ฉีดไขมันหน้าอก เสริมอกสวยด้วยไขมันตัวเองเพื่อรูปทรงที่ดูธรรมชาติ

Breast Fat Grafting - ฉีดไขมันหน้าอก ด้วยไขมันตัวเอง

บทความนี้ผ่านการตรวจสอบทางการแพทย์โดย ดร. นายแพทย์ทวีชัย ทวีเจริญกุล

หน้าอกที่สวยได้รูปและดูเป็นธรรมชาติ คือความมั่นใจที่ผู้หญิงหลายคนปรารถนา แต่การเลือกวิธีที่ปลอดภัยและเหมาะสมที่สุดนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ปัจจุบัน ‘การฉีดไขมันเสริมหน้าอก’ หรือการ ‘เติมไขมันหน้าอก’ จึงกลายเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้ดี เพราะช่วยขจัดความกังวลเรื่องสิ่งแปลกปลอม ด้วยการใช้ไขมันของตัวเองมาเติมเต็ม

ข้อดีที่โดดเด่นคือ คุณจะได้รับประโยชน์ถึง 2 ต่อในครั้งเดียว คือได้รูปร่างที่เพรียวลงจากการดูดไขมัน และได้หน้าอกที่อวบอิ่มขึ้นดูเป็นธรรมชาติ

ที่ Rattinan Clinic เรามุ่งเน้นผลลัพธ์ที่ประณีตด้วยเทคนิค ‘The Art of Precision’ นำโดย ดร. นายแพทย์ทวีชัย ทวีเจริญกุล ที่ผสานความใส่ใจในรายละเอียดเข้ากับเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อเผยรูปร่างใหม่ที่คุณมั่นใจกว่าเดิม

ฉีดไขมันหน้าอกคืออะไร

การฉีดไขมันหน้าอก, เติมไขมันหน้าอก (Breast Fat Grafting) หรือในทางการแพทย์เรียกว่า “Autologous Fat Transfer” คือกระบวนการศัลยกรรมตกแต่งที่ใช้ “เซลล์ไขมันที่มีชีวิต” ของผู้เข้ารับบริการเอง มาทำหน้าที่เป็นสารเติมเต็มธรรมชาติ (Natural Filler) เพื่อเพิ่มขนาด ปรับรูปทรง หรือแก้ไขความบกพร่องของหน้าอก แทนการใช้วัสดุสังเคราะห์อย่างซิลิโคน

หลักการสำคัญของหัตถการนี้ไม่ใช่เพียงแค่การย้ายไขมัน แต่คือการ “ปลูกถ่ายเซลล์” (Grafting) โดยมีหัวใจสำคัญอยู่ที่ 3 ขั้นตอนหลัก คือ

  1. Harvesting การดูดไขมันออกจากบริเวณที่มีไขมันสะสมส่วนเกิน (เช่น หน้าท้อง ต้นขา) ด้วยเทคนิคที่ถนอมเซลล์ให้บอบช้ำน้อยที่สุด โดยที่รัตตินันท์ เราใช้เทคโนโลยีระบบสั่น PAL ในขั้นตอนนี้เพื่อรักษาคุณภาพของเซลล์ไขมันให้คงประสิทธิภาพไว้อย่างดี
  2. Purification การนำไขมันที่ได้มาผ่านกระบวนการคัดแยก เพื่อกำจัดน้ำเลือด น้ำมัน และเซลล์ที่ตายแล้ว จนได้เฉพาะ “เซลล์ไขมันบริสุทธิ์” ที่แข็งแรง ซึ่งเราพิถีพิถันในขั้นตอนคัดแยกเป็นอย่างมาก เพื่อประโยชน์สูงสุดของเซลล์ที่จะถูกเติมกลับเข้าไปในร่างกาย
  3. Injection การฉีดกลับเข้าไปที่ชั้นไขมันเหนือกล้ามเนื้อหน้าอก โดยศัลยแพทย์ต้องมีความใส่ใจในการกระจายเซลล์ไขมันให้ทั่วถึง เพื่อให้เส้นเลือดสามารถเข้าไปเลี้ยงเซลล์ใหม่ให้อยู่รอด (Fat Viability) และเติบโตเป็นเนื้อเยื่อหน้าอกอย่างถาวรต่อไป
Fat Grafting ฉีดไขมันหน้า ที่รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
ใส่ stem cell suprt prp พร้อมกับการเติมไขมันหน้าเด็ก (ฉีดไขมันหน้า)
ปั่นสกัดเซลล์ไขมัน ก่อนเติมไขมันหน้าเด็ก (ฉีดไขมันหน้า)

ข้อดีของการฉีดไขมันเสริมหน้าอก

การฉีดไขมันถือเป็น “Gold Standard” สำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นธรรมชาติมาก ๆ โดยมีจุดเด่นในเชิงการแพทย์ดังนี้

  • สัมผัสและรูปทรงที่เป็นธรรมชาติ (Natural Look & Feel) เนื่องจากเป็นเนื้อเยื่อของร่างกายตนเอง หน้าอกที่ได้จึงมีความนิ่ม ยืดหยุ่น และเคลื่อนไหวไปตามสรีระ ไม่เป็นบล็อก หรือแข็งเป็นก้อนเหมือนการใส่ซิลิโคน
  • ไม่มีความเสี่ยงต่อปฏิกิริยาต่อต้าน (No Foreign Body Reaction) ตัดปัญหาเรื่องร่างกายต่อต้านสิ่งแปลกปลอม (Rejection) หรือการเกิดพังผืดรัดรอบซิลิโคน (Capsular Contracture) ซึ่งอาจเป็นภาวะแทรกซ้อนระยะยาวที่พบได้ในการเสริมด้วยถุงเต้านมเทียม
  • ปรับสัดส่วนร่างกายแบบ Two-in-One คนไข้จะได้รับประโยชน์สองต่อ คือการลดสัดส่วนในบริเวณที่ไม่ต้องการ (Liposuction) พร้อมกับเพิ่มขนาดหน้าอกในคราวเดียว (Augmentation)
  • ช่วยฟื้นฟูสภาพผิว ในกระบวนการปั่นแยกไขมัน มักจะมีสเต็มเซลล์ (Adipose-Derived Stem Cells) ติดมาด้วย ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยฟื้นฟูคุณภาพผิวหน้าอกให้ดูเปล่งปลั่งและลดเลือนริ้วรอย
  • แผลผ่าตัดเล็ก แผลจากการฉีดไขมันมีขนาดเล็กมาก ทำให้แทบไม่เห็นรอยแผลเป็นเมื่อหายดี ต่างจากการผ่าตัดใส่ซิลิโคนที่ต้องเปิดแผลใหญ่กว่า

ข้อจำกัดของการใช้ไขมันตัวเองเสริมหน้าอก

แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่การฉีดไขมันหน้าอกก็มีข้อจำกัดทางสรีรวิทยาที่ผู้รับบริการต้องทำความเข้าใจ ได้แก่

  • ข้อจำกัดด้านขนาด (Volume Limitation) ไม่สามารถเพิ่มขนาดหน้าอกได้มากเท่ากับการใส่ซิลิโคนในครั้งเดียว โดยปกติจะเพิ่มได้ประมาณ 0.5 – 1 คัพ ต่อการทำหนึ่งครั้ง หากต้องการขนาดที่ใหญ่มาก อาจต้องทำซ้ำ 2-3 รอบ
  • อัตราการรอดของเซลล์ไขมัน (Fat Resorption) ธรรมชาติของการปลูกถ่ายไขมัน เซลล์ไขมันบางส่วนจะสลายไป โดยอัตราการติด (Survival Rate) จะอยู่ที่ประมาณ 50-80% จากประสบการณ์ในการใช้เทคนิคของแพทย์ที่รัตตินันท์ คลินิกและการดูแลตัวเองหลังทำของผู้รับบริการ
  • ต้องมีไขมันตั้งต้นเพียงพอ ผู้เข้ารับบริการต้องมีไขมันส่วนเกินในร่างกายมากพอที่จะนำมาใช้ หากเป็นคนรูปร่างผอมมาก อาจไม่สามารถทำหัตถการนี้ได้
  • ความเสี่ยงต่อการเกิดถุงน้ำมันหรือหินปูน (Oil Cyst & Calcification) หากเทคนิคการฉีดไม่ดี หรือฉีดอัดแน่นเกินไปจนเลือดไปเลี้ยงไม่ทัน เซลล์ไขมันอาจตายและกลายเป็นก้อนแข็ง (Calcification) หรือถุงน้ำมัน ซึ่งอาจรบกวนการตรวจมะเร็งเต้านมในอนาคต (แต่สามารถแยกแยะได้ด้วยเครื่องมือ Mammogram สมัยใหม่)

ฉีดไขมันหน้าอก ใช้ไขมันตัวเองจากส่วนไหนได้บ้าง

การเลือกตำแหน่งที่จะดูดไขมัน (Donor Site) แพทย์จะพิจารณาจากบริเวณที่มีไขมันสะสมหนาแน่นและมีคุณภาพของเซลล์ไขมันที่ดี (Fat Quality) โดยตำแหน่งที่นิยมใช้ ได้แก่

  1. หน้าท้อง (Abdomen) เป็นบริเวณยอดนิยมที่สุด เพราะมักมีไขมันสะสมหนาแน่น ทั้งหน้าท้องบนและล่าง ไขมันบริเวณนี้มักมีความนิ่มและง่ายต่อการเก็บเกี่ยว
  2. ต้นขา (Thighs)
    • ต้นขาด้านนอก (Outer Thighs) เป็นแหล่งไขมันที่มีความคงทนสูง (Fibrous Fat) เหมาะสำหรับการปรับรูปทรง
    • ต้นขาด้านใน (Inner Thighs) เป็นบริเวณที่ไขมันมีความละเอียดและเชื่อว่ามีสัดส่วนของสเต็มเซลล์สูง ช่วยให้อัตราการรอดของไขมันดีขึ้น
  3. สะโพกและเอว (Hips & Flanks) หรือบริเวณ Love Handles การดูดไขมันบริเวณนี้ช่วยสร้างส่วนเว้าโค้งของเอวให้ชัดเจนขึ้น (S-Curve) ส่งผลให้รูปร่างโดยรวมดูดีขึ้นอย่างชัดเจน

ที่รัตตินันท์ คลินิก แพทย์จะประเมิน “ความหนาแน่น” และ “คุณภาพ” ของไขมันในแต่ละจุดอย่างใส่ใจในรายละเอียด เพื่อวางแผนการดูดไขมันให้ได้ปริมาณเซลล์ที่มีชีวิตมากที่สุด เพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืนของการเติมไขมันหน้าอก

เสริมหน้าอกมีกี่วิธี แตกต่างกันอย่างไร

การศัลยกรรมหน้าอกในปัจจุบันไม่ได้มีเพียงแค่การเพิ่มขนาดให้ใหญ่ขึ้นเท่านั้น แต่คือการ “Design” สรีระช่วงบนให้สมส่วนและดูเป็นธรรมชาติที่สุด จากประสบการณ์ดูแลเคสศัลยกรรมและดูดไขมันมายาวนาน ที่ Rattinan Clinic เราแบ่งเทคนิคการเสริมหน้าอกออกเป็น 3 วิธีหลัก ซึ่งแต่ละวิธีมีจุดเด่นและเหมาะกับสรีระที่แตกต่างกัน ดังนี้

1. การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน (Silicone Implant)

การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน เป็นวิธีมาตรฐานที่เป็นที่นิยมที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มขนาดหน้าอกอย่างชัดเจน (2-3 คัพขึ้นไป) หรือต้องการรูปทรงที่มีความพุ่ง (Projection) และความกลมที่ชัดเจน

  • จุดเด่น สามารถกำหนดขนาด (cc) และรูปทรงได้แม่นยำ ปัจจุบันเราเลือกใช้ซิลิโคนเกรดการแพทย์มาตรฐาน FDA (เช่น Mentor หรือ Motiva) ที่ให้สัมผัสนิ่มคล้ายจริงและลดโอกาสเกิดพังผืด (Capsular Contracture) ได้ดีกว่าในอดีตมาก

2. การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง (Fat Grafting)

การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง เป็นการย้ายเซลล์ไขมันจากบริเวณที่ไม่ต้องการ (เช่น หน้าท้อง ต้นขา) มาเติมเต็มที่หน้าอก เป็นเทคนิคที่ต้องอาศัยความใส่ใจในด้านการดูดไขมันและการเติมไขมันสูง เพื่อให้เซลล์ไขมันรอดชีวิต (Fat Survival Rate) มากที่สุด

  • จุดเด่น เป็นธรรมชาติที่สุดทั้งรูปลักษณ์และการสัมผัส ไม่มีสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย แผลเล็กมาก และได้ประโยชน์ 2 ต่อคือสัดส่วนอื่นเล็กลงพร้อมหน้าอกที่อิ่มขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มขนาดเพียงเล็กน้อย (0.5 – 1 คัพ) หรือต้องการแก้ไขรูปทรงที่ไม่เท่ากัน

3. การเสริมหน้าอกแบบไฮบริด (Hybrid Breast Augmentation)

การเสริมหน้าอกแบบไฮบริด นี่คือเทคนิคที่ผสมผสานข้อดีของ “ซิลิโคน” และ “ไขมันตัวเอง” เข้าด้วยกัน โดยแพทย์จะใส่ซิลิโคนเพื่อสร้างฐานและขนาดที่ต้องการ จากนั้นจะใช้ไขมันของคนไข้เติมทับบริเวณขอบซิลิโคนและร่องอก

  • จุดเด่น (Insight) เทคนิคนี้แก้ Pain Point ของคนผอมที่เสริมซิลิโคนแล้วเห็นขอบ หรือเป็นลอนคลื่น (Rippling) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเติมไขมันทับจะช่วยพรางขอบซิลิโคน ทำให้เนินอกดูสโลปสวย สัมผัสนิ่มนวลเหมือนหน้าอกจริงมาก และช่วยให้ร่องอกชิดกัน จากประสบการณ์ผู้รับบริการหลายรายบอกว่าสวยกว่าการใส่ซิลิโคนเพียงอย่างเดียว

ระหว่างเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง กับ เสริมหน้าอกใส่ซิลิโคน เลือกจากปัจจัยอะไร

การตัดสินใจเลือกวิธีผ่าตัด ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความชอบเพียงอย่างเดียว แต่ต้องประเมินจาก “ต้นทุนเดิมของร่างกาย” เป็นสำคัญ แพทย์ที่รัตตินันท์จะประเมินปัจจัยเหล่านี้ร่วมกับผู้รับบริการเสมอ

  • คนผอม เนื้อน้อย ผิวบาง หากใส่ซิลิโคนเพียงอย่างเดียว มีความเสี่ยงสูงที่จะเห็นขอบซิลิโคนเป็นวง หรือสัมผัสแล้วเจอถุงซิลิโคนได้ง่าย ในกรณีนี้เราแนะนำ เทคนิค Hybrid เป็นทางออกที่ดีที่สุด เพื่อใช้ไขมันมาเป็นตัวคลุม (Soft Tissue Coverage) ให้ดูเนียนตา
  • คนมีเนื้อหน้าอกอยู่บ้าง สามารถเลือกเสริมด้วยซิลิโคนปกติได้ โดยเลือกวางตำแหน่งใต้กล้ามเนื้อ (Dual Plane) เพื่อความเป็นธรรมชาติ
  • หากต้องการอัพไซส์แบบก้าวกระโดด (เช่น จาก Cup A ไป Cup D) ซิลิโคน คือคำตอบเดียว
  • หากต้องการเพียงแค่ให้หน้าอกดูเต็มขึ้น แก้ไขหน้าอกแฟบจากการให้นมบุตร หรือต้องการความนูนเพียงเล็กน้อย การเติมไขมัน จะตอบโจทย์กว่าและดูละมุนกว่า
  • สำคัญมาก หากหน้าอกมีความหย่อนคล้อยมาก (หัวนมต่ำกว่าระดับราวนม) การเสริมด้วยซิลิโคนหรือเติมไขมันเพียงอย่างเดียวจะไม่ช่วยให้หน้าอกสวยขึ้น แต่จะทำให้ดูห้อยย้อยขนาดใหญ่แทน
  • ในกรณีนี้ แพทย์จำเป็นต้องทำ การยกกระชับหน้าอก (Breast Lift / Mastopexy) ร่วมด้วย เพื่อจัดตำแหน่งหัวนมและตัดผิวหนังส่วนเกินออก ก่อนที่จะเติมเต็มด้วยซิลิโคนหรือไขมัน เพื่อให้หน้าอกตั้งเต้าสวยและดูอ่อนเยาว์อย่างแท้จริง
  • สำหรับการเติมไขมัน หรือ Hybrid คนไข้จำเป็นต้องมีไขมันสะสมในบริเวณอื่นเพียงพอที่จะดูดออกมาใช้ หากเป็นคนที่ผอมแห้งมาก (BMI ต่ำมาก) อาจไม่สามารถใช้วิธี Fat Grafting ได้ จำเป็นต้องพึ่งพาซิลิโคนเป็นหลัก

ทำไม การเติมไขมันหน้าอก ถึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยม

ที่ผ่านมา จากประสบการณ์การดูแลผู้เข้ารับบริการที่ Rattinan Clinic เราพบว่าส่วนหนึ่งที่เลือกวิธีนี้ ไม่ได้มองหาแค่ความใหญ่ แต่ต้องการแก้ไขปัญหาเฉพาะจุดและต้องการความสบายใจในระยะยาว โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ

  • ต้องการสัมผัสเหมือนจริง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มขนาดเพียงเล็กน้อย (0.5 – 1 คัพ) แต่ให้ความสำคัญกับความนิ่มที่เป็นธรรมชาติ ไม่เป็นบล็อก และไม่มีสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย
  • กังวลเรื่องซิลิโคน ไม่อยากผ่าตัดใหญ่ กลัวเจ็บ หรือกังวลเรื่องพังผืดในระยะยาว
  • แก้ไขรอยคลื่น/รอยย่น (Rippling Correction) ช่วยเติมเต็มผิวหนังที่บางจนเห็นขอบซิลิโคน หรือเป็นลอนคลื่น ให้กลับมาเรียบเนียน
  • ปรับทรงหน้าอก (Contouring) ใช้ไขมันเติมแต่งร่องอกให้ชิดสวย (Cleavage) หรือแก้ปัญหาหน้าอกสองข้างไม่เท่ากัน (Asymmetry) ได้แม่นยำกว่าการเลือกไซส์ซิลิโคน
  • ถอดซิลิโคนเก่า (Explant Replacement) สำหรับผู้ที่เจอปัญหาพังผืดรัดแข็ง หรือต้องการถอดซิลิโคนออก การเติมไขมันทันทีจะช่วยป้องกันไม่ให้หน้าอกดูแฟบหรือเหี่ยวจนเสียความมั่นใจ
  • เทคนิค Hybrid การใส่ซิลิโคนร่วมกับไขมัน เพื่อผสานข้อดีของความพุ่งชันจากซิลิโคน และความนิ่มนวลจากไขมันเข้าด้วยกัน
  • ความผิดปกติแต่กำเนิด เช่น ช่วงตรงกลางหน้าอกบุ๋ม (Pectus Excavatum), หน้าอกทรงกระบอก (Tubular Breast) หรือ กลุ่มอาการโปแลนด์ (Poland’s Syndrome) ซึ่งไขมันสามารถช่วยปั้นแต่งรูปทรงให้ใกล้เคียงปกติได้ดีที่สุด
  • ฟื้นฟูหลังรักษามะเร็งเต้านม ในผู้ป่วยที่ผ่าตัดเต้านมและผ่านการฉายแสง ผิวหนังมักจะขาดความยืดหยุ่น การฉีดไขมันจะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวและเติมเต็มเนื้อหน้าอกให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้งอย่างปลอดภัย
ฉีดไขมันหน้าอก ด้วยไขมันตัวเอง

ขั้นตอนฉีดไขมันหน้าอก เทคนิค The Art of Precision ที่ รัตตินันท์ คลินิก

การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเองที่ Rattinan Clinic ไม่ใช่เพียงแค่การย้ายไขมันจากที่หนึ่งไปใส่อีกที่หนึ่ง แต่คือกระบวนการทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ผสานกับศิลปะ (Art & Science) เราให้ความสำคัญกับ “อัตราการรอดชีวิตของเซลล์ไขมัน” (Fat Survival Rate) สูงสุด เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่กับคุณได้ยาวนาน โดยมีขั้นตอนละเอียดอ่อน ดังนี้

Step 1: Atraumatic Harvesting with MicroAire PAL

Atraumatic Harvesting with MicroAire PAL (การดูดไขมันด้วยระบบสั่นสะเทือน) ขั้นตอนนี้คือ “ตัวตัดสิน” ว่าไขมันจะติดหรือไม่ติด ที่ Rattinan Clinic เราเลือกใช้เทคโนโลยี MicroAire PAL® (Power-Assisted Liposuction) มาตรฐาน FDA ซึ่งเป็นเครื่องมือดูดไขมันระบบสั่นสะเทือนที่แพทย์ทั่วโลกยอมรับว่า “มีประสิทธิภาพมากสำหรับการทำ Fat Grafting”

  • Why MicroAire?: ต่างจากเครื่องดูดไขมันทั่วไปที่ใช้ความร้อน (เช่น เลเซอร์ หรือ อัลตราซาวด์/Vaser) ซึ่งอาจทำให้เซลล์ไขมันสุกหรือตายได้ แต่ MicroAire ใช้ “พลังงานการสั่นถี่สูง” ช่วยสลายก้อนไขมันให้ออกมาอย่างนุ่มนวล
  • The Result: เราได้เซลล์ไขมันที่สมบูรณ์ (Intact Fat Cells) ไม่บอบช้ำ และไม่มีการปนเปื้อนของเซลล์ที่ตายจากความร้อน ทำให้อัตราการรอดชีวิตของไขมัน (Survival Rate) สูงกว่าการใช้เครื่องมืออื่น ๆ
  • Patient Benefit: การสั่นของหัวดูดไขมัน ยังช่วยลดแรงกระแทกต่อเนื้อเยื่อข้างเคียง ทำให้คนผู้รับบริการ เจ็บน้อยลง เขียวช้ำน้อยลง และฟื้นตัวได้เร็วกว่าการดูดไขมันแบบเดิม

สิ่งสำคัญที่ Rattinan Clinic คำนึงถึงคือ ขั้นตอนการดูดไขมัน จะต้องทำให้ตำแหน่งที่ดูดไขมันออกไปนั้นเรียบเนียน สวยได้สัดส่วนเท่ากันทั้ง 2 ข้างด้วย

Doctor’s Insight ทำไมเราไม่ใช้พลังงานความร้อนในการดูดไขมันเพื่อเติมหน้าอก?

แม้เครื่องพลังงานความร้อน (Heat-based devices) จะสลายไขมันได้ดี แต่ความร้อนคือศัตรูของเซลล์ที่มีชีวิต การใช้ความร้อนอาจทำให้ผนังเซลล์ไขมันเสียหาย (Cell Membrane Damage) หรือเซลล์ตาย (Apoptosis) เมื่อนำมาฉีดที่หน้าอก ร่างกายจะมองว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมและกำจัดออก ทำให้ฉีดแล้วยุบหายไปเร็ว หรือเกิดพังผืด

Rattinan Clinic จึงยืนหยัดใช้ MicroAire PAL ในเคสเติมไขมันทุกเคส เพื่อให้มั่นใจว่า “ไขมันทุกหยดคือเซลล์ที่มีคุณภาพที่สุด” สำหรับหน้าอกของคุณ

Step 2: Purification Process

Purification Process (กระบวนการคัดแยกไขมันบริสุทธิ์) ไขมันที่ดูดออกมาจะมีส่วนผสมของน้ำเกลือ เลือด และน้ำมัน (Free Oil) ซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจที่ทำให้ไขมันตายหรือเกิดพังผืด

  • The Process เรานำไขมันเข้าสู่กระบวนการปั่นแยก (Centrifuge) หรือกรองด้วยระบบปิด (Closed System) เพื่อคัดแยกสิ่งเจือปนออกจนหมด เหลือเพียง “เซลล์ไขมันสีเหลืองทองบริสุทธิ์” ที่แข็งแรงและมีคุณภาพสูง พร้อมสำหรับการปลูกถ่ายที่หน้าอกเท่านั้น

Step 3: Micro-Droplet Injection

Micro-Droplet Injection (ศิลปะการเติมเต็มแบบละเมียด) นี่คือขั้นตอนที่ต้องใช้ทักษะของแพทย์เป็นอย่างมาก เพื่อป้องกันปัญหาไขมันตาย เป็นก้อนแข็ง (Oil Cyst) หรือหินปูน (Calcification)

  • Technique แพทย์จะไม่ฉีดไขมันเข้าไปเป็นก้อนใหญ่ก้อนเดียว แต่จะใช้เทคนิค Micro-Droplet คือการค่อย ๆ วางเซลล์ไขมันทีละจุดเล็ก ๆ คล้ายละอองไข่มุก กระจายตัวในชั้นผิวที่แตกต่างกัน (Multi-plane) ทั้งชั้นเหนือกล้ามเนื้อและชั้นไขมัน
  • Benefit เทคนิคนี้ช่วยให้เส้นเลือดสามารถแทรกซึมเข้าไปเลี้ยงเซลล์ไขมันได้อย่างทั่วถึงทุกอณู เพิ่มโอกาสการติดของไขมันให้สูงขึ้น และทำให้หน้าอกดูเป็นทรงธรรมชาติ ไม่เป็นก้อนไต

Step 4: Sculpting & Shaping

Sculpting & Shaping (การปั้นแต่งทรง) ในขณะเติมไขมัน แพทย์จะทำการปั้นแต่งทรงหน้าอกไปพร้อมกัน เพื่อแก้ไขจุดบกพร่องเฉพาะบุคคล เช่น เติมเต็มเนินอกที่หายไป แก้ไขขนาดหน้าอกที่ไม่เท่ากัน หรือสร้างร่องอกให้ดูชิดขึ้น โดยคำนึงถึงความสมมาตรและสรีระเดิมของคนไข้เป็นหลัก

Step 5: Recovery & Care

Recovery & Care (การดูแลหลังทำ) เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่ไม่มีสิ่งแปลกปลอม แผลที่หน้าอกจึงเป็นเพียงรูเข็มเล็ก ๆ เท่านั้น คนไข้จะรู้สึกตึงระบมคล้ายกล้ามเนื้ออักเสบเพียงเล็กน้อย และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้รวดเร็ว โดยทางคลินิกจะมีโปรแกรมการดูแลแผลดูดไขมันต้นทาง เพื่อให้ผิวหนังกระชับและเรียบเนียน ไม่เป็นคลื่นหลังการรักษา

นอกจากนี้ เรายังมีบริการจัดเก็บไขมันไว้ในตู้เก็บไขมันโดยเฉพาะ นาน 6 เดือนในอุณหภูมิติดลบ -20 องศา สำหรับการเติมครั้งที่ 2 หลังจากเซลล์ไขมันครั้งแรกอยู่ในปริมาณที่คงที่บนหน้าอกแล้ว ข้อดีคือ ไม่ต้องดูดไขมันเพิ่มอีกรอบ สามารถกลับมาเติมอีกครั้งได้เลย

fat freezing ตู้เก็บไขมัน ตู้แช่ไขมัน
fat freezing ตู้เก็บไขมัน ตู้แช่ไขมัน

เตรียมพร้อมอย่างไร ก่อนเติมไขมันหน้าอก

เราเข้าใจดีว่าหลายท่านอาจกังวลเมื่อได้ยินว่าต้องทำหัตถการถึง 2 อย่างพร้อมกัน คือ “การดูดไขมัน” และ “การฉีดหน้าอก” คำถามที่พบบ่อยคือ “ต้องดมยาสลบไหม?”, “เจ็บไหม?” หรือ “ร่างกายจะรับไหวหรือเปล่า?”

ที่ Rattinan Clinic เราอยากให้คุณวางใจว่า นี่ไม่ใช่การผ่าตัดใหญ่ที่น่ากลัวอย่างที่คิด แต่เป็นการ “ศัลยกรรมแผลเล็ก” (Minimally Invasive Surgery) ที่เจ็บตัวครั้งเดียวแต่ได้ผลลัพธ์ถึง 2 ต่อ (หุ่นดีขึ้น + หน้าอกสวยขึ้น) ภายใต้การดูแลความปลอดภัยมาตรฐาน AACI ดังนี้

1. เรื่อง ดมยา ต้องกังวลไหม?

สำหรับการเติมไขมันหน้าอก เราให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความสบายของผู้รับบริการเป็นลำดับแรก

  • Safe Sleep คุณจะไม่ต้องทนเจ็บหรือรู้สึกตัวระหว่างทำ หัตถการนี้จะทำภายใต้การดูแลของ “วิสัญญีแพทย์วิชาชีพ” (Anesthesiologist) แบบ 1:1 ตลอดการผ่าตัด
  • ไม่ใช่แค่พยาบาล แพทย์ดมยาจะคอยดูแลสัญญาณชีพ ลมหายใจ และระดับยาให้เหมาะสม คุณจึง “หลับสบาย” เหมือนการนอนพักผ่อน และตื่นขึ้นมาเมื่อการผ่าตัดเสร็จสิ้นแล้ว โดยไม่รู้สึกเจ็บปวดระหว่างทำ

2. ทำหัตถการ 2 จุด ร่างกายจะไหวไหม?

แม้ฟังดูเหมือนทำหลายอย่าง แต่เทคนิคที่เราใช้คือ การเปิดแผลขนาดเล็ก ทั้งจุดที่ดูดไขมันออกและจุดที่เติมหน้าอก

  • เสียเลือดน้อยมาก ด้วยเครื่องมือทันสมัยและเทคนิคของแพทย์ ทำให้มีการเสียเลือดน้อย ร่างกายจึงฟื้นตัวได้ในระยะเวลาสั้น ๆ
  • ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลยาว ผู้รับบริการส่วนใหญ่สามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ทันทีหลังสังเกตอาการ หรือนอนพักเพียง 1 คืนตามดุลยพินิจแพทย์

ขั้นตอนการเตรียมตัว (ฉบับเข้าใจง่าย)

เพื่อให้การผ่าตัดราบรื่นและปลอดภัยที่สุด เราขอให้คุณเตรียมตัวง่าย ๆ ดังนี้

  1. แจ้งประวัติสุขภาพ แจ้งโรคประจำตัว ยาที่ทานประจำ หรือการแพ้ยา ให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด
  2. งดวิตามินและอาหารเสริม ควรงดกลุ่มวิตามิน E, น้ำมันตับปลา, แปะก๊วย หรือสมุนไพรต่าง ๆ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้เลือดหยุดยาก
  3. งดน้ำและอาหาร (NPO) สำคัญมากสำหรับการดมยา ต้องงดอย่างเคร่งครัด 8 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด
  4. เตรียมชุดใส่สบาย วันผ่าตัดควรใส่เสื้อที่มีกระดุมหน้า เพื่อให้เปลี่ยนชุดง่าย ไม่ต้องยกแขนสวมหัว และสวมรองเท้าส้นเตี้ย
  5. พาเพื่อนมาด้วย หากเป็นไปได้ ควรมีญาติหรือเพื่อนมารับกลับ เพื่อความปลอดภัยหลังฟื้นจากยาสลบ

ความอุ่นใจที่ Rattinan Clinic มอบให้ ทุกเคสผ่าตัดจะทำใน ห้องผ่าตัดปลอดเชื้อมาตรฐาน (Positive Pressure Room) ผ่านการรับรองจาก AACI ที่มีความสะอาดเทียบเท่าโรงพยาบาลชั้นนำ พร้อมทีมพยาบาลวิชาชีพที่ใส่ใจด้านการดูแลผู้รับบริการศัลยกรรม คอยดูแลคุณอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ก้าวแรกจนถึงห้องพักฟื้น คุณจึงมั่นใจได้ว่าความสวยครั้งนี้ จะมาพร้อมกับความปลอดภัยในทุกขั้นตอน

หลังเติมไขมันหน้าอก ควรดูแลตัวเองอย่างไร

หัวใจสำคัญของการเติมไขมันหน้าอก ไม่ใช่แค่ฝีมือแพทย์ในห้องผ่าตัด แต่คือ “การทะนุถนอมเซลล์ไขมันในช่วง 1 เดือนแรก” เพราะเซลล์ไขมันที่ย้ายมาใหม่ต้องการเวลาในการสร้างเส้นเลือดมาเลี้ยง หากดูแลดี ไขมันจะติดเยอะ หน้าอกก็จะอิ่มสวยและอยู่กับเราไปตลอดชีวิต และนี่คือคู่มือการดูแลตัวเองฉบับ Rattinan Clinic

1. ท่านอนและการพักผ่อน (สำคัญที่สุด!)

  • ห้ามนอนคว่ำหรือตะแคงเด็ดขาด ในช่วง 1 เดือนแรก (โดยเฉพาะ 7-14 วันแรก) ต้องนอนหงายเท่านั้น เพื่อป้องกันแรงกดทับที่จะทำให้เซลล์ไขมันตายหรือเสียรูปทรง
  • ขยับตัวได้ ไม่ต้องนอนติดเตียง วันรุ่งขึ้นสามารถเดินเบา ๆ ได้ทันที เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด แต่อย่าหักโหม
  • งดกิจกรรมหนัก หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย ยกของหนัก หรือกิจกรรมที่กระทบกระเทือนหน้าอก 2-4 สัปดาห์

2. การสวมใส่ชุดชั้นใน เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหน้าอกได้ดีที่สุด ห้ามรัดหน้าอกจนแน่นเกินไป

  • สัปดาห์แรก “งดใส่ Bra และยกทรงทุกชนิด” ปล่อยให้หน้าอกสบายที่สุด (อนุญาตให้แปะที่ปิดหัวนม Nipple Covers ได้
  • ครบ 1 เดือน เริ่มใส่ Sport Bra แบบหลวม ๆ ไร้โครง
  • ครบ 3 เดือน ขนาดหน้าอกเริ่มคงที่ สามารถกลับมาใส่ยกทรงขนาดปกติสวย ๆ ได้เลย

3. การดูแลแผลและความสะอาด

  • ห้ามแผลโดนน้ำ 7 วัน ใช้วิธีเช็ดตัวทำความสะอาดร่างกายแทนการอาบน้ำ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • ดูแลเทปปิดแผล จะมีเทปสีเนื้อติดที่หน้าอกหลังทำ ห้ามแกะออกและต้องดูแลไม่ให้เปียกน้ำ อย่างน้อย 7 วัน หรือตามแพทย์สั่ง
  • งดความร้อน งดการอาบน้ำอุ่นจัด ซาวน่า หรืออยู่ในที่อากาศร้อนจัด เพราะความร้อนอาจทำลายเซลล์ไขมันที่กำลังฟื้นตัว

4. การดูแลแผลและความสะอาด

  • เน้นโปรตีนและไขมันดี ช่วงนี้คือกำไรชีวิต ให้ทานอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ปลา ไข่ อะโวคาโด น้ำมันมะกอก เพื่อนำสารอาหารไปเลี้ยงเซลล์ไขมันให้รอดชีวิต
  • งดของแสลง งดอาหารรสจัด เผ็ดจัด เค็มจัด (ทำให้บวมน้ำ) อาหารหมักดอง อาหารดิบ ในช่วงสัปดาห์แรก
  • งดแอลกอฮอล์และบุหรี่ อย่างเคร่งครัด 2-4 สัปดาห์ เพราะสิ่งเหล่านี้ทำลายเส้นเลือด ทำให้ไขมันตายได้ง่าย

ข้อควรระวัง ห้ามนวดหน้าอกเด็ดขาดในช่วงแรก และหากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวด บวม แดง ร้อนจัดผิดปกติ ให้รีบกลับมาพบแพทย์ทันที

ผลลัพธ์หลังเติมไขมันหน้าอก อยู่ได้นานไหม

หลายคนมักเข้าใจผิดว่าการเติมไขมันจะหายไปหมดเมื่อเวลาผ่านไป แต่ความจริงแล้ว “การเติมไขมันหน้าอกคือการปลูกถ่ายเซลล์ที่มีชีวิต” (Living Tissue Transplantation)

  • ช่วง 3 เดือนแรกคือช่วงวัดใจ หลังทำทันที หน้าอกอาจดูใหญ่กว่าความเป็นจริงเล็กน้อยจากอาการบวม ร่างกายจะค่อย ๆ ขจัดเซลล์ไขมันส่วนที่ไม่ติดออกไป (โดยปกติเทคนิคของรัตตินันท์จะมีอัตราการติดสูงถึง 60-80% ขึ้นอยู่กับการดูแลของผู้รับบริการ)
  • ผลลัพธ์ถาวร เมื่อผ่านพ้น 3 เดือนไปแล้ว เซลล์ไขมันที่เหลือรอดจะกลายเป็นเนื้อเยื่อหน้าอกจริง ๆ ของเรา “อยู่ได้ถาวรตลอดชีวิต” ไม่สลายหายไปเหมือนฟิลเลอร์
  • เปลี่ยนแปลงตามน้ำหนักตัว เนื่องจากเป็นเซลล์ไขมันธรรมชาติ หากในอนาคตคนไข้น้ำหนักขึ้น หน้าอกก็มีโอกาสใหญ่ขึ้นได้ และหากผอมลงมาก ๆ หน้าอกก็อาจเล็กลงได้ตามธรรมชาติของร่างกาย

เรื่องสำคัญที่ผู้หญิงต้องรู้ เติมไขมันแล้วเสี่ยงมะเร็งไหม? และจะตรวจเจอไหม?


หลายท่านกังวลว่าไขมันที่เติมเข้าไปจะเป็นก้อน หรือบดบังการตรวจมะเร็งเต้านมในอนาคต ที่ Rattinan Clinic เราขอชี้แจงข้อเท็จจริงทางการแพทย์ ดังนี้

  1. ไม่เพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง การเติมไขมันตัวเอง ไม่มีผลกระตุ้นให้เกิดเซลล์มะเร็งเต้านม
  2. แยกออกได้ชัดเจน แม้ไขมันบางส่วนที่สลายตัวอาจเกิดเป็นตะกอนแคลเซียม (Calcification) เล็ก ๆ ได้ แต่ “รังสีแพทย์สามารถแยกความแตกต่าง” ระหว่างหินปูนจากไขมัน กับ หินปูนจากมะเร็ง ได้อย่างชัดเจนจากการทำ Mammogram หรือ Ultrasound
  3. Standard Screening เพื่อความสบายใจขั้นสุด สำหรับคนไข้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป หรือมีประวัติครอบครัว แพทย์แนะนำให้ทำ Mammogram เพื่อเช็กสุขภาพเต้านมก่อนทำหัตถการ

คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับการเติมไขมันหน้าอก

“ห้ามนวดเด็ดขาด” ซึ่งจะตรงกันข้ามกับการเสริมด้วยซิลิโคน เพราะเซลล์ไขมันที่เพิ่งฉีดเข้าไป เปรียบเสมือนต้นกล้าที่เพิ่งปลูก ต้องการความนิ่งเพื่อให้ราก (เส้นเลือด) เข้าไปยึดเกาะและหล่อเลี้ยง การนวด ขยี้ หรือบีบคลึงในช่วงแรก จะทำให้เซลล์ไขมันบอบช้ำ ขาดเลือดไปเลี้ยง และตายในที่สุด ส่งผลให้ยุบตัวเร็วหรือเป็นก้อนไตได้

“อยู่ได้ถาวรตลอดชีวิต” หลังจากผ่านช่วง 3 เดือนแรกไปแล้ว เซลล์ไขมันที่เหลือรอดจะกลายเป็นเนื้อเยื่อหน้าอกปกติของเรา 100% ไม่สลายหายไปเหมือนฟิลเลอร์ อย่างไรก็ตาม ขนาดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามน้ำหนักตัวของคนไข้ (ถ้าน้ำหนักขึ้น นมก็ใหญ่ขึ้น ถ้าน้ำหนักลง นมก็อาจเล็กลง)

สาเหตุหลักเกิดจาก 3 ปัจจัย ดังนี้

  1. เทคนิคแพทย์ หากใช้แรงดูดไขมันสูงเกินไป เซลล์จะตายตั้งแต่ตอนดูด หรือหากฉีดอัดแน่นเกินไปในจุดเดียว เลือดจะเข้าไปเลี้ยงไม่ถึง ทำให้ไขมันตาย
  2. การดูแลหลังทำ การนอนกดทับหน้าอก หรือการขยับตัวรุนแรงในช่วงแรก มีผลอย่างมาก
  3. พฤติกรรม การสูบบุหรี่และการพักผ่อนน้อย จะทำลายระบบไหลเวียนเลือด ทำให้เปอร์เซ็นต์การติดลดลงอย่างน่าเสียดาย

มีแผลขนาดเล็กมากใน 2 จุด ได้แก่

  1. จุดดูดไขมัน แพทย์จะซ่อนแผลไว้ในจุดซ่อนเร้น เช่น ขอบบิกินี่ หรือสะดือ (ประมาณ 1 เซนติเมตร)
  2. จุดเติมหน้าอก เป็นเพียงรอยเข็มเล็ก ๆ บริเวณใต้ราวนมหรือขอบปานนม ซึ่งจะจางหายไปเองจนแทบมองไม่เห็นเมื่อเวลาผ่านไป

ปริมาณที่เติมได้ขึ้นอยู่กับ “ความยืดหยุ่นของผิวหน้าอกเดิม” เป็นหลัก โดยเฉลี่ยจะเติมได้ข้างละ 200 – 300 cc (เพิ่มได้ประมาณ 0.5 – 1 คัพ)

ข้อควรระวัง: การเติมเยอะเกินไป (Overfilling) ไม่ใช่เรื่องดี เพราะหากผิวหนังตึงเกินไป จะเกิดแรงดันทำให้ไขมันขาดเลือดและตาย กลายเป็นก้อนน้ำมัน (Oil Cyst) ได้ แพทย์ที่รัตตินันท์จะเน้นเติมในปริมาณที่ “พอดี” เพื่อให้ไขมันรอดชีวิตสูงสุดและรูปทรงสวยงาม

มีความปลอดภัยมาก เพราะใช้ไขมันตัวเอง 100% จึงไม่มีความเสี่ยงเรื่องการแพ้สิ่งแปลกปลอม หรือปฏิกิริยาต่อต้านจากร่างกาย (Anti-body) แต่ความปลอดภัยนี้ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่า “ต้องทำในห้องผ่าตัดที่ปลอดเชื้อ และทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญเท่านั้น” เพื่อป้องกันการติดเชื้อ หรือการฉีดผิดชั้นผิว

ที่ Rattinan Clinic เรายึดถือความจริงใจและโปร่งใส (Transparency) ราคาที่แจ้งก่อนทำหัตถการคือราคา Net Price ไม่มีการบวกค่าใช้จ่ายจุกจิกหน้างาน

หัตถการเติมไขมัน

ราคาเริ่มต้น

เติมไขมัน และ PRP

69,000 บาท

เติมไขมันหน้าอก/สะโพก ทั้งหมด

69,000 บาท

สิ่งที่รวมในแพ็กเกจ (All Inclusive)

  • ค่าแพทย์และค่าห้องผ่าตัดปลอดเชื้อ
  • ค่ายาและเวชภัณฑ์พื้นฐาน
  • ชุดทำแผลและชุดรัดกระชับ (ตามเงื่อนไข)
  • การติดตามผล (Follow up)

หมายเหตุ: ราคาอาจแตกต่างกันในแต่ละเคส ขึ้นอยู่กับความยากง่ายและโปรโมชันในช่วงนั้น แพทย์จะประเมินและแจ้งราคาสุทธิให้ทราบก่อนตัดสินใจเสมอ

เพื่อผลลัพธ์ที่คุ้มค่าและความปลอดภัย เราอาจไม่แนะนำวิธีนี้หากคุณมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้ (ซึ่งแพทย์จะช่วยประเมินทางออกอื่นให้)

  • คนผอมมาก (Very Low BMI) หากคุณไม่มีไขมันสะสมส่วนเกินเพียงพอ (เช่น หน้าท้องแบนราบ ขาเล็กมาก) อาจไม่สามารถดูดไขมันมาเติมหน้าอกได้เพียงพอ
  • ต้องการเพิ่มขนาดมาก ๆ หากเป้าหมายของคุณคือการเพิ่มขนาด 2-3 คัพ หรือต้องการหน้าอกทรงพุ่งชันชัดเจน การเสริมด้วย “ซิลิโคน” จะตอบโจทย์ได้ดีกว่าและประหยัดงบกว่า
  • วางแผนลดน้ำหนักอย่างหนักหน่วง หากคุณมีแผนจะลดน้ำหนัก 5-10 กิโลกรัมหลังทำ ไขมันที่เติมไปที่หน้าอกก็มีโอกาสสลายหายไปพร้อมน้ำหนักตัวได้

คำตอบคือ “ไม่ได้เด็ดขาด” การเสริมหน้าอกด้วยไขมัน จำเป็นต้องใช้ไขมันของคุณเอง (Autologous Fat Transfer) เท่านั้น ด้วยเหตุผลทางการแพทย์ 3 ประการสำคัญ ได้แก่

  1. ความปลอดภัยทางชีวภาพ (No Rejection Risk) ร่างกายมนุษย์มีระบบภูมิคุ้มกันที่จะต่อต้านเซลล์ของบุคคลอื่นทันที (เหมือนกับการปลูกถ่ายอวัยวะ) หากนำไขมันคนอื่นมาฉีด ร่างกายจะเกิดปฏิกิริยาต่อต้านอย่างรุนแรง (Graft Rejection) ทำให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ และเนื้อเยื่อตายได้ ดังนั้น ไขมันตัวเองจึงเป็นวัสดุที่ปลอดภัยที่สุด 100% ไม่แพ้ และเข้ากันได้กับร่างกายอย่างสมบูรณ์
  2. ประโยชน์จากสเต็มเซลล์ธรรมชาติ (Stem Cell Rejuvenation) ในไขมันของคุณอุดมไปด้วยสเต็มเซลล์และ Growth Factor ธรรมชาติ ข้อดีคือเมื่อฉีดเข้าไป นอกจากจะได้ขนาดที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังช่วยฟื้นฟูคุณภาพผิวบริเวณหน้าอกให้ดูเต่งตึง สดใส และดูอ่อนเยาว์ขึ้น (Skin Rejuvenation) ซึ่งเป็นสิ่งที่ซิลิโคนทำไม่ได้
  3. สัมผัสที่รู้สึกมั่นใจกว่าสารเติมเต็มอื่น (Superior Texture) ไขมันที่ปลูกถ่ายติดแล้วจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายจริง ๆ ทำให้สัมผัสนุ่มนวลเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อนแข็ง ไม่เห็นขอบ และที่สำคัญคือ “ไม่มีการไหล” ย้อยไปผิดตำแหน่งเหมือนการฉีดสารเติมเต็ม (Filler) หรือสารเหลวที่ไม่ได้มาตรฐาน

ทีมแพทย์เติมไขมัน
ที่ รัตตินันท์ คลินิก

นพ. ทวีชัย ทวีเจริญกุล
ศัลยแพทย์หู คอ จมูก (Ph.D.)

อบรมเฉพาะทางด้านศัลยกรรม
และเวชศาสตร์ความงาม

นพ. ศรัณย์ เปรื่องประยูร
นายแพทย์

ปริญญาโท สาขาเวชศาสตร์ความงาม

Brand Heritage

ย้อนกลับไปเมื่อปี 1999 จุดเริ่มต้นของ Rattinan Clinic
ไม่ใช่เพียงการทำศัลยกรรมเพื่อเปลี่ยนภายนอกแต่คือการสร้างสรรค์

“งานศิลปะแห่งความแม่นยำ”

ที่เชื่อมโยง ร่างกายและจิตใจ อย่างลึกซึ้ง ภายใต้นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ และนี่คือหัวใจที่เรายึดมั่นเสมอ

Premium Holistic Care
ที่โอบรับทั้งสุขภาพและความมั่นใจ

26 ปีแห่งการเดินทาง บนเส้นทางของ The Aesthetic Wisdom

รู้จัก รัตตินันท์ คลินิก

เปลี่ยนไขมันส่วนเกินเป็นหน้าอกสวยธรรมชาติ ด้วยบริการ “เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง” ที่รัตตินันท์ คลินิก มั่นใจกับเทคนิค The Art of Precision คัดแยกเซลล์ไขมันบริสุทธิ์เพื่ออัตราการติดสูงและผลลัพธ์ที่ยั่งยืน ดูแลโดยทีมแพทย์และวิสัญญีแพทย์ 1:1 ในห้องผ่าตัดมาตรฐาน AACI ได้ทั้งหุ่นดีและหน้าอกอิ่มสวยในครั้งเดียว