เปิดประตูสู่ความงามที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะคุณ

เมื่อความงามและความมั่นใจเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลตัวเองอย่างครบถ้วน ผู้รับบริการปัจจุบันต่างมองหาวิธีการปรับรูปหน้าที่ปลอดภัย แลดูธรรมชาติ และให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน โบท็อกกรามจึงกลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการใบหน้าเรียวโดยไม่ต้องผ่าตัด

รัตตินันท์ คลินิก เราเข้าใจว่าทุกใบหน้ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การออกแบบโปรแกรมโบท็อกกรามจึงต้องคำนึงถึงโครงสร้างใบหน้า ความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของผู้รับบริการแต่ละราย ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดโดยแพทย์ผิวหนัง และมาตรฐานความปลอดภัย AACI

โบท็อกกรามคือการใช้สารโบทูลินัมท็อกซิน (Botulinum Toxin) ฉีดเข้าไปที่กล้ามเนื้อบดเคี้ยว (Masseter Muscle) บริเวณกราม เพื่อลดขนาดและกิจกรรมของกล้ามเนื้อ ส่งผลให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

การใช้สารโบทูลินัมท็อกซินในการดูแลกล้ามเนื้อกรามมีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่แข็งแกรง โดยการศึกษาจาก Journal of Cosmetic Dermatology และ University Medical Center Mainz ได้ยืนยันว่าโบทูลินัมท็อกซินเอเป็นวิธีการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับการปรับรูปหน้าส่วนล่าง

ความปลอดภัยและไม่รุกราน

งานวิจัยจาก Scientific Reports แสดงให้เห็นว่าการฉีดโบทูลินัมท็อกซินที่กล้ามเนื้อกรามเป็นวิธีการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เมื่อเปรียบเทียบกับการผ่าตัด

ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ

การทำงานของสารไม่ทำลายโครงสร้างใบหน้า แต่ปรับลดขนาดกล้ามเนื้อให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป

การดูแลแบบเฉพาะบุคคล

ทุกการฉีดจะได้รับการออกแบบตามโครงสร้างใบหน้าและความต้องการเฉพาะของผู้รับบริการแต่ละราย

กล้ามเนื้อ Masseter เป็นกล้ามเนื้อหลักที่ใช้ในการบดเคี้ยว ตั้งอยู่บริเวณด้านข้างของขากรรไกร เมื่อกล้ามเนื้อนี้มีขนาดใหญ่หรือทำงานมากเกินไป จะทำให้ใบหน้าดูกว้างและเป็นเหลี่ยม

โบทูลินัมท็อกซินทำงานโดยการยับยั้งการปลดปล่อยสาร Acetylcholine ที่จุดเชื่อมต่อระหว่างเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ ตามการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Toxins Journal กระบวนการนี้ทำให้

1. กล้ามเนื้อคลายตัวลง การทำงานของกล้ามเนื้อลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
2. ขนาดกล้ามเนื้อลดลง เมื่อใช้งานน้อยลง กล้ามเนื้อจะมีขนาดเล็กลงตามธรรมชาติ
3. รูปหน้าเปลี่ยนแปลง ใบหน้าส่วนล่างดูเรียวและนุ่มนวลขึ้น

การใช้โบทูลินัมท็อกซินในการดูแลกล้ามเนื้อกรามได้รับการศึกษาอย่างละเอียดในวงการแพทย์ การวิจัยระดับนานาชาติที่ตีพิมพ์ใน PubMed ชี้ให้เห็นว่าเมื่อฉีดโดยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหนังและใช้สารที่ผ่านการรับรองจาก อย. ผลลัพธ์ที่ได้จะปลอดภัยและสร้างความมั่นใจ

ในช่วงแรกหลังการฉีด ผู้รับบริการจะเริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเบื้องต้น

• เมื่อกัดฟันแน่น กล้ามเนื้อกรามจะเด้งออกน้อยลง
• ความตึงของกล้ามเนื้อบริเวณกรามเริ่มลดลง
• การบดเคี้ยวยังคงทำได้ตามปกติ แต่รู้สึกนุ่มนวลขึ้น

เป็นช่วงที่ผู้รับบริการจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น

• เมื่อกัดฟัน กล้ามเนื้อกรามไม่เด้งออกมาอีกต่อไป
• รูปหน้าเริ่มดูเรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
• ความมั่นใจในการถ่ายภาพเพิ่มขึ้น

ในช่วงนี้ผลลัพธ์จะอยู่ในสภาพที่เหมาะสมที่สุด

• กล้ามเนื้อกรามมีขนาดเล็กลงอย่างชัดเจน
• ใบหน้าดูเรียวและมีสัดส่วนที่สมดุล
• ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและเข้ากับใบหน้า

ผลลัพธ์ของโบท็อกกรามมักคงอยู่ประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับ

• การตอบสนองของร่างกายต่อสาร
• ขนาดและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเดิม
• พฤติกรรมการบดเคี้ยวและการใช้งานกล้ามเนื้อ

สำหรับการรักษาต่อเนื่อง แพทย์จะประเมินผลลัพธ์และวางแผนการฉีดซ้ำที่เหมาะสม โดยควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 3-4 เดือน เพื่อป้องกันการดื้อยา

Botox Allergan เป็นโบทูลินัมท็อกซินเอที่ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย และ FDA สหรัฐอเมริกา มีคุณสมบัติที่โดดเด่น ดังนี้

ความแม่นยำสูง

การออกฤทธิ์ตรงจุดที่ฉีด ไม่แพร่กระจายไปยังบริเวณอื่น

ผลลัพธ์ที่คาดเดาได้

ประสบการณ์การใช้งานยาวนานในวงการแพทย์ทั่วโลก

ความปลอดภัย

ผ่านการทดสอบทางคลินิกอย่างครอบคลุม

Dysport เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อโบทูลินัมท็อกซินเอที่ได้รับการรับรองและมีคุณสมบัติเฉพาะ

• การแพร่กระจายที่เหมาะสม เหมาะสำหรับกล้ามเนื้อขนาดใหญ่
• เวลาออกฤทธิ์ อาจเห็นผลเริ่มต้นได้เร็วกว่าในบางราย
• ความยืดหยุ่น สามารถปรับใช้ให้เหมาะกับโครงสร้างใบหน้าที่หลากหลาย

รัตตินันท์ คลินิก แพทย์จะพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ในการเลือกสารที่เหมาะสม ดังนี้

• โครงสร้างและขนาดของกล้ามเนื้อกราม
• ความต้องการและเป้าหมายของผู้รับบริการ
• ประสบการณ์การใช้โบทูลินัมท็อกซินในอดีต (หากมี)
• ประวัติการแพ้ยาหรือการตอบสนองต่อสาร

อ่านเพิ่มเติม – บทความ โปรแกรมโบท็อก

• การประเมินโครงสร้างใบหน้า แพทย์จะวิเคราะห์สัดส่วนและโครงสร้างใบหน้าโดยรวม เพื่อออกแบบแผนการดูแลที่เหมาะสมและสอดคล้องกับใบหน้าของผู้รับบริการ
• การศึกษาพฤติกรรมการใช้งานกล้ามเนื้อ การประเมินวิธีการบดเคี้ยว การกัดฟัน และพฤติกรรมที่อาจส่งผลต่อขนาดกล้ามเนื้อกราม
• การอธิบายกระบวนการและผลลัพธ์ที่คาดหวัง แพทย์จะอธิบายขั้นตอนการฉีด ระยะเวลาที่จะเห็นผล และการดูแลหลังการฉีดอย่างละเอียด

• การประเมินขนาดและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ใช้การตรวจด้วยมือและเทคนิคการประเมินเฉพาะทาง เพื่อกำหนดจำนวนยูนิตที่เหมาะสม
• การออกแบบจุดฉีดที่เหมาะสม ตามแนวทางการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Toxins Journal การกำหนดจุดฉีดที่เหมาะสมมีความสำคัญต่อผลลัพธ์และความปลอดภัย
• การปรับแผนตามความต้องการ แต่ละผู้รับบริการมีความต้องการที่แตกต่างกัน ตั้งแต่การปรับรูปหน้าเบา ๆ ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนมากขึ้น

Accreditation (การรับรอง)

ใช้สารโบทูลินัมท็อกซินที่ผ่านการรับรองจาก อย. ไทยเท่านั้น

Assessment (การประเมิน)

ประเมินความเหมาะสมของผู้รับบริการอย่างรอบด้าน

Care (การดูแล)

ดูแลอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ก่อน ระหว่าง และหลังการฉีด

Integration (การบูรณาการ)

บูรณาการความรู้ทางการแพทย์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย

• การประเมินความพร้อมทางสุขภาพ ตรวจสอบประวัติสุขภาพ การแพ้ยา และการใช้ยาปัจจุบัน
• การอธิบายและยินยอม ผู้รับบริการจะได้รับข้อมูลครบถ้วนเกี่ยวกับขั้นตอน ผลลัพธ์ที่คาดหวัง และข้อควรระวัง
• การเตรียมพื้นที่ฉีด ทำความสะอาดและเตรียมบริเวณที่จะฉีดตามมาตรฐานการป้องกันการติดเชื้อ

• การควบคุมความลึกและทิศทาง ฉีดในระดับความลึกที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการและหลีกเลี่ยงการกระทบต่อโครงสร้างข้างเคียง
• การติดตามระหว่างการฉีด แพทย์จะติดตามการตอบสนองและปรับเทคนิคตามความเหมาะสม

• ผู้ที่มีกล้ามเนื้อกรามใหญ่หรือเด่นชัด เหมาะสำหรับผู้ที่มีกล้ามเนื้อ Masseter ที่พัฒนามากเกินไปจากการบดเคี้ยวหรือการบิดฟัน
• ผู้ที่ต้องการใบหน้าเรียว เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
• ผู้ที่มีสุขภาพดีและมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ร่างกายควรแข็งแรงและผ่านวัยเจริญเติบโตแล้ว
• ผู้ที่มีความคาดหวังที่สมจริง เข้าใจว่าผลลัพธ์จะปรากฏค่อยเป็นค่อยไปและต้องการดูแลต่อเนื่อง

• สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร ไม่แนะนำให้รับการฉีดในช่วงนี้
• ผู้ที่แพ้โบทูลินัมท็อกซิน หากเคยมีประวัติแพ้ต้องแจ้งแพทย์ก่อนการฉีด
• ผู้ที่มีปัญหาการกลืนหรือการพูด ต้องได้รับการประเมินอย่างระมัดระวัง
• ผู้ที่ใช้ยาบางประเภท เช่น ยาปฏิชีวนะกลุ่ม Aminoglycoside หรือยาคลายกล้ามเนื้อ

• ด้านร่างกาย สุขภาพโดยรวม โครงสร้างใบหน้า และขนาดกล้ามเนื้อ
• ด้านจิตใจ ความคาดหวัง แรงจูงใจ และความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอน
• ด้านไลฟ์สไตล์ กิจกรรมประจำวัน การทำงาน และความสามารถในการดูแลหลังการฉีด

วันแรกหลังการฉีด

• หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด
• ไม่ควรนอนหงายใส่หลังการฉีด 4 ชั่วโมงแรก
• หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักใน 24 ชั่วโมงแรก

สัปดาห์แรกหลังการฉีด

• สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
• หลีกเลี่ยงการทำ facial หรือ massage บริเวณใบหน้า
• สังเกตการเปลี่ยนแปลงและบันทึกผลที่เกิดขึ้น

เดือนแรกหลังการฉีด

• สามารถกลับมาทำกิจกรรมได้ตามปกติทุกอย่าง
• สังเกตการเปลี่ยนแปลงของรูปหน้าและการทำงานของกล้ามเนื้อ
• นัดติดตามผลตามกำหนดของแพทย์

• การออกกำลังกายหนัก เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของสาร
• การดื่มแอลกอฮอล์ ในสัปดาห์แรก เพื่อลดความเสี่ยงจากการอักเสบ
• การใช้ยาบางประเภท เช่น Aspirin หรือ Anti-inflammatory drugs โดยไม่ปรึกษาแพทย์
• การรับบริการอื่นบริเวณใบหน้า เช่น laser หรือ chemical peel ใน 2 สัปดาห์แรก

ระยะเวลาและจำนวนครั้งการติดตามสามารถวางแผนร่วมกับเจ้าหน้าที่และแพทย์ได้ตามความสะดวกและเหมาะสม

คำถามที่พบบ่อย

เส้นทางสู่ความงามเฉพาะคุณ

โบท็อกกรามไม่ใช่เพียงแค่การปรับรูปหน้า แต่เป็นการออกแบบความมั่นใจที่เหมาะสมกับตัวตนของคุณ ณ รัตตินันท์ คลินิก เราเชื่อว่าความงามที่แท้จริงเริ่มต้นจากการเข้าใจและเคารพในเอกลักษณ์เฉพาะของผู้รับบริการแต่ละราย

ด้วยการผสานความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหนัง เทคโนโลยีที่ได้รับการรับรอง และการดูแลแบบเฉพาะบุคคล เราพร้อมเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสู่ความงามที่ยั่งยืนของคุณ

การดูแลที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด คือสิ่งที่แตกต่าง เราไม่เพียงมุ่งเน้นผลลัพธ์ที่สวยงาม แต่ยังให้ความสำคัญกับกระบวนการที่ปลอดภัย สะดวกสบาย และสร้างความมั่นใจให้กับผู้รับบริการ

ความงามที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะคุณ ไม่ใช่การทำให้เหมือนใคร แต่เป็นการเสริมจุดเด่นที่มีอยู่แล้วให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ทุกแผนการฉีดจะได้รับการออกแบบให้เข้ากับโครงสร้างใบหน้า ไลฟ์สไตล์ และความต้องการของคุณโดยเฉพาะ

บทความนี้จัดทำโดยปรึกษาทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหนัง รัตตินันท์ คลินิก โดยอ้างอิงการศึกษาวิจัยจากสถาบันการศึกษาและองค์กรทางการแพทย์ระดับนานาชาติ เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์แก่ผู้รับบริการ

ข้อมูลในบทความนี้มีไว้เพื่อการศึกษาเท่านั้น ผลลัพธ์การรักษาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายและความต้องการของคุณ