คุณหมอสรุปให้ ตัดหน้าอก คืออะไร ทำไมต้อง รัตตินันท์ คลินิก
ตัดหน้าอก คือการผ่าตัดเอาเนื้อหน้าอกออก เพื่อปรับรูปร่างทรวงอกให้แบนราบและสอดคล้องกับอัตลักษณ์ทางเพศ เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดความไม่สบายใจจากหน้าอกเดิม เช่น กลุ่ม Transgender หรือ Non-binary ปรึกษาศัลยแพทย์ตกแต่งฟรี ที่ รัตตินันท์ คลินิก
ตัดหน้าอก หรือ ผ่าตัดลดขนาดหน้าอก คืออะไร
ศัลยกรรมตัดหน้าอก หรือ การผ่าตัดลดขนาดหน้าอก (Gender-Affirming Mastectomy) เป็นขั้นตอนทางการแพทย์ที่ออกแบบมาเพื่อลดขนาดและปรับปรุงรูปทรงของหน้าอกให้สมส่วนและเหมาะสมกับรูปร่างของแต่ละบุคคล
การผ่าตัดนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์เพียงแค่ด้านความงามเท่านั้น แต่ยังช่วยแก้ไขปัญหาสุขภาพที่สำคัญหลายประการ เช่น การลดอาการปวดหลัง คอ และไหล่ที่เกิดจากน้ำหนักของหน้าอกที่มากเกินไป การปรับปรุงท่าทางการยืนและนั่ง การเพิ่มความสะดวกในการออกกำลังกายและกิจกรรมต่าง ๆ
รวมถึงการสร้างความมั่นใจและปรับปรุงคุณภาพชีวิตโดยรวม สำหรับผู้หญิงที่ประสบปัญหาหน้าอกขนาดใหญ่ การผ่าตัดนี้มักจะเป็นการตัดสินใจที่นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในด้านสุขภาพกายภาพและจิตใจ
ในบทความนี้เราจะนำเสนอข้อมูล ตั้งแต่การประเมินความเหมาะสม การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด เทคนิคการผ่าตัดที่หลากหลาย การดูแลหลังผ่าตัด ผลลัพธ์ที่คาดหวัง เพื่อให้ผู้อ่านมีข้อมูลที่จำเป็นในการตัดสินใจอย่างมีความรู้และความมั่นใจ
การผ่าตัดหน้าอก เหมาะกับใคร
การผ่าตัดหน้าอกเพื่อยืนยันเพศ (Gender-Affirming Mastectomy หรือ Top Surgery) เป็นขั้นตอนทางศัลยกรรมที่ช่วยปรับรูปร่างหน้าอกให้สอดคล้องกับเพศสภาพและอัตลักษณ์ของบุคคล
ไม่เพียงเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอก แต่ยังช่วยเสริมความมั่นใจ และลดความรู้สึกไม่สอดคล้องระหว่างร่างกายกับเพศสภาพ (Gender Dysphoria)
1. ผู้ที่มีเพศกำเนิดเป็นหญิง แต่ระบุตัวตนเป็นชาย (Transgender Men)
- ต้องการให้รูปร่างหน้าอกแบนราบและมีลักษณะของหน้าอกผู้ชาย
- ลดความจำเป็นในการพันหน้าอก (Chest Binding) ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ เช่น ปวดหลัง หายใจลำบาก หรือผิวหนังระคายเคือง
- เพิ่มความมั่นใจในชีวิตประจำวัน การแต่งกาย และการเข้าสังคม
2. บุคคลเพศหลากหลาย (Non-Binary / Gender Diverse)
- ไม่ต้องการให้รูปร่างหน้าอกมีลักษณะชัดเจนแบบเพศหญิง
- ต้องการปรับรูปร่างให้สอดคล้องกับการแสดงออกทางเพศของตนเอง
3. ผู้ที่มีภาวะ Gender Dysphoria รุนแรง
- รู้สึกไม่สบายใจหรือทุกข์ใจอย่างมากเมื่อมองหรือสัมผัสหน้าอกของตัวเอง
- ปัญหานี้อาจส่งผลต่อสุขภาพจิต ความสัมพันธ์ และคุณภาพชีวิตโดยรวม
- การผ่าตัดสามารถช่วยบรรเทาความรู้สึกไม่สอดคล้องนี้ได้อย่างมีนัยสำคัญ
4. ผู้ที่มีสุขภาพร่างกายพร้อมสำหรับการผ่าตัด
- ไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นข้อห้าม หรือมีการควบคุมโรคได้ดี
- ไม่สูบบุหรี่ หรือสามารถหยุดสูบได้ในช่วงก่อน–หลังผ่าตัดตามคำแนะนำแพทย์
- มีความเข้าใจชัดเจนถึงขั้นตอน ผลลัพธ์ และระยะเวลาการฟื้นตัว
5. ผู้ที่ผ่านการปรึกษาและประเมินโดยทีมสหสาขาวิชาชีพ
- ได้รับการประเมินโดยแพทย์เฉพาะทางและนักจิตวิทยาที่มีประสบการณ์ด้านเพศสภาพ
- ได้รับข้อมูลครบถ้วนเกี่ยวกับความเสี่ยง ผลลัพธ์ และการดูแลหลังผ่าตัด เพื่อการตัดสินใจอย่างรอบคอบ
ข้อดีของการผ่าตัดหน้าอก มีอะไรบ้าง
ปรับบุคลิกภาพให้มั่นใจมากขึ้น
- รูปร่างสมส่วนขึ้น ใส่เสื้อผ้าได้หลากหลายสไตล์โดยไม่ต้องปกปิด
- เพิ่มความมั่นใจในทุกสถานการณ์ ทั้งการเข้าสังคม การทำงาน และการถ่ายภาพ
แก้ปัญหาสุขภาพจากน้ำหนักหน้าอก
- ลดอาการปวดไหล่ หลัง และคอ ที่เกิดจากน้ำหนักหน้าอกมากเกินไป
- ปรับท่าทางให้ดีขึ้น ลดปัญหาการโค้งงอของกระดูกสันหลังในระยะยาว
เสริมคุณภาพชีวิตและความคล่องตัว
- เคลื่อนไหวและออกกำลังกายได้สะดวกขึ้น เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ฟิตเนส
- ลดความรำคาญหรือความอึดอัดจากการสวมเสื้อชั้นในหรือการพันหน้าอก
ลดความรู้สึกไม่สอดคล้องทางเพศ (Gender Dysphoria)
- สำหรับผู้ที่อยู่ในกระบวนการยืนยันเพศ การผ่าตัดช่วยให้รูปร่างสอดคล้องกับอัตลักษณ์ทางเพศ
- ลดความกดดันทางจิตใจ และเพิ่มความมั่นใจในร่างกายของตัวเอง
ผลลัพธ์ถาวรและปลอดภัยเมื่อทำกับแพทย์เฉพาะทาง
- ไม่ต้องพึ่งการแก้ไขชั่วคราว เช่น การพันหน้าอกทุกวัน
- เมื่อผ่าตัดกับทีมแพทย์เฉพาะทางในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน จะได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ปลอดภัย และอยู่ได้ในระยะยาว
การผ่าตัดหน้าอก ไม่เหมาะกับใคร
แม้การผ่าตัดหน้าอกจะช่วยแก้ปัญหาทั้งด้านสุขภาพ บุคลิกภาพ และความมั่นใจ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมาะสมกับการผ่าตัดในช่วงเวลานั้น
แพทย์เฉพาะทางจะต้องทำการประเมินอย่างละเอียด ทั้งด้านร่างกายและจิตใจก่อน เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
1. ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพรุนแรงหรือควบคุมไม่ได้
- โรคหัวใจหรือโรคปอดขั้นรุนแรง
- โรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้
- ความดันโลหิตสูงที่ยังควบคุมไม่ดี
- ภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ (เสี่ยงเลือดออกมากหรือหยุดยาก)
กลุ่มนี้มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนระหว่างและหลังผ่าตัด จึงควรรักษาและควบคุมโรคให้ได้ก่อน
2. ผู้ที่สูบบุหรี่จัดหรือเพิ่งหยุดสูบไม่นาน
- นิโคตินทำให้หลอดเลือดหดตัว ลดการไหลเวียนเลือดสู่แผล
- เพิ่มความเสี่ยงแผลหายช้า ติดเชื้อ หรือแผลแยก
- แนะนำให้หยุดสูบอย่างน้อย 4–6 สัปดาห์ก่อนและหลังผ่าตัด
3. ผู้ที่มีภาวะติดเชื้อหรือมีแผลอักเสบในบริเวณหน้าอก
- การผ่าตัดในขณะที่มีการติดเชื้อเพิ่มโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนสูง
- ควรรักษาให้หายสนิทก่อนเข้ารับการผ่าตัด
4. ผู้ที่มีภาวะทางจิตใจหรืออารมณ์ที่ยังไม่พร้อม
- มีภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวลรุนแรงที่ยังไม่ได้รับการรักษา
- ยังไม่เข้าใจขั้นตอน ความเสี่ยง และผลลัพธ์ของการผ่าตัดอย่างถ่องแท้
- ในกรณีการผ่าตัดเพื่อยืนยันเพศ ควรผ่านการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตก่อน
เทคนิคผ่าตัดหน้าอก มีกี่แบบ
การผ่าตัดหน้าอก ปี 2025 จำเป็นจะต้องได้รับการตรวจและวินิจฉัยโดยแพทย์ก่อนทุกครั้ง ซึ่งวิธีการผ่าตัดขึ้นอยู่กับขนาดเต้านม และ ความยืดหยุ่น หรือ ความหย่อนคล้อยของผิวหนัง โดยหลัก ๆ แล้วการผ่าตัดเต้านม แบ่งออกดังนี้
1. การผ่าตัดแผลเล็ก ด้วยวิธี ผ่าตัดผ่านแผลปานนม
การผ่าตัดแผลเล็ก (Subcutaneous) ด้วยวิธี ผ่าตัดผ่านแผลปานนม นั้นเป็นวิธีดั้งเดิมในการลดขนาดหน้าอก โดยทำการผ่าตัดบริเวณปานนมเป็นหลัก และเกิดแผลเป็นขนาดเล็กบริเวณปานนม หรือในบางกรณีอาจมีการผ่าเปิดแผลบริเวณเนื้อเต้านมร่วมด้วย ซึ่งจะส่งผลต่อแผลเป็นเช่นกัน จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับวิธีการผ่าตัดว่าเปิดแผลบริเวณใดบ้าง
- เปิดแผลบริเวณปานนม ลักษณะเป็นวงกลม
- เปิดแผลครึ่งหนึ่งของปานนม (แนวตั้ง หรือ แนวนอน ก็ได้)
- ผ่าตัดผ่านหัวนม (กรณีที่ต้องการลดขนาดของหัวนมด้วย)
ผ่าตัดผ่านแผลปานนม คือ การนำเครื่องมือสอดผ่านแผลที่กรีดบริเวณปานนม เพื่อเข้าไปตัดต่อมหรือเนื้อเยื่อเต้านมต่าง ๆ แผลเป็นก็จะอยู่รอบปานนม/ลานนม
ข้อดี คือ เมื่อแผลหายดีแล้วก็จะมองไม่เห็นแผลที่ผ่าตัด หรือมองเห็นได้น้อยมาก ฟื้นตัวไม่นาน หน้าอกแบนราบเป็นธรรมชาติ การผ่าตัดแผลปานนม ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคน หรือนมทุกไซส์ ต้องให้แพทย์วินิจฉัยก่อน ซึ่งคนที่เหมาะกับการผ่าตัดผ่านแผลปานนม เช่น
- หน้าอกเล็ก นมเล็ก (คัพ A) ปานนมใหญ่
- หน้าอกไซส์กลาง (คัพ B) ปานนมใหญ่ (ลดขนาดหน้าอก และลดขนาดปานนม ไปพร้อมๆ กันได้)
2. ผ่าตัดลดขนาดเต้านม โดยเปิดแผลบริเวณปานนม + ขยายแผลออกด้านใดด้านหนึ่งของเต้านม
ผ่าตัด ลดขนาดเต้านม โดยเปิดแผลบริเวณปานนม + ขยายแผลออกด้านใดด้านหนึ่งของเต้านม วิธีนี้แพทย์จะพิจารณาจากหลายๆ ส่วนก่อนทำการผ่าตัด ทั้งขนาดหน้าอก และผิวหนังของคนไข้ว่ามีความยืดหยุ่นมากน้อยเพียงใด เช่น
- ลดขนาดเต้านม แผลเป็นคล้ายสัญลักษณ์ โอเมก้า (Omega) คือการกรีดแผลบริเวณปานนม และยาวออกไปด้านข้างของเต้านมเล็กน้อย
- ลดขนาดเต้านม แผลเป็นรูปตัว T Scar คือ ผ่าเปิดแผลปานนมครึ่งหนึ่งในลักษณะแนวนอน และผ่าลงไปยังเต้านมด้านล่าง ลักษณะเป็นรูปตัว T
- ผ่าเปิดแผลปานนมเป็นวงกลม พร้อมกับผ่าลงไปยังเต้านมด้านล่าง
3. ผ่าตัด ลดขนาดหน้าอก แบบ Double O
ผ่าตัด ลดขนาดหน้าอก แบบ Double O คือ การศัลยกรรมตัดหน้าอก โดยการเปิดแผลปานนมเป็นวงกลม พร้อมกับผ่าตัดเนื้อเต้านมรอบนอกที่เป็นส่วนเกินออก แล้วทำการดึงผิวหนังเข้ามาเย็บกับปานนม
4. ผ่าตัด ลดขนาดหน้าอก โดยเปิดแผลใต้ฐานหน้าอก
ผ่าตัด ลดขนาดหน้าอก โดยเปิดแผลใต้ฐานหน้าอก การเปิดแผลใต้ฐานหน้าอก ลักษณะเป็นรูปครึ่งวงกลม ก็เป็นวิธีที่นิยมเช่นกัน ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ขนาดหน้าอกปานกลาง (คัพ B) หน้าอกไม่ผิดรูป หรือหย่อนคล้อยมากนัก
5. การผ่าตัดเต้านมทั้งหมด (Breast Amputation)
การผ่าตัดลดขนาดเต้านมด้วยด้วยวิธี Breast Amputation เป็นการตัดเต้านมทิ้งทั้งหมด โดยแผลจะมีความยาวตั้งแต่กลางหน้าอก ไปจนถึงเกือบด้านข้างลำตัว ซึ่งอาจจะเหมาะกับผู้เข้ารับบริการบางท่านเท่านั้น หรือมีสาเหตุเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น
- คนที่มีหน้าอกต่ำ นมอยู่ต่ำกว่าระดับปกติ
- คนที่มีหน้าอกหย่อนยาน นมยาน ในคุณแม่ที่ผ่านการมีบุตรมาแล้ว
- กรรมพันธุ์ คนในบ้านที่เป็นผู้หญิงมีหน้าอกที่ใหญ่มาก ทำให้การใช้ชีวิตลำบาก
- คนที่มีหน้าอกใหญ่มาก ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ ปวดหลัง ปวดไหล่ ฯลฯ
- หน้าอกห้อย นมห้อย เนื่องจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น
- หน้าอกผิดรูป เกิดจากการรัดสเตย์เป็นเวลานานๆ
การผ่าตัดเต้านมวิธีนี้ หัวนมอาจจะไม่มีความรู้สึก เนื่องจากต้องตัดเต้านมทิ้ง แล้วทำการย้ายหัวนมขึ้นมาวางตำแหน่งใหม่ (แปะหัวนมบนผิวหนัง) โดยไม่ได้เอาเส้นประสาทมาด้วย วิธีนี้เรียกว่า Nipple Graft และแพทย์จะช่วยออกแบบแผลบริเวณขอบหน้าอกให้เป็นลักษณะคล้ายแนวกล้ามเนื้อหน้าอกของผู้ชายได้ จึงช่วยให้ผู้ที่ต้องตัดนมทิ้ง เกิดความมั่นใจในสรีระมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ แพทย์อาจจะพิจารณาจากผิวหนังของคนไข้ร่วมด้วย เพื่อลดการเกิดผลแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด เช่น รอยแผลเป็นที่อาจจะไม่สวยมาก แผลสีเข้มแดง หรืออาจะเกิดแผลคีลอยด์ ซึ่งมักจะเกิดได้ง่ายในคนสีผิวขาวเหลืองหรือเข้ม อย่างคนเอเชียมากกว่ายุโรป
6. ดูดไขมันหน้าอก (Liposuction) ลดขนาดหน้าอก
ดูดไขมันหน้าอก (Breast Liposuction) ในบางกรณีของการผ่าตัดลดขนาดหน้าอกอาจต้องใช้การดูดไขมันร่วมด้วย เนื่องจากหน้าอกของผู้หญิงบางคนจะมีไขมันยาวขึ้นไปจนถึงรักแร้
ซึ่งการใช้เครื่องดูดไขมัน BodyTite และ MicroAire PAL ดูดไขมันส่วนเกินออก ก็จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น โดยที่ รัตตินันท์ คลินิก มีหัวดูดไขมัน หรือ Canulas ที่หลากหลายให้เลือกใช้กับแต่ละส่วนอย่างเหมาะสม
เทคนิค ผ่าตัดหน้าอก จาก รัตตินันท์ คลินิก
การผ่าตัดแผลเล็ก ตัดหน้าอก แบบส่องกล้องผ่านแผลใต้รักแร้
การลดขนาดหน้าอก ด้วยวิธีส่องกล้องผ่านแผลใต้รักแร้ เป็นเทคนิคใหม่ ปี 2025! ของการผ่าตัดแผลเล็ก (Subcutaneous) แผลเป็นจะอยู่บริเวณใต้รักแร้ และมีขนาดเล็กมาก
การผ่าตัดส่องกล้องผ่านแผลใต้รักแร้ มีข้อดีคือ แพทย์สามารถเห็นส่วนต่างๆ ภายในเต้านม และตำแหน่งที่ต้องการตัดได้อย่างชัดเจนผ่านหน้าจอ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่างๆ ของการผ่าตัด เช่น เลือดออกน้อย กล้ามเนื้อบาดเจ็บน้อยกว่าวิธีอื่นๆ พักฟื้นไม่นาน ฟื้นตัวเร็ว หน้าอกดูเป็นธรรมชาติ ไม่มีแผลบริเวณหน้าอกให้เห็น ข้อเสียคือ อาจมีราคาสูงกว่าผ่าตัดลดขนาดเต้านมวิธีอื่น แต่ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่ากว่า
การผ่าตัดลดขนาดหน้าอกแบบส่องกล้องใต้รักแร้ เหมาะกับหน้าอกไซส์ไหน ?
- นมไซส์เล็ก (คัพ A) ปานนมใหญ่
- เต้านมไซส์เล็ก (คัพ A) ปานนมเล็ก
- นมใหญ่ หรือหน้าอกใหญ่ (คัพ B) ปานนมใหญ่
- เต้านมปานกลาง นมใหญ่ หรือหน้าอกใหญ่ (คัพ B) ปานนมเล็ก
ผ่าตัดลดขนาดหน้าอก บริเวณใต้รักแร้ แบบไม่ส่องกล้อง ทำได้หรือไม่?
ทำได้ แต่ก็มีความเสี่ยงและอันตรายที่จะเสียเลือดมาก เลือดออกเยอะ เกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อมากกว่าการส่องกล้อง เนื่องจากไม่สามารถมองเห็นเนื้อเยื่อต่างๆ ภายในได้ ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
แล้วทำไมเสริมหน้าอกถึงทำได้ โดยไม่ต้องใช้การส่องกล้อง ? การเสริมหน้าอกเป็นการสร้างโพรงแล้วใส่ซิลิโคนเข้าไปในชั้นกล้ามเนื้อ ซึ่งไม่เหมือนการผ่าตัดลดขนาดหน้าอก ที่ต้องมีการตัดเนื้อเต้านม ตัดต่อมน้ำนมออก ซึ่งจะมีการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อมากกว่า
รีวิวผ่าตัดเต้านม ด้วยวิธี Breast Amputation สามารถทำการรักษาในผู้ชายได้
รายนี้มีผิวหนังบริเวณหน้าอก (เต้านม) หย่อนตั้งแต่ด้านหน้ายาวจนถึงด้านข้าง แพทย์ได้ทำการรักษาโดยใช้วิธีผ่าตัดหนังที่เสีย ขาดความยืดหยุ่นออก แล้วทำการย้ายตำแหน่งหัวนมให้กลับมาอยู่ในระดับปกติ แผลเป็นจะยางตั้งแต่ด้านหน้าของหน้าอกไปจนถึงด้านข้างลำตัว นอกจากนั้นผิวบริเวณท้องแขนห้อย เกิดจากการลดน้ำหนัก แพทย์รักษาโดยการผ่าตัดยกกระชับต้นแขนร่วมด้วย
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดลดขนาดหน้าอก/เต้านม
- ก่อนการผ่าตัดหน้าอกออก ต้องได้รับการยินยอมจากนักจิตวิทยา : ผู้ที่จะทำการผ่าตัดลดขนาดหน้าอกจะต้องขอใบรับรองแพทย์จากนักจิตวิทยา (psychologist) หรือ นักจิตเวช (psychiatry) มาก่อน อย่างน้อย 1 ท่าน
- ตรวจความเข้มข้นของเลือด (Hemoconcentration) : ในกลุ่มคนที่เทคฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน จะพบว่ามีความเข้มข้นของเลือดสูง หากจะทำการผ่าตัดลดขนาดเต้านม จะต้องทำการเจาะเพื่อดูค่าความเข้มข้นของเลือดก่อน ซึ่งฮีมาโทคริต ( Hematocrit หรือ HCT ) หรือ เซลล์เม็ดเลือดแดง จะต้องมีค่าไม่เกิน 40 (ปกติผู้ชายอยู่ที่ 45% ผู้หญิงอยู่ที่ 40%) หากมีค่าเกินแพทย์จะแนะนำให้หยุดทานยาฮอร์โมนก่อน ประมาณ 2 สัปดาห์ – 1 เดือนก่อนผ่าตัด เนื่องจากความปลอดภัยขณะการผ่าตัดและการดมยาในคนไข้
อัปเดต! คำแนะนำก่อนผ่าตัดหน้าอก ปี 2025 ด้วยวิธีการระงับความรู้สึก (ดมยา)
- ต้องทำการงดน้ำและอาหารก่อนผ่าตัด เพื่อป้องกันและลดความรุนแรงของการสูดสำลักอาหารเข้าปอดในระหว่างการได้รับการระงับความรู้สึก
- งดการสูบบุหรี่และเแอลกอฮฮล์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนการผ่าตัด เพื่อป้องกันการเกิด ภาวะเนื้อตาย (GANGRENE) เนื่องจากสูบบุหรี่ทำให้การไหลเวียนของเลือดที่ไม่ดี หรือติดเชื้อได้ง่ายจากการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อร่างกาย และทำให้แผลหายช้า
- งดการทานวิตามิน หรืออาหารเสริมทุกชนิด
- งดอาหาร 8 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด โดยระหว่างนี้สามารถดื่มของเหลวใสได้ ได้แก่ น้ำเปล่า น้ำหวานเฮลบลูบอย น้ำผลไม้ที่ไม่มีเนื้อหรือกากใย เช่น น้ำแอปเปิ้ล น้ำองุ่น ห้ามดื่มเครื่องดื่มที่ส่วนผสมของโซดา น้ำอัดลม ชาหรือกาแฟดำ รวมถึงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์
- งดน้ำทุกชนิด 3 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด
- งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนตลอดทั้งวัน เช่น ชา กาแฟ
ขั้นตอนการผ่าตัดลดขนาดหน้าอก
ขั้นตอนการผ่าตัดหน้าอก ที่รัตตินันท์ คลินิก จะทำการดมยาโดยวิสัญญีแพทย์ คอยดูแลควบคุม ดูค่าการหายใจต่างๆ ของคนไข้ให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย จากนั้นแพทย์พร้อมด้วยทีมแพทย์ผู้รักษาจะทำการผ่าตัดลดขนาดเต้านม ไปพร้อมๆ กับการทำ Chest wall contouring ทำให้หน้าอกเหมือนผู้ชาย และเป็นธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งระยะเวลาในการผ่าตัดขึ้นอยู่กับ เทคนิคการผ่าตัด ขนาดหน้าอก ของคนไข้ด้วย
รัตตินันท์ คลินิก มีห้องผ่าตัดขนาดใหญ่ที่ได้มาตรฐาน ตามกฏของกระทรวงสาธารณสุข อีกทั้งมีใบรับรองว่า ปลอดเชื้อ COVID-19 ผ่านมาตรฐานความสะอาด ปลอดภัย จากกรมอนามัย และ THAISTOPCOVID+ จึงมั่นใจได้ว่า สะอาด ปลอดภัย
การดูแลหลังการผ่าตัดลดขนาดหน้าอก
- หลังการผ่าตัด ลดขนาดเต้านม ห้ามโดดน้ำ จนกว่าจะตัดไหม
- ใส่ผ่ารัดเต้านมแบบพิเศษ อย่างน้อย 3-6 เดือนขึ้นไป *ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
- ข้อควรระวังหลังการผ่าตัดนม หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก
- งดการยกของหนัก งดการใช้กล้ามเนื้อบริเวณที่ทำการผ่าตัด การยกแขนที่มากกว่าปกติ หรือระมัดระวังการกระแทก ซึ่งอาจจะทำให้เกิดเลือดออก เลือดคลั่ง แผลปริ ฯลฯ
- แพทย์นัดตรวจ ทำแผล ตัดไหม ประมาณ 1 – 2 อาทิตย์
- ทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
- หลัง 2 สัปดาห์หลังผ่าตัดขึ้นไป สามารถเริ่มออกกำลังกายเบาๆ ได้ และ 4-6 สัปดาห์ สามารถเข้าฟิตเนสได้ตามลำดับ
- หลังผ่าตัดเต้านม หากต้องการกลับไปเทคฮอร์โมน แพทย์จะแนะนำให้ทานได้หลังตัดไหมไปแล้ว หรือถ้าจะให้ชัวร์ควรให้แผลหายดีก่อน แล้วค่อยกลับไปทานยาฮอร์โมน
- สามารถทานวิตามินได้ช่วงหลัง 2 สัปดาห์ – 1 เดือน หลังผ่าตัด ลดขนาดเต้านม ไปแล้ว
- หากผ่าตัดหัวนม ปานนม เส้นประสาทจะค่อยๆ กลับมาดีขึ้น หลังการผ่าตัดไปแล้วอย่างย้อน 6 เดือน
ภาวะแทรกซ้อน หรืออาการข้างเคียง หลังผ่าตัดนม
- หากผ่าตัด ลดขนาดเต้านม แล้ว นมจะไม่กลับมามีขนาดใหญ่ได้อีก
- รอยแผลเป็นจากการผ่าตัด จะขึ้นอยู่กับขนาดเต้านม และผิวหนังของแต่ละบุคคล
- กรณีผ่าตัดแผลปานนม ปานนมอาจมีสีคล้ำ หรือนูนแข็งหลังการผ่าตัดได้
- อาจเกิดแผล คีลอยด์ (keloid) ได้ในบางคน ซึ่งอาจต้องเข้ามารักษาด้วยเลเซอร์อย่างต่อเนื่อง จนแผลดีขึ้น
ข้อดีของการผ่าตัดเต้านม ที่รัตตินันท์ คลินิก
- แพทย์มีความเข้าใจสรีระคนไข้ ชำนาญในการผ่าตัดเป็นอย่างดี
- มีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่พร้อมและทันสมัย
- สามารถผ่าตัดได้ทุกวิธี
- มีการทำ Chest wall contouring surgery คือการทำให้หน้าอกเหมือนผู้ชาย และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
- ในบางคนที่มีขนาดหน้าอกใหญ่จากไขมัน แพทย์ จะใช้ Liposuction การดูดไขมันร่วมด้วย เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและน่าพอใจที่สุด
- พร้อมด้วยทีมแพทย์ วิสัญญีแพทย์ ตามมาตรฐานความปลอดภัย
- มีห้องผ่าตัดขนาดใหญ่ รับรองโดยกระทางสาธารณสุข
- ปลอดเชื้อ COVID-19 ผ่านมาตรฐานความสะอาด ปลอดภัย จากกรมอนามัย และ THAISTOPCOVID+
- ได้รับคุณภาพบริการมาตรฐานสากล AACI จากประเทศสหรัฐอเมริกา ด้าน “Ambulatory Plastic Surgical Center” ศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งผู้ป่วยนอก แห่งแรกในเอเชียแปซิฟิก
รีวิวผ่าตัดลดขนาดหน้าอก
ทีมแพทย์ศัลยกรรมหน้าอก ที่ รัตตินันท์ คลินิก
FAQs : คำถามที่พบบ่อย ศัลยกกรมตัดหน้าอก
ราคาศัลยกรรมตัดหน้าอก ของแต่ละสถานที่ให้บริการจะมีราคาที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับ เทคนิคการผ่าตัดของแพทย์ , ความชำนาญและประสบการณ์ รวมถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น สถานที่สะอาด ได้มาตรฐาน เป็นต้น ดังนั้นก่อนตัดสินใจลดขนาดเต้านม ควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจและละเอียด พร้อมทั้งเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์ก่อนทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของคนไข้
ศัลยกรรมทอม ลดขนาดหน้าอก ที่รัตตินันท์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ หลังผ่าตัดต้องนอนฟักฟื้น และดูอาการก่อนอย่างน้อย 3-5 ชั่วโมง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีผบข้างเคียงใดๆ โดยมีพยาบาลคอยดูแลอย่างใกล้ชิด หลังจากนั้นก็สามารถกลับบ้านได้ทันที
ลองพิจารณาและหาข้อมูลก่อนว่า สถานบริการไหนรักษาด้วยวิธีใดได้บ้าง หรืออยากรักษาด้วยวิธีไหน จากนั้นก็เข้าปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ
หลังการผ่าตัด ลดขนาดหน้าอก จะต้องใส่สายเดรน เพื่อทำการระบายเลือดและน้ำเหลือง บริเวณหน้าอกออก และป้องกันเลือดคลั่งบริเวณหน้าอกที่ทำการผ่าตัดไป
ใส่สายเดรนนานเท่าไหร่? จะต้องให้แพทย์พิจารณา บางรายอาจถอดสายได้หลังผ่าตัดไม่กี่ชั่วโมง บางรายหากเลือดยังไหลอยู่อาจต้องติดสายเดรนกลับบ้านด้วย แล้วนัดมาถอดออกภายหลัง *ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
ผ่าตัด ลดขนาดหน้าอก ที่รัตตินันท์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ จะใช้วิธีดมยาโดยวิสัญญีแพทย์เฉพาะทาง แน่นอนว่าก็จะมีอาการหรือความเจ็บเป็นธรรมดา แต่ด้วย เทคนิคใหม่ “ผ่าตัดผ่านกล้อง แผลใต้รักแร้ “ ที่เราได้นำมาใช้นั้น มีข้อดีคือ ไม่มีแผลเป็นที่หน้าอก หรือมีเพียงเล็กน้อย และะจะมีแผลเล็กๆ ตรงใต้รักแร้เท่านั้น รวมถึงเจ็บน้อยกว่าวิธีก่อนๆ พักฟื้นไม่นาน และฟื้นตัวได้เร็ว
แพทย์จะแนะนำให้ทานตอนหลังตัดไหมไปแล้ว หรือถ้าจะให้ชัวร์ควรให้แผลหายดีก่อน แล้วค่อยกลับไปทานยาฮอร์โมน
ไม่ได้แล้ว เนื่องจากเนื้อเต้านมและต่อมต่างๆ ถูกตัดออกไปหมดแล้ว
การศัลยกรรมทอม ผ่าตัด ลดขนาดหน้าอก นั้นไม่สามารถป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมได้ เนื่องจากการผ่าตัดแบบ Top Surgery เป็นการลดต่อมเต้านม ทำให้ขนาดเต้านมเล็กลง แต่ในส่วนที่ยังมีเต้านมเหลืออยู่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ เป็นเพียงแค่ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคได้เท่านั้น
สามารถแก้ไขได้โดยการเติมไขมัน แต่ก็ไม่ได้การันตีผลลัพธ์ได้ เนื่องจากขึ้นอยู่กับสภาพของหน้าอกที่บุ๋มหรือแหว่งว่ามีมากน้อยแค่ไหน โดยแนะนำให้เข้ารับการปรึกษาจากแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและเลือกวิธีแก้ไขต่อไป และควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ให้บริการและแพทย์ที่ทำการรักษาก่อนเลือกรับบริการทุกครั้ง
ยังไม่มีงานวิจัยออกมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่การใช้สเตย์รัดหน้าอกเป็นเวลานาน มีผลเสียที่ชัดเจนคือทำให้หน้าอกห้อย หย่อนยาน หรือหน้าอกผิดรูป ซึ่งทำการแก้ไขได้ยาก
ทำได้แต่ยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก
ในบางกรณี คนที่มีหน้าอกปานกลางขึ้นไป (B/C) อาจไม่สามารถผ่าตัดแผลเล็ก ผ่านปานนม หรือผ่านกล้องใต้รักแร้ได้ เนื่องจากอาจมีเนื้อเยื่อเต้านมบางส่วน เช่น ด้านข้างลำตัว ที่ผ่าตัดแผลเล็กเข้าไม่ถึง หรือไม่สามารถเอาออกได้หมด สุดท้ายแพทย์อาจจะต้องเลือกทำการกรีดแผลบริเวณปานนมให้ใหญ่ขึ้น หรือยาวออกไปด้านข้าง เพื่อเอาไขมันและเนื้อเยื่อที่อยู่ด้านข้างเต้านมออก ทำให้มีแผลเป็นยาวเพิ่มขึ้นอีก
แต่กรณีนี้สามารถแก้ได้โดยใช้ เทคนิคส่องกล้องใต้รักแร้ ร่วมกับการผ่าตัดบริเวณปานนม จะทำให้แผลเป็นบริเวณปานนมจะมีขนาดเล็กมาก เนื่องจากไม่จำเป็นต้องกรีดขยายแผลยาวจากปานนมออกไปด้านข้าง (Extended) พร้อมทำการ contouring หน้าอกให้เรียบเนียน เหมาะสม และเป็นธรมชาติคล้ายหน้าอกผู้ชายมากที่สุด
รัตตินันท์ คลินิก ให้บริการด้านความงามและการรักษา โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา พร้อมด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้รับบริการ ศูนย์ได้รับการรับรองคุณภาพจาก AACI สหรัฐอเมริกา ในฐานะศูนย์ศัลยกรรมผู้ป่วยนอกแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และได้รับการประเมินในด้านการให้บริการจากลูกค้าหลายประเทศ