ใส่บอลลูน ในกระเพาะอาหาร แบบส่องกล้อง ลดน้ำหนักปลอดภัยไม่ผ่าตัด

ใส่บอลลูน ในกระเพาะอาหาร แบบส่องกล้อง ลดน้ำหนักปลอดภัยไม่ผ่าตัด

สารบัญ

ใส่บอลลูน ในกระเพาะอาหาร แบบส่องกล้อง เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักโดยไม่ต้องผ่าตัด การใส่บอลลูน ช่วยลดความอยากอาหารและสนับสนุนการควบคุมน้ำหนักอย่างยั่งยืน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยทีมแพทย์ของ รัตตินันท์ คลินิก คุณจะได้รับการดูแลอย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

ใส่บอลลูน ในกระเพาะอาหาร คืออะไร?

ใส่บอลลูน ในกระเพาะอาหาร (Intragastric Balloon) เป็นวิธีลดน้ำหนักที่ไม่ต้องผ่าตัด โดยการนำบอลลูนซิลิโคนที่ปลอดภัยเข้าไปในกระเพาะอาหารผ่านกระบวนการส่องกล้อง บอลลูนนี้จะถูกเติมด้วยน้ำเกลือหรือสารละลายเฉพาะ ทำให้เกิดพื้นที่ในกระเพาะที่จำกัด ส่งผลให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและบริโภคอาหารได้น้อยลง

การใส่บอลลูน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักเกิน และต้องการตัวช่วยที่ปลอดภัยและได้ผลในระยะสั้น (4–12 เดือน ขึ้นอยู่กับประเภทบอลลูน) โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือใช้ยา การรักษานี้ยังช่วยสร้างนิสัยการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน

ในกระบวนการนี้ ทีมแพทย์จะประเมินสุขภาพของผู้เข้ารับบริการและเลือกประเภทบอลลูนที่เหมาะสม เพื่อให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล พร้อมทั้งวางแผนการดูแลต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน

ประเภทของบอลลูนในกระเพาะอาหาร

ในปัจจุบัน การ ใส่บอลลูน ในกระเพาะอาหาร (Intragastric Balloon) มีหลายประเภทให้เลือก โดยแต่ละแบบมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของผู้ป่วยแต่ละราย ที่ รัตตินันท์ คลินิก มีการใช้บอลลูนที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน FDA เช่น Spatz, Orbera, และ Allurion โดยมีรายละเอียดดังนี้

ชนิดบอลลูน คุณสมบัติเด่น ข้อดี ข้อเสีย
Spatz ปรับขนาดได้, อยู่ได้นาน 12 เดือน ปรับตามการตอบสนองของร่างกาย, ลดได้นานและต่อเนื่อง ต้องส่องกล้องทั้งใส่และถอด, ดูแลซับซ้อนกว่าชนิดอื่น
Orbera ได้รับรองจาก US และ Thai FDA, อยู่ได้นาน เห็นผลชัด, ลดได้ 10-15% ของน้ำหนักตัว ต้องถอดหลัง 12 เดือน, อาจไม่สบายช่วงแรก
Allurion กลืนได้เอง ไม่ต้องส่องกล้อง ติดตั้งง่าย, ไม่ต้องวางยาสลบหรือผ่าตัด อยู่ในร่างกายได้เพียง 4 เดือน, เหมาะกับการลดน้ำหนักระดับปานกลาง
ประเภทของบอลลูนในกระเพาะอาหาร

คุณสมบัติ

  • เป็นบอลลูนที่สามารถปรับขนาดได้ระหว่างการรักษา ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการควบคุมปริมาณอาหารที่บริโภค
  • ใช้งานได้นานถึง 12 เดือน ซึ่งถือว่านานที่สุดเมื่อเทียบกับบอลลูนชนิดอื่น

ข้อดี

  • ผู้ป่วยสามารถลดน้ำหนักได้ต่อเนื่องเพราะปรับขนาดตามความต้องการ
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักจำนวนมากหรือต้องการผลลัพธ์ในระยะยาว

ข้อเสีย

  • ต้องใช้การส่องกล้องทั้งในขั้นตอนการใส่และการถอด
  • มีความซับซ้อนในการดูแลมากกว่าแบบอื่น

คุณสมบัติ

  • เป็นบอลลูนที่ได้รับการรับรองจาก US FDA และ Thai FDA
  • ใช้งานได้สูงสุด 12 เดือน และเป็นประเภทที่นิยมใช้ทั่วโลก

ข้อดี

  • ประสิทธิภาพสูง ช่วยลดน้ำหนักได้ประมาณ 10-15% ของน้ำหนักตัว
  • ใช้การส่องกล้องเพื่อความแม่นยำในกระบวนการติดตั้ง

ข้อเสีย

  • บอลลูนจะถูกถอดออกหลังครบ 12 เดือน ทำให้ต้องรักษาด้วยวิธีอื่นต่อเพื่อคงผลลัพธ์
  • อาจเกิดอาการไม่สบายในช่วงแรกหลังการใส่

คุณสมบัติ

  • เป็นบอลลูนที่ผู้ป่วยสามารถกลืนเองได้โดยไม่ต้องส่องกล้องหรือวางยาสลบ
  • บอลลูนจะอยู่ในร่างกายประมาณ 4 เดือน ก่อนที่จะสลายไปเองตามธรรมชาติ

ข้อดี

  • เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวการส่องกล้องหรือการผ่าตัด
  • กระบวนการติดตั้งรวดเร็ว ไม่ซับซ้อน

ข้อเสีย

  • ระยะเวลาใช้งานสั้นกว่าบอลลูนชนิดอื่น
  • อาจเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักในปริมาณปานกลางเท่านั้น

เลือกประเภทบอลลูนอย่างไร ให้เหมาะกับคุณ?

ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องผ่าตัด การใส่บอลลูนช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็ว กินได้น้อยลง ส่งผลให้น้ำหนักลดลงอย่างเป็นธรรมชาติ แต่สิ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้คือ “บอลลูนลดน้ำหนักมีหลายประเภท” และการเลือกให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลนั้นมีผลต่อทั้งผลลัพธ์ ความสะดวก และค่าใช้จ่ายในระยะยาว

เพราะฉะนั้น การเลือกประเภทบอลลูนจึงควรพิจารณาจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ เป้าหมายในการลดน้ำหนัก งบประมาณ และความสะดวกของผู้เข้ารับบริการ

แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกบอลลูนที่เหมาะสมไม่ควรยึดจากเพียงแค่ราคา หรือความสะดวกอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ควรมองในภาพรวมว่า แบบไหนตอบโจทย์เป้าหมายการลดน้ำหนักของคุณได้ดีที่สุดในระยะยาว และสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพที่ยั่งยืนได้หรือไม่ การปรึกษาแพทย์จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยที่สุด

ทำไมต้องเลือก Orbera ที่ Rattinan Clinic


ที่ รัตตินันท์ คลินิก การใส่บอลลูน Orbera จะดำเนินการโดยศัลยแพทย์ เช่น นพ. ปณต ยิ้มเจริญ หรือ นพ. เสรษฐสิริ พันธุ์ธนากุล พร้อมด้วยอุปกรณ์การส่องกล้องที่ทันสมัยและมาตรฐานระดับสากล ผู้ป่วยจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ขั้นตอนการประเมินสุขภาพ การใส่บอลลูน ไปจนถึงการดูแลหลังการรักษา เพื่อผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและยั่งยืน

ทำไมต้อง Orbera

Orbera ไม่ได้เป็นเพียงตัวช่วยลดน้ำหนัก แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสุขภาพที่ดีในระยะยาว ใครที่มองหาวิธีลดน้ำหนักแบบปลอดภัยและได้ผลอย่างเป็นธรรมชาติ Orbera คือคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ

การ ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร เหมาะกับใคร?


การ ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร (Intragastric Balloon) เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักเกิน หรือโรคอ้วนที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องผ่าตัด อย่างไรก็ตาม การรักษานี้ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน และต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยผู้ที่เหมาะสมกับการใส่บอลลูนมีลักษณะดังนี้

1. ผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ในช่วง 27–35

การใส่บอลลูนเหมาะกับผู้ที่มี BMI ในระดับน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนระดับปานกลาง และยังไม่ถึงขั้นที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดลดน้ำหนัก เช่น Gastric Bypass หรือ Sleeve Gastrectomy

2. ผู้ที่พยายามลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นแล้วไม่สำเร็จ

สำหรับผู้ที่เคยลองควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย หรือใช้ยาลดน้ำหนัก แต่ยังไม่สามารถลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมาย บอลลูนในกระเพาะอาหารเป็นตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่อง

3. ผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการผ่าตัด

ใครก็ตามที่กลัวการผ่าตัดใหญ่และต้องการวิธีลดน้ำหนักที่ปลอดภัยและไม่รุกรานร่างกาย การใส่บอลลูนเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะไม่ต้องผ่านการผ่าตัดและไม่ทำให้เกิดแผล

4. ผู้ที่ไม่มีปัญหาสุขภาพร้ายแรงที่เป็นข้อห้าม

ผู้ที่เหมาะสมต้องมีสุขภาพทั่วไปที่ดี ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคกรดไหลย้อนขั้นรุนแรง แผลในกระเพาะอาหาร หรือเคยผ่าตัดในระบบทางเดินอาหารที่อาจส่งผลต่อการใส่บอลลูน

5. ผู้ที่มุ่งมั่นในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต

การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารไม่ได้ให้ผลลัพธ์แบบถาวร หากผู้ป่วยไม่ปรับพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกาย การรักษานี้เหมาะสำหรับผู้ที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ควบคู่กับการได้รับคำแนะนำจากทีมผู้เชี่ยวชาญ

ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการ ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร?

  • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น แผลในกระเพาะอาหาร
  • ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีประวัติเคยแพ้ซิลิโคนหรือวัสดุที่ใช้ในบอลลูน

ทำไมต้องปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ?

การ ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร ต้องผ่านการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยเหมาะสมกับการรักษา และเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยที่ รัตตินันท์ คลินิก ทีมแพทย์จะช่วยประเมินสุขภาพ วางแผนการรักษา และดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

Please enable JavaScript in your browser to complete this form.
ส่องกล้องใส่บอลลูน ในกระเพาะอาหาร

ขั้นตอนการ ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร ที่ รัตตินันท์

ที่ รัตตินันท์ คลินิก การ ใส่บอลลูน ในกระเพาะอาหาร (Intragastric Balloon) เป็นกระบวนการที่ปลอดภัยและดำเนินการโดยศัลยแพทย์ เช่น นพ. ปณต ยิ้มเจริญ และ นพ. เสรษฐสิริ พันธุ์ธนากุล ด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัยและผ่านมาตรฐาน และนี่คือขั้นตอนการใส่บอลลูนตั้งแต่เริ่มต้นจนจบกระบวนการ

ก่อนเริ่มการรักษา แพทย์จะทำการประเมินสุขภาพอย่างละเอียด เพื่อพิจารณาว่าการใส่บอลลูนเหมาะสมกับผู้เข้ารับบริการหรือไม่ โดยจะมีการตรวจสอบประวัติสุขภาพ เช่น

  • ดัชนีมวลกาย (BMI)
  • ปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้อง เช่น โรคกรดไหลย้อน หรือ โรคกระเพาะอาหาร
  • เป้าหมายการลดน้ำหนัก

ในขั้นตอนนี้ แพทย์จะแนะนำประเภทบอลลูนที่เหมาะสม และอธิบายรายละเอียดของกระบวนการรักษาอย่างครบถ้วน

ผู้เข้ารับบริการต้องเตรียมตัวตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น

  • งดอาหารและเครื่องดื่มก่อนเข้ารับการใส่บอลลูนเป็นเวลา 6–12 ชั่วโมง
  • รับประทานยาหรือทำการตรวจเพิ่มเติม (เช่น การตรวจเลือด) หากแพทย์แนะนำ
  • ทำความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการและผลลัพธ์ที่คาดหวัง

กระบวนการใส่บอลลูนจะดำเนินการโดยใช้วิธีการที่ปลอดภัยและไม่ซับซ้อน คือ การส่องกล้อง (Endoscopy) โดยเหมาะกับบอลลูนประเภท Orbera ซึ่งจะถูกใส่เข้าไปในกระเพาะอาหารโดยใช้กล้องส่องผ่านทางปาก กระบวนการนี้ใช้เวลาประมาณ 20–30 นาที

เมื่อบอลลูนอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม แพทย์จะเติมน้ำเกลือหรือสารละลายเข้าไปในบอลลูนระหว่างกระบวนการ ผู้ป่วยจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยศัลยแพทย์และพยาบาลค่ะ

หลังการใส่บอลลูน ผู้เข้ารับบริการอาจมีอาการไม่สบาย เช่น คลื่นไส้หรือปวดท้องเล็กน้อยในช่วง 2–3 วันแรก ซึ่งแพทย์จะให้คำแนะนำและจ่ายยาบรรเทาอาการตามความเหมาะสม

แพทย์จะนัดติดตามผลและดูแลอย่างใกล้ชิด ดังนี้

  • การปรับอาหารในช่วงแรก โดยเริ่มจากอาหารเหลวและค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นอาหารปกติ
  • การเข้าพบนักโภชนาการเพื่อปรับแผนการรับประทานอาหาร
  • การตรวจติดตามน้ำหนักและสุขภาพตามกำหนด

เมื่อครบระยะเวลาการใช้งาน (12 เดือน) แพทย์จะนัดหมาย เพื่อทำการถอดบอลลูนผ่านการส่องกล้องอีกครั้ง โดยกระบวนการนี้ใช้เวลาไม่นานและปลอดภัย

หลังจากการถอดบอลลูนหรือบอลลูนสลายตัว แพทย์และพยาบาลที่ รัตตินันท์ จะยังคงดูแลผู้เข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถรักษาน้ำหนักที่ลดลงได้ในระยะยาว โดยจะเน้น

  • การสร้างพฤติกรรมการกินที่ดี
  • การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • การให้คำปรึกษาเพื่อป้องกันน้ำหนักกลับมาเพิ่ม

ใส่บอลลูน ในกระเพาะอาหาร ช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไร?

การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร เป็นวิธีลดน้ำหนักแบบไม่ต้องผ่าตัดที่ปลอดภัย หลักการทำงานของบอลลูนนั้นเรียบง่าย โดยอาศัยการเพิ่มพื้นที่ในกระเพาะอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น กินได้น้อยลงในแต่ละมื้อ ช่วยควบคุมปริมาณอาหารและลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ต่อไปนี้ คือ วิธีการทำงานของบอลลูน และเหตุผลที่ทำให้วิธีนี้กลายเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักโดยไม่ต้องผ่าตัด

1. ลดพื้นที่ในกระเพาะอาหาร

เมื่อใส่บอลลูนเข้าไปในกระเพาะอาหาร แพทย์จะเติมน้ำเกลือหรือสารละลายเข้าไปในบอลลูน เพื่อให้มันขยายตัวและเข้าไปแทนที่บางส่วนของพื้นที่ในกระเพาะ โดยทั่วไปบอลลูนจะมีขนาดประมาณ 400–700 มิลลิลิตร ส่งผลให้กระเพาะอาหารมีพื้นที่เหลือสำหรับอาหารน้อยลง ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น แม้จะกินอาหารเพียงเล็กน้อย ช่วยควบคุมปริมาณการกินในแต่ละมื้อได้

2. ลดความอยากอาหาร

บอลลูนในกระเพาะอาหารจะกระตุ้นให้สมองส่งสัญญาณความอิ่มผ่านเส้นประสาทในระบบทางเดินอาหาร (Vagus Nerve) เมื่อบอลลูนเติมเต็มพื้นที่ในกระเพาะอาหาร ผู้เข้ารับบริการจะรู้สึกอิ่มนานขึ้น ลดความอยากอาหาร และควบคุมการกินอาหารระหว่างมื้อได้ดีขึ้น

3. สนับสนุนการควบคุมพฤติกรรมการกิน

ระหว่างที่บอลลูนอยู่ในกระเพาะอาหาร (4-12 เดือน ขึ้นอยู่กับประเภทบอลลูน) ผู้เข้ารับบริการจะมีโอกาสฝึกพฤติกรรมการรับประทานอาหารใหม่ที่ดีต่อสุขภาพ เช่น

  • ลดการกินอาหารที่มีแคลอรีสูง
  • หลีกเลี่ยงการกินเกินพอดี
  • ปรับสมดุลอาหารที่รับประทานในแต่ละมื้อ

ด้วยการปรับพฤติกรรมการกินนี้ เมื่อถอดบอลลูนออกจึงมีโอกาสรักษาน้ำหนักที่ลดลงได้ในระยะยาว

4. ช่วยลดน้ำหนักในระยะเวลาสั้น

การใส่บอลลูนสามารถลดน้ำหนักได้เร็ว โดยเฉลี่ยสามารถลดน้ำหนักได้ 10-15% ของน้ำหนักตัว ภายใน 6 เดือนถึง 1 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของบอลลูนและความร่วมมือของผู้เข้ารับบริการในการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์

5. เสริมด้วยทีมสนับสนุนการลดน้ำหนัก

ที่ รัตตินันท์ การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารไม่ได้เป็นเพียงการใส่อุปกรณ์เท่านั้น แต่ยังมีการดูแลและสนับสนุนโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ เช่น

  • นักโภชนาการ ช่วยออกแบบแผนการกินอาหารที่เหมาะสม
  • แพทย์ผู้ชำนาญการด้านผ่าตัดกระเพาะ เพื่อติดตามผลน้ำหนักและสุขภาพอย่างต่อเนื่อง

เหมาะสำหรับใครที่ต้องการตัวช่วยที่ปลอดภัย

การ ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร เป็นวิธีลดน้ำหนักที่เหมาะกับผู้ที่มี BMI อยู่ในช่วง 27-35 และต้องการลดน้ำหนักโดยไม่ต้องผ่าตัด อีกทั้งยังเหมาะกับผู้ที่พร้อมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อรักษาผลลัพธ์ในระยะยาว

เปรียบเทียบการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารกับวิธีลดน้ำหนักอื่น ๆ

การลดน้ำหนัก มีหลากหลายวิธีที่เหมาะสมกับความต้องการและสภาวะสุขภาพของแต่ละคน ตั้งแต่การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย ไปจนถึงการใช้เทคนิคทางการแพทย์ เช่น การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร (Intragastric Balloon) และการผ่าตัดลดน้ำหนัก

ต่อไปนี้ เป็นการเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสีย ของการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร กับวิธีอื่น ๆ เพื่อช่วยให้เลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุด

วิธีลดน้ำหนัก ข้อดี ข้อเสีย
ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร ไม่ต้องผ่าตัด, ฟื้นตัวเร็ว, ลดน้ำหนักได้ผลดี ใช้ได้ช่วงเวลาจำกัด ต้องปรับพฤติกรรมการกิน
ควบคุมอาหาร + ออกกำลังกาย ยั่งยืน, ปลอดภัย ใช้เวลานาน ต้องมีวินัยสูง
ใช้ยาลดน้ำหนัก สะดวก, เห็นผลเร็ว มีผลข้างเคียง อาจไม่ยั่งยืน
ผ่าตัดลดน้ำหนัก ลดได้มากและเร็ว เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน, ค่าใช้จ่ายสูง
บอลลูนแบบกลืน (ไม่ต้องส่องกล้อง) ง่าย สะดวก ไม่ต้องผ่าตัด ใช้งานได้เพียง 4 เดือน, ลดได้น้อยกว่า

การ ใส่บอลลูน ในกระเพาะอาหาร เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักในระยะปานกลางถึงระยะสั้น โดยไม่ต้องการผ่าตัดหรือใช้ยา ทั้งนี้ การเลือกวิธีที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสภาวะสุขภาพ เป้าหมายการลดน้ำหนัก และคำแนะนำของแพทย์ ที่ รัตตินันท์ ศัลยแพทย์จะช่วยประเมินและเลือกแนวทางที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับคุณ

ทีมแพทย์ลดขนาดกระเพาะ

ที่ รัตตินันท์ คลินิก

นพ. ปณต ยิ้มเจริญ

นพ. ปณต ยิ้มเจริญ
ศัลยแพทย์

ผ่าตัดส่องกล้องทางเดินอาหารและการผ่าตัดลดน้ำหนัก

น.ท.นพ. เสรษฐสิริ พันธุ์ธนากุล

น.ท.นพ. เสรษฐสิริ พันธุ์ธนากุล
ศัลยแพทย์

ศัลยแพทย์ลดน้ำหนัก (ส่องกล้อง)

ร.อ.นพ. ดุษฎี สุรกิจบวร

ร.อ.นพ. ดุษฎี สุรกิจบวร
ศัลยแพทย์

ผ่าตัดส่องกล้องทางเดินอาหารและการผ่าตัดลดน้ำหนัก

นพ. กฤติน อู่สิริมณีชัย

นพ. กฤติน อู่สิริมณีชัย
อายุรแพทย์

โรคต่อมไร้ท่อและเมแทบอลิซึม

พญ. ณัฐกานต์ หุ่นธานี

พญ. ณัฐกานต์ หุ่นธานี
วิสัญญีแพทย์

การดมยาสำหรับผู้ป่วยโรคทางระบบประสาท

พญ. สุชาดา ประพฤติธรรม

พญ. สุชาดา ประพฤติธรรม
วิสัญญีแพทย์

การดมยาสำหรับการผ่าตัดโรคอ้วนและระบบประสาท

ใส่บอลลูน ในกระเพาะอาหาร ใช้เวลานานแค่ไหน?

การ ใส่บอลลูน ในกระเพาะอาหาร มีระยะเวลาการรักษาที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของบอลลูนที่เลือกใช้ โดยทั่วไป ระยะเวลาในการใส่บอลลูนแบ่งออกเป็น 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่ ระยะเวลาของกระบวนการติดตั้งบอลลูน, ระยะเวลาที่บอลลูนอยู่ในกระเพาะ, และ ระยะเวลาการติดตามผล ดังนี้

สำหรับบอลลูนแบบ Orbera และ Spatz

  • ใช้การส่องกล้อง (Endoscopy) เพื่อนำบอลลูนเข้าไปในกระเพาะอาหาร กระบวนการนี้ใช้เวลาเพียง 20-30 นาที โดยผู้เข้ารับการรักษาจะได้รับยาชาเฉพาะที่ หรือในบางกรณีอาจมีการให้ยาสลบเบา ๆ เพื่อความสะดวก

สำหรับบอลลูนแบบ Allurion

  • ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ผู้เข้ารับการรักษาสามารถกลืนแคปซูลที่มีบอลลูนอยู่ด้านในเอง โดยไม่ต้องส่องกล้องหรือวางยาสลบ

หลังจากการใส่บอลลูน ผู้เข้ารับการรักษาพักฟื้นที่คลินิกเพียง 1-2 ชั่วโมง หลังจากนั้นสามารถกลับบ้านได้

บอลลูน ในกระเพาะอาหาร มีระยะเวลาการใช้งานที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของบอลลูนที่เลือก

Spatz (Spatz Adjustable Balloon System)

ใช้งานได้นานถึง 12 เดือน เป็นบอลลูนชนิดปรับขนาดได้ระหว่างการรักษา เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลง

Orbera (Orbera Managed Weight Loss System)

ใช้งานได้นาน 12 เดือน เป็นระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน

Allurion (Allurion Balloon)

บอลลูนจะอยู่ในกระเพาะอาหารประมาณ 16 สัปดาห์ (4 เดือน) ก่อนที่บอลลูนจะสลายตัวเองและถูกขับออกจากร่างกายทางธรรมชาติ

หลังจากถอดบอลลูนออก (หรือบอลลูน Allurion สลายตัวเอง) ผู้เข้ารับบริการควรมีการติดตามผลต่อเนื่อง เพื่อรักษาน้ำหนักที่ลดลงและป้องกันน้ำหนักกลับมาเพิ่ม

  • การพบแพทย์หรือนักโภชนาการตามกำหนด เช่น ทุกเดือนหรือตามแผนที่วางไว้
  • การปรับแผนโภชนาการและพฤติกรรมการใช้ชีวิต เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืน

ค่าใช้จ่ายในการ ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร ที่รัตตินันท์ คลินิก

ที่ รัตตินันท์ คลินิก เราให้บริการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารด้วยมาตรฐานระดับ AACI ในราคาที่โปร่งใสและคุ้มค่า โดยค่าบริการเริ่มต้นสำหรับการรักษา รวมถึงการติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมแพทย์ มีรายละเอียดดังนี้

ค่าใส่บอลลูน ในกระเพาะอาหาร

เริ่มต้นที่ 140,000 บาท

ค่าบริการนี้ครอบคลุม

  • การประเมินสุขภาพและคำปรึกษาเบื้องต้นจากแพทย์
  • กระบวนการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร (รวมค่าใช้จ่ายด้านอุปกรณ์และการส่องกล้อง)
  • คำแนะนำด้านโภชนาการโดยนักโภชนาการที่มีประสบการณ์
  • การติดตามผลตลอดระยะเวลาที่บอลลูนอยู่ในกระเพาะ

2. ค่าถอดบอลลูนหรือเติมน้ำในบอลลูน

ค่าถอดบอลลูน 50,000 บาท

  • สำหรับบอลลูนที่ต้องถอดออก การถอดจะดำเนินการด้วยการส่องกล้องโดยศัลยแพทย์

3. ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม (ถ้ามี)

  • ค่าตรวจสุขภาพเบื้องต้น เช่น การตรวจเลือดหรือการตรวจเพิ่มเติมอื่น ๆ หากแพทย์พิจารณาว่าจำเป็น
  • ค่าอาหารเสริมหรือยาที่แพทย์แนะนำ เพื่อช่วยลดอาการไม่สบายในช่วงแรก

ความคุ้มค่าในการรักษาที่ รัตตินันท์


  • คุณจะได้รับการดูแลจากศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เช่น นพ. ปณต ยิ้มเจริญ หรือ นพ. เสรษฐสิริ พันธุ์ธนากุล ซึ่งมีประสบการณ์ในการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
  • การติดตามผลอย่างใกล้ชิดจากทั้งแพทย์และนักโภชนาการ เพื่อให้คุณบรรลุเป้าหมายในการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยและยั่งยืน

ทำไมต้องเลือก รัตตินันท์ สำหรับการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร?

รัตตินันท์ เป็นคลินิกที่มีความโดดเด่นด้านการลดน้ำหนักและการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร ด้วยประสบการณ์และมาตรฐาน AACI ทำให้เราเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับผู้ที่มองหาวิธีลดน้ำหนักที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และดูแลครบวงจร

1. ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่เชื่อถือได้

  • ดำเนินการโดยแพทย์เฉพาะทางที่มีชื่อเสียง เช่น นพ. ปณต ยิ้มเจริญ ศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการลดน้ำหนัก และ นพ. เสรษฐสิริ พันธุ์ธนากุล ศัลยแพทย์ด้านการผ่าตัดและลดน้ำหนักที่ได้รับการยอมรับ
  • ทีมงานมีประสบการณ์สูงในการใส่บอลลูนหลากหลายประเภท
  • มีเคสผู้เข้ารับการรักษาที่ประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักจำนวนมาก

2. มาตรฐานระดับสากลและเทคโนโลยีล้ำสมัย

  • ห้องผ่าตัดผ่านมาตรฐาน AACI, กระทรวงสาธารณสุขและมาตรฐาน ISO
  • อุปกรณ์ที่ใช้ เช่น กล้องส่องกระเพาะอาหาร และบอลลูนผ่านการรับรองจาก US FDA และ Thai FDA
  • การรักษาใช้วิธีที่ปลอดภัยและเป็นไปตามมาตรฐาน

3. การดูแลจนครบการรักษา

รัตตินันท์ คลินิก ให้การดูแลตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการติดตามผล โดยมีบริการดังนี้

  • การประเมินสุขภาพเบื้องต้น ตรวจสุขภาพอย่างละเอียดเพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด
  • การให้คำแนะนำด้านโภชนาการ นักโภชนาการที่เชี่ยวชาญจะช่วยออกแบบแผนการกินที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคน
  • การติดตามผลหลังการใส่บอลลูน มีการตรวจเช็กอย่างสม่ำเสมอเพื่อประเมินผลลัพธ์และปรับแผนการรักษาตามความเหมาะสม

4. บรรยากาศและบริการที่เป็นมิตร

  • คลินิกมีบรรยากาศที่สะอาด ทันสมัย และเป็นส่วนตัว ให้ความรู้สึกผ่อนคลายตลอดการรักษา
  • ทีมงานทุกคนพร้อมให้คำปรึกษาและดูแล เพื่อให้ผู้เข้ารับการรักษารู้สึกมั่นใจและสบายใจ

5. ผลลัพธ์ที่เชื่อถือได้

  • การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารที่ รัตตินันท์ คลินิก ช่วยให้ผู้เข้ารับการรักษาลดน้ำหนักได้เฉลี่ย 10-15% ของน้ำหนักตัว ภายใน 6-12 เดือน
  • มีผู้เข้ารับการรักษาจำนวนมากที่ประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักและเปลี่ยนแปลงสุขภาพในทางที่ดีขึ้น

6. ความโปร่งใสด้านค่าใช้จ่าย

  • ค่าใช้จ่ายสำหรับการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารเริ่มต้นที่ 140,000 บาท พร้อมการดูแลแบบครบ
  • ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น การถอดบอลลูน ได้รับการแจ้งอย่างชัดเจน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการ ใส่บอลลูน ในกระเพาะอาหาร

เหมาะสำหรับผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ในช่วง 27-35 และต้องการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยเฉพาะผู้ที่พยายามลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายแล้วไม่ได้ผล

การใส่บอลลูนไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดในระหว่างกระบวนการ เนื่องจากใช้ยาชาเฉพาะที่ หรือยาสลบเบา ๆ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เข้ารับบริการบางท่านอาจรู้สึกไม่สบาย เช่น คลื่นไส้หรือปวดท้องในช่วง 2-3 วันแรกหลังใส่บอลลูน ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถบรรเทาได้ด้วยยา

  • Spatz, Orbera ได้สูงสุด 12 เดือน
  • Allurion อยู่ในกระเพาะอาหารประมาณ 4 เดือนก่อนสลายตามธรรมชาติ

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ คลื่นไส้ ปวดท้อง หรืออาการไม่สบายในช่วงแรก ซึ่งมักหายไปภายในไม่กี่วัน หากเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น บอลลูนรั่ว (พบได้น้อยมาก) แพทย์สามารถถอดบอลลูนออกได้ทันที

ผู้เข้ารับบริการส่วนใหญ่ สามารถลดน้ำหนักได้ประมาณ 10-15% ของน้ำหนักตัว ภายในระยะเวลาที่บอลลูนอยู่ในกระเพาะ ทั้งนี้ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตามคำแนะนำด้านโภชนาการและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทาน

การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร เป็นวิธีที่ปลอดภัย เพราะดำเนินการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการผ่าตัดกระเพาะอาหาร และใช้บอลลูนที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน เช่น US FDA และ Thai FDA โดยที่ รัตตินันท์ คลินิก มีมาตรการดูแลที่ครอบคลุมทุกขั้นตอน

  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และนักโภชนาการ
  • รับประทานอาหารเหลวในช่วงแรกก่อนเปลี่ยนเป็นอาหารปกติ
  • เข้ารับการติดตามผลตามนัดหมายอย่างสม่ำเสมอ

ค่าบริการเริ่มต้นที่ 140,000 บาท รวมการดูแลก่อนและหลังการใส่บอลลูน ค่าถอดบอลลูนหรือการปรับน้ำในบอลลูน มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ประมาณ 50,000 บาท

สามารถทำซ้ำได้ หากแพทย์ประเมินว่าผู้เข้ารับบริการยังคงต้องการการรักษาเพิ่มเติม และร่างกายอยู่ในภาวะที่เหมาะสม

รัตตินันท์ คลินิก มีทีมแพทย์ในการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร พร้อมด้วยอุปกรณ์มาตรฐานและการดูแลผู้เข้ารับบริการ เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี

สรุป ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร คืออะไร?

การ ใส่บอลลูน ในกระเพาะอาหาร (Intragastric Balloon) เป็นวิธีลดน้ำหนักที่ปลอดภัย ไม่ต้องผ่าตัด และได้รับการยอมรับในระดับสากล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงของการผ่าตัดใหญ่ กระบวนการนี้ช่วยให้คุณปรับพฤติกรรมการกิน ลดความอยากอาหาร และควบคุมการบริโภคได้ดียิ่งขึ้น

ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยพร้อมด้วยทีมแพทย์ที่รัตตินันท์ คลินิก คุณจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดตั้งแต่การประเมินสุขภาพ การใส่บอลลูน ไปจนถึงการติดตามผลเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะบรรลุเป้าหมายการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยและยั่งยืน

หากคุณกำลังมองหาวิธีที่จะเปลี่ยนแปลงสุขภาพและสร้างชีวิตใหม่ที่เบาสบาย การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารอาจเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ

ติดต่อ รัตตินันท์ คลินิก วันนี้! เพื่อเริ่มต้นการเดินทางสู่สุขภาพที่ดีขึ้นและชีวิตที่สดใสกว่าเดิม