ในช่วงที่อากาศแปรปรวน แถมยังต้องเจอกับฝุ่นควันและมลภาวะแทบทุกวัน เชื่อว่าใครหลายคนน่าจะเริ่มรู้สึกได้ถึงปัญหาผิวที่เปลี่ยนไป ทั้งหน้าแห้งตึง ลอกเป็นขุย แต่งหน้าไม่ติด หรือบางวันก็มองกระจกแล้วรู้สึกว่า “ทำไมผิวเราดูโทรมจัง”
จริง ๆ แล้ว ผิวแห้ง ไม่ใช่แค่เรื่องของผิวภายนอกเท่านั้น แต่เป็นสัญญาณที่บอกว่าผิวของเรากำลังต้องการการดูแลแบบลึกกว่านั้น
แล้วอะไรเป็นตัวการที่ทำให้ผิวแห้ง? และเราจะฟื้นฟูผิวให้กลับมานุ่มชุ่มชื้นได้ยังไงบ้าง? เราพร้อมแชร์เคล็ดลับดี ๆ ที่ช่วยให้ผิวกลับมาดูสุขภาพดี แบบไม่ต้องพึ่งฟิลเตอร์เลยค่ะ
ผิวแห้งกร้าน คืออะไร?
ผิวแห้ง (Dry Skin) คือ สภาพผิวที่ผลิตน้ำมันตามธรรมชาติได้น้อยกว่าปกติ ส่งผลให้ผิวขาดความชุ่มชื้น ผิวจึงดูแห้งตึง หยาบกร้าน ลอกเป็นขุย หรือเกิดการระคายเคืองได้ง่ายกว่าสภาพผิวอื่น ๆ
คนที่มีผิวแห้งมักรู้สึกตึงผิวหลังล้างหน้า แต่งหน้าไม่ติด หรือเกิดริ้วรอยเล็ก ๆ ได้ง่ายแม้อายุยังน้อย ผิวประเภทนี้มักเกิดจากพันธุกรรม หรืออาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม เช่น อากาศเย็น แห้ง อยู่ในห้องแอร์นาน ๆ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่รุนแรงเกินไป
การดูแลผิวแห้งจึงไม่ใช่แค่การทาครีม แต่ต้องเติมความชุ่มชื้นให้ผิวในหลายระดับ ทั้งการเลือกสกินแคร์ที่เหมาะสม ไปจนถึงการปรับพฤติกรรมและเสริมความชุ่มชื้นจากภายในด้วยค่ะ
สาเหตุของผิวแห้ง… บางทีก็ไม่ได้มาจากแค่เรื่องครีมที่ใช้
หลายคนอาจสงสัยว่า… “ทำไมผิวถึงแห้ง ทั้งที่เราก็ดูแลผิวดีอยู่แล้ว?” ความจริงคือ ผิวแห้งอาจเกิดจากหลายปัจจัยรวมกันเลยค่ะ ไม่ใช่แค่จากภายนอก แต่ยังรวมถึงพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราอาจมองข้ามไปในชีวิตประจำวันด้วย มาลองเช็กกันทีละข้อว่ามีอะไรบ้างที่อาจเป็นสาเหตุของผิวแห้งของเรา
• พันธุกรรม ผิวแห้งติดตัวมาตั้งแต่เกิด
บางคนมีผิวแห้งเป็นพื้นฐาน เพราะต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันได้น้อยกว่าคนอื่น เลยทำให้ผิวไม่ค่อยมีตัวช่วยเคลือบและรักษาความชุ่มชื้น
• อายุที่เพิ่มขึ้น พออายุมากขึ้น ผิวก็เริ่มเปลี่ยน
เมื่อเราเข้าสู่เลข 3 หรือเลข 4 ขึ้นไป ผิวจะเริ่มผลิตน้ำมันน้อยลง แถมคอลลาเจนและอิลาสตินที่เคยทำให้ผิวเด้งก็ลดลงไปด้วย ผลคือผิวแห้งง่ายขึ้น ดูไม่สดใสเหมือนเดิม
• สภาพแวดล้อม แอร์ก็รัก แต่ผิวไม่ค่อยรักเราเท่าไหร่
ไม่ว่าจะเป็นอากาศแห้ง ช่วงหน้าหนาว หรืออยู่ในห้องแอร์ทั้งวัน ล้วนเป็นตัวการดูดความชุ่มชื้นจากผิวเราไปแบบไม่รู้ตัว ใครที่ต้องทำงานในห้องแอร์ทั้งวัน ผิวอาจจะแห้งลอกโดยไม่รู้สึกตัวเลยค่ะ
• การอาบน้ำอุ่น อุ่นเกินไปก็พังได้
การอาบน้ำอุ่นฟังดูสบายสุด ๆ แต่รู้ไหมว่าน้ำร้อนจะชะล้างไขมันธรรมชาติที่เคลือบผิวเราออกไป ทำให้ผิวแห้งและตึงขึ้นทันทีหลังอาบน้ำเลยล่ะ
• สกินแคร์บางตัว ใช้ผิดชีวิตเปลี่ยน
สบู่หรือโฟมล้างหน้าที่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารทำความสะอาดรุนแรง อาจทำลายเกราะป้องกันผิวโดยไม่รู้ตัว ยิ่งใช้ ผิวยิ่งแห้ง ยิ่งระคายเคืองง่าย
• ขัดผิวบ่อยเกินไป ผลัดเซลล์ผิวดี… แต่ถ้าบ่อยไปก็ไม่โอ
การสครับผิวอาทิตย์ละ 1–2 ครั้งถือว่าพอดี แต่ถ้าทำบ่อยกว่านั้นอาจเป็นการรบกวนผิว ทำให้ผิวบางลง แห้งลง และอาจระคายเคืองได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
• พฤติกรรมประจำวัน ดื่มน้ำน้อย นอนน้อย ผิวก็แห้งง่าย
การดื่มน้ำน้อย พักผ่อนไม่พอ หรือมีความเครียดสะสม ล้วนส่งผลให้ผิวแห้งลงเรื่อย ๆ แบบไม่รู้ตัว บางคนดูแลภายนอกดีมาก แต่ละเลยข้างใน ก็ยังมีผิวแห้งเหมือนเดิม
• โรคบางอย่างหรือยาบางชนิด
บางคนมีโรคผิวหนัง เช่น ภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis) หรือกินยาบางชนิด เช่น ยาลดสิว ยาลดความดัน ก็อาจมีผลข้างเคียงทำให้ผิวแห้งเป็นพิเศษ
ผิวแห้งดูแลได้ วิธีฟื้นฟูผิวให้นุ่ม ชุ่มชื้นอย่างเป็นธรรมชาติ
จริง ๆ แล้วการดูแลผิวแห้งไม่จำเป็นต้องซับซ้อนหรือแพงเสมอไป บางทีแค่เรา “เข้าใจผิวตัวเอง” และเลือกวิธีดูแลให้ถูกจุด ผิวก็สามารถกลับมาชุ่มชื้น ดูเนียนใสได้เหมือนเดิมเลยล่ะ มาดูกันว่าในชีวิตประจำวัน เราจะเริ่มดูแลผิวแห้งของเราได้ยังไงบ้าง
• เลือกคลีนเซอร์อ่อนโยน ไม่ทำลายน้ำมันผิว
การล้างหน้าถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก เพราะถ้าคลีนเซอร์แรงเกินไป มันจะไปล้างเอาน้ำมันธรรมชาติที่ผิวเรามีอยู่ดี ๆ ออกหมด
แนะนำว่าให้ใช้ เจลหรือครีมล้างหน้าที่เป็น pH-balanced (ไม่ทำให้ผิวแห้งตึงหลังล้าง) และหลีกเลี่ยงโฟมล้างหน้าที่ฟองเยอะ ๆ หรือมีแอลกอฮอล์ เพราะพวกนี้จะทำให้ผิวแห้งลงอีกแบบไม่รู้ตัวเลย
• เติมความชุ่มชื้นทันทีหลังล้างหน้า
ข้อนี้หลายคนพลาดเลยค่ะ! หลังจากล้างหน้าเสร็จ อย่ารอให้หน้าแห้งสนิทก่อนค่อยทาครีมนะ เพราะความชุ่มชื้นในผิวจะระเหยออกเร็วมากหลังล้างหน้า ให้รีบทาครีม/มอยเจอร์ไรเซอร์ใน 3 นาทีแรก หลังซับหน้าเสร็จทันที เลือกเป็นเนื้อ ครีมหรือบาล์ม สำหรับคนผิวแห้งโดยเฉพาะ เพื่อเติมความชุ่มชื้นลึก ๆ และเคลือบผิวไม่ให้สูญเสียน้ำอีก
• เติมน้ำให้ผิวจากภายใน
ผิวชุ่มชื้นจากข้างนอกก็ว่าแน่ แต่ถ้าข้างในแห้ง… ยังไงผิวก็ยังดูไม่สดใสอยู่ดีค่ะ ลองหันมาใส่ใจการดื่มน้ำให้มากขึ้น อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว (หรือมากกว่านั้นถ้าออกแดดหรือออกกำลังกาย)
ส่วนอาหารก็ช่วยได้นะ เช่น
- โอเมก้า 3 จากปลาแซลมอน ถั่ววอลนัท
- วิตามิน E จากอโวคาโด เมล็ดทานตะวัน
ทั้งหมดนี้ช่วยให้ผิวอุ้มน้ำได้ดีขึ้นแบบที่เรารู้สึกได้จริง ๆ
• เพิ่มชั้นป้องกันผิวด้วยออยล์บำรุง
หลายคนกลัวออยล์เพราะคิดว่าจะทำให้หน้ามัน แต่สำหรับคนผิวแห้ง ออยล์คือตัวช่วยที่เวิร์กมาก! เพราะออยล์จะช่วยล็อกความชุ่มชื้นจากมอยเจอร์ไรเซอร์ไว้ และเสริมเกราะผิวให้แข็งแรงขึ้นอีกชั้น
แนะนำออยล์ธรรมชาติที่เบา ไม่อุดตัน เช่น
- Rosehip Oil ช่วยให้ผิวกระจ่างใสและลดรอยแห้งลอก
- Squalane เบาสบาย เหมาะกับผิวแพ้ง่าย
- Jojoba Oil คล้ายไขมันธรรมชาติของผิว
ใช้นิดเดียวหลังลงครีมตอนกลางคืน บอกเลยว่าตื่นมาหน้าเนียนนุ่มแบบไม่ต้องพึ่งมาส์กเลยค่ะ
• ใช้มาส์กหน้าเพื่อกู้ผิวเร่งด่วน
บางวันผิวมันก็เหนื่อยมากจริง ๆ แบบแต่งหน้ายังไงก็ไม่ติด ช่วงแบบนี้การ มาส์กหน้า คือวิธีรีเซ็ตผิวแบบด่วน ๆ เลย
เลือกแบบที่ชุ่มชื้นล้ำลึก เช่น
- มาส์กเนื้อครีม สำหรับใช้ตอนกลางคืน
- แผ่นมาส์ก ที่มีเซรั่มเข้มข้น
- Sleeping Mask ที่ทาก่อนนอนและล้างออกตอนเช้า
ใช้สัปดาห์ละ 2–3 ครั้งก็ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำขึ้นได้แบบรู้สึกได้
เมื่อครีมยังไม่พอ... ก็ถึงเวลาที่ผิวเราต้องการ ‘ตัวช่วยที่ลึกกว่า’
บางทีเราก็ทาครีมทุกวัน ดื่มน้ำเยอะ พักผ่อนก็แล้ว แต่ผิวยังดูแห้ง หมอง ลอกง่าย หรือเริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ โผล่มาแบบไม่ทันตั้งตัว ในกรณีแบบนี้ แสดงว่าผิวเรากำลังต้องการ “การดูแลจากภายใน”
ซึ่งก็คือการใช้โปรแกรม Skin Booster ตัวช่วยที่เข้าไปฟื้นฟูผิวลึก ๆ ที่ครีมไปไม่ถึง จะเรียกว่าเป็น ‘วิตามินผิวเข้มข้น’ ก็ไม่ผิดเลยค่ะ
และนี่คือ 4 โปรแกรมที่กำลังมาแรงมากตอนนี้ บอกเลยว่าแต่ละตัวมีจุดเด่นต่างกันไป แล้วก็เหมาะกับผิวแห้งในแต่ละแบบด้วย
1. โปรแกรม Belotero Revive – ผิวขาดน้ำ ต้องการฟื้นฟูเร่งด่วน
ถ้าใครรู้สึกว่าผิวหมองคล้ำ ลอกง่าย หรือดูแห้งโทรมจนไม่มั่นใจ โปรแกรม Belotero Revive เป็นเหมือนตัว “รีสตาร์ทผิว” ได้เลย
จุดเด่นของโปรแกรม Belotero Revive คือ
- มี Hyaluronic Acid + Glycerol เติมความชุ่มชื้นขั้นสุด
- ผิวดูอิ่มน้ำทันทีหลังทำแบบ Glass Skin
- ช่วยให้ผิวเนียนละเอียดขึ้น แต่งหน้าติดขึ้นจริง ๆ
เหมาะกับ คนผิวขาดน้ำเรื้อรัง ผิวดูไม่สดใส หรือเริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ เพราะผิวแห้งสะสม
โปรแกรม Belotero Revive คืออะไร2. โปรแกรม All Skin Booster สำหรับคนผิวแห้งหลายมิติ
บางคนมีผิวแห้งลึก + หมอง + ขาดความกระจ่างใสในเวลาเดียวกัน โปรแกรม All Skin Booster ถูกออกแบบมาเพื่อเติมเต็มผิวแบบ “รอบด้าน” เลยค่ะ
จุดเด่นของโปรแกรม Skin Booster คือ
- รวมวิตามินมากกว่า 50 ชนิด เช่น ไฮยาลูรอนิก แอซิด วิตามิน หรือสารกระตุ้นคอลลาเจน
- ช่วยทั้งชุ่มชื้น, ลดจุดด่างดำ, เพิ่มความแข็งแรงให้ผิว
- เห็นผลชัดเจนในเรื่องผิวเนียนใส ดูสุขภาพดีจากภายใน
เหมาะกับผิวแห้งที่มาพร้อมปัญหาอื่น ๆ เช่น รอยสิว สีผิวไม่สม่ำเสมอ หรือผิวขาดการบำรุงมานาน
โปรแกรม Skin Booster คืออะไร3. โปรแกรม Profhilo เติมความยืดหยุ่นให้ผิวที่เริ่มอ่อนแรง
สำหรับใครที่อายุเริ่มเข้าเลข 3 เลข 4 แล้วรู้สึกว่าผิวเริ่มบาง ไม่กระชับ โปรแกรม Profhilo คือหนึ่งใน Skin Booster ที่เน้นฟื้นฟูโครงสร้างผิวโดยเฉพาะเลยค่ะ
จุดเด่นของโปรแกรม Profhilo คือ
- ใช้ Hyaluronic Acid 2 โมเลกุล ช่วยทั้งชุ่มชื้นและยืดหยุ่น
- กระตุ้นการสร้าง คอลลาเจน และอิลาสติน อย่างเป็นธรรมชาติ
- ผิวดูแน่น อิ่มฟูขึ้น ริ้วรอยเล็ก ๆ ดูจางลง
เหมาะกับ ผิวแห้งในวัย 30–50 ปี ที่เริ่มมีความหย่อนคล้อย หรือผิวขาดความแน่นเฟิร์ม
โปรแกรม Profhilo คืออะไร4. โปรแกรม Radiesse ผิวแห้งลึก เริ่มหย่อน ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว
โปรแกรม Radiesse ไม่ใช่แค่เติมน้ำให้ผิว แต่ช่วยปลุกผิวให้สร้างคอลลาเจนเอง เรียกได้ว่าเป็นตัวแม่ของการสร้างผิวใหม่เลยก็ว่าได้ค่ะ
จุดเด่นของโปรแกรม Radiesse คือ
- มีส่วนผสมของ Calcium Hydroxyapatite กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนยาวนาน
- ฟื้นฟูผิวให้ดูแน่น แข็งแรง มีวอลุ่มแบบธรรมชาติ
- เหมาะทั้งผิวหน้า คอ มือ หรือบริเวณที่ผิวบางมาก
เหมาะกับ ผิวแห้ง ผิวบาง เริ่มมีร่องลึก ต้องการผลลัพธ์ที่อยู่ได้นาน และดูเป็นธรรมชาติ
Radiesses คืออะไรอยากดูแลผิวแบบตรงจุด ลองปรึกษาแพทย์
เพราะผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ใครเหมาะกับตัวไหน ต้องให้คุณหมอดูสภาพผิวจริง ๆ ก่อนเสมอ แต่บอกเลยว่าถ้าได้ลองตัวที่ใช่ ผิวแห้ง ๆ ที่เคยกวนใจก็จะกลายเป็นผิวอิ่มน้ำ นุ่มแน่นแบบสุขภาพดีจากข้างในเลยค่ะ
รัตตินันท์ คลินิก ให้บริการด้านความงามและการรักษา โดยทีมแพทย์เฉพาะทางระดับอาจารย์หลากหลายสาขา ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีความปลอดภัยสูงและเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ได้รับรองมาตรฐานจาก AACI สหรัฐอเมริกา ด้านศูนย์ศัลยกรรมผู้ป่วยนอกแห่งแรกในเอเชียแปซิฟิก 2 ปีซ้อน รวมถึงรางวัลจาก WhatClinic ด้านบริการลูกค้ายอดเยี่ยมระดับสากล เป็นปีที่4 จากลูกค้ากว่า 30 ประเทศทั่วโลก ที่ให้ความไว้วางใจและใช้บริการอย่างต่อเนื่อง