เมื่อมีอาการฉี่แล้วแสบ อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าเราอาจเสี่ยงต่อโรค ที่เกิดจากการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ซึ่งไม่ควรมองข้าม เพราะถ้าปล่อยไม่ทำอะไร เราอาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคเรื้อรังในระยะยาวได้ อาการนี้พบได้ในทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในผู้หญิงและผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ภาวะตั้งครรภ์ หรือปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะ
สาเหตุของอาการปัสสาวะแสบมีได้หลายประการ ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยที่อาจหายไปเองได้ ไปจนถึงภาวะผิดปกติร้ายแรงที่ต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ การรักษาจึงขึ้นอยู่กับสาเหตุที่แท้จริง ดังนั้นหากมีอาการดังกล่าว ควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยหนองในหายเองได้ไหมและได้รับการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสม
สาเหตุของการฉี่แล้วแสบเกิดจากอะไร
ปัสสาวะขัด หรือการปวดแสบขณะปัสสาวะ เป็นอาการที่พบได้บ่อยในระบบทางเดินปัสสาวะ มีสาเหตุหลักมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียในบริเวณนั้น นอกจากความรู้สึกแสบปวดขณะปัสสาวะแล้ว ยังอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดแสบหรือคันบริเวณอวัยวะเพศ, ปัสสาวะมีกลิ่นผิดปกติ, มีหนองปนในปัสสาวะ, ปวดบริเวณหลัง, มีไข้ เป็นต้น หากอาการปวดแสบขณะปัสสาวะยังคงอยู่นานเกินหนึ่งสัปดาห์ อาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงขึ้น เช่น การเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะหรือนิ่วในไต
โดยทั่วไปผู้หญิงมีแนวโน้มเป็นปัสสาวะขัดได้ง่ายกว่าเนื่องจากท่อปัสสาวะสั้นกว่าผู้ชาย ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ระบบทางเดินปัสสาวะได้ง่ายกว่า อย่างไรก็ตามผู้ชายก็มีโอกาสเป็นปัสสาวะขัดได้เช่นกัน การรักษาและป้องกันที่ถูกต้องจะช่วยบรรเทาอาการและลดโอกาสการแทรกซ้อนที่รุนแรงขึ้น
ปัสสาวะแสบขัดมีอาการอย่างไร
อาการฉี่แล้วแสบ หรือ ไดสูเรีย (Dysuria) คือ ภาวะที่เกิดความรู้สึกไม่สบายหรือเจ็บปวดขณะปัสสาวะ อาการที่พบ ได้แก่ การรู้สึกลำบากในการปัสสาวะ ปวดแสบขัดในระหว่างหรือหลังปัสสาวะ รวมถึงการปัสสาวะไม่สุดหรือมีเลือดปนออกมา อาการเหล่านี้อาจแตกต่างกันไป ตามสาเหตุของการเกิดโรค การวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริงจึงมีความสำคัญ เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างเหมาะสม
สิ่งที่ควรทำเมื่อมีอาการ ฉี่แล้วแสบ
โดยทั่วไป อาการฉี่แล้วรู้สึกแสบมักจะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปเองโดยไม่ต้องรักษา อย่างไรก็ตาม มีบางกลุ่มที่ควรพบแพทย์เพื่อตรวจอาการอย่างเหมาะสม ได้แก่ สตรีมีครรภ์ ผู้ที่อาการไม่ดีขึ้นหลังจาก 24 ชั่วโมง ผู้ที่มีอาการเป็น ๆ หาย ๆ ติดต่อกันหลายเดือน ผู้ที่พบอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีเลือดปนปัสสาวะ มีสารไหลออกจากอวัยวะเพศ ปัสสาวะขุ่น มีกลิ่นผิดปกติ มีไข้ หรือปวดข้างลำตัวบริเวณเอวหรือหลัง
แม้อาการฉี่แล้วแสบอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างก็ช่วยลดความเสี่ยงได้ เช่น ดื่มน้ำให้เพียงพอ ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ หลังมีเพศสัมพันธ์ควรปัสสาวะและทำความสะอาดอวัยวะเพศ สำหรับสตรี ควรทำความสะอาดอวัยวะเพศทุกครั้งหลังปัสสาวะ โดยเริ่มจากด้านหน้าไปด้านหลัง เพื่อป้องกันไม่ให้แบคทีเรียจากบริเวณทวารหนักแพร่เข้าสู่ช่องคลอดและท่อปัสสาวะ
ฉี่แล้วแสบ กำลังติดเชื้ออะไร ?
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ หรือ ยูทีไอ (UTI) เป็นภาวะที่เกิดจากการติดเชื้อโรคในระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งมักเกิดจากเชื้อแบคทีเรียเป็นสาเหตุหลัก รองลงมาคือเชื้อรา เชื้อไวรัส และเชื้ออื่น ๆ เมื่อเชื้อโรคเข้าสู่ทางเดินปัสสาวะจะทำให้เกิดการอักเสบ ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการปัสสาวะแสบขัด หรือปัสสาวะไม่ออก อาการและสาเหตุของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะอาจแตกต่างกันตามตำแหน่งที่ติดเชื้อและชนิดของเชื้อโรค ดังนี้:
- ติดเชื้อแบคทีเรียจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
เชื้อแบคทีเรียบางชนิด เช่น ไนซีเรีย โกโนเรีย และคลามีเดีย สามารถเข้าสู่ระบบทางเดินปัสสาวะได้จากการมีเพศสัมพันธ์ ทำให้เกิดอาการปัสสาวะแสบขัด
ในผู้ชาย อาจมีอาการคันอวัยวะเพศ เลือดหรือหนองปนมากับปัสสาวะหรืออสุจิ
ในผู้หญิง อาจมีอาการปัสสาวะบ่อยครั้ง แสบร้อนขณะปัสสาวะ มีการตกขาวผิดปกติทั้งสี กลิ่น และปริมาณ
- ปัสสาวะแสบขัด จากการติดเชื้อแบคทีเรีย อีโคไล (E.coli, Escherichia coli)
เชื้ออีโคไลเป็นแบคทีเรียที่พบได้บ่อย เนื่องจากปนเปื้อนอยู่ในอุจจาระและบริเวณรอบทวารหนัก หากไม่ทำความสะอาดอย่างถูกวิธีหลังขับถ่าย เชื้ออาจเข้าสู่ระบบทางเดินปัสสาวะ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ หรือลุกลามไปยังไต
อาการที่พบ นอกจากปัสสาวะแสบขัด ได้แก่ ปัสสาวะบ่อยครั้ง ปัสสาวะสีขุ่นและมีกลิ่นเหม็น อาจมีเลือดปนออกมาด้วย รวมถึงอาจมีอาการปวดเอว ไข้ และหนาวสั่น
- ปัสสาวะแสบขัด จากการติดเชื้อรา แคนดิดา (Candida) หรือเชื้อรา (Yeast)
การติดเชื้อราแคนดิดาในช่องคลอดถือเป็นสาเหตุหนึ่งที่พบอาการปัสสาวะแสบขัด เนื่องจากทำให้เกิดอาการอักเสบบริเวณช่องคลอด สาเหตุที่ทำให้ติดเชื้อรา อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย การสวนล้างช่องคลอด หรือการมีเพศสัมพันธ์
อาการที่พบ นอกจากปัสสาวะแสบขัด ได้แก่
ผู้ชาย: คัน บวม แดงบริเวณปลายอวัยวะเพศ และรู้สึกแสบร้อนอวัยวะเพศขณะมีเพศสัมพันธ์
ผู้หญิง: คัน บวม แดงบริเวณช่องคลอด แสบขณะมีเพศสัมพันธ์ และมีตกขาวเยอะ สีขาวครีมข้น ไม่มีกลิ่น
- ปัสสาวะแสบขัด จากการติดเชื้อพยาธิช่องคลอด (Trichomoniasis หรือ Trich)
พยาธิช่องคลอดเกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัวชนิด Trichomonas vaginalis ทำให้ช่องคลอดอักเสบ โดยส่วนใหญ่จะติดเชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ การสัมผัสอวัยวะเพศ การใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน หรือใช้ห้องสุขาร่วมกับผู้ติดเชื้อ หากปล่อยไว้นานเชื้ออาจลุกลามไปยังกระเพาะปัสสาวะ และเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูก
อาการที่พบ นอกจากฉี่แล้วแสบ ได้แก่
ผู้ชาย: ปัสสาวะบ่อย ปวดแสบขณะมีเพศสัมพันธ์ คัน บวม แดงบริเวณอวัยวะเพศ
ผู้หญิง: ปัสสาวะบ่อย ปวดแสบขณะมีเพศสัมพันธ์ คัน บวม แดงบริเวณอวัยวะเพศ ตกขาวสีเหลือง สีเขียว หรือมีฟอง กลิ่นคาวปลา หรือมีเลือดออกผิดปกติ
- ปัสสาวะแสบขัด จากภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ
ภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบอาจเกิดขึ้นได้โดยไม่มีการติดเชื้อ เช่น โรคเบาหวาน การใช้ยาบางชนิด ผู้ที่มีภาวะต่อมลูกหมากโต นิ่วในไต หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ล้างจุดซ่อนเร้นที่มีส่วนผสมของน้ำหอม
อาการที่พบ นอกจากปัสสาวะแสบขัด ได้แก่ ปวดท้องน้อย ปัสสาวะไม่สุด กะปริบกะปรอย แต่ปัสสาวะบ่อยทุก 1-2 ชั่วโมง ปัสสาวะสีขุ่น หรืออาจมีเลือดปนในหยดสุดท้ายของปัสสาวะ
ใครที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในผู้หญิง เนื่องจากท่อปัสสาวะของผู้หญิงมีความสั้นกว่าผู้ชาย และการมีรอบเดือน จึงทำให้เชื้อโรคสามารถเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะได้ง่ายกว่า นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่เพิ่มโอกาสการติดเชื้อ ได้แก่
- ผู้ที่ตั้งครรภ์หรืออยู่ในวัยหมดประจำเดือน
- มีเพศสัมพันธ์บ่อยหรือเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
- ใช้ยาคุมกำเนิดแบบฆ่าอสุจิ หรือใส่ฝาครอบปากมดลูก
- ใช้เจลหล่อลื่นหรือถุงยางอนามัยที่ไม่สะอาด
- มีทางเดินปัสสาวะอุดกั้น เช่น นิ่วในไต ท่อไต หรือกระเพาะปัสสาวะ
- กลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน
- ผู้สูงอายุ
- มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน
สรุป
ฉี่แล้วแสบอาจเป็นสาเหตุของโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้หญิง อาการแสบขัดเวลาปัสสาวะเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญไม่ควรมองข้าม การรักษาโรคไตเกิดจากอะไรด้วยยาปฏิชีวนะตามคำแนะนำแพทย์สามารถรักษาอาการเวลาฉี่แล้วแสบผู้ชายได้ หากปล่อยทิ้งไว้อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงขึ้น การป้องกันด้วยการดื่มน้ำสะอาด รักษาความสะอาดส่วนตัว และการขับถ่ายที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงได้ ดังนั้นจึงไม่ควรละเลยเมื่อมีอาการแสบขัดเวลาปัสสาวะ แต่ควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง
Rattinan Team เป็นทีมเขียนบทความสุขภาพที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรกับ SEO เพื่อเพิ่มการมองเห็นและการเข้าถึงของเว็บไซต์สุขภาพในผลการค้นหาของ Google ทีมงานของเราประกอบด้วยด้านสุขภาพที่มีการรักษาในหลากหลายสาขา เช่น การแพทย์ การพยาบาล โภชนาการ และการออกกำลังกาย