คุณเคยรู้สึกหงุดหงิดกับการโกน ถอน หรือแว็กซ์ขนที่ต้องทำซ้ำ ๆ บ่อยแค่ไหน? ถ้าคำตอบคือ “บ่อยมาก” นี่อาจเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่คุณจะได้รู้จักกับวิธีการกำจัดขนแบบถาวรที่ทั้งสะดวกและคุ้มค่า นั่นคือการ เลเซอร์ขน
การกำจัดขนด้วยเลเซอร์ (Laser Hair Removal) กลายเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการมีผิวเรียบเนียนไร้ขนโดยไม่ต้องเสียเวลาในทุกเช้า หรือกังวลว่าจะใส่เสื้อผ้าแบบไหนให้มั่นใจ เพราะเลเซอร์ไม่ได้แค่กำจัดขนเท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับความมั่นใจและภาพลักษณ์ของคุณให้ดีขึ้นในระยะยาว
ปัจจุบัน เทคโนโลยีเลเซอร์ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทางเลือกเครื่องมือหลายประเภทที่สามารถปรับใช้ให้เหมาะกับสีผิว สีขน และบริเวณที่ต้องการทำอย่างแม่นยำ แต่ก่อนที่คุณจะตัดสินใจ เราขอพาคุณติดตามทุกแง่มุมที่ควรรู้ ไม่ว่าจะเป็นประเภทของเลเซอร์ ข้อดี-ข้อเสีย ความปลอดภัย ผลข้างเคียง และวิธีเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้คุณได้ตัดสินใจ
เลเซอร์ขน คืออะไร?
เลเซอร์ขน คือ วิธีการกำจัดขนที่ใช้พลังงานแสงจากเลเซอร์เพื่อทำลายรากขน (Hair Follicle) ใต้ผิวหนัง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง พลังงานเลเซอร์จะจับกับเม็ดสีเมลานินที่อยู่ในเส้นขน ทำให้เกิดความร้อนซึ่งสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของขนใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเลเซอร์ขนจัดอยู่ในกลุ่มของการกำจัดขนแบบกึ่งถาวรหรือถาวร ขึ้นอยู่กับเครื่องมือที่ใช้และลักษณะเส้นขนของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้วผู้ที่มีสีขนเข้มและผิวขาวจะได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่า เนื่องจากเม็ดสีในขนสามารถดูดซับแสงเลเซอร์ได้ดี
เทคโนโลยีเลเซอร์ที่ใช้ในปัจจุบันได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA) และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่าเมื่อเทียบกับวิธีการกำจัดขนแบบดั้งเดิม เช่น การโกน ถอน หรือแว็กซ์
วิธีการกำจัดขนมีกี่แบบ?
การกำจัดขนสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ แบบชั่วคราว และแบบถาวร ซึ่งแต่ละวิธีมีลักษณะเฉพาะที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคล
1. กำจัดขนแบบชั่วคราว
เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะสั้น มักใช้ในชีวิตประจำวันหรือในช่วงเวลาที่ต้องการความเร่งด่วน ได้แก่
- การโกน (Shaving) ใช้มีดโกนเพื่อตัดขนบริเวณผิวหนัง เป็นวิธีที่เร็วแต่ขนจะขึ้นใหม่ภายในไม่กี่วัน
- การถอน (Tweezing/Waxing) ดึงขนออกทั้งเส้นและราก วิธีนี้ให้ผลนานขึ้นกว่าการโกน แต่อาจทำให้รู้สึกเจ็บ
- ครีมกำจัดขน (Depilatory Cream) ใช้สารเคมีในการละลายโครงสร้างขน โดยสามารถทำได้เองที่บ้าน แต่ควรระวังการระคายเคืองในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
2. กำจัดขนแบบถาวร
เป็นวิธีที่เน้นผลลัพธ์ระยะยาว โดยการทำลายรากขนเพื่อลดการเกิดใหม่ของเส้นขนในอนาคต ซึ่งรวมถึง
- การเลเซอร์ขน (Laser Hair Removal) ใช้พลังงานเลเซอร์ทำลายเมลานินในรากขน ช่วยลดจำนวนและความหนาของเส้นขนได้อย่างต่อเนื่อง
- การกำจัดขนด้วยคลื่นวิทยุหรือ IPL (Intense Pulsed Light) คล้ายเลเซอร์แต่ใช้คลื่นแสงหลายความยาวคลื่น กระจายพลังงานไปยังบริเวณกว้าง เหมาะกับผู้ที่มีผิวไม่สม่ำเสมอ
- การจี้ด้วยคลื่นวิทยุ (RF Thermolysis หรือ Radio Frequency Epilation) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในบางสถานพยาบาล โดยใช้คลื่นวิทยุส่งผ่านเข็มละเอียดเข้าไปยังรูขุมขน เพื่อทำลายรากขนแบบเฉพาะเจาะจง เหมาะสำหรับขนเส้นเล็กหรือบริเวณที่เลเซอร์เข้าไม่ถึง
แม้ว่าวิธีถาวรจะต้องใช้เวลามากกว่าและมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าในช่วงแรก แต่สามารถลดความจำเป็นในการกำจัดขนซ้ำ ๆ ในระยะยาว โดยการทำลายรากขนเพื่อลดการเกิดใหม่ของเส้นขนในอนาคต
เลเซอร์ขนมีกี่แบบ?
เลเซอร์ขนสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทตามช่วงความยาวคลื่นของแสงเลเซอร์ ซึ่งแต่ละชนิดมีคุณสมบัติและความเหมาะสมแตกต่างกันไปตามสีผิว สีขน และสภาพผิวของแต่ละบุคคล ดังนี้
- Alexandrite Laser (755 nm) เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวขาวและขนเส้นเล็กถึงกลาง ให้ผลดีในบริเวณกว้าง ใช้เวลาทำสั้น แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวเข้มเพราะอาจเกิดรอยไหม้หรือระคายเคืองได้
- Diode Laser (800-810 nm) เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวขาวถึงผิวสองสี ใช้งานได้ดีในหลายบริเวณ และมีประสิทธิภาพในการกำจัดขนเส้นหนา
- NdYAG Laser (1064 nm) เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวเข้มหรือผิวคล้ำ เนื่องจากมีการดูดซึมพลังงานลึกถึงรากขน โดยไม่ทำร้ายผิวด้านบน เหมาะกับการใช้ในพื้นที่ที่บอบบาง เช่น ใต้วงแขน หรือขาหนีบ
- Ruby Laser (694 nm) เป็นเทคโนโลยีรุ่นแรกของเลเซอร์กำจัดขน เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวขาวมากและขนเส้นบาง แต่ในปัจจุบันไม่ค่อยนิยมใช้แล้ว เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการระคายเคืองและใช้เวลาทำนาน
- IPL (Intense Pulsed Light) แม้ไม่ใช่เลเซอร์แท้ แต่เป็นแสงพัลส์ความเข้มสูงที่ใช้งานคล้ายเลเซอร์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดขนในบริเวณกว้าง ราคาประหยัดกว่า แต่ผลลัพธ์อาจไม่แน่นอนเท่าเลเซอร์แบบเฉพาะเจาะจง
เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของเลเซอร์ขนแต่ละประเภท
การเลือกใช้เลเซอร์แต่ละประเภทมีผลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการกำจัดขน โดยตารางด้านล่างนี้แสดงข้อดี-ข้อเสียของเลเซอร์ขนแต่ละชนิดเพื่อช่วยในการตัดสินใจ
ประเภทเลเซอร์ | ข้อดี | ข้อเสีย | เหมาะกับใคร |
Alexandrite (755 nm) | กำจัดขนได้รวดเร็วในบริเวณกว้าง เห็นผลไว | ไม่เหมาะกับผิวคล้ำ เสี่ยงต่อการระคายเคือง | ผิวขาว-ผิวสองสี ขนเส้นเล็กถึงกลาง |
Diode (800-810 nm) | เหมาะกับหลายโทนผิว มีความแม่นยำสูง | อาจรู้สึกเจ็บกว่าแบบอื่น ราคาเครื่องสูง | ผิวขาวถึงผิวสองสี ขนเส้นหนา |
NdYAG (1064 nm) | เหมาะกับผิวคล้ำ เจาะลึกรากขนได้ดี | ต้องทำหลายครั้งถึงเห็นผลชัด อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อย | ผิวคล้ำ ขนหนา บริเวณที่บอบบาง |
Ruby (694 nm) | เหมาะกับขนบางและผิวขาวมาก | โบราณและใช้นานเสี่ยงต่อรอยไหม้ ไม่เหมาะกับผิวคล้ำ | ผิวขาวมาก ขนบาง |
IPL (ไม่ใช่เลเซอร์แท้) | ราคาย่อมเยา ใช้ในบริเวณกว้างได้ | ผลลัพธ์ไม่คงที่ ต้องทำบ่อย | ผู้ที่ต้องการกำจัดขนแบบเบื้องต้นและมีงบจำกัด |
การเลือกประเภทของเลเซอร์จึงควรพิจารณาจากปัจจัยส่วนบุคคล เช่น สีผิว ความหนาของเส้นขน และบริเวณที่ต้องการกำจัดขน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด
กำจัดขนถาวรดีอย่างไร?
การกำจัดขนถาวรเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการลดภาระในการดูแลขนในระยะยาว ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างเลเซอร์หรือคลื่นวิทยุ ทำให้สามารถทำลายรากขนได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ซึ่งให้ข้อดีหลากหลายประการ ได้แก่
- ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในระยะยาว ไม่ต้องเสียเวลาทำซ้ำบ่อย ๆ เหมือนการโกนหรือแว็กซ์ และเมื่อคำนวณระยะยาวแล้ว ค่าใช้จ่ายจะคุ้มค่ากว่าการกำจัดขนแบบชั่วคราว
- ลดปัญหาผิวหนัง เช่น ขนคุด ผิวอักเสบ หรือรอยแดงจากการถอนหรือโกน
- ผิวเนียนเรียบ หลังทำเลเซอร์ ผิวจะดูเรียบเนียนขึ้นและเส้นขนที่เหลืออยู่จะมีขนาดเล็กลงและบางลง
- เพิ่มความมั่นใจ โดยเฉพาะในผู้ที่มีขนดกหรือมีขนบริเวณที่ไม่ต้องการอย่างชัดเจน เช่น ใบหน้า รักแร้ หรือแนวบิกินี
- เหมาะกับทุกเพศ ไม่จำกัดเฉพาะผู้หญิงเท่านั้น ผู้ชายที่มีปัญหาขนหนาหรือขนคุดก็สามารถใช้วิธีนี้ได้
อย่างไรก็ตาม การกำจัดขนถาวรต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญและใช้เครื่องมือที่ได้รับมาตรฐานเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เช่น แผลไหม้หรือการระคายเคือง ยิ่งถ้าเป็นแพทย์ผิวหนังยิงเองได้จะดีมาก
เลเซอร์ขนสามารถทำได้ในตำแหน่งใดบ้าง?
การเลเซอร์ขนสามารถทำได้เกือบทุกส่วนของร่างกาย ทั้งบริเวณที่เปิดเผยและบริเวณที่มีความบอบบาง โดยแต่ละตำแหน่งมีลักษณะเฉพาะที่ควรคำนึงถึงในแง่ของความเหมาะสมและความรู้สึกขณะทำ ดังนี้
- ใบหน้า เช่น หนวด ริมฝีปากบน คาง กราม และไรผม ต้องใช้เทคนิคที่แม่นยำเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง เช่น รอยแดงหรือแผลไหม้
- ใต้วงแขน เป็นบริเวณยอดนิยม เนื่องจากผิวบริเวณนี้บางและขนขึ้นเร็ว การเลเซอร์สามารถช่วยลดกลิ่นและการระคายเคืองจากการโกนบ่อย ๆ
- แขนและขา เหมาะสำหรับผู้ที่มีขนหนาหรือดกมาก ซึ่งสามารถเห็นผลได้ชัดเจนหลังการทำเพียงไม่กี่ครั้ง
- แนวบิกินีและขาหนีบ ต้องการความระมัดระวังสูง เนื่องจากเป็นพื้นที่บอบบางและมีผิวหนังที่อ่อนไหว
- หน้าอก แผ่นหลัง และหน้าท้อง เหมาะกับผู้ชายที่มีขนหนา หรือผู้หญิงที่มีขนขึ้นผิดปกติจากฮอร์โมน
- มือและนิ้ว / เท้าและนิ้วเท้า สำหรับผู้ที่ต้องการผิวเรียบเนียนโดยเฉพาะในบริเวณที่ต้องเปิดเผยต่อสายตาคนอื่นบ่อย
ทั้งนี้ การเลือกตำแหน่งในการทำเลเซอร์ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินสภาพผิวและขน รวมถึงเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่
เครื่องเลเซอร์ขนแต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร?
เครื่องเลเซอร์กำจัดขนในปัจจุบันมีหลากหลายยี่ห้อ โดยแต่ละแบรนด์มีเทคโนโลยี ความแม่นยำ ความปลอดภัย และการตอบสนองต่อผิวแตกต่างกันไป การเลือกเครื่องที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งเครื่องที่ได้รับความนิยม ได้แก่
- Fotona NDYAG
- ใช้คลื่นความยาว 1064 nm เจาะลึกถึงรากขน เหมาะกับผิวคล้ำและขนหนา
- มีระบบควบคุมอุณหภูมิเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ลดการระคายเคือง
- เหมาะกับการกำจัดขนในบริเวณที่บอบบาง เช่น รักแร้ หรือแนวบิกินี
- MeDioStar NeXT PRO
- เป็นเครื่อง Diode Laser รุ่นใหม่จากประเทศเยอรมนี ใช้คลื่นแสงคู่ 810 nm และ 940 nm
- เจ็บน้อย ด้วยระบบปล่อยพลังงานแบบ Pulse ที่เสถียรและต่อเนื่อง
- ปลอดภัยกับทุกสีผิว แม้แต่ผิวคล้ำ และสามารถทำได้แม้ขนเส้นเล็ก
- Candela GentleLase / GentleMax Pro
- เครื่องเลเซอร์ Alexandrite และ NdYAG ที่มีระบบ Cryogen ช่วยลดอาการเจ็บขณะยิงเลเซอร์
- ให้ผลลัพธ์ชัดเจน เหมาะกับทั้งผิวขาวและผิวคล้ำ ขึ้นอยู่กับรุ่นที่ใช้
- Lumenis LightSheer
- เป็น Diode Laser ที่นิยมในคลินิกระดับโลก มีหัวดูด (Vacuum-Assisted Technology) ช่วยลดความเจ็บ
- ได้ผลดีกับขนเส้นหนา และมีระบบความเย็นในตัวเพื่อเพิ่มความสบายขณะทำ
- Cutera Excel HR
- ใช้เทคโนโลยีผสาน Diode และ NdYAG ในเครื่องเดียว เหมาะสำหรับผู้ที่มีขนหลากหลายสีและผิวหลายโทน
- ความแม่นยำสูง ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง
การเลือกเครื่องเลเซอร์ควรคำนึงถึงโทนผิว สีขน ความหนาของขน และบริเวณที่ต้องการทำ รวมถึงควรเลือกคลินิกที่มีเครื่องให้เลือกหลากหลาย เพื่อปรับให้เหมาะสมกับลักษณะเฉพาะของผู้ใช้แต่ละคน
ก่อนเลเซอร์ขนต้องเตรียมตัวอย่างไร?
เพื่อให้การเลเซอร์ขนได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง ควรมีการเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างถูกต้อง ดังนี้
- งดถอนหรือแว็กซ์ขนอย่างน้อย 4 สัปดาห์ก่อนทำ การกำจัดขนด้วยวิธีที่ดึงรากขนอาจส่งผลให้เลเซอร์ไม่สามารถจับเม็ดสีในรากขนได้เต็มประสิทธิภาพ
- โกนขนก่อนทำ 24-48 ชั่วโมง การโกนขนจะช่วยให้พลังงานเลเซอร์ส่งผ่านไปยังรากขนได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงจากการไหม้เส้นขนที่ยาวเกินไป
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด 1-2 สัปดาห์ก่อนทำ ผิวที่ถูกแดดเผาจะมีความไวต่อแสงเลเซอร์ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือรอยไหม้ได้
- งดใช้ครีมหรือผลิตภัณฑ์ที่มีกรดผลไม้ (AHA/BHA), วิตามิน A หรือเรตินอล สารเหล่านี้อาจทำให้ผิวบางและไวต่อแสง
- ปรึกษาแพทย์หากอยู่ในระหว่างการใช้ยา เช่น ยารักษาสิว (Isotretinoin) หรือยาที่ทำให้ผิวไวต่อแสง เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
- ควรหลีกเลี่ยงการทาโลชั่น น้ำหอม หรือแป้งฝุ่นในบริเวณที่จะทำเลเซอร์ในวันนัดหมาย เพื่อป้องกันปฏิกิริยาระหว่างสารเคมีกับเลเซอร์
การเตรียมตัวอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผิวพร้อมรับการรักษา ลดความเสี่ยงของการระคายเคือง และเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดขนอย่างชัดเจน
ขั้นตอนการเลเซอร์ขน
ขั้นตอนการเลเซอร์ขนเป็นกระบวนการที่ต้องการความแม่นยำและดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ โดยทั่วไปจะประกอบด้วยขั้นตอนดังต่อไปนี้
- การประเมินและปรึกษาเบื้องต้น แพทย์จะประเมินลักษณะผิว สีขน ประวัติทางการแพทย์ และอธิบายผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้รับ รวมถึงจำนวนครั้งที่ควรทำ
- การเตรียมบริเวณผิวหนัง ผู้รับบริการจะต้องโกนขนบริเวณที่จะทำเลเซอร์ให้เรียบร้อยก่อนวันทำ และเจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดผิวอีกครั้งก่อนเริ่มขั้นตอน
- การป้องกันดวงตา ทั้งผู้รับบริการและผู้ทำหัตถการจะต้องสวมแว่นตานิรภัยเพื่อป้องกันอันตรายจากแสงเลเซอร์
- การยิงเลเซอร์ หมอ/เจ้าหน้าที่จะเริ่มยิงเลเซอร์ลงบนบริเวณที่ต้องการกำจัดขน โดยเครื่องจะปล่อยแสงพลังงานออกมาชั่วขณะ และอาจรู้สึกเหมือนโดนดีดหนังยางเบา ๆ หรืออุ่น ๆ
- การประคบเย็นหลังทำ เพื่อลดอาการระคายเคือง แดง หรือบวมเล็กน้อยหลังทำ อาจมีการใช้เจลเย็นหรือผ้าเย็นประคบบริเวณที่ทำเลเซอร์
- คำแนะนำหลังทำ แพทย์หรือเจ้าหน้าที่จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลผิว เช่น หลีกเลี่ยงแสงแดด งดการขัดผิว และใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่อ่อนโยน
ขั้นตอนทั้งหมดนี้ใช้เวลาประมาณ 15-60 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดของบริเวณที่ทำ และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันทีหลังทำ
ข้อควรปฏิบัติหลังเลเซอร์ขน
หลังจากทำเลเซอร์ขน ผิวจะอยู่ในภาวะที่ไวต่อการระคายเคืองและการอักเสบ การดูแลอย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงและส่งเสริมผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรงอย่างน้อย 7 วัน การสัมผัสแสงแดดอาจทำให้ผิวที่ผ่านเลเซอร์ไวต่อรังสียูวี เสี่ยงต่อการเกิดรอยดำหรือไหม้
- ทาครีมกันแดดทุกวัน ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป แม้ในวันที่ไม่ได้ออกแดดจัด เพื่อป้องกันรังสี UV
- งดการขัด ถู หรือแว็กซ์ผิวในบริเวณที่ทำ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันผิวลอกหรือบาดเจ็บเพิ่มเติม
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อ่อนโยน เช่น เจลว่านหางจระเข้หรือโลชั่นสูตรไม่มีแอลกอฮอล์ เพื่อให้ความชุ่มชื้นและลดการระคายเคือง
- งดกิจกรรมที่ทำให้ผิวร้อนหรือมีเหงื่อมาก เช่น การซาวน่า การออกกำลังกายหนัก หรือแช่น้ำร้อน ภายใน 24-48 ชั่วโมงแรก
- สังเกตอาการผิดปกติ หากมีรอยแดง รอยไหม้ หรือผื่นขึ้นผิดปกติ ควรติดต่อคลินิกหรือแพทย์ผู้ดูแลทันที
การดูแลหลังเลเซอร์ที่เหมาะสมจะช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็ว ลดการอักเสบ และเพิ่มประสิทธิภาพในการยับยั้งการเจริญเติบโตของขนใหม่
เลือกเลเซอร์ขนที่ไหนดี?
การเลือกสถานที่สำหรับเลเซอร์ขนควรพิจารณาจากหลายปัจจัยเพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีแนวทางเบื้องต้นในการพิจารณาดังนี้
- ใบรับรองและมาตรฐานคลินิก ควรเลือกคลินิกที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข และมีแพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญด้านเลเซอร์เป็นผู้ดูแล
- เครื่องเลเซอร์ได้มาตรฐาน ตรวจสอบว่าเครื่องเลเซอร์ที่ใช้ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA) หรือมาตรฐานยุโรป (CE Mark)
- รีวิวจากผู้ใช้จริง ควรศึกษาประสบการณ์ของผู้ใช้บริการจริงจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น รีวิวใน Google, Facebook หรือเว็บไซต์ของคลินิก
- มีการประเมินผิวและเส้นขนก่อนทำ คลินิกที่ดีควรมีขั้นตอนการประเมินและวิเคราะห์ผิว เพื่อเลือกเทคโนโลยีและการตั้งค่าที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
- โปรแกรมการดูแลต่อเนื่อง เช่น การนัดติดตามผล และการแนะนำการดูแลผิวหลังทำ เพื่อให้ผลลัพธ์ชัดเจนและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน
โดยสรุป ควรหลีกเลี่ยงการเลือกจากราคาเพียงอย่างเดียว และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและคุณภาพของบริการเป็นหลัก
ทำไมต้องรัตตินันท์ คลินิก?
การเลือกคลินิกที่เชี่ยวชาญและมีมาตรฐานเป็นหัวใจสำคัญของความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่คุณจะได้รับ รัตตินันท์ คลินิก ถือเป็นหนึ่งในคลินิกที่ให้บริการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ ด้วยจุดแข็งที่มีในหลายด้าน
- เทคโนโลยีที่ทันสมัย ใช้ทั้ง Fotona NDYAG และ MeDioStar NeXT PRO ซึ่งสามารถปรับความลึกและความแรงของพลังงานได้ตามโทนสีผิวและสีขนของผู้รับบริการ ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ ปลอดภัย และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง
- แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังดูแลโดยตรง การดูแลโดยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูง ช่วยประเมินผิว เลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม และวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล
- บริการแบบมืออาชีพ เจ้าหน้าที่ได้รับการฝึกอบรมอย่างเข้มข้น มีการติดตามผลหลังการทำและให้คำแนะนำการดูแลผิวอย่างละเอียด
- ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน ด้วยเครื่องมือและการวางแผนที่แม่นยำ ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่พบว่าขนลดลงอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ครั้งแรก และบางรายมีขนขึ้นใหม่ช้าลงหรือไม่ขึ้นอีกเลย
- มาตรฐานความสะอาดและความปลอดภัย คลินิกมีระบบฆ่าเชื้ออุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน และควบคุมคุณภาพบริการในทุกขั้นตอน
เทคโนโลยีที่ใช้ Fotona NDYAG และ MeDioStar Monolith
- Fotona NDYAG เทคโนโลยีเลเซอร์ความยาวคลื่น 1064 nm ที่สามารถเจาะลึกสู่รากขนได้โดยไม่ทำร้ายผิวชั้นบน เหมาะสำหรับบริเวณใบหน้า เลเซอร์หนวด เครา ให้ผลลัพธ์แม่นยำและปลอดภัย ให้บริการโดยแพทย์ผิวหนัง
- MeDioStar NeXT PRO เป็น Diode Laser รุ่นใหม่จากเยอรมนี ที่ใช้คลื่นคู่ 810 nm และ 940 nm ช่วยให้การกำจัดขนเป็นไปอย่างนุ่มนวล เจ็บน้อย และเหมาะกับผิวทุกประเภท เน้นใช้บริเวณร่างกาย เช่น รักแร้ แขน ขา หลัง บิกินี ให้บริการโดยเจ้าหน้าที่มืออาชีพ ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนัง
ทีมแพทย์รักษาผิวพรรณ
ที่ รัตตินันท์ คลินิก
พญ. รัตตินันท์ ตรีรัตน์
แพทย์หญิง
ฝึกอบรมเฉพาะทางด้านผิวหนังและเวชศาสตร์ชะลอวัย
พญ. นฤมล วิเชียร
แพทย์หญิง
ปริญญาโทสาขาตจวิทยา
พญ. จุฑามาศ ตันคุณากร
ตจแพทย์
วุฒิบัตรสาขาตจวิทยา
เลเซอร์ขนราคาเท่าไหร่?
ราคาการเลเซอร์ขนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่ พื้นที่ที่ทำ ความหนาแน่นของขน จำนวนครั้งที่ต้องทำ เครื่องเลเซอร์ที่ใช้ และมาตรฐานของคลินิก โดยทั่วไปอาจแบ่งตามบริเวณต่าง ๆ ในบางคลินิกอาจมีโปรแกรมแบบเหมาจ่ายรายคอร์ส เช่น 6 ครั้ง หรือ 10 ครั้ง ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครั้งลงได้
นอกจากนี้ คลินิกที่ใช้เครื่องระดับพรีเมียมหรือมีแพทย์ดูแลใกล้ชิด อาจมีราคาสูงกว่าแต่ให้ผลลัพธ์และความปลอดภัยที่มากขึ้น ดังนั้นควรสอบถามราคาพร้อมรายละเอียดก่อนตัดสินใจ เพื่อเลือกแพ็กเกจที่คุ้มค่าและเหมาะสมกับความต้องการ
คำถามที่พบบ่อย
อาการแสบร้อนหรือรู้สึกอุ่นผิวเป็นเรื่องปกติหลังจากการเลเซอร์ในช่วง 1-2 ชั่วโมงแรก และสามารถบรรเทาได้ด้วยการประคบเย็น หากอาการยังคงอยู่เกิน 24 ชั่วโมง ควรปรึกษาแพทย์ทันที
โดยทั่วไปแนะนำให้ทำประมาณ 6-10 ครั้ง ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำ ความหนาแน่นของเส้นขน และการตอบสนองของแต่ละบุคคล โดยควรเว้นระยะห่างระหว่างครั้งประมาณ 4-6 สัปดาห์
ระยะเวลาในการทำขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ที่ต้องการกำจัดขน เช่น ใต้วงแขนใช้เวลาเพียง 5-10 นาที ขาอาจใช้เวลา 30-60 นาที
หลังจากทำครบคอร์ส ขนจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่สามารถกำจัดขนได้ 100% ขนที่กลับมาจะบางลงและขึ้นช้าลงมาก การทำซ้ำปีละ 1-2 ครั้งจะช่วยคงผลลัพธ์
อาการคันหลังเลเซอร์อาจเกิดจากการระคายเคืองของผิวหนังซึ่งเป็นปฏิกิริยาชั่วคราว ควรหลีกเลี่ยงการเกา และใช้เจลว่านหางจระเข้หรือโลชั่นลดการระคายเคือง หากมีผื่นหรืออาการผิดปกติควรพบแพทย์
ระดับความรู้สึกเจ็บขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำและความไวของผิวแต่ละบุคคล โดยส่วนใหญ่เปรียบเทียบว่าเหมือนโดนดีดหนังยางเบา ๆ บริเวณที่บอบบางอาจรู้สึกมากขึ้น แต่สามารถใช้เจลหรือเครื่องช่วยลดความเจ็บได้
สามารถทำได้ แต่ ไม่ควรทำในวันเดียวกัน และควร เว้นระยะห่างระหว่างหัตถการประมาณ 5-7 วัน หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลและคำแนะนำจากแพทย์ผู้ดูแล
สามารถทำได้ แต่ต้องเว้นระยะห่างที่เหมาะสม เพื่อให้ผิวมีเวลาฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์และไม่เกิดการซ้อนทับของพลังงานในชั้นผิว
ประเภทหัตถการ | เวลาที่ควรเว้นหลังเลเซอร์ขน |
Ulthera | 7–10 วันขึ้นไป |
Thermage | 10–14 วัน (เพราะพลังงานลงลึกและร้อนกว่า) |
HIFU | 5–7 วัน |
หากทำยกกระชับก่อนเลเซอร์ขน ก็ยังแนะนำให้เว้นระยะ 5–7 วันเช่นกัน เพื่อให้ผิวคลายอาการบวมร้อนก่อนรับการยิงเลเซอร์อีกรอบ
โดยทั่วไป การเลเซอร์ขนถือว่าเป็นหัตถการที่ปลอดภัยเมื่อดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญและใช้เครื่องมือที่ได้มาตรฐาน มีการควบคุมพลังงานอย่างเหมาะสม และผ่านการรับรองจากองค์กรระดับสากล เช่น องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
อย่างไรก็ตาม อาจเกิดผลข้างเคียงในบางกรณี โดยเฉพาะหากไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือทำในสถานที่ที่ไม่ได้มาตรฐาน ตัวอย่างของผลข้างเคียงที่พบได้ ได้แก่
- รอยแดงหรือผิวแสบร้อนหลังการทำ
- ผิวลอกหรือระคายเคืองเล็กน้อย
- ผิวไหม้ หรือเกิดรอยด่าง (พบได้บ่อยในผู้ที่มีผิวคล้ำและใช้เลเซอร์ที่ไม่เหมาะสม)
- การเกิดขนคุด หากไม่ดูแลผิวอย่างถูกวิธีหลังการทำ
การหลีกเลี่ยงการสัมผัสแดดโดยตรงหลังทำเลเซอร์ การใช้ครีมบำรุงและกันแดด รวมถึงการเลือกรับบริการจากคลินิกที่มีชื่อเสียงและใช้อุปกรณ์ที่ผ่านการรับรอง จะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้อย่างมาก
คำถามที่หลายคนกังวลเกี่ยวกับการเลเซอร์ขนคือ “เลเซอร์ทำให้เป็นมะเร็งหรือไม่?” คำตอบคือ ไม่ มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ ที่ยืนยันว่าการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง
เลเซอร์ที่ใช้ในการกำจัดขนเป็นพลังงานแสงที่อยู่ในช่วงความยาวคลื่นเฉพาะ ซึ่งจะซึมผ่านเข้าสู่ชั้นผิวหนังเพียงเล็กน้อย เพื่อทำลายเม็ดสีในรากขน โดยไม่สามารถเข้าไปถึงระดับดีเอ็นเอ (DNA) หรือสร้างการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่ก่อให้เกิดเซลล์มะเร็งได้
องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) และสมาคมแพทย์ผิวหนังทั่วโลกต่างให้การรับรองว่า การเลเซอร์ขนเป็นหัตถการที่ปลอดภัยและไม่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคมะเร็งแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ความเข้าใจผิดอาจเกิดจากการที่บางคนมีอาการผิวแดงหรืออักเสบหลังการทำเลเซอร์ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงชั่วคราว ไม่ใช่อาการของโรคร้ายแรง ดังนั้น การเลือกใช้บริการกับคลินิกที่ได้มาตรฐานและมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดูแล จะยิ่งเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยของหัตถการนี้
บทสรุป
การกำจัดขนด้วยเลเซอร์ถือเป็นวิธีที่ทันสมัย ปลอดภัย และให้ผลลัพธ์ในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดภาระในการดูแลขนบ่อยครั้ง และต้องการผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเมื่อเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับสีผิวและลักษณะเส้นขนของตนเอง
การเตรียมตัวก่อนทำและการดูแลหลังทำก็มีส่วนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา พร้อมทั้งลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง นอกจากนี้ การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีทีมแพทย์ดูแล และใช้เครื่องมือที่ผ่านการรับรอง จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ในผลลัพธ์และความปลอดภัยในระยะยาว
สุดท้าย การเข้าใจข้อดี ข้อจำกัด และคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกแนวทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวคุณเอง เพื่อผลลัพธ์ที่ตรงใจและคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไป
รัตตินันท์ คลินิก ให้บริการด้านความงามและการรักษา โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา พร้อมด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้รับบริการ ศูนย์ได้รับการรับรองคุณภาพจาก AACI สหรัฐอเมริกา ในฐานะศูนย์ศัลยกรรมผู้ป่วยนอกแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และได้รับการประเมินในด้านการให้บริการจากลูกค้าหลายประเทศ