ดูดไขมัน (Liposuction) คือ ทางเลือกในการลดไขมันเฉพาะจุด โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยกำจัดไขมัน ทั้งบริเวณหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา ใต้คาง และส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย สำหรับผู้ที่ควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายเป็นประจำ แต่ยังมีไขมันบางจุดที่กำจัดได้ยาก
ด้วยเทคโนโลยีการ ดูดไขมัน ที่ทันสมัยในปัจจุบัน หัตถการนี้สามารถช่วยปรับรูปร่างให้กระชับ ได้สัดส่วน เสริมความมั่นใจ และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ดังนั้นในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับการดูดไขมันอย่างละเอียด เช่น
-
เทคนิคการดูดไขมัน
-
ข้อดี-ข้อเสียของการดูดไขมัน
-
การเตรียมตัวก่อนดูดไขมัน
-
การดูแลหลังดูดไขมัน
และข้อควรทราบอื่น ๆ เพื่อให้ทุกคนตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยที่สุด
ดูดไขมัน คืออะไร?
ดูดไขมัน (Liposuction) คือ หัตถการทางการแพทย์ที่ใช้เทคโนโลยีช่วยปรับรูปร่างให้สมส่วน โดยเฉพาะในบุคคลที่ต้องการลดไขมันเฉพาะจุดที่กำจัดยาก เช่น หน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน และใต้คาง ดูดไขมันจึงไม่ใช่การลดน้ำหนัก แต่เป็นการช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินเพื่อให้ได้สัดส่วนที่ชัดเจนและมีรูปทรงกระชับขึ้น
หลักการทำงานของ การดูดไขมัน
การดูดไขมัน คือ หัตถการที่ใช้หลักการกำจัดไขมันเฉพาะจุดออกจากร่างกาย โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า “แคนนูล่า” (Cannula) หรือท่อขนาดเล็กที่ถูกออกแบบมาให้สามารถเจาะเข้าสู่ชั้นไขมันใต้ผิวหนังได้อย่างปลอดภัย
แพทย์จะเริ่มต้นด้วยการให้ยาชาเฉพาะจุด หรือในบางกรณีอาจใช้วิธีวางยาสลบเพื่อความสบายใจของผู้เข้ารับบริการ จากนั้นจะทำการสอดแคนนูล่าเข้าสู่ตำแหน่งที่มีไขมันสะสม โดยปลายท่อจะเชื่อมต่อกับเครื่องดูดสุญญากาศ ซึ่งทำหน้าที่ดูดเซลล์ไขมันออกจากร่างกายอย่างต่อเนื่อง
หัตถการนี้ช่วยลดปริมาณไขมันในบริเวณที่ต้องการ ปรับสัดส่วนให้สมส่วนยิ่งขึ้น และส่งเสริมความมั่นใจในรูปร่างโดยไม่ต้องลดน้ำหนักทั้งตัว
ดูดไขมันเฉพาะจุด ส่วนไหนได้บ้าง?
จุดยอดนิยม
- ดูดไขมันหน้าท้อง (หน้าท้องบน–ล่าง, เอวเอส, Love Handles)
- ดูดไขมันเหนียง / ใต้คาง (Double Chin)
- ดูดไขมันต้นแขน (Upper Arms)
- ดูดไขมันต้นขา (ด้านใน–นอก–หลังต้นขา)
- ดูดไขมันหน้า / แก้ม (Buccal Fat / Mid Cheeks)
- ดูดไขมันสะโพก / ปีกสะโพก (Hips / Flanks)
จุดเสริมอื่น ๆ ที่สามารถดูดไขมันได้
- ดูดไขมันแผ่นหลัง (Upper / Lower Back, Bra Line)
- ดูดไขมันหน้าอกผู้ชาย (Gynecomastia)
- ดูดไขมันเอวด้านหลัง (Flank Fat / Muffin Top)
- ดูดไขมันขอบกางเกงใน / ปีกกางเกงใน (Panty Line Bulge)
- ดูดไขมันบั้นท้ายล่าง / ร่องก้น (Banana Roll)
- ดูดไขมันน่อง (Calves)
- ดูดไขมันหัวเข่า (Knees – Inner or Over-the-Knee Fat)
- ดูดไขมันข้อเท้า / ข้อพับขา (บางเคส)
- ดูดไขมันหลังรักแร้ (Axillary Fat / Armpit Bulge)
ส่วนที่ดูดไขมันได้
ดูดไขมันช่วงกลางลำตัว
ช่วยลดไขมันตรงไหนบ้าง?
- ลดไขมัน หน้าท้อง ทั้งบนและล่าง ให้แบนราบขึ้น
- เอว สร้างส่วนเว้าโค้งของเอวอย่างเป็นธรรมชาติ
- ปีกหลัง และ Love Handles ลดไขมันข้างลำตัวที่ทำให้รูปร่างดูไม่ชัด
ดูดไขมันหน้าท้อง
- ไขมันหน้าท้อง มักมีต้นเหตุมาจากการกินแป้ง/น้ำตาลบ่อย ฮอร์โมนอินซูลินสูง ทำให้สะสมไขมันบริเวณหน้าท้อง และ ผู้หญิงมักสะสมบริเวณนี้หลังคลอด
- ทำไมดูดไขมันอาจตอบโจทย์ เพราะพุงล่างยุบยากแม้ออกกำลังกาย รูปร่างดูไม่สมส่วนแม้น้ำหนักปกติ
- ผลลัพธ์หลังดูดไขมันหน้าท้อง ทำให้หน้าท้องแบนขึ้น ใส่เสื้อเอวลอยมั่นใจ เอวคอด เห็นสัดส่วนชัดขึ้น
ดูดไขมันส่วนร่อง 11
- ร่อง 11 (เส้น Sexy Line) มีลักษณะเป็นไขมันบางๆ ปิดบังกล้ามหน้าท้อง แม้ออกกำลังกายก็ยังไม่เห็นเส้นชัด
- ทำไมดูดไขมันอาจตอบโจทย์ เพราะเพิ่มลุคฟิตแอนด์เฟิร์ม โดยไม่ต้องลดน้ำหนักเยอะ
- ผลลัพธ์หลังดูดไขมัน ทำให้เห็นร่องหน้าท้อง (V Line) ชัดขึ้น ได้ลุคเฟิร์มเหมือนคนเล่นเวท
ดูดไขมันส่วนขา
ดูดไขมันขาครอบคลุมจุดใดบ้าง?
- ต้นขาด้านใน ช่วยลดการเสียดสี ให้เรียวขึ้น
- ต้นขาด้านนอก / สะโพก ลดความป่องด้านข้าง ให้ช่วงล่างดูกระชับ
- ต้นขาด้านหน้า-หลัง ปรับทรงขาให้สมดุล
- หัวเข่าด้านใน ช่วยให้ขาดูยาวและได้รูป
- น่องและข้อเท้า เฉพาะกรณีที่เกิดจากไขมัน ไม่ใช่กล้ามเนื้อ
ดูดไขมันต้นขา
- ไขมันต้นขา มักมีสาเหตุมาจาก ฮอร์โมนเพศหญิงกระตุ้นไขมันสะสมช่วงล่าง น้ำหนักขึ้นสะสมที่ขาเป็นอันดับแรก
- ทำไมดูดไขมันอาจตอบโจทย์ เพราะลดอาการขาเสียด ใส่กางเกงไม่อึดอัด
- ผลลัพธ์หลังดูดไขมันต้นขา คือ ขาเรียว ยืดหยุ่น เดินสบาย ขาเล็กลงโดยไม่ต้องลดน้ำหนักทั้งตัว
ดูดไขมันแขนคืออะไร?
ดูดไขมันแขน เน้นบริเวณใด?
- ต้นแขนด้านในและด้านหลัง เป็นจุดที่ไขมันสะสมมากที่สุด ทำให้แขนดูหย่อน
- รอบแขนโดยรวม เพื่อปรับให้แขนได้สัดส่วน ดูเรียวยาวและกล้าสวมใส่เสื้อผ้าได้อย่างมั่นใจ
ดูดไขมันต้นแขน
- ไขมันต้นแขน มักมีสาเหตุมาจาก กล้ามเนื้อไม่กระชับ ไขมันสะสมเฉพาะจุด อายุเพิ่ม ผิวหย่อนคล้อย
- ทำไมดูดไขมันอาจตอบโจทย์ เพราะแขนเล็กลง เหนือข้อศอกเรียบ เหมาะกับคนที่แขนใหญ่เฉพาะส่วน
- ผลลัพธ์หลังดูดไขมันต้นแขน คือใส่แขนกุดได้มั่นใจ แขนดูเรียวและแน่นขึ้น
ดูดไขมันนมน้อย
- ไขมันนมน้อย ไขมันใต้รักแร้ มักมีสาเหตุมาจาก ไขมันสะสมจากพันธุกรรม หรือใส่บราแต่กดทับผิดจุด
- ทำไมดูดไขมันอาจตอบโจทย์ เพราะกำจัดไขมันที่สะสมบริเวณรักแร้มากเกินไปจนเกิดเป็นก้อนนูน ทำให้เสียความมั่นใจเวลาใส่เสื้อแขนกุด หรือชุดรัดรูป
- ผลลัพธ์หลังดูดไขมันใต้รักแร้ คือใส่แขนกุดได้มั่นใจ บอกลาก้อนไขมันที่ทำให้ไม่มั่นใจ
ดูดไขมันใบหน้า ลำคอ
ดูดไขมันใบหน้าและลำคอเน้นตรงไหนบ้าง?
- ใต้คาง (เหนียง) ลดคางสองชั้น กรอบหน้าชัดขึ้น
- แก้ม ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวและเล็กลง
- แนวกราม เสริมความชัดของกรอบหน้า
- ลำคอ ลดไขมันส่วนเกิน ทำให้คอดูเรียวยาวขึ้น
ดูดไขมันเหนียง
- ไขมันเหนียง มักมีสาเหตุมาจาก กรรมพันธุ์ น้ำหนักตัวเพิ่ม หรือผิวหย่อนตามวัย
- ทำไมดูดไขมันอาจตอบโจทย์ เพราะขจัดไขมันโดยตรง
- ผลลัพธ์หลังดูดไขมันเหนียง คือกรอบหน้าคม เหนียงหาย หน้าเรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ดูดไขมันกรอบหน้า
- ไขมันกรอบหน้า มักมีที่มาจาก ไขมันสะสมจากกรรมพันธุ์ บางคนไม่อ้วนตัว แต่หน้าอ้วนง่าย น้ำหนักขึ้นเล็กน้อยก็ไปสะสมที่แก้ม คาง ใต้คาง ได้ทันที
- ทำไมดูดไขมันอาจตอบโจทย์ เพราะถ้าแก้มใหญ่ เหนียงเยอะ เพราะ ไขมันสะสมเกินไป การดูดไขมันเท่ากับนำไขมันออกโดยตรง ต่างจากการฉีดแฟต ที่เพียงละลายบางส่วน และอาจต้องฉีดหลายครั้ง
- ผลลัพธ์หลังดูดไขมันกรอบหน้า คือเมื่อไขมันออกไป กรอบหน้าจะชัดขึ้นทันที เทคนิคที่ดีจะช่วยกระชับผิวไปด้วย
ดูดไขมัน เหมาะกับใครบ้าง?
ดูดไขมัน เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด และต้องการปรับรูปร่าง โดยไม่เน้นการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ผู้ที่เหมาะกับการดูดไขมัน จึงควรอยู่ในเกณฑ์น้ำหนักมาตรฐาน และมีสุขภาพแข็งแรง การดูดไขมันช่วยปรับสัดส่วนให้ชัดเจน โดยกำจัดไขมันในจุดที่ต้องการ เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา และใต้คาง
ผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะบริเวณที่ไม่ลดลงแม้จะออกกำลังกายและควบคุมอาหารแล้ว เช่น หน้าท้อง สะโพก ต้นขา แขน หลัง หรือใต้คาง การดูดไขมันจะช่วยกำจัดไขมันเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างสัดส่วนร่างกายที่ดีขึ้น
ผู้ที่มีการสะสมไขมันจากพันธุกรรม ในบริเวณที่เฉพาะเจาะจง เช่น คนที่มีรูปร่างแอปเปิล (ไขมันสะสมที่หน้าท้อง) หรือรูปร่างลูกแพร์ (ไขมันสะสมที่สะโพกและต้นขา) การดูดไขมันจะช่วยปรับสัดส่วนให้สมดุลขึ้น
ผู้ที่มี BMI 18.5-29 เป็นกลุ่มที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากการดูดไขมันไม่ใช่วิธีลดน้ำหนัก แต่เป็นการปรับแต่งรูปร่างและสัดส่วน ผู้ที่มีน้ำหนักมากเกินไปควรลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมก่อน
- อายุ 18-65 ปี มีสุขภาพดี
- ไม่มีโรคประจำตัวรุนแรง เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้
- ไม่มีปัญหาการแข็งตัวของเลือด
- ไม่แพ้ยาชาหรือยาที่ใช้ในการผ่าตัด
รูปร่างแบบใด? ที่เหมาะกับการดูดไขมัน
แม้การดูดไขมันจะไม่ใช่การลดน้ำหนัก แต่เป็นวิธีที่ช่วยปรับรูปร่าง และ ลดไขมันเฉพาะจุด ได้อย่างเห็นผล ดังนั้นเรามาดูกันว่า รูปร่างแบบใด ที่เหมาะกับการดูดไขมันบ้าง
1. มีไขมันสะสมเฉพาะจุด
เช่น บริเวณหน้าท้อง สะโพก เหนียง ต้นแขน หรือขา ซึ่งมักลดยากแม้จะควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การดูดไขมันจึงช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินเหล่านี้ได้อย่างตรงจุด
2. มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
การดูดไขมันเหมาะกับบุคคลที่มีสุขภาพโดยรวมดี ไม่มีโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อการทำหัตถการ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง หากมีโรคประจำตัว สามารถเข้ารับการปรึกษาและประเมินความปลอดภัยกับแพทย์ได้ก่อนล่วงหน้า
3. ผิวยืดหยุ่นดี
ผู้ที่มีผิวยืดหยุ่นจะได้ผลลัพธ์ที่ดีหลังดูดไขมัน เพราะผิวสามารถกระชับเข้ารูปร่างใหม่ได้ง่าย สำหรับผู้ที่มีผิวยืดหยุ่นน้อย อาจแนะนำให้ทำร่วมกับเทคโนโลยียกกระชับ เช่น TripleTite หรือ J Plasma เพื่อให้ผิวเรียบเนียนและแนบตัวมากขึ้นหลังทำ
4. น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
การดูดไขมันเหมาะกับผู้ที่น้ำหนักปกติ แต่มีไขมันเฉพาะจุดที่ต้องการปรับรูปร่างให้ชัดเจนมากขึ้น (BMI ไม่ควรเกิน 25) กรณีที่น้ำหนักเกินหรือ BMI สูง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนลดน้ำหนักร่วมกับการดูแลรูปร่างอย่างปลอดภัย
การดูดไขมัน ไม่ใช่การลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน และ ไม่สามารถแทนที่การควบคุมอาหารหรือการออกกำลังกายได้ทั้งหมด แต่เป็นวิธีที่ช่วยจัดการไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด และปรับรูปร่างให้สมส่วนอย่างเป็นธรรมชาติ
ดูดไขมัน ไม่เหมาะกับใคร?
แม้การดูดไขมันจะช่วยปรับรูปร่างและลดไขมันเฉพาะจุดได้ดี แต่ก็มีบางกลุ่มที่ยังไม่เหมาะสมหรือควรหลีกเลี่ยงการทำหัตถการ ได้แก่
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวเสี่ยงสูง เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ภาวะเลือดออกง่าย หรือโรคที่กระทบต่อการฟื้นตัว
- สตรีมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรรอจนกว่าร่างกายฟื้นตัวและฮอร์โมนกลับสู่ภาวะปกติจึงค่อยเข้ารับการดูดไขมัน
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรืออยู่ระหว่างการรักษาโรคเรื้อรัง เช่น ผู้ติดเชื้อ HIV ที่อยู่ในกระบวนการรักษา แพทย์จะต้องประเมินความปลอดภัยก่อน หากสามารถทำได้ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับการใช้อุปกรณ์เฉพาะบุคคลเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
หากมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาทั้งแพทย์ประจำตัวและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูดไขมันก่อนเสมอ เพื่อประเมินความเสี่ยงและเลือกวิธีการที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล
วิธีดูดไขมัน มีกี่แบบ?
ปัจจุบันการ ดูดไขมัน ไม่ได้มีเพียงวิธีเดียว เพราะร่างกายและความต้องการของแต่ละคนแตกต่างกัน เทคโนโลยีจึงถูกพัฒนาเพื่อให้แพทย์เลือกใช้ วิธีดูดไขมันที่เหมาะสมที่สุดกับแต่ละเคส โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
1. ดูดไขมันแบบดั้งเดิม (Conventional Liposuction)
การดูดไขมันแบบดั้งเดิม เป็นวิธีพื้นฐานที่ใช้แรงดูดจากเครื่องมือ เพื่อกำจัดไขมันออกโดยตรง ข้อดี คือ ลดปริมาณไขมันได้จริง แต่ก็ยังมีข้อจำกัด คือ อาจมีรอยช้ำมาก ผิวไม่กระชับ และเสี่ยงต่อการเกิดผิวหย่อนหรือเป็นคลื่น โดยเฉพาะในจุดที่ผิวมีความยืดหยุ่นน้อย
2. ดูดไขมันด้วยเทคโนโลยี (Energy-Assisted Liposuction)
ดูดไขมัน โดยการใช้พลังงานจากเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น เลเซอร์ คลื่นเสียง (Ultrasound) หรือพลังงาน RF เพื่อช่วยสลายไขมันก่อนดูดออก ข้อดี คือ ลดการบอบช้ำ ฟื้นตัวเร็ว และแพทย์สามารถควบคุมรูปร่างได้แม่นยำมากขึ้น
3. ดูดไขมันแบบกระชับผิว (Skin-Tightening Liposuction)
ดูดไขมันแบบกระชับผิว เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวหย่อนคล้อยหลังดูดไขมัน เช่น BodyTite หรือ J Plasma ซึ่งใช้พลังงาน RF ในการละลายไขมัน พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ข้อดี คือ ได้ทั้งการลดไขมันและช่วยให้ผิวเรียบตึง กระชับขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดยกกระชับ
อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่า วิธีดูดไขมันมีหลายแบบ แต่ละแบบเหมาะกับผู้เข้ารับบริการต่างกัน หากต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและปลอดภัย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับสรีระและสภาพผิวของคุณ
เทคนิคดูดไขมัน ที่ รัตตินันท์ คลินิก
เทคนิคการดูดไขมัน และการยกกระชับผิวในปัจจุบัน ได้รับการพัฒนาให้ทันสมัยและปลอดภัยมากขึ้น ส่งผลให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม ทั้งในด้านการลดไขมันส่วนเกินและการทำให้ผิวเรียบตึงกระชับ
หนึ่งในเทคนิคยอดนิยมที่รัตตินันท์เลือกใช้ คือ TripleTite และ J Plasma ซึ่งเป็นเทคโนโลยีรุ่นใหม่ที่ช่วยทั้งสลายไขมันและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในเวลาเดียวกัน ทำให้ผิวเข้ารูป ดูเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรูปร่างกระชับได้สัดส่วน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องผิวหย่อนคล้อยหลังการดูดไขมัน
TripleTite คือ การดูดไขมัน ที่ผสานสามเทคโนโลยีเพื่อผลลัพธ์ที่ดี
TripleTite เป็น การดูดไขมัน ที่ผสาน 3 เทคโนโลยีเข้าด้วยกัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดไขมันและยกกระชับผิว โดยมีสามขั้นตอนหลัก ดังนี้
-
BodiTite เทคโนโลยีคลื่นวิทยุความถี่สูง (Radiofrequency Technology)
พลังงานคลื่นวิทยุช่วยกระชับผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียน และลดโอกาสการหย่อนคล้อยหลังดูดไขมัน
-
PowerTite ระบบดูดไขมันด้วยพลังงานกล (Power Assisted Liposuction)
ระบบพลังงานกลใช้การสั่นสะเทือนช่วยแยกเซลล์ไขมันจากเนื้อเยื่อรอบข้าง ทำให้การดูดไขมันแม่นยำ ลดอาการบวม และฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
-
DermaTite เทคโนโลยีกระชับผิวหย่อน
ช่วยให้หลังดูดไขมันมั่นใจมากขึ้น ผิวไม่ย้วยเนื่องจากสัดส่วนร่างกายลดเร็วเกินไป
ข้อดีของ TripleTite
- ลดการบอบช้ำ ฟื้นตัวได้เร็วกว่าเทคนิคเดิม
- กระชับผิวได้ดี ลดความเสี่ยงของผิวหย่อนคล้อย
- เหมาะกับการดูดไขมันหลายจุด เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา และสะโพก
J Plasma คือ นวัตกรรมการกระชับผิวที่ล้ำสมัย
J Plasma เป็นเทคโนโลยีการกระชับผิวด้วยพลังงานพลาสมาเย็น ใช้ก๊าซฮีเลียมร่วมกับพลังงาน RF ซึ่งช่วยให้ผิวหนังกระชับโดยไม่ทำให้เกิดความร้อนสูง ลดความเสี่ยงการไหม้และผลข้างเคียง
กระบวนการทำงานของ J Plasma
- สร้างพลังงานพลาสมาเย็น พลาสมาเย็นจากก๊าซฮีเลียมช่วยให้เกิดการหดตัวของคอลลาเจน ทำให้ผิวตึงและกระชับในทันที
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน นอกจากการยกกระชับผิวทันที J Plasma ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและกระชับอย่างเป็นธรรมชาติ
ข้อดีของ J Plasma
- ช่วยให้ผิวกระชับเรียบเนียนโดยไม่ต้องผ่าตัดยกกระชับ
- ลดการเกิดแผลและการบวม ฟื้นตัวเร็ว
- เหมาะกับการใช้ร่วมกับการดูดไขมันในบริเวณที่มีผิวหย่อนคล้อย เช่น หน้าท้อง ต้นแขน และต้นขา
ข้อควรพิจารณา
แม้เทคโนโลยีจะพัฒนา แต่การดูดไขมันยังต้องอาศัยความเชี่ยวชาญสูง การเลือกแพทย์และสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานจะช่วยให้ผลลัพธ์ปลอดภัยและคงทน การดูแลตัวเองหลังการทำก็สำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานและผิวเรียบเนียนยิ่งขึ้น
เปรียบเทียบ เทคโนโลยีดูดไขมัน คุณสมบัติต่างกันอย่างไร
ดูดไขมันด้วย MicroAire PAL (Power-Assisted Liposuction)
จุดเด่นของ การดูดไขมันด้วย MicroAire PAL
- หัวดูด สั่นได้สูงถึง 4,000 ครั้งต่อนาที ช่วยให้ไขมันหลุดออกจากเนื้อเยื่อได้ง่าย
- ทำให้แพทย์ ควบคุมทิศทางได้ดีขึ้น
- เหมาะกับการดูดไขมันปริมาณเยอะ หรือในจุดที่ไขมันแน่น เช่น หน้าท้อง หลัง ต้นขา หรือหน้าอกผู้ชาย
MicroAire PAL เหมาะกับใคร?
- คนที่ต้องการดูดไขมันบริเวณใหญ่ๆ เช่น หน้าท้อง ต้นขา แขน
- คนที่ต้องการ เก็บไขมันไปเติม เช่น เติมหน้า หรือก้น (BBL)
- คนที่เคยดูดไขมันมาแล้วแต่ยังไม่เรียบ PAL ช่วยเก็บรายละเอียดได้ดี
ข้อดีของการดูดไขมันด้วย MicroAire PAL
- ทำเร็วขึ้น เจ็บน้อย ฟกช้ำน้อย
- ผลลัพธ์เรียบสม่ำเสมอ
- ใช้ร่วมกับเทคโนโลยีอื่นได้ เช่น VASER หรือ BodyTite
- เหมาะกับการเก็บไขมันที่ยังคงมีคุณภาพดี
จุดเด่นของ การดูดไขมันด้วย MicroAire PAL
- หัวดูด สั่นได้สูงถึง 4,000 ครั้งต่อนาที ช่วยให้ไขมันหลุดออกจากเนื้อเยื่อได้ง่าย
- ทำให้แพทย์ ควบคุมทิศทางได้ดีขึ้น
- เหมาะกับการดูดไขมันปริมาณเยอะ หรือในจุดที่ไขมันแน่น เช่น หน้าท้อง หลัง ต้นขา หรือหน้าอกผู้ชาย
สิ่งที่ควรรู้ไว้ก่อนตัดสินใจ ดูดไขมันด้วย MicroAire PAL
- PAL ไม่ได้ช่วยกระชับผิว ถ้าผิวเริ่มหย่อน ควรทำร่วมกับ BodyTite หรือ J-Plasma
- มีเสียงและแรงสั่นระหว่างทำ (ไม่เจ็บ ไม่อันตราย แต่บางคนอาจตกใจถ้าไม่รู้มาก่อน)
- ต้องใช้โดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อให้ผลลัพธ์เรียบเนียน
ดูดไขมันด้วย BodyTite Pro
จุดเด่นของการ ดูดไขมันด้วย BodyTite Pro
- ใช้หัวดูดแบบพิเศษที่ทำงานทั้ง “ใต้ผิว” และ “บนผิว” พร้อมกัน
- คลื่น RF ละลายไขมัน ทำให้ ดูดออกง่ายขึ้น
- พลังงาน RF กระตุ้นผิวให้กระชับ และ สร้างคอลลาเจนใหม่
- ผิวจะหดตัวทันที และค่อยๆ ดีขึ้นต่อเนื่อง 3–6 เดือน
- มีระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ ช่วยลดความเสี่ยงผิวไหม้
การ ดูดไขมันด้วย BodyTite Pro เหมาะกับใคร?
- คนที่มีไขมันเฉพาะจุด เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา คอ หรือหน้าอกผู้ชาย
- ผู้ที่มีผิวหย่อนนิดๆ และอยากให้ตึงขึ้นแบบไม่ต้องผ่าตัด
- คนที่อยากรูปร่างกระชับขึ้นโดยใช้เวลาพักฟื้นน้อย
ข้อดีของการ ดูดไขมันด้วย BodyTite Pro
- ดูดไขมัน และ ยกกระชับผิว ในครั้งเดียว
- แผลเล็ก เจ็บน้อย บวมช้ำน้อย
- ผิวเรียบ ไม่เป็นคลื่นหลังทำ
- ปลอดภัย ด้วยระบบควบคุมพลังงานแบบเรียลไทม์
- บางเคสให้ผลใกล้เคียงการผ่าตัดยกกระชับ แต่หายเร็วกว่าเยอะ
สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ ดูดไขมันด้วย BodyTite Pro
- ไม่เหมาะกับคนที่มีผิวหย่อนคล้อยมาก (อาจต้องผ่าตัดแทน)
- ควรทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เฉพาะทางด้าน RF
- อาจมีบวม ฟกช้ำ หรือรู้สึกชาเล็กน้อยหลังทำ (หายได้เองในไม่กี่วัน)
ดูดไขมันด้วย Vaser Smooth
จุดเด่นของการ ดูดไขมันด้วย Vaser Smooth
- ปล่อยคลื่นเสียงเข้าไปสลายไขมันให้เป็นของเหลวก่อน
- ไขมันที่สลายแล้วจะดูดออกได้ง่ายขึ้น โดยไม่ดึงเนื้อเยื่อมาก
- คลื่นเสียงยังช่วยกระตุ้นการหดตัวของผิว ทำให้ ผิวแน่นขึ้นในระดับหนึ่ง
การ ดูดไขมันด้วย Vaser Smooth เหมาะกับใคร?
- คนที่อยากมีหุ่นชัดๆ เช่น six-pack หรือ sexy line
- คนที่ต้องการทำ 360° liposuction รอบลำตัว
- คนที่เคยดูดไขมันมาแล้วแต่ยังไม่เรียบ (revision case)
- คนที่มีไขมันเฉพาะจุดและผิวเริ่มหย่อนเล็กน้อย
ข้อดีของการ ดูดไขมันด้วย Vaser Smooth
- บวมช้ำน้อย ฟื้นตัวเร็ว
- ปั้นสัดส่วนได้ละเอียด ทั้งไขมันตื้นและลึก
- ผิวมีโอกาสกระชับขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
- เหมาะกับจุดที่ดูดยาก เช่น ต้นขา คาง หลัง หรือหน้าอกผู้ชาย
- ทำได้แม้ไขมันแน่นมาก เช่น เคสดูดซ้ำ
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการ ดูดไขมันด้วย Vaser Smooth
- ถ้าผิวหย่อนคล้อยมาก อาจต้องผ่าตัดแทน
- ราคาสูงกว่าเครื่องดูดไขมันทั่วไป
- ต้องทำโดยแพทย์ที่ ชำนาญการใช้คลื่นเสียง (Ultrasound)
- ถ้าทำโดยผู้ไม่มีประสบการณ์ อาจเสี่ยงผิวไม่เรียบ หรือร้อนเกินจนไหม้
J-Plasma (Renuvion)
จุดเด่นของ J Plasma
- ใช้ ก๊าซฮีเลียม ร่วมกับ RF สร้างพลังงาน “พลาสมาเย็น”
- ปล่อยพลังงานใต้ผิวผ่านหัวเครื่องมือขนาดเล็ก ทำให้ผิวหดตัวอย่างแม่นยำ
- คอลลาเจนใหม่ถูกสร้างขึ้นเรื่อย ๆ ผิวจะกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
J Plasma เหมาะกับใคร?
- คนที่มีผิวหย่อนเล็กน้อยถึงปานกลาง
- คนที่เคยดูดไขมันแล้วแต่ผิวยังไม่แน่น
- คนที่อยากผิวตึงขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่
- คนที่ต้องการผลลัพธ์แบบดูธรรมชาติ ไม่โอเวอร์
ข้อดีของ J-Plasma
- ไม่ต้องผ่าตัด ทำให้ แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว
- ผิวกระชับขึ้นทันทีบางส่วน และดีขึ้นเรื่อย ๆ ใน 3–6 เดือน
- ใช้ร่วมกับการดูดไขมันได้ เช่น VASER หรือ PAL
- พลังงานเย็นควบคุมได้ดี ลดความเสี่ยงผิวไหม้
- เหมาะกับบริเวณที่ต้องการ “เรียบ ตึง ไม่หย่อน”
สิ่งที่ควรรู้ก่อนทำ J Plasma
- ไม่เหมาะกับคนที่มีผิวหย่อนคล้อยมาก (อาจต้องพิจารณาผ่าตัด)
- อาจมีบวม แดง หรือฟกช้ำเล็กน้อยในช่วงแรก
- ห้ามใช้ในผู้ที่มีโรคบางชนิด เช่น ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือตั้งครรภ์
- ต้องทำโดยแพทย์ที่ชำนาญการ เพื่อผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและสวยงาม
IgniteRF
จุดเด่นของ IgniteRF
- รวมเทคโนโลยีหลากหลาย (BodyTite, FaceTite, AccuTite, QuantumRF, Morpheus8) ไว้ในระบบเดียวแบบ “All-in-One”
- ปรับความลึกของพลังงานได้แม่นยำ (0.5–60 mm) ครอบคลุมตั้งแต่การดูดไขมัน ปั้นสัดส่วน ไปจนถึงฟื้นฟูผิว
- ระบบวัดอุณหภูมิและความต้านทานเนื้อเยื่อตลอดเวลา ทำให้การกระชับผิวปลอดภัยและสม่ำเสมอ
IgniteRF เหมาะกับใคร
- คนที่ ไม่อยากผ่าตัดใหญ่ แต่ต้องการผลลัพธ์ระดับศัลยกรรม
- ผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด และ ผิวเริ่มหย่อน
- คนที่ต้องการทั้ง ยกกระชับ และ Contour: เช่นใบหน้า, คาง, แขน, ขา, ท้อง
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิว เช่น รอยหลุมสิว หรือริ้วรอย รูขุมขนกว้าง
ข้อดีของ IgniteRF
- เครื่องเดียว ครบทั้งดูดไขมัน พร้อม กระชับ และ ฟื้นฟูผิว
- ฟื้นตัวเร็ว ไม่ต้องพักนาน ไม่ต้องกรีดผิวใหญ่
- ผลลัพธ์ชัดเจนและเห็นได้เร็ว ด้วยพลังงาน RF ที่ควบคุมแม่นยำ
- แผลเล็กมาก ใช้ยาชาเฉพาะจุดได้
- มีหัวเฉพาะสำหรับแต่ละบริเวณ: ใบหน้า รอบตา บริเวณใหญ่ ฯลฯ
สิ่งที่ควรรู้ของ IgniteRF
- ต้องทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์กับเทคโนโลยี RF แบบลึกและละเอียด
- แม้จะไม่ผ่าตัดใหญ่ แต่ต้องใช้เวลาจึงจะเห็นผลเต็มที่ (ประมาณ 1–3 เดือน)
- ราคาสูงกว่าการใช้เครื่องเดี่ยวทั่วไป
- อาจมีอาการบวม แดง หรือลอกผิวในช่วงแรก แต่หายเป็นปกติในไม่กี่วัน
รวมภาพ Before vs After ดูดไขมัน รัตตินันท์ คลินิก
เหตุผลที่ควร ดูดไขมัน ที่รัตตินันท์ คลินิก
การเลือกคลินิกสำหรับการ ดูดไขมัน เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเกี่ยวข้องทั้งความปลอดภัยและประสิทธิภาพของผลลัพธ์ที่ได้รับ ดังนั้นที่ รัตตินันท์ คลินิก ของเรามีจุดเด่นที่ทำให้แตกต่างและเป็นเหตุผลที่ผู้เข้ารับบริการไว้วางใจเลือกใช้บริการ ได้แก่
- เทคโนโลยีดูดไขมันทันสมัย ที่ช่วยสลายไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
- ทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการดูดไขมัน ที่มีประสบการณ์ตรงและเข้าใจสรีระของแต่ละบุคคล
- การบริการที่ใส่ใจทุกรายละเอียด ตั้งแต่การประเมินก่อนทำ การวางแผนหัตถการ จนถึงการดูแลหลังทำอย่างใกล้ชิด
ด้วยเหตุนี้ รัตตินันท์ คลินิก จึงเป็นหนึ่งในคลินิกชั้นนำด้านการดูดไขมัน ที่มอบทั้งความมั่นใจ ผลลัพธ์ที่เห็นชัด และมาตรฐานด้านความปลอดภัยระดับสูง
ข้อดีในการดูดไขมัน ที่ รัตตินันท์ คลินิก
-
ช่วยปรับรูปร่างเฉพาะจุด
การดูดไขมันช่วยกำจัดไขมันสะสมในบริเวณที่ต้องการ เช่น หน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน ทำให้รูปร่างสมส่วนตามที่ต้องการ
-
ช่วยเพิ่มความมั่นใจ
สำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด การดูดไขมันจะช่วยลดปัญหาดังกล่าว เพิ่มความมั่นใจในการแต่งกายและการใช้ชีวิตประจำวัน
-
ช่วยลดไขมันส่วนเกินที่กำจัดได้ยาก
สำหรับบางคน ไขมันบางจุดลดได้ยากแม้จะควบคุมอาหารและออกกำลังกาย การดูดไขมันช่วยกำจัดไขมันเหล่านี้ได้ตรงจุด
-
ใช้ไขมันเติมเต็มส่วนอื่นของร่างกายได้
ไขมันที่ดูดออกสามารถนำไปเติมเต็มส่วนอื่น เช่น หน้าอกหรือสะโพก เพื่อเพิ่มวอลลุ่มได้
-
เทคโนโลยีทันสมัยช่วยลดการพักฟื้น
เทคนิคการดูดไขมันแบบใหม่ เช่น TripleTite, J Plasma ทำให้เจ็บน้อยลงและฟื้นตัวเร็วกว่าแบบดั้งเดิม
ข้อควรรู้ ก่อนดูดไขมัน
ก่อนตัดสินใจ ดูดไขมัน ควรทำความเข้าใจทั้งข้อดีและข้อจำกัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและตรงตามความคาดหวัง โดยมีสิ่งสำคัญดังต่อไปนี้
1. ต้องดูแลตัวเองหลังทำอย่างเคร่งครัด
หลังการดูดไขมัน จำเป็นต้องใส่ชุดกระชับสัดส่วน หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เสี่ยงทำให้แผลอักเสบ และใช้เวลาหลายสัปดาห์จนกว่าแผลจะหายสนิท
2. ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
การดูดไขมันโดยเฉพาะเทคนิคที่ทันสมัยอาจมีค่าใช้จ่ายสูง และในบางกรณีอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น การฉีดไขมันเพื่อเติมเต็มในตำแหน่งที่ต้องการ
3. การดูดไขมัน ไม่ใช่วิธีลดน้ำหนัก
การดูดไขมันเป็นการ ปรับสัดส่วนและลดไขมันเฉพาะจุด ไม่ใช่วิธีลดน้ำหนัก หากต้องการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน ควรควบคุมอาหารและออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย
4. ผลลัพธ์ไม่ถาวรหากไม่ดูแลตัวเอง
แม้ดูดไขมันแล้ว หากไม่มีการควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ไขมันก็สามารถกลับมาสะสมได้อีกในอนาคต
การดูดไขมัน ช่วยปรับรูปร่าง เพิ่มความมั่นใจ และจัดการไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดได้ดี แต่ก็มาพร้อมกับข้อจำกัดด้านการฟื้นตัว ค่าใช้จ่าย และความเสี่ยงที่ควรพิจารณา ผู้ที่สนใจควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินความเหมาะสมของหัตถการ และวางแผนการรักษาที่ปลอดภัยที่สุด
เตรียมตัวอย่างไร ก่อนดูดไขมัน
การเตรียมตัวก่อนดูดไขมัน เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และทำให้ผลลัพธ์ออกมาน่าพอใจ การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด จะช่วยให้กระบวนการเป็นไปอย่างปลอดภัยและได้ผลดี
-
ปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด
ควรเข้าพบแพทย์เพื่อประเมินสุขภาพและตำแหน่งที่จะดูดไขมัน พร้อมแจ้งโรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่ หรืออาหารเสริม เพื่อให้แพทย์วางแผนได้อย่างเหมาะสม
-
ตรวจสุขภาพและงดอาหารก่อนผ่าตัด
ควรตรวจเลือดและเตรียมร่างกายให้พร้อม โดยงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6–8 ชั่วโมงก่อนทำหัตถการ โดยเฉพาะหากต้องวางยาสลบ
-
งดยาและอาหารเสริมบางชนิด
หยุดใช้ยาแอสไพริน ยาแก้อักเสบ วิตามินอี หรือผลิตภัณฑ์เสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ล่วงหน้า 1–2 สัปดาห์
-
งดบุหรี่และแอลกอฮอล์
ควรงดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการดูดไขมัน เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
-
เตรียมชุดกระชับและพื้นที่พักฟื้น
การใส่ชุดกระชับหลังดูดไขมันมีส่วนช่วยลดบวมและทำให้ผิวเข้ารูปได้ดีขึ้น ควรเตรียมชุดและพื้นที่สำหรับการพักฟื้นให้พร้อมก่อนวันทำหัตถการ
ดูแลตัวเองอย่างไร? หลังดูดไขมัน
ข้อแนะนำหลังดูดไขมัน |
รายละเอียด |
สวมชุดกระชับตามคำแนะนำแพทย์ | ควรใส่ชุดกระชับ 4-6 สัปดาห์ โดยในช่วงแรกใส่ตลอดเวลา (ยกเว้นตอนทำความสะอาด) เพื่อช่วยลดบวมและให้ผิวกระชับเข้ารูป |
หลีกเลี่ยงการยกของหนักและออกกำลังกายหนัก | อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์หลังทำ เพื่อป้องกันไม่ให้แผลบวม หรือแผลฉีก ควรรอให้แผลหายดีก่อนกลับไปทำกิจกรรมปกติ |
รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์ | ยาปฏิชีวนะและยาแก้ปวดต้องรับประทานตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และไม่ปรับปริมาณยาเอง |
นอนในท่าที่เหมาะสม | ควรนอนยกศีรษะสูงในช่วง 1-2 วันแรก เพื่อลดอาการบวม และหลีกเลี่ยงการนอนทับบริเวณที่ดูดไขมัน |
รักษาความสะอาดแผล | ทำความสะอาดแผลอย่างระมัดระวังด้วยผ้าสะอาดตามคำแนะนำ หลีกเลี่ยงการใช้แอลกอฮอล์และสารเคมีที่เข้มข้น |
ดื่มน้ำมากและทานอาหารที่มีประโยชน์ | ดื่มน้ำช่วยขับของเสีย ควรทานอาหารที่มีโปรตีนและวิตามินสูง เช่น ผัก ผลไม้ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น |
หลีกเลี่ยงแสงแดด | บริเวณที่ทำจะไวต่อแสงแดด จึงควรสวมเสื้อผ้าปกปิดเพื่อป้องกันรอยด่างดำ |
ติดตามอาการและพบแพทย์ตามนัด | ควรพบแพทย์ตามกำหนดเพื่อตรวจสอบผลการรักษา หากพบอาการผิดปกติ เช่น แผลบวมแดงหรือปวด ควรแจ้งแพทย์ทันที |
ระยะเวลาในการพักฟื้น หลังดูดไขมัน | ระยะเวลาในการพักฟื้นหลังดูดไขมัน ประมาณ 1-2 สัปดาห์ แนะนำให้ใส่ชุดกระชับตลอดเป็นเวลา 3 วัน |
รายละเอียด ดูดไขมัน (Liposuction) รัตตินันท์ คลินิก
สรุปดูดไขมัน คืออะไร ทำที่รัตตินันท์ ดีอย่างไร?
การ ดูดไขมัน เป็นหัตถการทางการแพทย์ที่ช่วยปรับสัดส่วนของร่างกาย โดยกำจัดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดที่ลดได้ยาก เช่น บริเวณหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา เอว และเหนียงใต้คาง
ที่ รัตตินันท์ คลินิก มีการเลือกใช้เทคโนโลยีทันสมัย เช่น J Plasma และ TripleTite ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถดูดไขมันได้อย่างแม่นยำ พร้อมทั้งช่วยให้ผิวแนบกระชับมากขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้จะขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและการดูแลของแต่ละบุคคล โดยมีเป้าหมายเพื่อให้รูปร่างดูสมส่วนและเป็นธรรมชาติ ราคาเริ่มต้น 39,000 บาท
Q&A: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับดูดไขมัน
การดูดไขมันใช้ยาชาเฉพาะที่แบบ Tumescent ซึ่งจะฉีดยาชาผสมน้ำเกลือลงในบริเวณที่จะดูดไขมัน ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บระหว่างการผ่าตัด สำหรับกรณีที่ดูดไขมันปริมาณมากหรือหลายบริเวณ อาจใช้ยาสลบทั่วไป หลังผ่าตัดจะมีความเจ็บปวดระดับปานกลาง 2-3 วันแรก ซึ่งสามารถคุมได้ด้วยยาแก้ปวดทั่วไป ความเจ็บจะลดลงเรื่อยๆ และหายไปภายใน 1-2 สัปดาห์
ไขมันที่ดูดออกแล้วจะไม่กลับมาซ้ำ เพราะเซลล์ไขมันที่ถูกดูดออกไปแล้วจะไม่สร้างใหม่ อย่างไรก็ตาม หากรับประทานอาหารมากเกินไปหลังการดูดไขมัน เซลล์ไขมันที่เหลืออยู่จะขยายตัว และอาจมีไขมันสะสมในบริเวณอื่นที่ไม่ได้ดูด ดังนั้นการรักษาน้ำหนักและออกกำลังกายสม่ำเสมอหลังการดูดไขมันจึงสำคัญมากสำหรับการรักษาผลลัพธ์ให้ยาวนาน
ระยะเวลาฟื้นตัวขึ้นอยู่กับปริมาณและบริเวณที่ดูด ถ้าหากการดูดไขมันเล็กน้อย (เช่น ใต้คาง) สามารถกลับไปทำงานได้ใน 2-3 วัน การดูดไขมันปริมาณปานกลาง (เช่น หน้าท้อง) ต้องพัก 5-7 วัน และการดูดไขมันปริมาณมาก (หลายบริเวณ) อาจต้องพัก 1-2 สัปดาห์ ต้องใส่เสื้อกระชับ 4-6 สัปดาห์ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก 4-6 สัปดาห์ และเห็นผลลัพธ์สุดท้าย 3-6 เดือน
ผู้ที่ไม่เหมาะสม ได้แก่ คนที่อ้วนมาก (BMI >35), ผู้ที่คาดหวังให้ดูดไขมันช่วยลดน้ำหนัก, ผู้ที่มีผิวหย่อนมากเกินไป, คนที่มีโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ ผู้ที่ต้องระวังพิเศษ คนที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมลูก, ผู้ที่มีปัญหาการแข็งตัวของเลือด, คนที่เพิ่งคลอดหรือลดน้ำหนักมาก, ผู้ที่มีความคาดหวังไม่สมจริง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนตัดสินใจ
การดูแลหลังผ่าตัด ใส่เสื้อกระชับตลอดเวลา 4-6 สัปดาห์แรก, นวดระบายน้ำเหลือง 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์, หลีกเลี่ยงการแช่น้ำ 2 สัปดาห์, ออกกำลังกายเบาๆ หลัง 2 สัปดาห์ ออกกำลังกายปกติหลัง 6 สัปดาห์ การรักษาผลลัพธ์ รักษาน้ำหนักไม่ให้เพิ่มขึ้นมากกว่า 3-5 กิโลกรัม, ออกกำลังกายสม่ำเสมอ, กินอาหารสมดุล ผลลัพธ์จะคงทนถาวร หากดูแลน้ำหนักได้ดี เพราะเซลล์ไขมันที่ดูดออกไปแล้วจะไม่กลับมา แต่เซลล์ที่เหลือยังสามารถขยายตัวได้หากกินมากเกินไป
ทีมแพทย์ดูดไขมัน
ที่ รัตตินันท์ คลินิก
ทำไมต้อง ดูดไขมัน
ที่ รัตตินันท์
การเลือกสถานที่สำหรับการดูดไขมันเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ได้รับการดูแลอย่างปลอดภัยและผลลัพธ์ที่มีคุณภาพ รัตตินันท์ มีจุดเด่นในการให้บริการดูดไขมันด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านดูดไขมัน และการบริการที่ใส่ใจในรายละเอียด จึงเป็นที่ไว้วางใจของผู้รับบริการ
รัตตินันท์ คลินิก ให้บริการด้านความงามและการรักษา โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา พร้อมด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้รับบริการ ศูนย์ได้รับการรับรองคุณภาพจาก AACI สหรัฐอเมริกา ในฐานะศูนย์ศัลยกรรมผู้ป่วยนอกแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และได้รับการประเมินในด้านการให้บริการจากลูกค้าหลายประเทศ