ทำตาสองชั้น คืออะไร?
ทำตาสองชั้น หรือที่เรียกกันว่า ศัลยกรรมเปลือกตาบน (Double Eyelid Surgery) คือ หัตถการที่ช่วยสร้างรอยพับชั้นตาบนให้ดูชัดเจน เป็นธรรมชาติ และสมดุลกับใบหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่มีตาชั้นเดียว ชั้นตาหลบใน หนังตาตก หรือชั้นตาไม่เท่ากัน ซึ่งทำให้ดวงตาดูง่วง เหนื่อยล้า หรือแต่งหน้ายาก
เป้าหมายของการ ทำตาสองชั้น คือ ช่วยให้ ดวงตาดูโต สดใส และคมชัดมากขึ้น แก้ปัญหา ตาดูง่วง/เหนื่อยล้าแม้ในเวลาปกติ ทำให้ แต่งตาง่ายขึ้น โดยไม่ต้องใช้สติ๊กเกอร์หรือกาวติดชั้นตา สร้างความมั่นใจ และ ปรับสมดุลโครงหน้าให้ดูละมุนขึ้น
ใครบ้างที่เหมาะกับการ ทำตาสองชั้น
- ตาชั้นเดียว / ชั้นตาหลบใน
- ดวงตาดูง่วงนอน ตาไม่สดใส
- หนังตาตกตามวัย
- ชั้นตาไม่เท่ากัน
- ต้องการให้แต่งหน้าง่ายขึ้น
เทคนิคการทำตาสองชั้นมีกี่แบบ แตกต่างกันอย่างไร
เทคนิคเย็บ 3 จุด
เทคนิคเย็บ 3 จุด หรือที่หลายคนเรียกกันว่า เย็บตาแบบไม่กรีด เป็นหนึ่งในวิธีการทำตาสองชั้นที่ ไม่ต้องกรีดเปิดหนังตาตลอดแนว เหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ ฟื้นตัวเร็ว และไม่อยากมีรอยแผลยาว
ข้อดีของเทคนิคเย็บ 3 จุด
- ไม่ต้องกรีดแผลยาว แผลมีขนาดเล็กมาก (ประมาณ 1–2 มิลลิเมตร)
- ฟื้นตัวไว บวมน้อยกว่าการกรีดยาว
- เหมาะกับคนอายุน้อย ที่ไม่มีหนังตาหย่อนหรือไขมันเปลือกตาเยอะ
- ได้ชั้นตาที่ดู บาง เรียบ และธรรมชาติ
- ไม่ต้องพักฟื้นนาน กลับไปใช้ชีวิตได้เร็ว
เทคนิคเย็บ 3 จุด เหมาะกับใครบ้าง?
- คนอายุน้อย (อายุประมาณ 18–35 ปี)
- ผู้ที่มีตาชั้นเดียว / ชั้นตาหลบใน แต่ไม่มีหนังตาหย่อน
- คนที่ไม่เคยทำตาสองชั้นมาก่อน
- ผู้ที่ต้องการหัตถการเบา ๆ แผลเล็ก ไม่ต้องพักฟื้นนาน
เทคนิคกรีดสั้น
ทำตาสองชั้นแบบกรีดสั้น หรือ Mini Incision Technique คือ เทคนิคที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง เย็บ 3 จุด กับ กรีดยาวเต็มแนว โดยแพทย์จะกรีดเปิดเปลือกตาเพียงบางส่วน (ไม่กรีดยาวตลอดแนว) เพื่อสร้างชั้นตาใหม่อย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมกับ นำไขมันบางส่วนใต้เปลือกตาออกได้ หากมีไขมันสะสมมาก
ข้อดีของเทคนิคกรีดสั้น
- แผลเล็ก ฟื้นตัวไวกว่ากรีดยาว
- สามารถ เอาไขมันเปลือกตาออก ได้บางส่วน
- ได้ชั้นตาชัดเจน ดูเป็นธรรมชาติ
- ลดโอกาสที่ชั้นตาจะหลุดในอนาคต เมื่อเทียบกับเย็บ 3 จุด
- เป็นเทคนิคที่ ปลอดภัยและเป็นที่นิยม สำหรับผู้ที่ไม่อยากกรีดยาว
เทคนิคกรีดสั้น เหมาะกับใครบ้าง?
- ผู้ที่มีไขมันเปลือกตาเล็กน้อย
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ถาวรกว่าเย็บ 3 จุด แต่ยังไม่อยากกรีดเต็มแนว
- คนที่ต้องการ ชั้นตาที่ชัดเจน แต่ดูไม่เว่อร์
- คนที่มีปัญหาชั้นตาหลบในจากไขมันสะสมบางส่วน
เทคนิคกรีดยาว
การทำตาสองชั้นแบบกรีดยาว หรือที่เรียกว่า Full Incision Technique คือ เทคนิคการผ่าตัดสร้างชั้นตาโดยการ กรีดเปิดหนังตาบนตลอดแนวชั้นตาใหม่ ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถ ตัดหนังตาส่วนเกิน ดูดไขมัน และจัดเรียงกล้ามเนื้อตาได้อย่างแม่นยำ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหนังตาหย่อน ตาชั้นเดียว หรือชั้นตาไม่เท่ากันอย่างชัดเจน
ข้อดีของเทคนิคกรีดยาว
- ได้ชั้นตาที่ชัดเจน และถาวร
- แก้ปัญหา หนังตาหย่อน, ชั้นตาหลบใน, ไขมันสะสม ได้ดีที่สุด
- เหมาะกับการ แก้ชั้นตาเดิม หรือผู้ที่เคยทำมาแล้วไม่พอใจ
- ปรับสมดุลของชั้นตาให้สองข้างเท่ากันได้แม่นยำ
เทคนิคกรีดยาว เหมาะกับใครบ้าง?
- ผู้ที่มีหนังตาตก / หนังตาหนา / ไขมันสะสมมาก
- คนที่ต้องการชั้นตาคมชัดและผลลัพธ์ถาวร
- ผู้ที่เคยทำตาสองชั้นมาแล้วแต่ไม่พอใจ ต้องการแก้ไข
- คนที่มีตาไม่เท่ากันอย่างชัดเจน
เทคนิคกรีดยาว+ดูดไขมันหนังตา
การทำตาสองชั้นแบบกรีดยาวร่วมดูดไขมันหนังตา คือ เทคนิคศัลยกรรมเปลือกตาบนที่แพทย์จะ กรีดหนังตาตลอดแนวชั้นตา และในขณะเดียวกันก็จะ นำไขมันส่วนเกินบริเวณเปลือกตาออก เพื่อให้ชั้นตาใหม่ดูเรียบเนียน คมชัด และไม่พองหรือหนา
เทคนิคนี้เหมาะกับคนที่มีตาชั้นเดียว ชั้นตาหลบใน หนังตาหนา หรือมีไขมันสะสมใต้เปลือกตามาก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ตาดูง่วงหรือหมองอยู่ตลอดเวลา
ข้อดีของเทคนิคกรีดยาวร่วมดูดไขมันหนังตา
- ได้ชั้นตาชัดเจนและสวยคมขึ้นมาก
- ลดความบวมและความหนาของเปลือกตาได้จริง
- ป้องกันไม่ให้ชั้นตาหลุดง่ายในอนาคต
- ชั้นตาเรียบ ไม่หนา ไม่โป่ง เหมือนบางกรณีที่ไม่ดูดไขมัน
เทคนิคกรีดยาวร่วมดูดไขมันหนังตา เหมาะกับใครบ้าง?
- ผู้ที่มี ไขมันเปลือกตาเยอะ ตาดูอูม
- คนที่มี ชั้นตาหลบในเพราะไขมันสะสม
- ผู้ที่เคยเย็บ 3 จุดแล้วหลุดง่าย อยากทำแบบถาวร
- ผู้ที่มีอายุ 30+ ปีขึ้นไป ที่เริ่มมีหนังตาตกและไขมันสะสม
เปรียบเทียบข้อดี – ข้อเสียของแต่ละเทคนิค
เทคนิค |
ข้อดี | ข้อเสีย |
เหมาะกับใคร |
เย็บ 3 จุด |
แผลเล็กมาก, ไม่ต้องกรีด,ฟื้นตัวไว, ไม่มีรอยแผลยาว | ชั้นตาอาจหลุดได้ในอนาคต แก้ไขรูปตาได้น้อย |
คนอายุน้อย หนังตาไม่หย่อน ต้องการทำแบบธรรมชาติและไม่ต้องพักฟื้นนาน |
กรีดสั้น |
แผลเล็กกว่ากรีดยาว เอาไขมันออกได้บางส่วน ชั้นตาติดแน่นกว่าเย็บ 3 จุด | ไม่เหมาะกับคนหนังตาหนา ฟื้นตัวนานกว่าเย็บ 3 จุด | คนที่มีไขมันเปลือกตาเล็กน้อย ต้องการความถาวรและยังอยากฟื้นตัวไว |
กรีดยาว |
ชั้นตาชัดเจน ถาวร แก้ปัญหาหนังตาตกได้ เหมาะกับการแก้ไขชั้นตาเก่า | แผลยาว ฟื้นตัวนานบวมช้ำมากกว่าวิธีอื่น |
คนที่หนังตาหย่อน ไขมันเยอะ ผู้ที่เคยทำมาแล้วและต้องการแก้ไข |
กรีดยาว + ดูดไขมัน |
ลดความหนาของเปลือกตาได้ชัดเจน ชั้นตาสวยคม ไม่โป่ง เหมาะกับเคสตาหนา/ตาอูม |
ต้องทำโดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญ ฟื้นตัวยาว และมีบวมช้ำ |
คนที่มีไขมันเปลือกตาเยอะ ชั้นตาหลบในเพราะตาอูม ต้องการผลลัพธ์ถาวรและเปลี่ยนชัดเจน |
อาการบวม ช้ำ หลังทำตาสองชั้น สิ่งที่ควรรู้และวิธีรับมือ
หลังทำตาสองชั้น อาการบวมและช้ำถือเป็น ภาวะปกติที่เกิดขึ้นกับทุกคน ซึ่งเป็นผลจากการที่เนื้อเยื่อเปลือกตาถูกกรีดหรือเย็บเพื่อสร้างชั้นตาใหม่ โดยระดับความบวม–ช้ำจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ เทคนิคที่ใช้, สภาพร่างกายแต่ละคน, และ การดูแลตัวเองหลังผ่าตัด
ช่วงเวลาของอาการบวม–ช้ำหลังผ่าตัด
ช่วงเวลา |
ลักษณะอาการ |
|
1–3 วันแรก |
บวมมากที่สุด (โดยเฉพาะช่วงเช้า), อาจมีรอยช้ำม่วงหรือแดงบริเวณรอบดวงตา | |
วันที่ 4–7 |
อาการบวมเริ่มลดลง รอยช้ำเปลี่ยนสีจากม่วง → เขียว → เหลือง |
|
สัปดาห์ที่ 2 |
อาการบวมเหลือเพียงเล็กน้อย ชั้นตาเริ่มเข้ารูป |
|
1 เดือนขึ้นไป |
ชั้นตาเข้าที่มากขึ้น รอยแผลเริ่มจางจนแทบไม่เห็น |
ดูแลตัวเองอย่างไร หลังทำตาสองชั้น
-
ประคบเย็นอย่างต่อเนื่อง (ใน 48 ชม. แรก)
- ใช้เจลเย็นหรือผ้าเย็นวางเบา ๆ บนเปลือกตา
- ประคบครั้งละ 15–20 นาที ทุก 1–2 ชั่วโมง
- ช่วยลดอาการบวม ช้ำ และเลือดออกใต้ผิวหนัง
2. นอนหัวสูง เพื่อลดบวม
- ใช้หมอนหนุนศีรษะให้สูงกว่าระดับหัวใจ (ห้ามนอนราบ)
- ควรนอนหงาย หลีกเลี่ยงการนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ
3. ทานยาและทำแผลตามคำแนะนำของแพทย์
- ทานยาแก้อักเสบ ยาแก้ปวด และยาลดบวมให้ครบ
- ใช้น้ำเกลือเช็ดทำความสะอาดรอบแผลเบา ๆ วันละ 1–2 ครั้ง
- ทายาหรือแปะแผลตามที่แพทย์สั่ง
4. หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นให้แผลอักเสบ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ 1–2 สัปดาห์
- งดอาหารแสลง เช่น อาหารทะเล ของหมักดอง เผ็ดจัด
- หลีกเลี่ยงแดดจัด ฝุ่น ควัน และลมแรง
5. งดแต่งหน้าและล้างหน้าบริเวณตา 7 วันแรก
- ใช้สำลีชุบน้ำเกลือเช็ดหน้าเบา ๆ แทนการล้างน้ำ
- หลังครบ 7 วัน และแพทย์ประเมินว่าปลอดภัยแล้ว จึงเริ่มล้างหน้า/แต่งตาได้
6.กลับมาตรวจตามนัด
- พบแพทย์เพื่อตัดไหม (ถ้ามี) ประมาณวันที่ 5–7
- แพทย์จะประเมินอาการบวม รอยแผล และแนวชั้นตา
7. สังเกตอาการผิดปกติ
รีบพบแพทย์ทันที เมื่อมีอาการ
- แผลแดง บวม ร้อนมากผิดปกติ
- มีหนองหรือกลิ่นจากแผล
- ปวดมากแม้ทานยา
- เห็นชั้นตาไม่เท่ากันชัดเจนในช่วงหลังแผลเริ่มเข้าที่ (หลัง 3–4 สัปดาห์)
สรุปการทำตาสองชั้น คืออะไร ดีอย่างไร ใครควรทำบ้าง
การทำตาสองชั้น คือ หัตถการศัลยกรรมเพื่อสร้างรอยพับที่เปลือกตาบน ให้ดวงตาดูโต คมชัด และมีมิติมากขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีตาชั้นเดียว ชั้นตาหลบใน หรือหนังตาตกตามวัย ช่วยให้ใบหน้าดูสดใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ข้อดีของการทำตาสองชั้น คือ แต่งหน้าง่ายขึ้น ชั้นตาไม่หลุดเหมือนติดสติ๊กเกอร์ และผลลัพธ์อยู่ได้นานหรือถาวร ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้ ใครที่รู้สึกว่าตาดูง่วง ตาไม่เท่ากัน หรืออยากเสริมความมั่นใจในลุคโดยรวม ควรพิจารณาทำตาสองชั้นร่วมกับแพทย์เฉพาะทางเพื่อผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเหมาะกับใบหน้า
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำตาสองชั้น (FAQ)
ระหว่างทำจะไม่รู้สึกเจ็บ เพราะแพทย์ใช้ ยาชาเฉพาะที่ คนไข้จะรู้สึกเพียงตึง ๆ หรือกด ๆ เล็กน้อย ส่วนหลังทำอาจมีบวม ระบมเล็กน้อยในช่วง 2–3 วันแรก ซึ่งสามารถควบคุมได้ด้วยยาแก้ปวดที่แพทย์สั่ง
โดยทั่วไปจะ บวมมากใน 1–3 วันแรก, จากนั้นค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 7 วัน และชั้นตาจะเริ่มเข้าที่ในช่วง 2–4 สัปดาห์ หากดูแลตัวเองดี เช่น ประคบเย็น-นอนหัวสูง จะช่วยให้หายไวขึ้น
หากใช้เทคนิคกรีดสั้นหรือกรีดยาว ชั้นตาจะ อยู่ได้ถาวร แต่หากเป็นการเย็บ 3 จุด อาจอยู่ได้ประมาณ 3–10 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพหนังตาและอายุ
สามารถแต่งหน้าเบา ๆ รอบดวงตา และใส่คอนแทคเลนส์ได้หลัง 7–10 วัน เมื่อแผลแห้งดีแล้ว และแพทย์อนุญาตให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ
หากใช้เทคนิคเย็บ 3 จุด มีโอกาสที่ชั้นตาจะคลาย หรือหลุดได้ในอนาคต โดยเฉพาะในผู้ที่มีหนังตาหนา แต่ถ้าใช้เทคนิคกรีดยาว ชั้นตาจะติดแน่นและคงอยู่ถาวร
Rattinan Team เป็นทีมเขียนบทความสุขภาพที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรกับ SEO เพื่อเพิ่มการมองเห็นและการเข้าถึงของเว็บไซต์สุขภาพในผลการค้นหาของ Google ทีมงานของเราประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่มีประสบการณ์ในหลากหลายสาขา เช่น การแพทย์ การพยาบาล โภชนาการ และการออกกำลังกาย