ปากกระจับ ในปัจจุบันทรงปากกระจับ หรือปากปีกนก ก็ยังคงเป็นที่นิยมสำหรับสาวๆ ที่ชอบให้ปากดูมีสเน่ห์น่าหลงใหล ดูสวยและเป็นธรรมชาติ ไม่หนา ไม่บางจนเกินไป ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับสาว ๆ ได้ การทำปากกระจับจะช่วยให้ใบหน้าดูหวาน มีมิติและเซ็กซี่ขึ้น ทำได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง
โดยเฉพาะผู้หญิงหรือผู้ชาย ที่มีปัญหาริมฝีปากปากหนา ปากใหญ่ หรือปากไม่เท่ากันบางครั้งก็เป็นปัญหาสำหรับหลายๆ คน เพราะสิ่งเหล่านี้ส่งผลให้เกิดความไม่มั่นใจในตัวเอง ซึ่งการศัลยกรรมปาก ปัจจุบันเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะทำให้ได้ทรงปากที่สวย ใบหน้าดูเด็กลงและอ่อนหวานมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเสริมโหงวเฮ้งให้กับคุณได้อีกด้วย
ในขณะที่ความชอบ และรสนิยมของคนมันไม่เหมือนกัน ดังนั้นในการที่จะทำปากกระจับออกมาให้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่บางเกินไป ดูสวยหวานละมุน และถูกใจเรานั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับเทคนิคของแพทย์แต่ละคน ก็ต้องดูให้ดี เลือกให้ดีว่าจะใช้วิธีไหน เพราะอาจไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะจะทำปากกระจับ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์ว่ารูปทรงปากเดิมเหมาะที่จะทำปากกระจับหรือไม่ ปากบางเกินไปหรือปากหนาอยู่แล้ว แพทย์จะช่วยประเมินว่าคนไข้ควรใช้การผ่าตัดไปเลย หรือเพียงแค่ฉีดฟิลเลอร์ปากก็เพียงพอแล้ว

Cr. https://www.bengtsoncenter.com/
สัดส่วนของริมฝีปากที่สวยงาม ปากควรมีความหนาพอประมาน โดยเฉพาะบริเวณเนื้อปากส่วนกลาง ควรมีความอวบอิ่ม ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดแต่งริมฝีปาก หรือการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มริมฝีปาก ก็ยึดสัดส่วนเดียวกัน และต้องดูสัดส่วนโดยรวมทั้งใบหน้า สัดส่วนของริมฝีปากต่อใบหน้าส่วนล่าง สุดท้ายสัดส่วนของริมฝีปากระหว่างปากบนต่อปากล่างที่เหมาะสมคือ 1:1.6-1.8
การทำ ปากกระจับ มีกี่วิธี?
การทำปากกระจับนั้น มีอยู่ 2 วิธี หลักๆ โดยแพทย์จะประเมินจากรูปทรงปากของคนไข้ ว่าเหมาะกับวิธีใด
- การผ่าตัดตกแต่งริมฝีปาก โดยวิธีนี้ จะเหมาะกับคนที่มีรูปทรงปากที่ค่อนข้างหนา หนามาก หรือยื่นมากผิดปกติ รูปทรงที่นิยมในปัจจุบันคือทรง ปากกระจับ หรือปากทรงปีกนก โดยแพทย์จะผ่าตัดเนื้อเยื่อด้านในออกบางส่วน โดยจะฉีดยาชาเฉพาะที่แล้วตัดส่วนเกินออก หลังจากนั้นแพทย์จะเย็บปิดแผลและซ่อนแผลเป็นให้อยู่ในเนื้อเยื่ออ่อนด้านในของริมฝีปาก ทำให้มองไม่เห็นแผลเป็นเวลายิ้ม เมื่อทำเสร็จแล้วก็สามารถกลับบ้านได้เลย หลังผ่าตัดแผลก็จะบวมประมาณ 1-2 สัปดาห์ ดูปากยังไม่เป็นทรง ต้องรอยุบบวม ซึ่งวิธีนี้ก็จะได้ทรงปากที่ถาวร ไม่ต้องมาทำบ่อยๆ แต่การผ่าตัด ก็ต้องใช้เวลาพักฟื้นที่นานกว่าการฉีดฟิลเลอร์
- การฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ เป็นการเติมสารฟิลเลอร์เข้าไปในเนื้อปากเพื่อให้ได้รูปทรงกระจับที่สวยงาม เหมาะกับคนที่มีเนื้อปากบางอยู่แล้ว หรือเนื้อปากไม่หนามาก และไม่ต้องการที่จะไปผ่าตัด การฉีดต่อครั้งก็จะใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1 ซีซี เพื่อปรับแต่งทรง ใช้เวลาทำและพักฟื้นไม่นานเหมือนการผ่าตัด โดยอาจจะมีรอยช้ำหรือบวมได้ประมาณ 5-7 วัน แต่ถ้าไม่ชอบสามารถฉีดสลาย หรือฉีดใหม่ได้ แต่ผลไม่ได้อยู่ถาวรเหมือนกับการผ่าตัด โดยทั่วไปผลก็จะอยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ฉีด และเมื่อฟิลเลอร์สลายก็ต้องมาฉีดแต่งทรงใหม่
แต่ไม่ว่าจะเป็นการทำปากกระจับโดยวิธีใด ก็ควรเลือกทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ มีความชำนาญ ทำในโรงพยาบาลหรือคลินิกที่ได้มาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย น่าเชื่อถือ ร่วมกับดูจากรีวิวจากคนไข้ที่มาใช้บริการจริง สุดท้ายคือมีราคาสมเหตุสมผล
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด ปากกระจับ
- แจ้งประวัติการแพ้ยา การใช้ยาหรืออาหารเสริมในปัจจุบันก่อนเข้ารับการผ่าตัด หากมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หอบ โรคหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ที่ดูแล และแจ้งแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดด้วย
- ห้ามงดยาควบคุมความดัน ยาควบคุมเบาหวาน รวมถึงยาเพื่อการรักษาโรคประจำตัวเดิม ไม่ต้องอดอาหาร ควรรับประทานอาหารให้ไม่อิ่มเกินไป ควรแปรงฟันให้สะอาดก่อนผ่าตัด
- งดแอสไพริน (aspirin), ไอบิวโพรเฟน (ibuprofen) และวิตามินอี ประมาณ 2 อาทิตย์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- งดสูบบุหรี่ก่อน-หลังผ่าตัด 2 อาทิตย์
ผ่าตัดตกแต่งริมฝีปาก ปากกระจับ ต้องพักฟื้นกี่วัน?
- สำหรับการทำศัลยกรรมปากนั้น ควรจะพักประมาณ 3-5 วัน เพื่อจะได้ดูแลทำความสะอาดแผล และประคบแผลได้เต็มที่ โดยจะต้องดูแลความสะอาดของแผล ดูแลความสะอาดในช่องปากเป็นพิเศษ เพราะในช่องปากมีเชื้อโรค อาจจะทำให้แผลติดเชื้อได้
- การรับประทานอาหารในช่วงแรก ควรทานคำเล็กๆ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เช่น เผ็ด เปรี้ยว เค็ม เลี่ยงอาหารที่ร้อนจัด ควรรอให้เย็นลงก่อนค่อยรับประทาน และเมื่อทานเสร็จต้องทำความสะอาดแผล ทำความสะอาดช่องปากทันที เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- งดสูบบุหรี่ ประมาน 14 วัน หลังผ่าตัด
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ ประมาน 14 วัน หลังผ่าตัด
- หลีกเลี่ยงการขยับปากกว้างมากๆ เพราะแผลจะกระทบกระเทือนได้
- ดื่มน้ำสะอาดโดยการใช้หลอดดูด
- โดยปกติ ควรตัดไหม ในเวลา 5-7 วันหลังผ่าตัด อย่างช้าที่สุดไม่ควรเกิน 10 วัน เพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็น ตามรอยเย็บ
- ปากจะยุบบวมเข้าที่ โดยปกติ ประมาน 1-3 เดือน
วิธีลดการบวมของแผล
การบวมถือเป็นเรื่องปกติหลังการผ่าตัด และเป็นหนึ่งในกระบวนการการหายของบาดแผล แต่บวมมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับการดูแลของตัวคนไข้เองด้วย โดยปกติหลังทำศัลยกรรม ปากจะค่อยๆบวมขึ้น และบวมมากที่สุดในวันที่ 3-4 หลังการผ่าตัด
วิธีการแก้ไขเพื่อลดอาการบวม คือต้องประคบเย็น 3-4 วันแรก โดยประคบตรงบริเวณริมฝีปาก นอกจากนั้น การขยับริมฝีปากให้น้อย การหมั่นทำความสะอาดแผล การงดอาหารรสจัด การทานยาลดบวม ก็สามารถช่วยลดอาการบวม ได้เช่นกัน
ฉีดฟิลเลอร์ปากมาแล้ว สามารถผ่าตัด ปากกระจับ ได้หรือไม่?
สำหรับคนไข้ที่ผ่านการฉีดฟิลเลอร์มาแล้ว ต้องการทำปากกระจับสามารถทำได้ แต่ต้องฉีดสลายฟิลเลอร์มาก่อน แล้วหลังจากนั้น ประมาน 1 เดือน ก็สามารถมาทำการผ่าตัดตกแต่งริมฝีปากได้ แต่ปัญหาที่พบบ่อยๆ คือ คนไข้มักได้รับการฉีดฟิลเลอร์ ที่ไม่ได้มาตรฐาน (อาจเป็นของปลอม หรือของหิ้ว) บางครั้งถึงแม้คนไข้จะไปฉีดสลายมาแล้ว ก็มักจะหลงเหลืออยู่มาก อาจจะก่อให้เกิดปัญหาหรือมีภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ในภายหลัง
การเตรียมตัวก่อน ฉีดฟิลเลอร์ ปากกระจับ
- ควรงดยาแอสไพริน (aspirin),ยาแก้ปวดลดอักเสบไอบิวโพรเฟน (ibuprofen), วิตามินต่างๆ เช่น น้ำมันปลาสารสกัดใบแปะก๊วย, โสม, สารสกัดเมล็ดองุ่น, กระเทียมสกัด, primrose oil และ Vitamin E เป็นเวลา 1 สัปดาห์ก่อนทำ
- งดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง
- งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด 24 ชม. ก่อนทำ เช่น เข้าซาวน่า ออกกำลังกายชนิดคาดิโอ
- หากมีโรคประจำตัว หรือมียาที่กินเป็นประจำ ควรเตรียมข้อมูลไว้เพื่อแจ้งกับแพทย์ก่อนที่จะทำหัตถการ
วิธีดูแลหลัง ฉีดฟิลเลอร์ ปากกระจับ
- ควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มร้อน ๆ อย่างน้อย 48 ชั่วโมง เพราะอาจเกิดทำให้ปากเกิดอาการบวมหรืออักเสบได้ง่าย
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด งดการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังหนักๆ ที่จะทำให้ปากเสียรูปทรงอย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- ไม่ควรดึงหรือลอกหนังริมฝีปาก เพราะจะเป็นการทำลายผิวริมฝีปาก ทำให้ผิวเก็บกักน้ำและความชุ่มชื้นไว้ได้น้อยลง
- ควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อเพิ่มการอุ้มน้ำของฟิลเลอร์ การดื่มน้ำมากๆ ช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูขึ้น และอยู่ได้นานขึ้น
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ อย่างน้อย 48 ชั่วโมง เพราะอาจจะทำให้รูปทรงที่ฉีดเป็นปากกระจับอาจจะผิดรูปได้
ภาวะแทรกซ้อน จากการฉีดฟิลเลอร์ริมฝีปาก ที่อาจเกิดขึ้นได้
- ฟิลเลอร์ไปอุดตันในเส้นเลือดในบริเวณที่ฉีด ทำให้ผิวหนังบริเวณริมฝีปากขาดเลือดมาเลี้ยง ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขได้ทัน ก็ทำให้เกิดเนื้อตายในบริเวณริมฝีปากได้
- ฉีดแล้วเกิดเป็นก้อน เป็นลำ เป็นคลื่น ไม่เรียบ หรือฉีดลึกเข้าไปกองบริเวณด้านในของเยื่อบุริมฝีปาก ทำให้ไม่สวยงาม และดูไม่เป็นธรรมชาติ
- สามารถเกิดการอักเสบ ติดเชื้อได้ ผิวหนังชั้นตื้นและชั้นลึก ถ้าหากไม่ได้ฉีดตามหลักเทคนิคปราศจากเชื้อ (sterile technique) ตามหลักทางการเเพทย์ หรือใช้ฟิลเลอร์ปลอม
- หากฉีดฟิลเลอร์ปลอม หรือสารต้องห้ามบางชนิด เช่น ซิลิโคนเหลว สามารถมีภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว ร่างกายจะต่อต้านสิ่งแปลกปลอม ทำให้เกิดเป็นก้อนกดเจ็บ โตผิดรูป หรือมีการติดเชื้อซ้ำๆได้
- ทุกการผ่าตัด ทุกหัตถการ สามารถมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้เสมอ
อ่านบทความ ที่เกี่ยวข้อง
[ เรื่องน่ารู้ การฉีด ‘ฟิลเลอร์’ ดีอย่างไร? อันตรายหรือไม่? โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ]