อาการชาปลายนิ้ว ชาแบบไหนเสี่ยงโรค ลดความเสี่ยงในอนาคตได้อย่างไร

อาการชาปลายนิ้ว

อาการชาปลายนิ้วสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามลักษณะและสาเหตุที่เกิดขึ้น บางครั้งเราอาจรู้สึกมีอาการเหน็บชาตามปลายนิ้วมือหรือนิ้วเท้า เหมือนมีใครเอาเข็มมาทิ่มแทงเรา เป็นปัญหาที่ทำให้เราไม่สบาย โดยเฉพาะในการใช้มือและแขนในการทำงานบ่อย ๆ หรือเวลาที่เรานอนหรือนั่งเพลิน ๆ แต่บางครั้งอาการชาก็อาจเกิดขึ้นได้ถี่ขึ้น มากพอที่เราเริ่มกังวลว่าเรามีโรคอะไรหรือไม่

อย่างไรก็ตาม อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ ซึ่งแต่ละอาการอาจมีสาเหตุที่แตกต่างกันไป ดังนั้น เราควรพิจารณาถึงอาการที่เกิดขึ้นเพื่อนำไปสู่การรักษาที่เหมาะสมต่อไป การรักษาอาจจำเป็นต้องเป็นไปตามการวินิจฉัยและประเมินจากแพทย์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตหรือการทำให้โรคมีอาการรุนแรงขึ้นในอนาคต

อาการชาเกิดจากอะไร

อาการชาเกิดจากหลายสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทและสภาวะทางร่างกาย ซึ่งสาเหตุสำคัญรวมไปถึง:

  • ความผิดปกติของระบบประสาทที่รับความรู้สึกของนิ้วมือหรือเท้า อาจเกิดจากการถูกกดทับ การกระทบกระเทือน หรือเกิดความเสียหายต่อระบบประสาท
  • การนั่งหรือยืนในท่าเดิมเป็นเวลานานๆ ทำให้เกิดการกดทับของเส้นประสาท
  • การขาดสารอาหารสำคัญ เช่น วิตามิน B1, B6, B12 ซึ่งมีความสำคัญในการรักษาสุขภาพของระบบประสาท

นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งสาเหตุตามอาการชาที่นิ้วต่าง ๆ ได้แก่

  • ชาที่นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วโป้ง เกิดจากการกดทับเส้นประสาทข้อมือ หรืออาจเกี่ยวกับกระดูกคอทับเส้นประสาท
  • ชาตามมือและนิ้วมือ ร่วมกับอาการปวดแสบปวดร้อนที่บริเวณกระดูกและข้อ มีสาเหตุมาจากกรดยูริกในร่างกายสูงกว่าปกติ หรือโรคเกาต์นั่นเอง
  • ชาที่นิ้วก้อย อาจเกิดจากกิจกรรมที่ต้องงอ และเกร็งข้อศอกเป็นเวลานาน เช่น การถือสายโทรศัพท์ เป็นต้น
  • ชาบริเวณปลายนิ้วมือ และนิ้วเท้า มีสาเหตุมาจากภาวะน้ำตาลสูง ซึ่งจะส่งผลให้เส้นประสาทส่วนปลายที่ควบคุมการทำงานของมือ และเท้าเสียหาย

ชาปลายนิ้ว ต้องชาแบบไหนถึงอันตราย

ชาปลายนิ้วที่มีอาการเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตที่ปลายนิ้วมือหรือนิ้วเท้าสามารถเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุตามที่ได้กล่าวไปแล้ว แต่หากเกิดอาการบ่อยครั้งและมีอาการขยับไปตรงข้อมือและข้อศอก และอาการง่วงนอนตลอดเวลาอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการกดทับเส้นประสาทบริเวณกระดูกไหปลาร้า ในกรณีเช่นนี้ควรรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อการวินิจฉัยและรักษาให้ทันเวลา เพื่อป้องกันภาวะที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้

อาการชาปลายนิ้ว ชาแบบไหนเสี่ยงโรค

โรคที่เกี่ยวข้องกับอาการชาปลายนิ้ว

  • โรคปลายเส้นประสาทอักเสบ (Peripheral Neuropathy) ทำให้เส้นประสาทมีปัญหาและทำให้อวัยวะต่าง ๆ ไม่ทำงานได้ถูกต้อง โดยมีอาการชาปลายมือและเท้า หรือสูญเสียควบคุมกล้ามเนื้อในพื้นที่นั้น
  • โรคเรย์นอด (Raynaud’s Disease) ทำให้หลอดเลือดแดงเล็กของนิ้วหดตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้เลือดไม่ได้ไหลมาเลี้ยงปลายนิ้ว
  • โรคเอ็นอักเสบที่ข้อมือ (De Quervain’s Tenosynovitis) มีการอักเสบของปลอกหุ้มเอ็นและเส้นเอ็นในข้อมือ ทำให้เกิดการกดทับของเส้นเอ็น
  • โรคเบาหวาน (Diabetes) ส่งผลให้เกิดการเสียหายกับเส้นประสาทในมือและเท้า ทำให้เกิดอาการชาปลายนิ้ว
  • โรคพังผืดทับเส้นประสาทที่ข้อมือ เกิดการกดทับของเส้นประสาทในข้อมือ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดและชาที่นิ้ว เนื่องจากเส้นประสาทถูกกดทับ

การรักษาอาการชาที่ปลายนิ้ว

การรักษาอาการชาที่ปลายนิ้วสามารถทำได้โดย

  • พยายามขยับนิ้วมือบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการกดทับเส้นประสาทหรือเกิดพังผืดที่เส้นประสาท
  • งดทำกิจกรรมหนักหรือการใช้งานมือ แขน หรือเท้ามากเกินไป เช่น การยกของหนัก เพื่อลดความเสี่ยงในการทำให้อาการเจ็บเพิ่มขึ้น
  • รับประทานยาเพื่อลดอาการอักเสบของเส้นประสาท
  • ฉีดสเตียรอยด์ ซึ่งเป็นวิธีรักษาที่ใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่ได้รับประโยชน์จากการรับประทานยา
  • การผ่าตัด เป็นวิธีรักษาที่ใช้ในกรณีที่มีการกดทับเส้นประสาทหรือเส้นประสาทเสียหาย

อาการชาที่ปลายนิ้วหากไม่รุนแรงผู้ป่วยยังสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ แต่หากมีอาการที่รุนแรงมากขึ้นและเริ่มลามไปยังอวัยวะอื่น ควรรีบพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษาทันที เพื่อป้องกันความรุนแรงของโรคทางเส้นประสาทได้ทันในระยะเริ่มต้น

อาการชาแบบไหนที่ควรมาพบแพทย์?

  • ชาปลายเท้าและปลายมือเข้าหาลำตัว ซึ่งอาจเกิดจากขาดสารอาหารสำคัญเช่น วิตามิน B1, B6, และ B12
  • รู้สึกชาตั้งแต่แขนไปจนถึงนิ้วมือ อาจมีสาเหตุมาจากกระดูกต้นคอเสื่อมที่มีผลต่อการกดทับเส้นประสาท
  • รู้สึกชาเลยข้อมือขึ้นมาจนถึงข้อศอก อาจเป็นสัญญาณเตือนของการกดทับเส้นประสาทบริเวณกระดูกไหปลาร้า
  • ชาตั้งแต่สะโพกลงไปจนถึงเท้า อาจมีสาเหตุมาจากการเคลื่อนทับเส้นประสาทโดยหมอนรองกระดูกสันหลัง
  • ชาที่นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วโป้ง อาจเกิดจากการกระทบกับกระดูกคอที่ทำให้เส้นประสาทถูกกดทับ
  • ชาบริเวณปลายนิ้วมือ และนิ้วเท้า อาจมาจากภาวะน้ำตาลสูงที่ทำให้เส้นประสาทส่วนปลายเสียหาย
  • ชาตามมือและนิ้วมือ มักมีอาการร่วมกับปวดแสบปวดร้อนบริเวณกระดูกและข้อ ซึ่งเป็นสัญญาณของโรคเกาต์

อาการชาที่ปลายนิ้วมือและนิ้วเท้า อาจไม่รบกวนมากในชีวิตประจำวัน แต่หากมีอาการรุนแรงและลามไปยังอวัยวะอื่น ควรพบแพทย์โดยเร็ว เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติของระบบประสาท

อาการชาปลายนิ้ว รบกวนชีวิตประจำวัน

กลุ่มเสี่ยง และกลุ่มควรเฝ้าระวัง

อาการมือชาเป็นไปได้สำหรับกลุ่มเสี่ยงต่อการพบเจอได้แก่

  • กลุ่มแม่บ้านที่ใช้มือในการทำงานบ้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
  • กลุ่มคนที่ขับรถทางไกลหรือต้องขับเป็นเวลานาน
  • ผู้เล่นกีฬาบางประเภทที่ต้องใช้มือจับอุปกรณ์ เช่น เทนนิส แบดมินตัน
  • กลุ่มคนที่ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ เนื่องจากอาการมือชาเป็นหนึ่งในอาการของออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)

สำหรับกลุ่มเหล่านี้ควรเฝ้าระวังและรักษาการใช้มือให้เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงเกี่ยวกับไส้ติ่งอักเสบเกิดจากอาการมือชาในอนาคต

การป้องกันและความเตรียมพร้อมก่อนเกิดอาการมือชา

การป้องกันและเตรียมความพร้อมก่อนเกิดอาการมือชาเป็นสิ่งที่สำคัญ แม้ว่าอาการมือชาจะเกิดขึ้นได้จากการใช้งานข้อมือติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน การป้องกันที่เป็นไปได้มากที่สุดคือการปฏิบัติตนและการเตรียมความพร้อม ดังนั้นนี่คือวิธีการที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้

  • หลีกเลี่ยงการใช้ข้อมือทำงานหนักติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
  • ระหว่างการใช้งานคอมพิวเตอร์ พยายามให้ข้อมืออยู่ในท่าตรงและไม่เกร็ง
  • วางตำแหน่งให้มือสูงกว่าข้อมือเล็กน้อยและให้แขนวางอยู่ข้างลำตัวในท่าที่สบาย
  • หากจำเป็นต้องใช้งานมือข้างใดข้างหนึ่ง ควรฝึกให้มืออีกข้างสามารถทำงานแทนได้
  • การใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงอาจช่วยให้มืออยู่ในท่าทางที่ถูกต้อง
  • จัดสรรเวลาการทำงานเพื่อให้มีเวลาพักตัวเพียงพอ
  • ดูแลสุขภาพทั่วไปโดยไม่ให้น้ำหนักตัวเกินไปเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่ออาการมือชา
  • การยืดเหยียดและออกกำลังกายข้อมือช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บของเส้นประสาท

สรุป

อาการมือชาปลายนิ้วเกิดจากการใช้งานข้อมือติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในกลุ่มคนที่ใช้มือในงานหนัก เช่น แม่บ้าน คนขับรถทางไกล หรือผู้เล่นกีฬาบางประเภท การป้องกันอาการมือชาควรรวมถึงการปฏิบัติตนที่ถูกต้องและการเตรียมความพร้อมก่อนเกิดอาการ ซึ่งรวมถึงการหลีกเลี่ยงใช้มือในงานหนักเป็นเวลานาน การรักษาท่าทางในขณะใช้คอมพิวเตอร์ และการดูแลสุขภาพทั่วไป เช่น การออกกำลังกายและการยืดเหยียด นอกจากนี้ยังสามารถใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงเพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอาการมือชาได้ด้วย

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า