายฟื้นฟูและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
4. โภชนาการที่ไม่สมดุล
การขาดสารอาหารสำคัญ โดยเฉพาะวิตามิน D, วิตามิน C, สังกะสี และโปรตีน สามารถส่งผลเสียต่อการสร้างและการทำงานของ NK Cells การรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ หรือการรับประทานอาหารฟาสต์ฟู้ด ไขมันสูง น้ำตาลสูง อาหารรสจัด อาจทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง
5. การออกกำลังกายมากเกินไปหรือน้อยเกินไป
การออกกำลังกายในระดับที่เหมาะสมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ NK Cells และช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้ดียิ่งขึ้น แต่การออกกำลังกายหนักเกินไปหรือไม่ออกกำลังกายเลยล้วนส่งผลเสียต่อระบบภูมิคุ้มกัน
6. การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์
สารพิษจากบุหรี่และแอลกอฮอล์สามารถทำลายโครงสร้างและการทำงานของ NK Cells ทำให้ร่างกายมีความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่อย่างหนักจะมี NK Cells ที่อ่อนแอกว่าปกติ
7. โรคเรื้อรังและการติดเชื้อ
โรคบางชนิด เช่น เบาหวาน โรคไตเรื้อรัง หรือการติดเชื้อ HIV สามารถส่งผลกระทบต่อการทำงานของ NK Cells ทำให้ร่างกายอ่อนแอลง นอกจากนี้ผู้ที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม หรือผู้ที่ต้องสัมผัสกับฮอร์โมนหรือมลพิษตลอดเวลาก็มีความเสี่ยงเช่นกัน
ผลกระทบเมื่อมี NK Cell น้อย
หากมีปริมาณ NK Cell ที่ต่ำมาก อาจทำให้
- ร่างกายอ่อนแอและติดเชื้อโรคได้ง่าย สามารถติดเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย หรือไม่สบายได้ง่ายกว่าคนปกติ
- ใช้เวลานานในการฟื้นตัว เมื่อเจ็บป่วยจะใช้เวลาในการหายนานขึ้น
- เสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรง รวมถึงโรคมะเร็งและโรคติดเชื้ออื่น ๆ
การตรวจวัดระดับ NK Cells Activity Test ของร่างกาย
การรู้ว่าระบบภูมิคุ้มกันของคุณทำงานได้ดีเพียงใดเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการดูแลสุขภาพอย่างเชิงรุก NK Cells Activity Test คือการตรวจที่วัดประสิทธิภาพการทำงานของ NK Cells ในร่างกาย ซึ่งช่วยประเมินความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ และวางแผนการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม
กระบวนการตรวจ NK Cell Activity Test
การตรวจ NK Cell Activity Test ทำได้ง่าย โดยเจาะเลือดเพียงแค่ 1 ซีซี เพื่อนำไปตรวจวัดระดับการทำงานของ NK Cells วัดค่า Interferon Gamma (IFN-γ) ที่หลั่งจาก NK Cells และประเมินความสามารถของร่างกายในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสและการเกิดมะเร็ง
NK Cell เป็นกุญแจสำคัญที่บ่งชี้ถึงสภาวะภูมิคุ้มกันโรค ถึงแม้ว่าการตรวจหาระดับ NK Cell Activity Test ในร่างกายจะไม่สามารถบ่งบอกโรคที่เป็นอยู่ได้โดยตรง แต่มีประโยชน์ในการช่วยให้แพทย์วินิจฉัยและแนะนำได้ว่าควรตรวจร่างกายเพิ่มเติมเพื่อหาว่าร่างกายมีปัญหาสุขภาพหรือไม่
ค่ามาตรฐานของ NK Cell Activity
- ค่าต่ำกว่าปกติ (ต่ำกว่า 100-250) – ร่างกายอาจบ่งบอกว่ามีปัญหาสุขภาพภายใน หรือเป็นสัญญาณของโรคบางชนิดในระยะเริ่มต้น
- ค่าปกติ (250-500) – ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดี มีความพร้อมในการป้องกันโรค
- ค่าสูงกว่าปกติ (สูงกว่า 500) – แสดงถึงระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงและพร้อมทำงาน
Rattinan Clinic ร่วมมือกับ LAB มาตรฐานให้บริการตรวจ NK Cell Activity Test เพื่อตรวจสอบระดับการทำงานของ NK Cells และตรวจหาความเสี่ยงโรคมะเร็ง ด้วยชุดตรวจนำเข้าจากญี่ปุ่น
การตรวจนี้ใช้เทคโนโลยีที่ได้มาตรฐานสากล สามารถวิเคราะห์ความสามารถในการทำลายเซลล์เป้าหมายของ NK Cells ได้อย่างแม่นยำ ผลการตรวจจะช่วยให้แพทย์สามารถประเมินสถานะภูมิคุ้มกันและวางแผนการดูแลที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล สะท้อนถึงความใส่ใจในรายละเอียดและการดูแลอย่างพิถีพิถันที่เป็นเอกลักษณ์ของ Rattinan Clinic
ใครบ้างที่ควรตรวจวัดระดับ NK Cells Activity Test
การตรวจ NK Cells Activity Test เหมาะสำหรับผู้รับบริการหลายกลุ่ม เพราะการรู้สถานะภูมิคุ้มกันของตัวเองคือการเริ่มต้นเส้นทางสู่สุขภาพที่ยั่งยืน
ผู้ที่มีสุขภาพดี (Healthy Person)
- ผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ต้องการตรวจเพื่อติดตามการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย เป็นการสร้างพื้นฐานข้อมูลด้านสุขภาพและข้อมูลด้านปัจจัยเสี่ยงการเกิดมะเร็ง เพื่อการป้องกันในเบื้องต้น
- ผู้ที่ใส่ใจสุขภาพและต้องการดูแลเชิงป้องกัน การตรวจเป็นประจำช่วยติดตามและดูแลสุขภาพได้ดีขึ้น มั่นใจว่าร่างกายมีความพร้อมในการป้องกันโรค
- ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป เมื่ออายุมากขึ้น ประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันมักลดลง การตรวจเป็นประจำช่วยให้ทราบสถานะที่แท้จริงและสามารถวางแผนการดูแลได้อย่างเหมาะสม
ผู้ที่มีความผิดปกติ มีโรคประจำตัว หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง (Clinical Disorders)
- ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง หากมีสมาชิกในครอบครัวหรือญาติป่วยเป็นมะเร็ง การตรวจระดับ NK Cells จะช่วยประเมินความเสี่ยงและเตรียมแผนการดูแลเชิงป้องกันที่เหมาะสม
- ผู้ที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม การตรวจช่วยให้ทราบสถานะภูมิคุ้มกันและวางแผนการดูแลที่เหมาะสม
- ผู้ที่อยู่ระหว่างการรักษาโรคมะเร็ง หรือผู้รับบริการที่รักษาหายแล้ว แต่ยังต้องเฝ้าติดตามการเกิดซ้ำของมะเร็ง การตรวจ NK Cell Activity Test ช่วยประเมินประสิทธิภาพของการรักษาและความเสี่ยงในการกลับเป็นซ้ำ
- ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่อย่างหนัก พฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลเสียต่อ NK Cells การตรวจจะช่วยให้เห็นผลกระทบที่เกิดขึ้น
- ผู้ที่ต้องสัมผัสกับฮอร์โมนหรือมลพิษตลอดเวลา สภาพแวดล้อมที่ไม่ดีสามารถส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน
- ผู้ที่มีปัญหาความเครียดสูง เครียดสะสม เครียดเรื้อรัง ความเครียดมีผลโดยตรงต่อการทำงานของ NK Cells การตรวจจะช่วยให้ทราบสถานะที่แท้จริงของร่างกาย
- ผู้ที่พักผ่อนน้อยและออกกำลังกายไม่เพียงพอ วิถีชีวิตที่ไม่สมดุลส่งผลต่อภูมิคุ้มกัน
- ผู้ที่ได้รับสารอาหารไม่ครบ 5 หมู่ เช่น ผู้ที่ทานมังสวิรัติ ซึ่งมักจะได้รับสารอาหารประเภทโปรตีน วิตามิน และเกลือแร่ไม่เพียงพอ
- ผู้ที่ติดเชื้อบ่อยหรือฟื้นตัวช้า หากคุณป่วยบ่อยหรือใช้เวลานานในการหายจากการเจ็บป่วย อาจเป็นสัญญาณว่า NK Cells ทำงานไม่เต็มที่
วิธีการรักษาด้วย NK Cells Therapy ทำอย่างไร?
NK Cells Therapy คือนวัตกรรมการรักษาที่นำเซลล์ NK ของผู้รับบริการมาเพาะเลี้ยงให้เพิ่มจำนวนและกระตุ้นให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น จากนั้นจึงนำกลับเข้าสู่ร่างกายเพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน การรักษานี้เป็นการใช้ “กำลังของตัวคุณเอง” มาช่วยปกป้องและดูแลสุขภาพของคุณ
ขั้นตอนการรักษาที่ออกแบบอย่างพิถีพิถัน
ขั้นตอนที่ 1 การเจาะเลือดและแยก NK Cells
แพทย์จะทำการเจาะเลือดจากผู้รับบริการประมาณ 20-30 มิลลิลิตร เพื่อแยกเอา NK Cells ออกมา กระบวนการนี้ใช้เวลาไม่นาน และไม่ก่อให้เกิดอาการไม่สบายมากนัก ผู้รับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
ขั้นตอนที่ 2 การส่งไปห้องปฏิบัติการมาตรฐาน
เลือดที่เจาะได้จะถูกส่งไปยังห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) เพื่อทำการสกัดแยก NK Cells และนำไปเพาะเลี้ยงในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
ขั้นตอนที่ 3 การเพาะเลี้ยงด้วย Osaki Method
ห้องปฏิบัติการจะใช้เทคโนโลยี Osaki Method ซึ่งเป็นวิธีการเพาะเลี้ยง NK Cells แบบไม่ใช้เซลล์พี่เลี้ยง ด้วยน้ำยาสูตรเฉพาะที่บรรจุในระบบปิดที่ได้รับสิทธิบัตรรับรอง สามารถเพิ่มจำนวน NK Cells ได้มากถึง 510-1500 เท่า พร้อมกับเสริมประสิทธิภาพการทำงานให้กำจัดไวรัสและเซลล์มะเร็งได้ดียิ่งขึ้น
กระบวนการเพาะเลี้ยงใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ โดย NK Cells ที่ได้จะมีจำนวนไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านเซลล์ และอยู่ในสภาพที่ถูกกระตุ้นแล้วพร้อมทำงาน (Highly Active NK Cell)
ขั้นตอนที่ 4 การตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด
ก่อนนำ NK Cells กลับเข้าสู่ร่างกาย จะมีการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าเซลล์มีความบริสุทธิ์ ปลอดเชื้อ และมีประสิทธิภาพตามมาตรฐาน สะท้อนถึงความใส่ใจในรายละเอียดและความปลอดภัยที่ Rattinan Clinic ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก
ขั้นตอนที่ 5 การให้เซลล์เข้าสู่ร่างกาย
NK Cells ที่ผ่านการเพาะเลี้ยงแล้วจะถูกนำกลับเข้าสู่ร่างกายผ่านทางหลอดเลือดดำ เช่นเดียวกับการให้น้ำเกลือหรือสารน้ำทางเส้นเลือดทั่วไป กระบวนการใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที ผู้รับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที ไม่ก่อให้เกิดการแพ้หรือผลแทรกซ้อนต่อร่างกาย เพราะเป็นเซลล์ที่มาจากตัวผู้รับบริการเอง
ขั้นตอนที่ 6 การติดตามผลและการดูแลต่อเนื่อง
แพทย์จะนัดติดตามผลและประเมินประสิทธิภาพของการรักษา อาจมีการตรวจ NK Cells Activity Test ซ้ำเพื่อดูการเปลี่ยนแปลงและประสิทธิภาพของการรักษา การดูแลอย่างใกล้ชิดนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Rattinan Clinic ในการมอบประสบการณ์การดูแลที่ครอบคลุมและเป็นส่วนตัว
ความสำคัญของการเพาะเลี้ยง NK Cells
การเพาะเลี้ยง NK Cells ไม่ใช่แค่การเพิ่มจำนวนเซลล์เท่านั้น แต่เป็นกระบวนการที่ช่วยให้เซลล์มีความพร้อมและประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด ผลลัพธ์หลังการให้ NK Cells Therapy จะดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับวิธีการเพาะเลี้ยงเป็นส่วนสำคัญ ว่าทำให้เซลล์นั้นมีสภาพพร้อมทำงานหรือมีประสิทธิภาพที่มากพอหรือไม่
ความแตกต่างของวิธีการเพาะเลี้ยง NK Cell
การเพาะเลี้ยง NK Cell มี 2 แบบหลัก ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ได้แก่
1. การใช้เซลล์พี่เลี้ยง (Feeder Cell Method)
- ข้อดี สามารถเพาะเลี้ยง NK Cell ได้จำนวนมากในเวลาที่สั้นกว่า
- ข้อเสีย ประสิทธิภาพหรือสภาพพร้อมทำงานของเซลล์จะต่ำ เมื่อมีการปลูกถ่ายเข้าสู่ร่างกาย เซลล์อาจไม่พร้อมทำงานทันทีหรือมีประสิทธิภาพไม่เต็มที่
2. การไม่ใช้เซลล์พี่เลี้ยง (Feeder-Free Method – Osaki Method)
- ข้อดี เซลล์จะมีความสามารถ มีประสิทธิภาพ และสภาพพร้อมทำงานของเซลล์ดีกว่ามาก เมื่อมีการปลูกถ่ายเข้าสู่ร่างกาย เซลล์สามารถทำงานได้ทันทีและมีประสิทธิภาพสูง
- ข้อพิจารณา แม้จะได้จำนวนน้อยกว่าแบบมีพี่เลี้ยง แต่ด้วยเทคโนโลยี Osaki Method สามารถเพิ่มจำนวนได้มากพอสำหรับการรักษา พร้อมทั้งรักษาคุณภาพของเซลล์ไว้ได้อย่างดีเยี่ยม
เพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกายด้วย NK Cells Therapy
ผู้รับบริการที่ตรวจวัดระดับ NK Cells Activity Test แล้วพบว่ามีค่าต่ำกว่าค่าปกติ (ต่ำกว่า 100-250) ร่างกายอาจบ่งบอกว่ามีปัญหาสุขภาพภายใน หรือเป็นสัญญาณของโรคบางชนิดในระยะเริ่มต้น
ดังนั้น การทำ NK Cells Therapy ก็เพื่อเสริมประสิทธิภาพและความแข็งแรงของภูมิต้านทานในร่างกายให้อยู่ในระดับปกติ (250-500) หรือดีกว่านั้น เปรียบเสมือนการเติมเต็มกองกำลังของร่างกายให้พร้อมรับมือกับภัยคุกคามต่าง ๆ
NK Cells Therapy ช่วยเสริมสร้างกำลังให้กับระบบภูมิคุ้มกันโดยรวม ดังนี้
- เพิ่มจำนวน “นักรบ” ในร่างกาย จากการเพาะเลี้ยง NK Cells สามารถเพิ่มจำนวนได้หลายร้อยถึงหลายพันเท่า ทำให้ร่างกายมีกองกำลังมากขึ้นในการต่อสู้กับเชื้อโรคและเซลล์ผิดปกติ
- ปรับปรุงคุณภาพของเซลล์ NK Cells ที่ผ่านการเพาะเลี้ยงและกระตุ้นจะมีความแข็งแรงและทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเซลล์ปกติในร่างกาย อยู่ในสภาพพร้อมทำงานทันที
- ช่วยฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ สำหรับผู้รับบริการที่มีภูมิคุ้มกันต่ำจากโรคเรื้อรังหรืออายุที่มากขึ้น การเพิ่ม NK Cells ช่วยคืนความแข็งแรงให้กับร่างกาย
- สนับสนุนการรักษาโรคที่มีอยู่ NK Cells Therapy สามารถใช้ร่วมกับการรักษาอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดผลข้างเคียง
การเพาะเลี้ยง NK Cells ด้วยวิธี 'Osaki Method'
Osaki Method เป็นเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยง NK Cells ที่ได้รับการพัฒนาโดยแพทย์ชาวญี่ปุ่น นายแพทย์จุนอิชิ มัตซึยามา (Junichi Masuyama, M.D., Ph.D.) ซึ่งเป็นแพทย์ผู้มีความรู้ความสามารถด้านเซลล์ภูมิคุ้มกัน วิธีการนี้มีความโดดเด่นด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัย จนได้รับการยอมรับในระดับสากล
ความพิเศษของ Osaki Method
1. การควบคุมสภาพแวดล้อมอย่างพิถีพิถัน
Osaki Method ใช้การควบคุมสภาพแวดล้อมในการเพาะเลี้ยงเซลล์อย่างเข้มงวด และใช้น้ำยาสูตรเฉพาะที่บรรจุในระบบปิดที่ได้รับสิทธิบัตรรับรอง ที่มีสารกระตุ้นการทำงานและการแบ่งตัวของ NK Cells ให้ได้จำนวนเซลล์มากขึ้น
2. เซลล์ที่อยู่ในสภาพถูกกระตุ้นแล้วพร้อมทำงาน
สิ่งที่ทำให้ Osaki Method แตกต่างคือ NK Cells ที่ได้จะอยู่ในสภาพที่ถูกกระตุ้นแล้วพร้อมทำงาน (Highly Active NK Cell) สามารถปลูกถ่ายกลับเข้าไปในร่างกายได้ทันที และเริ่มทำงานป้องกันร่างกายได้ทันทีโดยไม่ต้องรอการกระตุ้นเพิ่มเติม
3. อัตราการเพิ่มจำนวนที่สูง
Osaki Method สามารถเพิ่มจำนวน NK Cells ที่ถูกกระตุ้นแล้วได้มากถึง 510-1500 เท่า และเซลล์มีประสิทธิภาพพร้อมทำงานในระดับที่สูง
ด้วยเทคโนโลยีพิเศษ Osaki Method สามารถเพิ่มจำนวน NK Cells ได้มากกว่าวิธีการทั่วไปหลายเท่า ทำให้ผู้รับบริการได้รับเซลล์ในปริมาณที่เพียงพอ (ไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านเซลล์) ต่อการสร้างผลลัพธ์ที่เด่นชัด
4. ประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อเทียบกับวิธีอื่น ๆ
Osaki Method เป็นการเพิ่มที่ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดหากเทียบกับวิธีการเพาะเลี้ยงแบบอื่น ๆ ทั้งในด้านจำนวนและคุณภาพของเซลล์ที่ได้
5. ความปลอดภัยสูง
กระบวนการเพาะเลี้ยงทำในสภาพแวดล้อมที่ปลอดเชื้อและควบคุมอย่างเข้มงวดตามมาตรฐาน GMP ลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนหรือผลข้างเคียง
6. ไม่ก่อให้เกิดการแพ้หรือผลแทรกซ้อน
เนื่องจากเป็นเซลล์ที่มาจากตัวผู้รับบริการเอง จึงไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ไม่เกิดผลแทรกซ้อนต่อร่างกายและในการรักษา
Rattinan Clinic และ Osaki Method
Rattinan Clinic ร่วมมือกับบริษัท MEDEZE ซึ่งใช้การเพาะเลี้ยง NK Cells แบบไม่ใช้เซลล์พี่เลี้ยง ด้วยวิธี Osaki Method เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของ NK Cells เมื่อนำกลับมาใช้สู่ร่างกาย การเลือกใช้เทคโนโลยีชั้นนำนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Rattinan Clinic ในการนำเสนอการดูแลที่มีคุณภาพและความปลอดภัยเป็นหัวใจสำคัญ
ประโยชน์ของการทำ NK Cells Therapy
NK Cells Therapy นำเสนอประโยชน์หลากหลายด้านที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาพของผู้รับบริการ เป็นมากกว่าการรักษา แต่เป็นการลงทุนในสุขภาพระยะยาวที่ยั่งยืน
ประโยชน์หลักของ NK Cells Therapy
1. เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายมีสุขภาพที่แข็งแรง
การเพิ่มจำนวนและประสิทธิภาพของ NK Cells ช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อโรค ไวรัส และแบคทีเรียได้ดียิ่งขึ้น ลดโอกาสการเจ็บป่วยจากโรคติดเชื้อต่าง ๆ ผู้รับบริการหลายท่านรายงานว่ารู้สึกมีพลังงานมากขึ้น ไม่ป่วยบ่อยเหมือนเดิม และฟื้นตัวเร็วขึ้นเมื่อมีอาการไม่สบาย
2. เป็นทางเลือกในการป้องกันการเกิดมะเร็ง
NK Cells ที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพช่วยเฝ้าระวังและกำจัดเซลล์ที่กลายพันธุ์ก่อนที่จะพัฒนาเป็นมะเร็ง การทำ NK Cells Therapy เป็นทางเลือกในการป้องกันการเกิดมะเร็งที่ทุกคนสามารถทำได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น ประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง หรือมีพฤติกรรมที่เสี่ยง
3. สนับสนุนการรักษามะเร็งได้
สำหรับผู้รับบริการที่กำลังรักษามะเร็ง NK Cells Therapy สามารถใช้ร่วมกับการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา ลดผลข้างเคียงจากการรักษาด้วยยาหรือเคมีบำบัด และช่วยควบคุมการลุกลามของมะเร็ง
4. สามารถเพาะเลี้ยงและฝากเก็บไว้ใช้ในอนาคต
หนึ่งในข้อดีพิเศษของ NK Cells Therapy คือ หากไม่ได้ใช้ทันที สามารถเพาะเลี้ยงและฝากเก็บไว้ใช้ในอนาคตเมื่อต้องการได้ เปรียบเสมือนการเก็บ “ประกันสุขภาพ” ของตัวเองไว้
5. ชะลอความชราและส่งเสริม Anti-Aging
ระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงเป็นรากฐานสำคัญของการชะลอวัย การมี NK Cells ที่ทำงานดีช่วยลดการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเสื่อมสภาพตามอายุ ผู้รับบริการจะรู้สึกมีชีวิตชีวา มีพลังงาน และเปล่งประกายจากภายใน
6. เพิ่มพลังงานและความสดชื่น
ผู้รับบริการหลายท่านรายงานว่ารู้สึกมีพลังงานมากขึ้น นอนหลับได้ดีขึ้น และมีความสดชื่นโดยรวมหลังจากทำ NK Cells Therapy ร่างกายที่มีภูมิคุ้มกันแข็งแรงจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสมดุล
7. สนับสนุนการฟื้นตัวของร่างกาย
สำหรับผู้รับบริการที่อยู่ระหว่างการฟื้นตัวจากการเจ็บป่วยหรือได้รับการรักษาที่ส่งผลต่อภูมิคุ้มกัน NK Cells Therapy ช่วยเร่งกระบวนการฟื้นฟูให้เร็วขึ้น
8. ปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง
เนื่องจาก NK Cells ที่ใช้มาจากตัวผู้รับบริการเอง จึงไม่มีความเสี่ยงจากการปฏิเสธหรือภูมิแพ้ อาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นมักเบาและหายไปเองภายในระยะเวลาสั้น ๆ เช่น อาการไข้เล็กน้อยหรือเมื่อยเล็กน้อยซึ่งเป็นสัญญาณว่าเซลล์กำลังทำงาน
ข้อควรพิจารณา
การทำ NK Cells Therapy อาจไม่เหมาะกับผู้รับบริการที่มีภาวะเครียดสูงจากงานที่กดดัน หรือการที่ทำให้เซลล์เกิดความเครียดสูง แต่ถึงอย่างไรก็สามารถตรวจระดับภูมิคุ้มกัน NK Cell Activity Test ก่อนได้ เพื่อหาแนวทางการดูแลที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล
การรักษามะเร็งด้วย NK Cells Therapy
ดังที่กล่าวข้างต้นว่า NK Cells เป็นเซลล์เพชฌฆาตธรรมชาติที่มีความสามารถในการฆ่าเซลล์มะเร็งได้ดีมาก แม้จะได้ผลกับมะเร็งบางชนิดเท่านั้น แต่ก็รวมถึงสามารถป้องกันการกระจายหรือกลับมาเป็นซ้ำของมะเร็งบางชนิดได้ เช่น มะเร็งเนื้องอก มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งต่อมลูกหมาก
หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุน
มะเร็งระยะเริ่มต้น
จากการวิจัยพบว่า การทำ NK Cells Therapy ร่วมกับการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบันในผู้รับบริการโรคมะเร็งระยะเริ่มต้นนั้น ผลลัพธ์การรักษามีประสิทธิภาพที่ดีและไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายหรือการรักษา การเสริม NK Cells ช่วยเพิ่มโอกาสในการควบคุมโรคและลดความเสี่ยงในการกลับเป็นซ้ำ
มะเร็งระยะลุกลาม
ส่วนในกลุ่มมะเร็งระยะลุกลาม NK Cells ช่วยควบคุมการลุกลามของมะเร็ง ทำให้ผู้รับบริการมีเวลาที่เหลืออยู่กับครอบครัวได้นานขึ้น และไม่เกิดอาการเจ็บป่วยจากการรักษาด้วยยาหรือเคมีบำบัด ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตในช่วงเวลาที่มีค่า
มะเร็งระยะสุดท้าย
มีงานวิจัยอีกหนึ่งกลุ่มพบว่า ในผู้รับบริการโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ที่ไม่มีการตอบสนองต่อการรักษาด้วยการให้ยาหรือเคมีบำบัดต่าง ๆ แล้ว เมื่อทำการปลูกถ่าย NK Cells Therapy ด้วยวิธีของ Osaki Method อาการของผู้รับบริการหลังการรักษาก็ดีขึ้นตามลำดับ แม้จะไม่ใช่ทุกกรณี แต่ก็ให้ความหวังและทางเลือกใหม่สำหรับผู้รับบริการและครอบครัว
บทบาทของ NK Cells Therapy ในการรักษามะเร็ง
NK Cells Therapy ไม่ได้เป็นการรักษาหลักที่ใช้แทนการรักษามะเร็งมาตรฐาน แต่เป็นการรักษาเสริม (Adjuvant Therapy) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาหลัก โดย
- เพิ่มความสามารถในการโจมตีเซลล์มะเร็ง
- ลดการกลับเป็นซ้ำของมะเร็ง
- ลดผลข้างเคียงจากการรักษาหลัก
- ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้รับบริการ
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอจากการรักษา
สำหรับผู้รับบริการที่สนใจ NK Cells Therapy ในการรักษามะเร็ง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมและวางแผนการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล
คำถามที่พบบ่อย เรื่อง NK Cell
โดยปกติแล้ว NK Cell ภูมิคุ้มกันจะมีประมาณ 5-20% หรือ 2,000-5,000 ล้านเซลล์ ของจำนวนเม็ดเลือดขาวทั้งหมด
หากตรวจ NK Cell Activity Test แล้วพบว่ามีปริมาณที่ต่ำ อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพได้ ซึ่งสามารถให้แพทย์ตรวจร่างกายเพิ่มต่อไปได้ หรืออาจทำ NK Cell Therapy เพื่อเพิ่มจำนวนภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรงขึ้นก็ได้เช่นกัน
หากมีปริมาณ NK Cell ที่ต่ำมาก อาจทำให้ร่างกายอ่อนแอ และสามารถติดเชื้อโรค เชื้อไวรัส หรือไม่สบายได้ง่ายกว่าคนปกติ หรือคนที่มี NK Cell สูง
หรือในบางกรณีหากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี เช่น สถานที่ไม่ถูกสุขอนามัย ไม่สะอาด เสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรือมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม ไม่ออกกำลังกาย นอนน้อย รวมถึงการรับประทานอาหารที่ไม่ดี รับประทานอาหารฟาสต์ฟู้ด ไขมันสูง อาหารรสจัด ก็เสี่ยงทำให้เจ็บป่วยหรือเกิดโรคต่าง ๆ ได้ง่ายเช่นกัน
หลังจากการทำ NK Cell Therapy แล้ว จะทำให้ NK Cell แข็งแรงพร้อมต่อสู้กับเชื้อโรค เชื้อไวรัสได้ดียิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาที่ NK Cell จะอยู่ในร่างกายและมีประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองด้วย หากไม่ดูแลตัวเอง เช่น ไม่ดูแลสุขภาพ ไม่ออกกำลังกาย ไม่รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็อาจทำให้ร่างกายเสื่อมโทรมลงได้อีกเช่นกัน
ดังนั้น การทำ NK Cell Therapy ควรไปคู่กับการดูแลสุขภาพอย่างรอบด้าน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและคุ้มค่าที่สุด
การนำ NK Cell Therapy มาใช้ร่วมกับการรักษาโรคมะเร็งในทางการแพทย์นั้น พบว่า NK Cell สามารถช่วยรักษามะเร็งบางชนิด ทำให้อาการดีขึ้นหรือบรรเทาอาการของโรคได้
อย่างไรก็ตาม NK Cell Therapy ไม่ใช่การรักษาที่สามารถรับรองว่ามะเร็งจะหายขาดได้ทุกกรณี แต่เป็นการรักษาเสริมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาหลัก ลดการกลับเป็นซ้ำ และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้รับบริการ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ชนิดของมะเร็ง ระยะของโรค สภาพร่างกายโดยรวม และการรักษาที่ได้รับร่วมด้วย
ในการตรวจวัดระดับ NK Cells Activity Test ของร่างกาย และการทำ NK Cells Therapy ผู้รับบริการสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรายละเอียดเกี่ยวกับราคาได้โดยตรงจาก Rattinan Clinic
ทีมงานของเราพร้อมให้คำปรึกษาอย่างละเอียด ประเมินความเหมาะสม และออกแบบแผนการดูแลที่เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละบุคคล เพราะเราเข้าใจว่าสุขภาพของทุกคนมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เริ่มต้นเส้นทางสู่สุขภาพที่ยั่งยืนกับ Rattinan Clinic
การดูแลระบบภูมิคุ้มกันไม่ใช่แค่การป้องกันโรค แต่เป็นการลงทุนในคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน NK Cells Therapy คือหนึ่งในนวัตกรรมที่ช่วยให้คุณมีความมั่นใจในสุขภาพของตัวเอง พร้อมเผชิญกับทุกช่วงเวลาของชีวิตอย่างเต็มที่
ประสบการณ์ที่คุณจะได้รับตลอดการร่วมเส้นทางไปกับเรา
- การดูแลโดยทีมแพทย์มืออาชีพ ทีมแพทย์ของเรามีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในการดูแลผู้รับบริการมายาวนาน พร้อมให้คำปรึกษาและวางแผนการดูแลที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
- มาตรฐานความปลอดภัย Rattinan Clinic ได้รับการรับรองคุณภาพจาก AACI (American Association for Accreditation of Ambulatory Surgery Facilities) สหรัฐอเมริกา ในฐานะศูนย์ศัลยกรรมผู้ป่วยนอกแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการให้บริการที่ปลอดภัยและได้มาตรฐานสูงสุด
- เทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นนำ เราคัดสรรเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน เช่น Osaki Method ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการเพาะเลี้ยง NK Cells
- การดูแลแบบเฉพาะบุคคล เราเข้าใจว่าทุกคนมีความต้องการและสภาพร่างกายที่แตกต่างกัน ดังนั้นเราจึงออกแบบแผนการดูแลที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลอย่างพิถีพิถัน
- ประสบการณ์ตั้งแต่ปี 1999 ด้วยประสบการณ์ยาวนานในการให้บริการด้านความงามและการดูแลสุขภาพ เราเข้าใจความต้องการของผู้รับบริการอย่างลึกซึ้ง และพร้อมมอบประสบการณ์การดูแลที่ดีที่สุด
- สภาพแวดล้อมที่สะอาด ปลอดภัย ส่วนตัว Rattinan Clinic ให้ความสำคัญกับความสะอาด ความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของผู้รับบริการ สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและให้ความมั่นใจในทุกขั้นตอนการดูแล
ที่ รัตตินันท์ คลินิก ความงามที่แท้จริงไม่ใช่เพียง การเปลี่ยนแปลงภายนอก แต่คือ
การออกแบบอย่างเข้าใจในตัวคุณ

รัตตินันท์ คลินิก ให้บริการด้านความงามและการรักษา โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา พร้อมด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้รับบริการ ศูนย์ได้รับการรับรองคุณภาพจาก AACI สหรัฐอเมริกา ในฐานะศูนย์ศัลยกรรมผู้ป่วยนอกแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และได้รับการประเมินในด้านการให้บริการจากลูกค้าหลายประเทศ