ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับการผ่าตัดลดกระเพาะอาหาร
การผ่าตัดลดกระเพาะอาหารเป็นขั้นตอนทางการแพทย์ที่ปรับเปลี่ยนโครงสร้างของระบบทางเดินอาหารอย่างถาวร โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการลดขนาดกระเพาะอาหารหรือเปลี่ยนเส้นทางการย่อยและดูดซึมอาหารในลำไส้เล็ก เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการสามารถทานอาหารได้น้อยลง รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ลดความอยากอาหาร และควบคุมการดูดซึมแคลอรีเข้าสู่ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีการนี้เหมาะสมอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักในระยะยาว หรือผู้ที่มีภาวะอ้วนขั้นรุนแรงที่ไม่สามารถควบคุมได้ด้วยวิธีดั้งเดิม

ทำไมคนที่มีปัญหาน้ำหนักเกินถึงเลือกผ่าตัดกระเพาะ?
เหตุผลหลักของผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนมักเลือกการ ผ่าตัดกระเพาะ เนื่องจากเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักและช่วยเรื่องสุขภาพในระยะยาว โดยมีเหตุผลหลักดังนี้
- การผ่าตัดกระเพาะ (Bariatric Surgery) ทำให้กระเพาะเล็กลง ส่งผลให้รับประทานอาหารได้น้อยลงและรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น
- ผู้ที่ผ่าตัดกระเพาะสามารถลดน้ำหนักได้ประมาณ 50-70% ของน้ำหนักส่วนเกินภายใน 1-2 ปี (ทั้งนี้ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
- โรคเบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes) หลังผ่าตัด ผู้ป่วยจำนวนมากสามารถควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น หรือบางคนไม่ต้องใช้ยาอีกเลย
- โรคความดันโลหิตสูง น้ำหนักที่ลดลงช่วยให้หัวใจทำงานน้อยลง ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจวาย
- ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ผู้ที่มีน้ำหนักเกินมักมีปัญหานี้ การลดน้ำหนักช่วยให้อาการดีขึ้นหรือหายไป
- ข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis) น้ำหนักตัวที่ลดลงช่วยลดแรงกดทับที่ข้อต่อ
การผ่าตัดกระเพาะ ประกันสังคม
การ ผ่าตัดกระเพาะ ประกันสังคม คือ อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการผ่าตัดกระเพาะโดยใช้สิทธิ์เข้ารับการรักษาโดยมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าหรือบางกรณีไม่มีค่าใช้จ่ายเลย
ซึ่งต้องมีค่า BMI ≥ 35 kg/m² และมีโรคร่วม เช่น เบาหวาน ความดันสูง ไขมันในเลือดสูง และ BMI ≥ 40 kg/m² แม้ไม่มีโรคร่วม ซึ่งต้องได้รับการประเมินจากแพทย์ เพื่อยืนยันว่าการผ่าตัดเป็นทางเลือกที่เหมาะสม และเป็นผู้ประกันตนที่มีสิทธิ์รักษาพยาบาลกับโรงพยาบาลในระบบประกันสังคม
ขั้นตอนการเข้ารับการผ่าตัด ประกันสังคม
แพทย์จะทำการตรวจประเมินสุขภาพโดยรอบ รวมถึงการคำนวณค่า BMI การตรวจสอบโรคประจำตัว และประเมินว่าผู้เข้ารับบริการเข้าเกณฑ์การผ่าตัดตามหลักเกณฑ์ของประกันสังคมหรือไม่ หากผลการประเมินแสดงว่าเหมาะสมสำหรับการผ่าตัด แพทย์จะดำเนินการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่มีความพร้อมในการให้บริการผ่าตัดลดกระเพาะอาหาร
ก่อนการผ่าตัด ผู้เข้ารับบริการจะต้องผ่านการตรวจสุขภาพที่ครอบคลุม ประกอบด้วย การตรวจเลือดเพื่อดูระดับน้ำตาล ไขมัน และการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเพื่อประเมินสภาพหัวใจ การตรวจภาพรังสีหน้าอก และอาจต้องได้รับการประเมินจากแพทย์เฉพาะทางหลายสาขา เช่น นักโภชนาการเพื่อวางแผนการกินหลังการผ่าตัด จิตแพทย์หากจำเป็น และแพทย์ระบบหายใจหากมีปัญหาการนอนหลับ
ระหว่างรอคิวผ่าตัด ผู้เข้ารับบริการจะต้องเข้าร่วมโปรแกรมการลดน้ำหนักภายใต้การดูแลของทีมสหสาขาวิชาชีพ โดยต้องลดน้ำหนักให้ได้ 5-10% ของน้ำหนักปัจจุบัน เพื่อลดความเสี่ยงระหว่างการผ่าตัดและเพิ่มโอกาสสำเร็จ รวมถึงได้รับความรู้เรื่องการดูแลตนเองหลังการผ่าตัดและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
การรอคิวผ่าตัดขึ้นอยู่กับความพร้อมของโรงพยาบาลและจำนวนผู้ป่วยที่รอรับการรักษา โดยทั่วไปอาจใช้เวลาตั้งแต่หลายเดือนจนถึงหนึ่งปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลที่เลือกและความรุนแรงของอาการ ในระหว่างนี้ผู้เข้ารับบริการต้องดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่องและปฏิบัติตามคำแนะนำของทีมแพทย์
การผ่าตัดที่ใช้กับผู้ป่วยประกันสังคมส่วนใหญ่คือเทคนิค Sleeve Gastrectomy หรือการตัดกระเพาะอาหารออกบางส่วนผ่านกล้อง เป็นการผ่าตัดแผลเล็กที่ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง มีความปลอดภัยสูงและมีภาวะแทรกซ้อนน้อย หลังการผ่าตัด ผู้เข้ารับบริการจะต้องพักฟื้นในโรงพยาบาลประมาณ 2-3 วัน เพื่อให้แพทย์สามารถติดตามอาการและดูแลแผลผ่าตัด
หลังจากออกจากโรงพยาบาล ผู้เข้ารับบริการจะต้องเข้าพบแพทย์เป็นระยะ ๆ เพื่อติดตามผลการรักษา ตรวจสอบภาวะโภชนาการ ประเมินการลดน้ำหนัก และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น การติดตามจะดำเนินการอย่างน้อย 2 ปี โดยอาจต้องเสริมวิตามินและแร่ธาตุตลอดชีวิต เพื่อป้องกันภาวะขาดสารอาหาร
สิ่งสำคัญที่สุดคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและวิถีชีวิต ผู้เข้ารับบริการจะต้องทานอาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ และเคี้ยวให้ละเอียด หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง ออกกำลังกายเป็นประจำ และเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนเพื่อแบ่งปันประสบการณ์และรับกำลังใจจากผู้ที่ผ่านการผ่าตัดมาแล้ว
ข้อสำคัญ : การผ่าตัดเป็นเพียงเครื่องมือช่วยลดน้ำหนัก ความสำเร็จในระยะยาวขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและการดูแลตนเองอย่างต่อเนื่อง
ค่าใช้จ่ายและสิ่งที่ครอบคลุม ของประกันสังคม
สิทธิ์ประกันสังคมครอบคลุมอะไรบ้าง?
- ค่าผ่าตัดและค่ายาในโรงพยาบาลของรัฐที่เข้าร่วม
- ค่าห้องพักพื้นฐานในระหว่างการพักฟื้น
- การติดตามผลหลังผ่าตัด
- ฟรีทดสอบแผลรั่วหลังผ่าตัด
ค่าใช้จ่ายที่อาจต้องจ่ายเอง
- ค่าตรวจสุขภาพและค่าทดสอบบางอย่างที่อาจไม่อยู่ในสิทธิ์
- ค่าห้องพิเศษ (หากต้องการความสะดวกสบายเพิ่มเติม)
- ค่าดูแลหลังผ่าตัดในบางกรณี เช่น การติดตามผลนาน ๆ
ข้อดีและข้อเสียของการผ่าตัดกระเพาะผ่านประกันสังคม
ข้อดี
- ค่าใช้จ่ายน้อยหรือไม่มีเลย – เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักแต่มีงบประมาณจำกัด
- ได้รับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในโรงพยาบาลของรัฐ
- ช่วยลดโรคที่เกี่ยวข้องกับความอ้วน เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
ข้อเสีย
- ต้องรอคิวนาน – อาจใช้เวลาหลายเดือนถึงปีขึ้นอยู่กับโรงพยาบาล
- มีเงื่อนไขเข้มงวด – ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถใช้สิทธิ์ได้ ต้องมี BMI สูงและมีโรคร่วม
- ไม่สามารถเลือกสถานพยาบาลหรือแพทย์เองได้
- การติดตามผลหลังผ่าตัดอาจไม่ครอบคลุมเท่ากับคลินิกเอกชน
ใครเหมาะกับการผ่าตัดกระเพาะผ่านประกันสังคม?
- คนที่มีภาวะอ้วนรุนแรง (BMI ≥ 35) และมีโรคร่วม
- ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย และสามารถรอคิวได้นาน
- ไม่มีความจำเป็นต้องเลือกแพทย์หรือโรงพยาบาลเอง
- สามารถปฏิบัติตามกระบวนการของโรงพยาบาลรัฐได้
ใครไม่เหมาะกับการผ่าตัดกระเพาะผ่านประกันสังคม?
- คนที่ต้องการ ความสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องรอคิวนาน
- คนที่ต้องการ การดูแลเฉพาะทางอย่างใกล้ชิด
- คนที่ต้องการ เลือกแพทย์และสถานที่รักษาเอง
สรุป การผ่าตัดกระเพาะผ่านประกันสังคมดีไหม?
- หาก มีงบประมาณจำกัด และสามารถรอคิวได้นาน ก็เป็นทางเลือกที่ดี
- หาก ต้องการรักษาโรคร่วม เช่น เบาหวาน ความดัน และเข้าเกณฑ์ ก็สามารถใช้สิทธิ์ได้
- แต่ถ้า ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และเลือกแพทย์เอง อาจต้องพิจารณาผ่าตัดกับคลินิกเอกชน
คำแนะนำเพิ่มเติม
- ควรตรวจสอบว่าโรงพยาบาลไหนที่เข้าร่วมโครงการประกันสังคม
- ปรึกษาแพทย์เพื่อดูว่าเข้าเกณฑ์สำหรับการผ่าตัดหรือไม่
- หากต้องการความรวดเร็ว อาจต้องพิจารณาทางเลือกอื่น เช่น คลินิกเอกชน
การผ่าตัดกระเพาะที่รัตตินันท์ คลินิก
วิธีการผ่าตัดที่มีให้เลือก
- Sleeve Gastrectomy ตัดกระเพาะอาหารบางส่วนออก เพื่อให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น เหมาะกับผู้ที่ไม่มีภาวะกรดไหลย้อน
- Roux-en-Y Gastric Bypass (RYGB) ตัดและต่อทางเดินอาหารใหม่ ลดทั้งปริมาณอาหารและการดูดซึม เหมาะกับผู้ที่มีเบาหวานควบคุมยาก
- Mini Gastric Bypass (MGB / OAGB) เทคนิคที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยโครงสร้างที่เรียบง่ายกว่า RYGB แต่ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
- OverStitch การเย็บกระเพาะโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสุขภาพโดยไม่มีแผล
- Gastric Balloon การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารเพื่อจำกัดปริมาณอาหาร เหมาะกับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นโดยไม่ผ่าตัด
กระบวนการและขั้นตอน
- ไม่ต้องรอคิวนาน
- ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางโดยตรง
ค่าใช้จ่ายและแพ็กเกจที่มี
- ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
- รวมอะไรบ้าง เช่น ค่าห้องพัก, ค่ายา, ค่าติดตามผล
ข้อดีและข้อจำกัด
- ได้เลือกแพทย์และสถานพยาบาล
- ไม่มีขั้นตอนยุ่งยาก
- ค่าใช้จ่ายสูงกว่าประกันสังคม
ควรเลือกแบบไหน?
- เลือกประกันสังคม → ถ้าต้องการประหยัดงบประมาณ และมีเวลาในการรอ
- เลือกผ่าตัดที่รัตตินันท์ → ถ้าต้องการความสะดวก รวดเร็ว และการดูแลเฉพาะทาง
สรุปและข้อแนะนำ
- การผ่าตัดกระเพาะมีข้อดีและข้อเสียในแต่ละทางเลือก
- ผู้อ่านควรพิจารณาตามงบประมาณ ความสะดวก และระยะเวลาที่ต้องการ
- แนะนำให้เข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ก่อนตัดสินใจ
- ทีมแพทย์ดูแลตลอด 2 ปี และนักโภชนาการเป็นการส่วนตัว
- ยาชาเทคนิค Painless pump เจ็บน้อยลง รวมอยู่ในค่าใช้จ่ายแล้ว
อ่านบทความเพิ่มเติม :
ผ่าตัดกระเพาะ รัตตินันท์ คลินิก
รัตตินันท์ คลินิก ให้บริการด้านความงามและการรักษา โดยทีมแพทย์เฉพาะทางระดับอาจารย์หลากหลายสาขา ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีความปลอดภัยสูงและเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ได้รับรองมาตรฐานจาก AACI สหรัฐอเมริกา ด้านศูนย์ศัลยกรรมผู้ป่วยนอกแห่งแรกในเอเชียแปซิฟิก 2 ปีซ้อน รวมถึงรางวัลจาก WhatClinic ด้านบริการลูกค้ายอดเยี่ยมระดับสากล เป็นปีที่4 จากลูกค้ากว่า 30 ประเทศทั่วโลก ที่ให้ความไว้วางใจและใช้บริการอย่างต่อเนื่อง