คุณหมอสรุปให้ เย็บกระเพาะ ทำไมต้อง รัตตินันท์ คลินิก
OverStitch™ หรือการเย็บกระเพาะ (Endoscopic Sleeve Gastroplasty: ESG) เป็นวิธีลดขนาดกระเพาะโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล และไม่ต้องนอนพักฟื้นนาน
แพทย์จะใช้กล้องส่องผ่านปากเข้าไปเย็บกระเพาะจากด้านใน ทำให้ขนาดกระเพาะเล็กลง กินได้น้อยลง อิ่มเร็วขึ้น ช่วยลดน้ำหนักและควบคุมโรคอ้วนได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องตัดกระเพาะออกเหมือนการผ่าตัดแบบสลีฟหรือบายพาส
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก แต่ไม่อยากผ่าตัดใหญ่ หรือมีข้อจำกัดด้านสุขภาพในการผ่าตัด
การผ่าตัดกระเพาะ คืออะไร ?
การผ่าตัดกระเพาะ (Bariatric Surgery) คือการลดน้ำหนักและรักษาโรคอ้วนโดยการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะด้วยวิธีการตัดกระเพาะส่วนหนึ่งออกเพื่อปรับกระบวนการทำงานของการดูดซึมอาหารและพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ทำให้ผู้ที่รับการรักษาทานอาหารได้น้อยลง อิ่มเร็ว จนน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งวิธีผ่าตัดกระเพาะสามารถแยกออกได้หลายชนิด ดังนี้
- การผ่าตัดกระเพาะออกบางส่วนเพื่อให้ขนาดกระเพาะเล็กลงที่เรียกว่า การผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟ (Gastric Sleeve)
- การผ่าตัดกระเพาะออก ร่วมกับตัดต่อลำไส้ร่วมด้วย เรียกว่า การผ่าตัดกระเพาะแบบบายพาส (Gastric Bypass)
นอกจากนี้ยังมีวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด แต่ให้ผลลัพธ์ไม่ต่างกันคือ
- การใส่บอลลูน เพื่อเข้าไปทำให้กระเพาะแน่น ทานได้น้อยลง
- การรัดกระเพาะ วิธีนี้ไม่เป็นที่นิยมมากนัก เพราะผลลัพธ์ไม่ดี และหากรัดแน่นเกินไป อาจผลส่งเสียต่ออวัยวะได้
- OverStitch™ นับเป็นการลดขนาดกระเพาะรูปแบบใหม่ โดยจะเป็นการลดขนาดกระเพาะแทน ไม่ต้องผ่าตัดกระเพาะออก
จุดเปรียบเทียบ | ตัดกระเพาะ (Sleeve/BYPASS) | เย็บกระเพาะ (OverStitch™) |
วิธีการ | ผ่าตัด ตัดกระเพาะบางส่วนออก | ใช้กล้องส่องผ่านปาก เย็บกระเพาะให้เล็กลง |
แผลผ่าตัด | มีแผลเล็กจากการส่องกล้อง | ไม่มีแผลภายนอก |
การพักฟื้น | พักใน รพ. 2-4 วัน | กลับบ้านได้ภายในวันเดียว |
ความเสี่ยง | มีความเสี่ยงจากการผ่าตัด เช่น แผลรั่ว | ความเสี่ยงน้อยกว่า เพราะไม่ต้องผ่าตัด |
เหมาะกับใคร | ผู้ที่อ้วนมากหรือมีโรคร่วม เช่น เบาหวาน, กรดไหลย้อน | ผู้ที่อ้วนระดับกลาง และไม่อยากผ่าตัด |
ผลลัพธ์ระยะยาว | ลดน้ำหนักได้มากและต่อเนื่อง | ลดได้ดี แต่ไม่มากเท่าการผ่าตัด |
การกลับมาขยายตัว | โอกาสกระเพาะขยายต่ำ |
กระเพาะอาจกลับมาใหญ่ได้ หากไม่ปรับพฤติกรรมการกิน
|
รีวิว คนไข้ลดน้ำหนัก รักษาโรคอ้วนด้วยการ เย็บกระเพาะ (OverStitch) ห่อให้กระเพาะเล็กลง โดยไม่มีการตัดกระเพาะออก และไม่มีแผลที่หน้าท้อง
- pain score หลังทำคือ 0-3 (ความเจ็บน้อยมาก)
- นอนพักฟื้นโรงพยาบาล 1 คืน และกลับบ้านได้ทันที
- การรักษาด้วยวิธี เย็บกระเพาะ (OverStitch) ไม่มีการใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม opioid จึงทำให้ผลแทรกซ้อนต่ำกว่าการผ่าตัดแบบปกติ
การเย็บกระเพาะด้วย OverStitch คืออะไร
การเย็บกระเพาะ (Endoscopic Sleeve Gastroplasty) คือการนำอุปกรณ์การเย็บกระเพาะที่เรียกว่า OverStitch™ สอดเข้าไปในปากขณะที่คนไข้หลับ แล้วกระเพาะจะถูกเย็บด้วยเข็มและไหมแบบพิเศษโดยการส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร ดังนั้นจึงไม่มีแผลที่หน้าท้อง ซึ่งต่างจากการผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักแบบเดิม ส่งผลให้กระเพาะมีขนาดเล็กลง เราจึงทานอาหารได้น้อย และอิ่มได้เร็ว
การเย็บกระเพาะนั้นไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลหลายคืน หรือในบางกรณี สามารถทำเช้า เย็นกลับได้ โดยไม่ต้องดมยาสลบนาน และลดความเสี่ยงจากการผ่าตัดได้มากกว่าวิธีเดิม หลังคนไข้กลับบ้านแล้ว สามารถเริ่มต้นเข้าสู่โปรแกรมลดน้ำหนักได้สบายมากขึ้น เนื่องจากมีอาการหิวลดลง และในการรับประทานอาหารแต่ละครั้งก็อิ่มนานกว่าวิธีทานยาลดความอ้วนหรือการใส่บอลลูนลดน้ำหนักอีกด้วย
OverStitch เย็บกระเพาะอาหาร รักษาโรคอ้วน เหมาะกับใครบ้าง
OverStitch หรือ เย็บกระเพาะอาหาร รักษาโรคอ้วน เหมาะกับบุคคลดังต่อไปนี้
- คนไข้ที่น้ำหนักเกินแต่อาจจะไม่มากจนต้องการผ่าตัดกระเพาะ (BMI 28-35)
- คนอ้วนมากระดับ super obese patients ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการผ่าตัดนาน ๆ
- คนไข้ที่เคยผ่าตัดช่องท้องมาก่อนหลายครั้ง หากต้องมีการผ่าตัดอีกครั้งมีความยากลำบากมากขึ้น
- คนไข้ที่มีอวัยวะในช่องท้องที่ผิดปกติเกินไป
- คนไข้อายุเกินเกณฑ์ผ่าตัดปกติ เช่น อายุมากกว่า 65 ปี
- คนไข้ที่ไม่ต้องการการผ่าตัดด้วยหลายเหตุผล รวมทั้งความเชื่อทางศาสนาต่าง ๆ
- เป็น bridging surgery ระหว่างรอการผ่าตัดกระเพาะแบบบายพาสหรือสลีฟ
- คนไข้ที่กลัวการผ่าตัดกระเพาะอาหารทุกชนิด
ประโยชน์ของการลดน้ำหนักด้วยวิธีเย็บกระเพาะ
การลดขนาดกระเพาะโดยการเย็บกระเพาะรักษาโรคอ้วนแบบไร้แผลหน้าท้อง จะช่วยลดน้ำหนักอย่างถาวรและสามารถลดความเสี่ยงของโรคดังต่อไปนี้
- โรคไขมันเกาะตับ
- โรคหยุดหายใจขณะหลับ
- โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง
- โรคหัวใจทำงานหนักจากความอ้วน
- โรคข้ออักเสบที่เกิดจาก น้ำหนักเกิน
- โรคไขมันในเลือดสูง
- ลดความเสี่ยงขอ โรคเส้นเลือดสมองแตก หรือตีบ
- ลดความเสี่ยงของเส้นเลือดหัวใจตีบ
ข้อดีของการลดน้ำหนักด้วยวิธี OverStitchTM
- ไม่ต้องมีแผลหน้าท้อง ไม่มีการตัดกระเพาะออกไป จริง ๆ แค่เย็บเข้าหากันเพื่อให้เล็กลงเท่านั้น
- ใช้เวลาในการผ่าตัดสั้นมาก เพียงประมาณ 60-90 นาที และไม่ต้องดมยาสลบนาน หรือบางรายไม่จำเป็นต้องให้ยาสลบใด ๆ มีความเสี่ยงต่ำ
- ฟื้นตัวเร็วกว่าการผ่าตัดชนิดอื่น ๆ จึงสามารถนอนค้างโรงพยาบาลเพียงแค่ 1 คืน เพื่อเฝ้าดูอาการเท่านั้น สามารถลุกนั่ง เดิน และเข้าห้องน้ำได้ตามปกติ
- มีผลข้างเคียงหลังการผ่าตามรายงานวิจัยปัจจุบันค่อนข้างต่ำ ส่วนใหญ่เป็นอาการเล็กน้อย เช่น คลื่นไส้อาเจียน
- ลดผลแทรกซ้อนที่เกิดจากการผ่าตัดกระเพาะแบบปกติ เช่น การขาดสารอาหารหรือกรดไหลย้อน เป็นต้น
ข้อเสียของการลดขนาดกระเพาะด้วยวิธี OverStitchTM
- มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการผ่าตัดชนิดอื่น เนื่องจากอุปกรณ์นำเข้าคุณภาพพรีเมียมมีราคาสูง
- ไม่มีการตัดส่วนที่ควบคุมความหิวที่ติดอยู่กับผนังกระเพาะออกไป จึงทำให้อาจจะหิวเหมือนปกติ แต่ว่าจะอิ่มเร็วเนื่องจากขนาดกระเพาะเล็กลง
- ในระยะยาวลดน้ำหนักได้น้อยกว่าการผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟหรือบายพาส (ในช่วงต้นหลังการผ่าจึงจำเป็นต้องเข้าสู่โปรแกรมการลดน้ำหนักทั้งโภชนาการและอื่น ๆ ตามที่ทางทีมแพทย์จัดไว้ให้และปฏิบัติอย่างเคร่งครัด)
- หากเลือกแพทย์ที่ไม่ชำนาญ การเย็บอาจจะไปเกี่ยวโดนอวัยวะอื่น ๆ นอกกระเพาะ เนื่องจากไม่ทำการฝึกอบรมมาดีพอหรือมีทักษะในการใช้กล้องส่องกระเพาะอาหารไม่มากนัก
รู้หรือไม่! การลดขนาดกระเพาะด้วยการเย็บ มีความเสี่ยงน้อยกว่า
จนถึงปัจจุบัน การเย็บกระเพาะเพื่อลดขนาดกระเพาะรักษาโรคอ้วน ยังพบว่ามีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากลักษณะการผ่าตัดใช้เวลาสั้น ไม่มีแผลจากหน้าท้อง และเสียเลือดน้อยมาก จึงไม่มีความเจ็บปวดแผลจนลุกไม่ได้ หรือ ฟื้นตัวช้า
ผลข้างเคียงที่สำคัญมีเรื่องคลื่นไส้อาเจียนในช่วงต้นไม่กี่วันเท่านั้น เนื่องจากขนาดกระเพาะที่เล็กลง ซึ่งแก้ไขได้โดยการทานอาหารเหลวไปก่อน 2 อาทิตย์ ทานยาลดอาการก่อนจะค่อย ๆ ปรับตัวมาทานอาหารปกติได้ในที่สุด
นอกจากนี้ ไหมจาก OverStitchTM ยังถูกออกแบบไม่ให้ละลายออกไปได้ง่าย ๆ เพื่อความคงทนของการรักษา แต่อาจจะหลุดออกไปเองได้เมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่ง เนื่องจากปกติกระเพาะจะเก่งในการปรับตัวเองมาก
หลังเย็บกระเพาะอาหาร OverStitch น้ำหนักลงลงไปกี่กิโลกรัม
หลังการเย็บกระเพาะแบบไร้แผล OverStitchTM จะทำให้น้ำหนักลดลงไปได้ราว 20-30% ภายใน 12 เดือน เช่น จากน้ำหนัก 100 กก จะสามารถลดลงไปได้ถึง 20-30 กิโลกกรัม เป็นต้น ซึ่งอาจจะน้อยกว่าการผ่าตัดกระเพาะแบบส่องกล้องที่เอากระเพาะและส่วนที่ความคุมความหิวออกไปเลย แต่มีความปลอดภัย มีความเสี่ยงต่ำ และช่วยให้กลับมาสุขภาพดี ลดการเกิดอาการแทรกซ้อนได้ไม่แพ้กัน
ทั้งนี้ ในระยะยาว ไหมที่ผูกเย็บไว้ อาจจะหลุดหรือคลายตัวออกได้เองและถูกขับถ่ายออกมา แต่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
เราควรเลือก ผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก แบบไหนดี ?
กำลังตัดสินใจเลือกระหว่าง OverStitch และการผ่าตัดลดกระเพาะผ่านกล้อง ใช่ไหมคะ? ทางเลือกที่เหมาะสมนั้นจะแตกต่างกันไปตามสภาพร่างกาย สุขภาพโดยรวม และวัตถุประสงค์ส่วนบุคคลของแต่ละท่าน
สิ่งสำคัญคือการได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญครบทุกด้าน เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่ตรงประเด็นและเหมาะสมที่สุด
รัตตินันท์ คลินิก มีทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์พร้อมให้บริการปรึกษาโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ดูแลท่านด้วยความใส่ใจอย่างเข้าใจ และร่วมค้นหาวิธีการที่ใช่เฉพาะสำหรับท่านเท่านั้น
การเย็บกระเพาะด้วยวิธี OverStitch ที่ รัตตินันท์ ดำเนินการโดย นอ.นพ. ปณต ยิ้มเจริญ ศัลยแพทย์ผู้ผ่านการอบรมการใช้อุปกรณ์ OverStitch ตั้งแต่ปี 2017
โดยได้รับการถ่ายทอดเทคนิคจาก Prof. Gontrand Lopex Nava และ Prof. Manoel Galvao ซึ่งเป็นแพทย์ผู้มีประสบการณ์สูงด้านการเย็บกระเพาะด้วย OverStitch
Professor Manoel Galvao (ซ้าย) Professor Gontrand Lopez Nava (ขวา)
ทีมแพทย์ผ่าตัดกระเพาะ ที่ รัตตินันท์ คลินิก
เย็บกระเพาะลดน้ำหนัก OverStitch ราคาเท่าไร
ราคาโปรแกรมเย็บกระเพาะลดน้ำหนักเริ่มต้น 450,000 บาท ครอบคลุมค่าศัลยแพทย์, ค่าห้องผ่าตัด, ค่ายา และค่าบริการทางการแพทย์ ดำเนินการในโรงพยาบาลเอกชนที่ได้มาตรฐาน JCI โดยทีมแพทย์และพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิดตามมาตรฐานความปลอดภัย
คำถามที่พบบ่อย ลดขนาดกระเพาะลดน้ำหนัก OverStitch
เนื่องจากการลดขนาดกระเพาะลดน้ำหนักนั้น เป็นการผ่าตัดด้วยเทคนิคใหม่ แบบส่องกล้องทางปาก จึงไม่มีแผลผ่าตัดที่หน้าท้องเลย ไม่ต้องตัดกระเพาะออก แต่ทำให้กระเพาะมีขนาดเล็กลงด้วยการเย็บด้วยเข็มและไหมแบบพิเศษ
- เจ็บน้อย ฟื้นตัวได้ไว ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลหลายคืน ในบางกรณีสามารถทำเช้า เย็นกลับบ้านได้ ไม่ต้องดมยาสลบนาน
- ลดความเสี่ยงจากการผ่าตัดได้มากกว่าวิธีเดิม
- หลังคนไข้กลับบ้านแล้ว สามารถเริ่มต้นโปรแกรมลดน้ำหนักได้สบายมากขึ้น เนื่องจากความหิวลดลง และอิ่มนานกว่าการใส่บอลลูนลดน้ำหนัก
- เมื่อน้ำหนักลดลงแล้ว โรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ก็จะหายไปด้วย ทำให้สุขภาพกลับมาแข็งแรงทั้งภายในและภายนอก
- การลดขนาดกระเพาะลดน้ำหนัก นั้นเหมาะกับคนที่อยากลดความอ้วน มีปัญหาสุขภาพที่มีสาเหตุมาจากความอ้วน แต่ต้องมี BMI อยู่ที่ระหว่าง 28-35
- เหมาะกับคนที่เคยลดความอ้วน ด้วยวิธีการใส่บอลลูน มาก่อน
- คนไข้ไม่ต้องการผ่าตัด ด้วยจากหลายสาเหตุ เช่น ปัญหาสุขภาพ รวมถึงความเชื่อทางศาสนา
หลังการลดขนาดกระเพาะลดน้ำหนัก ในระยะแรกเวลารับประทานอาหาร อาจจะมีอาการอึดอัด คลื่นไส้ อาเจียน ได้เนื่องจากขนาดกระเพาะมีขนาดที่เล็กลง แต่อาการจะดีขึ้นจนเป็นปกติประมาณอาทิตย์ที่ 3 ขึ้นไป
- มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการผ่าตัดชนิดอื่น
- ไม่มีการตัดส่วนที่ควบคุมความหิวที่ติดอยู่กับผนังกระเพาะออกไป จึงทำให้อาจจะหิวเป็นปกติ แต่อิ่มเร็วเนื่องจากกระเพาะเล็กลง
- ลดน้ำหนักได้น้อยกว่าการผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟหรือบายพาส
มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการผ่าตัดชนิดอื่น เนื่องจากการเย็บกระเพาะ OverStitch นั้นเป็นเทคนิคใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในประเทศไทย (แต่มีมานานในต่างประเทศ) เครื่องมือทั้งหมดต้องนำเข้าจากต่างประเทศ อีกทั้งแพทย์ที่ทำการรักษาก็เป็นเรื่องสำคัญ ที่ห้ามมองข้ามเด็ดขาด เพราะต้องอาศัยแพทย์ที่มีฝีมือ ความชำนาญ และมากประสบการณ์ในการรักษาด้วย
รัตตินันท์ คลินิก ให้บริการด้านความงามและการรักษา โดยทีมแพทย์เฉพาะทางระดับอาจารย์หลากหลายสาขา ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีความปลอดภัยสูงและเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ได้รับรองมาตรฐานจาก AACI สหรัฐอเมริกา ด้านศูนย์ศัลยกรรมผู้ป่วยนอกแห่งแรกในเอเชียแปซิฟิก 2 ปีซ้อน รวมถึงรางวัลจาก WhatClinic ด้านบริการลูกค้ายอดเยี่ยมระดับสากล เป็นปีที่4 จากลูกค้ากว่า 30 ประเทศทั่วโลก ที่ให้ความไว้วางใจและใช้บริการอย่างต่อเนื่อง