ผ่าตัดกระเพาะ คืออะไร
ผ่าตัดกระเพาะ (Bariatric Surgery) คือ การลดขนาดของกระเพาะเพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างเส้นทางการย่อยและดูดซึมอาหารในลำไส้เล็ก โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อช่วยลดปริมาณการรับประทานอาหาร ลดความอยากอาหาร และควบคุมการดูดซึมแคลอรีเข้าสู่ร่างกาย
เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่สามารถลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายได้ด้วยวิธีทั่วไป เช่น การควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย รวมถึงยังช่วยลดความเสี่ยงจากโรคที่เกี่ยวข้องกับภาวะอ้วน เช่น เบาหวานและความดันโลหิตสูง
งานวิจัย ชี้ให้เห็นว่า การผ่าตัดกระเพาะอาหาร สามารถช่วยลดน้ำหนักได้อย่างต่อเนื่อง และยังช่วยลดความเสี่ยงจากโรคที่เกี่ยวข้องกับภาวะอ้วนได้เช่นกัน
บุคคลที่สามารถผ่าตัดกระเพาะได้
- บุคคลที่มีอายุมากกว่า 18 ปี
- บุคคลที่มี BMI 27+ (ในกรณีที่มีโรคร่วมด้วย)
- บุคคลที่ลดความอ้วนด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล
- บุคคลที่ไม่มีข้อห้ามในการผ่าตัด
ผ่าตัดกระเพาะ เหมาะกับใคร
บุคคลที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) สูงกว่าหรือเท่ากับ 40
ผู้ที่มี BMI สูงระดับนี้มักมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับภาวะอ้วน เช่น โรคหัวใจ เบาหวานประเภท 2 และความดันโลหิตสูง
บุคคลที่มี BMI ระหว่าง 35-39.9 และมีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับภาวะอ้วน
เช่น เบาหวานประเภท 2 ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (OSA) หรือ โรคไขมันพอกตับ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดื่มแอลกอฮอล์ ผู้ที่อยู่ในกลุ่มนี้อาจได้รับประโยชน์จากการผ่าตัดเพื่อช่วยควบคุมและลดความรุนแรงของโรคประจำตัว
บุคคลที่ไม่สามารถลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยวิธีการอื่น ๆ
การผ่าตัดกระเพาะ มักเป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับผู้ที่พยายามลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่น เช่น การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย และการใช้ยาลดน้ำหนัก แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
คลิก! ปรึกษาแพทย์บุคคลที่มีความพร้อมและมีความเข้าใจเกี่ยวกับการผ่าตัด
ผู้เข้ารับบริการมีความเข้าใจถึงผลลัพธ์และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัด รวมถึงมีความพร้อมในการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตหลังการผ่าตัด เช่น การปรับพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย และการติดตามผลกับแพทย์อย่างต่อเนื่อง
ได้รับการประเมินและแนะนำจากแพทย์
ศัลยแพทย์และทีมแพทย์ผู้เกี่ยวข้องจะทำการประเมินความพร้อมของผู้เข้ารับบริการ รวมถึงการตรวจสอบสุขภาพโดยรวม เพื่อให้มั่นใจว่าผู้เข้ารับบริการเหมาะสมสำหรับการผ่าตัดและสามารถรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้
การ ผ่าตัดกระเพาะ เพื่อลดน้ำหนัก อาจไม่ใช่ทางเลือกสำหรับทุกคน จึงจำเป็นต้องมีการประเมินและปรึกษากับแพทย์ผู้มีทักษะในการดูแลให้ปลอดภัยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดตามเป้าหมายสุขภาพของผู้เข้ารับบริการแต่ละบุคคล
คลิก! คํานวณ BMIเกณฑ์ดัชนีมวลกาย (BMI) และการประเมินผล
ภาวะอ้วน คือ สถานะที่ร่างกายมีไขมันสะสมมากเกินไปจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายแรงต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวานประเภท 2 และโรคความดันโลหิตสูง การประเมินภาวะอ้วนมักใช้ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) เป็นเครื่องมือในการวัด โดยสามารถวัดได้ด้วยวิธี ดังนี้
ตัวอย่างการคำนวณ
-
ดัชนีมวลกาย (BMI)
เป็นการคำนวณจากน้ำหนักตัว (กิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง (เมตร) ยกกำลังสอง ค่า BMI ถูกใช้เป็นมาตรฐานในการประเมินว่าอยู่ในเกณฑ์ผอม ปกติ อ้วน หรืออ้วนขั้นรุนแรง โดยแบ่งเป็น
- ต่ำกว่า 18.5 = น้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐาน
- 18.5-24.9 = น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ
- 25-29.9 = น้ำหนักเกิน
- 30 ขึ้นไป = เข้าสู่ภาวะอ้วน
- 40 ขึ้นไป = อ้วนขั้นรุนแรง
-
เส้นรอบเอว
การวัดเส้นรอบเอวเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ใช้ร่วมกับ BMI ในการประเมินความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับการสะสมของไขมันในช่องท้อง สำหรับผู้ชาย เส้นรอบเอวไม่ควรเกิน 102 เซนติเมตร และสำหรับผู้หญิงไม่ควรเกิน 88 เซนติเมตร
-
เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย
การวัดเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายช่วยให้ทราบถึงปริมาณไขมันที่สะสมในร่างกาย ซึ่งสามารถใช้เครื่องมือเฉพาะในการวัด เช่น การใช้เครื่องวัดไขมันในร่างกายหรือการสแกน DEXA
ข้อดีของการผ่าตัดกระเพาะ มีอะไรบ้าง
การ ผ่าตัดกระเพาะอาหาร เป็นวิธีการหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะอ้วน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถลดน้ำหนักได้ด้วยวิธีการทั่วไป การผ่าตัดนี้มีประโยชน์หลายประการที่ส่งผลดีต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้เข้ารับบริการ ดังนี้
1. ช่วยลดน้ำหนัก อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
การผ่าตัดกระเพาะอาหาร สามารถลดขนาดกระเพาะ ทำให้ผู้เข้ารับบริการรับประทานอาหารได้น้อยลงและรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ซึ่งส่งผลให้น้ำหนักลดลงอย่างต่อเนื่องและรักษาไว้ได้ในระยะยาว มากกว่าวิธีการลดน้ำหนักแบบทั่วไป
2. ลดความเสี่ยงจากโรคที่เกี่ยวข้องกับภาวะอ้วน
ผู้ที่มีภาวะอ้วนมักมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง การผ่าตัดกระเพาะอาหารช่วยลดน้ำหนักและปรับปรุงการทำงานของร่างกาย ส่งผลให้ความเสี่ยงของโรคเหล่านี้ลดลง
3. ปรับปรุงสุขภาพโดยรวมและคุณภาพชีวิต
การลดน้ำหนักด้วยการผ่าตัดช่วยเพิ่มความสามารถในการเคลื่อนไหว ลดอาการปวดข้อ ปรับปรุงการหายใจและการนอนหลับ ซึ่งทั้งหมดนี้มีส่วนช่วยให้ผู้เข้ารับบริการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. ส่งเสริมสุขภาพจิตและความมั่นใจในตนเอง
การลดน้ำหนักสำเร็จส่งผลดีต่อความมั่นใจและภาพลักษณ์ของผู้เข้ารับบริการ ช่วยลดความเครียดและความกังวลเกี่ยวกับรูปร่าง และส่งเสริมสุขภาพจิตในด้านบวก
5. ช่วยปรับพฤติกรรมการกินและสร้างวินัยในการดูแลตัวเอง
การผ่าตัดกระเพาะอาหาร ไม่เพียงแต่ลดขนาดกระเพาะ แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินในระยะยาว ผู้เข้ารับบริการจะได้รับคำแนะนำจากทีมแพทย์ในการรับประทานอาหารอย่างเหมาะสมและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
6. ลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
การรักษาภาวะอ้วนโดยการผ่าตัดกระเพาะอาหารมีส่วนช่วยในการยืดอายุขัยของผู้เข้ารับบริการ เนื่องจากลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต
การ ผ่าตัดกระเพาะอาหาร จึงเป็นทางเลือกที่มีประโยชน์อย่างมาก สำหรับผู้ที่มีภาวะอ้วนขั้นรุนแรงและต้องการปรับปรุงสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยควรได้รับการดูแลและคำแนะนำจากแพทย์ผู้มีทักษะเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ข้อเสียของการผ่าตัดกระเพาะ มีอะไรบ้าง
การผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนัก เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการจัดการภาวะอ้วนและปรับปรุงสุขภาพโดยรวม แต่เช่นเดียวกับการผ่าตัดอื่น ๆ ก็มีข้อเสียและผลข้างเคียงที่ผู้เข้ารับการรักษาควรทราบก่อนตัดสินใจ โดยสามารถศึกษาข้อมูลได้จากบทความ ข้อเสียของการผ่าตัดกระเพาะ หรือผลข้างเคียง มีอะไรบ้าง
ผ่าตัดกระเพาะ ที่รัตตินันท์ มีกี่ประเภท
-
การผ่าตัดกระเพาะบางส่วนแบบสลีฟ (Gastric Sleeve)
ผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟ (Gastric Sleeve) วิธีนี้เป็นการตัดส่วนใหญ่ของกระเพาะออกไป เหลือเป็นกระเพาะขนาดเล็กในรูปทรงท่อ วิธีนี้ช่วยลดความอยากอาหารและปริมาณการรับประทานอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
การผ่าตัดกระเพาะ ร่วมกับตัดต่อลำไส้แบบบายพาส (Gastric Bypass)
ผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักแบบบายพาส (Gastric Bypass) การผ่าตัดนี้ไม่เพียงแค่ลดขนาดกระเพาะ แต่ยังเปลี่ยนเส้นทางการย่อยอาหารบางส่วน ทำให้ร่างกายดูดซึมแคลอรีและสารอาหารได้น้อยลง เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้ผลดีสำหรับผู้ที่มีโรคอ้วนร่วมกับภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ
อ่านเพิ่มเติม : ผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักแบบบายพาส (Gastric Bypass)-
การผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักแบบ Mini bypass (เทคนิคใหม่)
การผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักแบบ Mini bypass เทคนิคนี้เป็นการผ่าตัดที่พัฒนามาจากการผ่าตัดสลีฟ โดยเพิ่มการปรับโครงสร้างภายในกระเพาะและลำไส้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลดน้ำหนัก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
-
OverStitch เย็บกระเพาะอาหาร เทคนิคไร้แผล
OverStitch เย็บกระเพาะอาหารแบบส่องกล้องผ่านทางปาก วิธีนี้ใช้การส่องกล้องทางปากเพื่อทำการเย็บกระเพาะด้วยไหมชนิดพิเศษ วิธีนี้ไม่มีการผ่าตัดและไร้แผลที่หน้าท้อง ผู้เข้ารับบริการฟื้นตัวเร็วและสามารถกลับไปทำกิจกรรมได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักและความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวข้องกับภาวะอ้วน
รีวิวผ่าตัดกระเพาะอาหารลดน้ำหนัก แบบ Overstitch
-
การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร (Gastric Balloon)
การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร (Gastric Balloon) หรือการกลืนบอลลูน วิธีนี้ไม่ต้องผ่าตัด เพียงใส่บอลลูนเข้าไปในกระเพาะเพื่อให้รู้สึกอิ่มเร็วและกินน้อยลง บอลลูนจะถูกใส่เข้าไปทางปากและสามารถเอาออกได้เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการรักษา
ที่ รัตตินันท์ ทีมศัลยแพทย์ของเรามีทักษะในการดูแลให้ปลอดภัย หากคุณกำลังพิจารณาว่าจะเลือกวิธีการผ่าตัดกระเพาะอาหารแบบใดที่เหมาะสม เราขอแนะนำให้ปรึกษากับศัลยแพทย์ของเราโดยตรง เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดสำหรับการลดน้ำหนักและดูแลสุขภาพของคุณอย่างเต็มที่
เวลาผ่าตัด
3-6 ชั่วโมง
วิธีดมยาสลบ
โดยวิสัญญีแพทย์
นอนโรงพยาบาล
1 วัน
แผลเล็ก เจ็บน้อย
ฟื้นตัวเร็ว
นพ.ปณต ยิ้มเจริญ เป็นศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญในการผ่าตัดผ่านกล้อง (Minimally Invasive Surgery – MIS) และผ่าตัดลดน้ำหนัก โดยให้การรักษาผู้ป่วยมาตั้งแต่ปี 1994 พร้อมทั้งได้เข้ารับการศึกษาต่อในหลายประเทศ รวมทั้งสหรัฐอเมริกาและแคนาดา