เสริมจมูก รับกับรูปหน้า ยกระดับความงามอย่างมีเอกลักษณ์

เสริมจมูก

การ เสริมจมูก ไม่ใช่แค่การปรับรูปหน้าให้ดูสวยขึ้น แต่คือศิลปะในการออกแบบใบหน้าให้สะท้อนตัวตนของแต่ละคนอย่างลงตัว ที่ รัตตินันท์ คลินิก เราให้ความสำคัญกับการออกแบบจมูกเฉพาะบุคคล โดยใช้ เทคนิค Close และ Semi-Open ที่เน้นความเป็นธรรมชาติและยังคงไว้ซึ่งความปลอดภัยในมาตรฐานทางการแพทย์  ไม่ว่าคุณจะมีจมูกแบน ปลายงุ้ม หรือโครงสร้างที่ต้องการปรับทรงอย่างพอดี เรามีเทคนิคเฉพาะเพื่อออกแบบจมูกให้รับกับสัดส่วนของใบหน้า เสริมความมั่นใจ โดยไม่เสียเอกลักษณ์ที่แท้จริงของคุณ

หากคุณกำลังมองหา คลินิกศัลยกรรม เสริมจมูก ที่เชื่อถือได้ พร้อมดูแลทุกเคสอย่างพิถีพิถันจากแพทย์ผู้มีประสบการณ์ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจตัวเลือกและแนวทางที่เหมาะกับคุณมากที่สุด

เสริมจมูกคืออะไร ทำไมถึงเป็นที่นิยม

การเสริมจมูก (Rhinoplasty) คือหัตถการปรับแต่งโครงสร้างจมูกเพื่อเพิ่มความสวยงาม เสริมมิติให้ใบหน้า และแก้ไขรูปทรงจมูกที่ไม่สมส่วน เช่น จมูกแบน ปลายงุ้ม หรือปีกกว้าง โดยสามารถเลือกใช้ได้ทั้งวัสดุสังเคราะห์อย่างซิลิโคน และวัสดุธรรมชาติจากร่างกาย เช่น กระดูกอ่อนหลังหูหรือเนื้อเยื่อเทียม

ในปัจจุบัน การเสริมจมูก ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่ความ “โด่ง” หรือ “เปลี่ยนลุค” เท่านั้น แต่คือการออกแบบอย่างละเอียด เพื่อให้รูปหน้าดูสมดุล มีมิติ และเสริมภาพลักษณ์โดยรวมให้มั่นใจยิ่งขึ้น ทั้งในชีวิตประจำวันและโอกาสทางสังคม

เหตุผลที่การเสริมจมูกได้รับความนิยม

  • ช่วยเพิ่มความมั่นใจ ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็รู้สึกดีขึ้นกับตัวเอง
  • ปรับสมดุลใบหน้า โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดใหญ่
  • ถ่ายรูปขึ้นมุม หน้าดูมีมิติมากขึ้น ทั้งในชีวิตจริงและบนโซเชียล
  • ใช้เทคนิคปลอดภัย ฟื้นตัวไว โดยเฉพาะเทคนิค Close และ Semi-Open ที่เน้นการออกแบบตามโครงหน้า

สำหรับหลายคน การเสริมจมูกคือจุดเริ่มต้นของการดูแลตัวเองอย่างจริงจัง และเป็นการลงทุนกับภาพลักษณ์ที่ให้ผลลัพธ์ยาวนานในแบบที่คุ้มค่า

เสริมจมูก รัตตินันท์ รีวิว 1
เสริมจมูก รัตตินันท์ รีวิว 2

เทคนิคเสริมจมูกมีกี่แบบ? ต่างกันอย่างไร

การเสริมจมูกในปัจจุบันมีหลายเทคนิคให้เลือก ซึ่งแต่ละวิธีก็มีจุดเด่นและข้อจำกัดต่างกันไป การเลือกเทคนิคที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับโครงสร้างจมูกเดิมของแต่ละคน ปัญหาที่ต้องการแก้ และผลลัพธ์ที่คาดหวัง

ที่ รัตตินันท์ คลินิก เราเลือกใช้เฉพาะ เทคนิค Close และ Semi-Open ที่ให้ผลลัพธ์สวยละมุน ปลอดภัย และฟื้นตัวไว โดยไม่จำเป็นต้องเปิดแผลใหญ่หรือผ่าตัดซับซ้อน เพื่อให้เข้าใจชัดเจน นี่คือภาพรวมของแต่ละเทคนิค

1. เสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty)

การผ่าตัดผ่านแผลเล็กด้านในโพรงจมูกโดยไม่เปิดโครงสร้างภายนอก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมสันจมูกเล็กน้อยหรือมีโครงสร้างเดิมที่ดีอยู่แล้ว

ข้อดี

  • ไม่มีรอยแผลภายนอก
  • เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว
  • ใช้เวลาผ่าตัดสั้น ประมาณ 30–60 นาที
  • ราคาเข้าถึงง่าย

ข้อจำกัด

  • มองโครงสร้างภายในได้จำกัด
  • ปรับโครงสร้างจมูกได้เฉพาะบางส่วน
  • ไม่เหมาะกับเคสแก้ หรือปลายจมูกที่มีปัญหาเนื้อบาง งุ้ม หนา

2. เสริมจมูกแบบเซมิ-โอเพ่น (Semi-Open Rhinoplasty)

เทคนิคกึ่งเปิดที่ช่วยให้แพทย์เข้าถึงโครงสร้างภายในจมูกได้มากกว่าแบบปิด โดยอาจเปิดแผลเล็กบริเวณผนังกั้นจมูก เพื่อรองปลายหรือยืดปลายอย่างปลอดภัย

ข้อดี

  • รองปลายด้วยเนื้อเยื่อ/กระดูกอ่อนได้ ลดความเสี่ยงทะลุ
  • ปรับปลายให้เชิดขึ้นหรือเรียวได้ชัดเจนกว่าแบบปิด
  • เจ็บน้อยกว่า Open ฟื้นตัวไว
  • รอยแผลเล็ก มักจางลงจนมองแทบไม่เห็น

เหมาะกับ

  • ผู้ที่เนื้อจมูกบาง
  • เคสที่เคยเสริมมาแล้วต้องการแก้ไข
  • ผู้ที่ต้องการความละมุน + ความปลอดภัยแบบพรีเมียม

3. เสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty)

เป็นการเปิดผิวหนังบริเวณฐานจมูกออก เพื่อให้แพทย์เห็นโครงสร้างภายในทั้งหมด เหมาะกับเคสที่ซับซ้อน เช่น จมูกเบี้ยว ฐานคด ปลายหนา หรือเคยทำจมูกหลายครั้งจนเกิดพังผืด

ข้อดี

  • เหมาะกับการแก้ไขทรงที่ซับซ้อน
  • ศัลยแพทย์ควบคุมรูปทรงได้เต็มที่
  • ปรับปลาย/ฐาน/โครงสร้างได้ละเอียด

ข้อจำกัด

  • ผ่าตัดใช้เวลานาน เจ็บมากกว่า
  • มีแผลภายนอกที่ต้องดูแลพิเศษ
  • พักฟื้นนานกว่าทุกเทคนิค
  • ราคาสูง และต้องทำโดยแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น

ที่รัตตินันท์ คลินิก ไม่ให้บริการเทคนิค Open เนื่องจากเรามุ่งเน้นผลลัพธ์ที่ดูดีในแบบ “ปลอดภัยและฟื้นตัวไว” ซึ่งเทคนิค Close และ Semi-Open เพียงพอต่อปัญหาจมูกส่วนใหญ่

สรุปตารางเปรียบเทียบ

รายการ แบบปิด (Close) เซมิ-โอเพ่น (Semi-Open) แบบเปิด (Open)
แผลผ่าตัด ด้านในโพรงจมูก ด้านใน + ปลายผนังกั้นจมูก เปิดฐานจมูกชัดเจน
การปรับทรง จำกัดเฉพาะบางจุด ปรับปลาย/สันได้ชัด แก้ไขโครงสร้างทั้งหมด
เจ็บ/พักฟื้น เจ็บน้อย ฟื้นไว ปานกลาง เจ็บมาก พักนาน
เหมาะกับเคส เสริมครั้งแรก เนื้อบาง / เคสแก้ เคสซับซ้อน โครงสร้างเสียหาย

บริการที่รัตตินันท์

ซิลิโคนและวัสดุเสริมจมูก มีกี่แบบ? เลือกแบบไหนดี

วัสดุที่ใช้ในการ เสริมจมูก มีความสำคัญไม่แพ้เทคนิคการผ่าตัด เพราะเป็นองค์ประกอบหลักที่ส่งผลต่อ “ทรงจมูก ความเป็นธรรมชาติ และความปลอดภัยในระยะยาว” โดยทั่วไปแล้วมีวัสดุให้เลือกทั้งจากภายนอก เช่น ซิลิโคน และจากภายในร่างกายของคนไข้เอง เช่น กระดูกอ่อนหรือเนื้อเยื่อเทียม

ซิลิโคนเกาหลี / ญี่ปุ่น / อเมริกา ต่างกันอย่างไร?

ซิลิโคน เป็นวัสดุยอดนิยมสำหรับ เสริมจมูก เพราะสามารถขึ้นรูปทรงได้หลากหลาย มีความยืดหยุ่น และใช้งานได้ในระยะยาว ซึ่งซิลิโคนที่นิยมมี 3 ประเภทหลัก ได้แก่

ประเภทซิลิโคน จุดเด่น เหมาะกับใคร
ซิลิโคนเกาหลี เนื้อนิ่ม ปั้นทรงได้ง่าย ผู้ที่ต้องการจมูกทรงหวาน เป็นธรรมชาติ
ซิลิโคนญี่ปุ่น ความแน่นกลาง ๆ ระหว่างนิ่มกับแข็ง เหมาะกับผู้ที่ต้องการทรงดูมีมิติ แต่ยังคงความละมุน
ซิลิโคนอเมริกา เนื้อแน่น แข็งแรง คงรูปดี ผู้ที่ต้องการปลายพุ่ง ชัด สายฝอ

อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้ซิลิโคนควรขึ้นอยู่กับ “โครงสร้างจมูกเดิม + สไตล์ที่ต้องการ” ไม่ควรเลือกจากกระแสหรือชื่อประเทศเท่านั้น

วัสดุรองปลาย เนื้อเยื่อเทียม (Alloplastic Material)

ที่ รัตตินันท์ คลินิก เราเลือกใช้เนื้อเยื่อเทียมคุณภาพสูงในการรองปลายจมูก เพื่อช่วยเพิ่มความหนาระหว่างผิวปลายกับซิลิโคน ลดความเสี่ยง “จมูกทะลุ” และช่วยให้ปลายจมูกดูนุ่มนวลขึ้น

ข้อดีของเนื้อเยื่อเทียม

  • ไม่ต้องมีแผลบริเวณอื่น
  • ลดโอกาสเกิดการระคายเคืองจากซิลิโคน
  • ปลอดภัย เข้ากับเนื้อเยื่อร่างกายได้ดี

เสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนตัวเอง (หลังหู / ก้นกบ)

รัตตินันท์ คลินิก ให้บริการรองปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อนของตัวคนไข้เอง ซึ่งเป็นอีกทางเลือกที่ปลอดภัยและตอบโจทย์ผู้ที่มีเนื้อจมูกบางมาก หรือเคย เสริมจมูก มาแล้วหลายครั้ง

แหล่งที่มา จุดเด่น ลักษณะการใช้
กระดูกอ่อนหลังหู โค้งพอดีกับปลายจมูก ใช้รองปลายเพื่อเพิ่มความหนาและป้องกันทะลุ
เนื้อเยื่อก้นกบ (Dermal Fat Graft) หนา ยืดหยุ่นสูง เหมาะกับเคสที่ต้องการเพิ่มความนุ่ม และหลีกเลี่ยงซิลิโคนสัมผัสปลายจมูกโดยตรง

หมายเหตุ การใช้กระดูกอ่อนตัวเองต้องอาศัยประสบการณ์ของแพทย์สูง เพื่อให้วัสดุเข้ากับทรงจมูกอย่างเป็นธรรมชาติ

ปัญหาทรงจมูกแบบไหนที่ควรเสริม?

จมูกเป็นอวัยวะที่อยู่กึ่งกลางของใบหน้า ส่งผลโดยตรงต่อภาพรวมของใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นความสมดุล ความนุ่มนวล หรือบุคลิกโดยรวม หลายคนอาจไม่มั่นใจเวลามองหน้าตัวเองในกระจกหรือถ่ายรูปจากมุมข้าง เพราะ “ทรงจมูกไม่รับกับรูปหน้า” ซึ่งปัญหาจมูกแบบนี้ สามารถแก้ไขได้ด้วยการเสริมจมูกที่ออกแบบเฉพาะบุคคล

ที่ รัตตินันท์ คลินิก เราพบว่าปัญหาทรงจมูกที่พบบ่อย และสามารถแก้ไขได้ด้วยเทคนิค Close หรือ Semi-Open ได้แก่

1. จมูกแบน ดั้งไม่ชัด

โครงสร้างจมูกไม่โด่ง ทำให้ใบหน้าดูแบน ขาดมิติ โดยเฉพาะเมื่อถ่ายรูปหรือแต่งหน้า

แนวทางแก้ เสริมซิลิโคนเพื่อยกสันจมูก เพิ่มความละมุนและมิติให้ใบหน้า โดยไม่ต้องทำให้พุ่งจนเกินธรรมชาติ

2. ปลายจมูกสั้น เชิด หรืองุ้ม

ปลายจมูกที่สั้นหรือเชิดมากเกินไป ทำให้หน้าดูแข็ง ไม่สมดุล หรือดูดุ
ส่วนปลายงุ้มลง อาจทำให้หน้าดูเศร้า หรือดูมีอายุ

แนวทางแก้ ใช้เทคนิค Semi-Open ร่วมกับการยืดผนังกั้นจมูกหรือรองปลายด้วยกระดูกอ่อน เพื่อให้ปลายยาวขึ้น ดูละมุนลง

3. ปีกจมูกกว้าง ฐานจมูกบาน

เป็นลักษณะจมูกที่พบได้บ่อยในชาวเอเชีย ทำให้หน้าดูไม่กระชับ และขาดความสมดุลกับหน้าผากและคาง

แนวทางแก้ ผ่าตัดปรับฐานจมูกให้แคบลง พร้อมเสริมซิลิโคนเพื่อสร้างแนวสันจมูกให้คมชัดขึ้น

4. จมูกชมพู่ เนื้อเยอะ ปลายหนา

ปลายจมูกหนาเกินไปจนดูเทอะทะ ทำให้หน้าดูไม่มีโครง หรือไม่รับกับส่วนอื่นของใบหน้า

แนวทางแก้ ใช้เทคนิค Semi-Open เพื่อลดเนื้อปลายบางส่วน และรองปลายด้วยเนื้อเยื่อหรือกระดูกอ่อนเพื่อเพิ่มความเรียวของจมูก

5. จมูกเบี้ยวหรือเอียง

มักเกิดจากโครงสร้างกระดูกเบี้ยว หรือฐานไม่เท่ากัน ซึ่งอาจทำให้หน้าดูไม่สมดุลแม้มองจากมุมตรง

แนวทางแก้ แนะนำให้ประเมินเคสโดยละเอียด หากไม่ซับซ้อนมาก อาจใช้ Semi-Open ในการปรับระดับเบื้องต้นได้ แต่หากเป็นเคสที่ซับซ้อนมาก อาจต้องใช้เทคนิค Open ซึ่งรัตตินันท์ไม่ให้บริการ แต่สามารถให้คำแนะนำได้ตรงจุด

สรุป

ถ้าคุณมีปัญหาเหล่านี้ ไม่ต้องกังวล เพราะการเสริมจมูกในปัจจุบันสามารถออกแบบทรงให้เหมาะกับปัญหาและใบหน้าของคุณได้อย่างปลอดภัย รัตตินันท์ คลินิก ยึดหลัก “ออกแบบเฉพาะบุคคล” โดยแพทย์ เพื่อผลลัพธ์ที่สวยงามและดูเป็นธรรมชาติที่สุด

ทรงจมูกยอดนิยมที่คนไทยเลือกเสริม

การเลือกทรงจมูกไม่ได้มีคำว่า “ทรงที่ดีที่สุด” แต่มีเพียงแค่ “ทรงที่เหมาะที่สุดกับโครงหน้าแต่ละคน” ที่ รัตตินันท์ คลินิก เราเน้นการออกแบบทรงจมูกเฉพาะบุคคลเพื่อให้รับกับหน้าผาก คาง โหนกแก้ม และสัดส่วนรวมของใบหน้า ซึ่งทรงที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนไทยและดาราในช่วง 3–5 ปีหลังนี้มีดังนี้


1. ทรงสโลปปลายพุ่ง (Slope + Tip Projection)

ทรงยอดนิยมอันดับ 1 ในกลุ่มสาวไทย เพราะช่วยให้หน้าดูหวาน อ่อนโยน และละมุนขึ้น โดยจะมีสโลปจากหว่างคิ้วถึงปลายจมูก และปลายจะพุ่งขึ้นเล็กน้อยแบบพอดี

เหมาะกับ คนที่มีหน้าหวาน เนื้อจมูกพอประมาณ หรือโครงหน้าแบบไทยๆ ต้องการดูเด็กลง


2. ทรงสโลปเชิด (Slope + Upturned Tip)

เป็นทรงที่ให้ลุคสวยคมแบบสายฝอ มีปลายจมูกเชิดขึ้นอย่างมีมิติ ทำให้หน้าดูเฉี่ยว ดูมั่นใจ เหมาะกับคนที่อยากเพิ่มความโดดเด่น

เหมาะกับ สาวลุคอินเตอร์ คนที่แต่งหน้าแนวสายฝอ หรือมีบุคลิกชัดเจน


3. ทรงบาร์บี้ (Barbie Line Nose)

มีความโด่งพุ่งแบบจัดเต็ม พร้อมปลายที่เชิดขึ้นชัด เหมาะกับคนที่ต้องการเปลี่ยนลุคให้โดดเด่น มีโครงชัดบนใบหน้า

เหมาะกับ คนที่ชอบความเป๊ะทุกองศา แต่งหน้าเยอะ ถ่ายรูปบ่อย หรือสายคอนเทนต์ครีเอเตอร์


4. ทรงเจ้าหญิงเกาหลี (Princess Korean Nose)

สโลปละมุน ปลายมนๆ ไม่เชิดจนเกินไป มีความน่ารักแบบธรรมชาติ ดูสวยแบบไม่พยายาม เป็นที่นิยมมากในหมู่ดารา-ไอดอลเกาหลี

เหมาะกับ คนที่อยากให้หน้าดูละมุนแบบธรรมชาติ มีเนื้อจมูกปานกลาง


5. ทรงธรรมชาติ (Natural Curve)

ไม่เน้นโด่งมาก แต่เน้นให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด เสมือนเป็นทรงจมูกที่สวยมาตั้งแต่เกิด เหมาะกับคนที่อยากดูดีแต่ไม่ให้ใครจับได้ว่าทำมา

เหมาะกับ คนที่ต้องการเสริมบุคลิกแบบเงียบๆ แต่ดูดีขึ้นในทุกมุม

เคล็ดลับ ทรงสวยไม่เท่าทรงที่เหมาะ


แม้ว่าทรงจมูกที่กล่าวมาจะได้รับความนิยม แต่ไม่ได้แปลว่าทุกคนจะทำแล้วออกมาสวยเท่ากัน
เพราะโครงหน้า ปริมาณเนื้อ และความยืดหยุ่นของผิวของแต่ละคนแตกต่างกัน ที่ รัตตินันท์ คลินิก เราเน้นการออกแบบอย่าง “พอดี” ไม่มากเกิน ไม่น้อยเกิน เพื่อให้ใบหน้าดูสมดุลเป็นธรรมชาติ ไม่พยายาม และไม่ต้องแก้บ่อย

เสริมจมูก รัตตินันท์ รีวิว 3

ปัจจัยที่มีผลต่อราคาการเสริมจมูก

ปัจจัย รายละเอียด
เทคนิคที่ใช้ (Close / Semi-Open / Open) เทคนิค Close ราคาย่อมเยากว่า เพราะไม่ต้องเปิดโครงสร้างมาก ส่วน Semi-Open จะสูงขึ้นตามระดับความซับซ้อน
วัสดุที่ใช้เสริม ซิลิโคนมีหลายเกรด เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น อเมริกา รวมถึงวัสดุเสริมปลาย เช่น เนื้อเยื่อเทียม หรือกระดูกอ่อนจากร่างกายตัวเอง ซึ่งมีต้นทุนต่างกัน
ระดับความยากของเคส จมูกที่มีปัญหาโครงสร้างเดิม เช่น จมูกเบี้ยว, ปลายเชิด, เคยทำมาแล้ว ต้องใช้เวลาและเทคนิคมากขึ้น ราคาก็สูงขึ้นตาม
ศัลยแพทย์ผู้ทำการผ่าตัด แพทย์ที่มีประสบการณ์สูง เชี่ยวชาญด้าน Facial Design มักมีค่าบริการที่สูงกว่า เพราะให้ผลลัพธ์แม่นยำกว่า และลดโอกาสแก้จมูกซ้ำ
คลินิกและมาตรฐานการรักษา คลินิกที่ได้มาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย ใช้อุปกรณ์และห้องผ่าตัดระดับโรงพยาบาล จะมีต้นทุนในการดูแลที่สูงกว่า
บริการเสริมและการติดตามผล บางคลินิกมีการติดตามผลนัดตรวจ ซัพพอร์ตหลังทำ ยา ชุดดูแลตัวเอง ซึ่งอาจรวมอยู่ในแพ็กเกจหรือคิดแยก
น.ต. นพ. จตุพร ซื่อสัตย์

ศัลยแพทย์ผู้ดำเนินการรักษา

น.ต. นพ. จตุพร ซื่อสัตย์ (Jatuporn Suesat, M.D)

ศัลยศาสตร์ตกแต่ง

เตรียมตัวให้พร้อม ก่อนเข้ารับการเสริมจมูก

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัด เสริมจมูก เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่น และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนหลังทำ ที่ รัตตินันท์ คลินิก เราให้ความสำคัญกับการดูแลตั้งแต่ “ก่อนทำ” เพื่อให้คนไข้พร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ

  1. แจ้งข้อมูลสุขภาพกับแพทย์

ก่อนเข้ารับการผ่าตัด ควรแจ้งประวัติสุขภาพโดยละเอียด เช่น

  • โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดัน หอบหืด
  • ประวัติแพ้ยา หรือสารวัตถุดิบทางการแพทย์
  • ยาที่ใช้อยู่ประจำ เช่น ยาละลายลิ่มเลือด แอสไพริน

สิ่งเหล่านี้มีผลต่อการวางแผนการผ่าตัดและการให้ยาระหว่าง-หลังทำ

  1. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมและอาหารที่กระตุ้นการอักเสบ

เพื่อให้ร่างกายพร้อมสมบูรณ์ ควรปรับพฤติกรรมดังนี้

  • งด วิตามิน อาหารเสริม ยาสมุนไพร อย่างน้อย 7 วันก่อนทำ
  • งด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และบุหรี่ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้แผลหายช้ากว่าปกติ
  • หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง อาหารทะเล หรืออาหารที่อาจก่อการแพ้
  1. เตรียมร่างกายให้พร้อม
  • พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6–8 ชั่วโมงก่อนวันผ่าตัด
  • สระผมและล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ ในวันก่อนผ่าตัด
  • ควรงดแต่งหน้า ทาโลชั่น หรือครีมบำรุงในวันที่เข้ารับการผ่าตัด
  • รับประทานอาหารเช้าได้ตามปกติ (ในกรณีผ่าตัดด้วยยาชาเฉพาะที่ ไม่ต้องงดน้ำ/อาหาร)
  1. เลือกเสื้อผ้าที่ใส่สบาย
  • แนะนำให้ใส่เสื้อผ้าที่มีกระดุมหน้า หรือซิปหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการถอดเสื้อผ่านศีรษะหลังทำ
  • เตรียมแมสก์อนามัยสะอาดเพื่อสวมกลับหลังทำ
  1. เตรียมเอกสารและข้อมูล
  • บัตรประชาชน / เอกสารยืนยันตัวตน
  • รูปตัวอย่างทรงจมูกที่ชอบ (เพื่อประกอบการประเมินร่วมกับแพทย์)
  • ข้อมูลสุขภาพหากมีโรคประจำตัว หรือผลตรวจใด ๆ

การดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก

หลังจาก เสริมจมูก การดูแลตัวเองในช่วงพักฟื้นถือเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะนอกจากช่วยให้แผลหายไว ยังช่วยลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น บวมช้ำมากเกินไป ติดเชื้อ หรือจมูกเบี้ยว ที่ รัตตินันท์ คลินิก เราใส่ใจเรื่อง Aftercare ทุกเคส พร้อมให้คำแนะนำอย่างละเอียดและดูแลอย่างใกล้ชิดในทุกขั้นตอน

 ช่วง 72 ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัด

  • ประคบเย็น บริเวณแก้ม หน้าผาก และใต้ตา เพื่อช่วยลดบวมช้ำ หลีกเลี่ยงการประคบบริเวณจมูกโดยตรง
  • นอนยกหัวสูง ห้ามนอนราบหรือนอนตะแคง เพราะอาจทำให้เลือดคั่งหรือจมูกเอียง
  • ห้ามแคะ แกะ เกา หรือขยี้จมูกเด็ดขาด
  • ทำความสะอาดแผล ด้วยสำลีชุบน้ำเกลือเช็ดเบา ๆ วันละ 2 ครั้ง จากนั้นป้ายยาฆ่าเชื้อตามคำแนะนำของแพทย์

การทานยาและการดูแลแผล

  • รับประทานยาให้ครบตามที่แพทย์สั่ง เช่น ยาแก้ปวด ยาฆ่าเชื้อ
  • หากมีเลือดซึมเล็กน้อยในช่วง 1–2 วันแรก ถือว่าเป็นปกติ
  • วันที่ 7 จะมีนัดถอดเฝือก + ตัดไหม (ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้)

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงใน 2 สัปดาห์แรก

  • งดแอลกอฮอล์และบุหรี่ เพราะส่งผลต่อการสมานแผล
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือกิจกรรมที่ต้องก้มศีรษะนาน
  • งดว่ายน้ำ ซาวน่า หรือกิจกรรมที่สัมผัสความร้อนจัด
  • หลีกเลี่ยงการใส่แว่นที่ทับสันจมูกโดยตรง

แต่งหน้าได้เมื่อไหร่?

สามารถแต่งหน้าได้หลังตัดไหมแล้ว (ประมาณวันที่ 7 เป็นต้นไป) แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้แปรงหรือฟองน้ำกดจมูกโดยตรงในช่วง 2–3 สัปดาห์แรก

ระยะเวลาฟื้นตัวและทรงเข้าที่

  • 7 วันแรก มีบวมช้ำ แต่จะเริ่มดีขึ้นชัดเจน
  • 1 เดือน จมูกเริ่มเข้าทรง เห็นรูปทรงชัดขึ้น

3–6 เดือน ทรงจมูกจะเข้าที่และดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น

หากไม่พอใจทรงจมูก ต้องรอนานไหมถึงจะแก้ใหม่ได้?

เป็นคำถามที่หลายคนกังวล หลังจากเสริมจมูกไปแล้วรู้สึกว่า “ไม่ใช่แบบที่คิดไว้” หรือ “ไม่รับกับใบหน้าอย่างที่ต้องการ” ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ และมีแนวทางในการแก้ไข

แต่การ “แก้จมูก” ไม่สามารถทำได้ทันทีหลังเสริมเสร็จ เพราะเนื้อเยื่อและโครงสร้างจมูกต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวให้เข้าที่ก่อน จึงจะสามารถผ่าตัดใหม่ได้อย่างปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่สวยงาม

ควรรออย่างน้อยกี่เดือนถึงจะแก้จมูกได้?

โดยทั่วไป แนะนำให้รอประมาณ 6 เดือนขึ้นไป ก่อนทำการแก้ทรงจมูกใหม่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ

ปัจจัย คำอธิบาย
ระดับการบวมหรือแข็งของเนื้อเยื่อ หากเนื้อเยื่อยังตึง หรือมีพังผืดมาก อาจทำให้ผลลัพธ์การแก้ครั้งใหม่ไม่สวย หรือเสี่ยงเบี้ยว
มีการอักเสบหรือไม่ หากมีอาการอักเสบ ติดเชื้อ หรือผิวบาง ต้องรักษาให้หายสนิทก่อนจึงจะแก้ไขได้
วัสดุที่ใช้ในครั้งก่อน หากเคยใช้ฟิลเลอร์หรือวัสดุแปลกปลอม อาจต้องขูดออกและพักเนื้อก่อนเสริมใหม่

กรณีที่สามารถแก้ได้เร็วกว่าปกติ

หากพบว่าซิลิโคนเบี้ยวทันทีหลังทำ หรือมีปัญหาทางเทคนิคจากการผ่าตัด เช่น วางซิลิโคนผิดตำแหน่ง หรือทรงผิดจากที่วางแผน แพทย์อาจพิจารณาให้ทำการแก้ไขภายใน 1–2 เดือนหลังผ่าตัดได้ (ขึ้นอยู่กับสภาพเนื้อเยื่อและการวินิจฉัยของแพทย์)

คำแนะนำจากรัตตินันท์ คลินิก

ที่นี่เราเชื่อว่าทุกเคสมีความเฉพาะตัว การตัดสินใจแก้จมูกไม่ควรรีบร้อน และควรได้รับการประเมินอย่างละเอียดโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์

หากคุณกำลังรู้สึกไม่พอใจกับจมูกที่ทำมาแล้ว หรือยังไม่แน่ใจว่าจะต้องแก้เมื่อไหร่ สามารถเข้ามาปรึกษาได้ฟรี ทีมแพทย์ของเราพร้อมให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมา พร้อมทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ

เคยฉีดฟิลเลอร์ / ร้อยไหม แก้จมูกใหม่ได้หรือไม่?

หลายคนอาจเคยทำหัตถการชั่วคราว เช่น ฉีดฟิลเลอร์จมูก หรือ ร้อยไหมจมูก มาก่อน แล้วอยากเปลี่ยนมาเสริมจมูกถาวรด้วยซิลิโคน เพราะต้องการทรงชัดเจนขึ้น อยู่ได้นานขึ้น หรือไม่ต้องเติมบ่อย คำถามคือ… สามารถทำได้หรือไม่? และควรเว้นช่วงนานแค่ไหน?

1. กรณีเคยฉีดฟิลเลอร์จมูก

สามารถแก้ไขได้โดยการ

  • ฉีดสลายฟิลเลอร์ (Hyaluronidase) หากเป็นฟิลเลอร์แท้ สามารถสลายออกก่อนเสริมซิลิโคนได้
  • ขูดฟิลเลอร์ออก ในกรณีที่ฟิลเลอร์เกาะแน่นหรือไม่แน่ใจว่าเป็นฟิลเลอร์ชนิดใด
  • จากนั้นแพทย์จะประเมินว่าควร พักเนื้อ หรือสามารถเสริมใหม่ได้ทันที

ควรรอสลายก่อนเสริมใหม่ ประมาณ 2–4 สัปดาห์หลังฉีดสลาย (หรือเร็วกว่านั้นหากไม่มีอาการอักเสบ)

2. กรณีเคยร้อยไหมจมูก

ไหมที่เคยร้อยไว้ อาจยังมีหลงเหลืออยู่ใต้ผิว แม้เวลาจะผ่านไปนานแล้ว หากต้องเสริมซิลิโคนใหม่ แพทย์จะต้อง

  • ประเมินตำแหน่งของไหมเดิม และ
  • ผ่าตัดเปิดเพื่อนำไหมออกให้มากที่สุด ก่อนวางซิลิโคนใหม่

หากปล่อยไหมไว้ อาจเกิดพังผืดหรือดันซิลิโคนผิดตำแหน่งในอนาคตได้

ควรรอหลังร้อยไหมนานแค่ไหน? อย่างน้อย 3–6 เดือนขึ้นไป หรือจนกว่าเนื้อเยื่อสมานตัวและไม่มีอักเสบ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเสริมจมูก (FAQ)

ระหว่างผ่าตัดจะไม่มีความเจ็บปวดเลย เพราะมีการให้ ยาชาเฉพาะที่ ร่วมกับ ยานอนหลับเบา ๆ (สำหรับเทคนิค Semi-Open) หลังทำอาจมีอาการตึง บวม หรือระบมบริเวณจมูกเล็กน้อย ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวดที่แพทย์จัดให้

โดยรวมเจ็บน้อยกว่าที่คิด และไม่ได้น่ากลัวอย่างที่หลายคนกังวล

  • โดยเฉลี่ย สามารถใช้ชีวิตปกติได้ใน 5–7 วัน
  • วันที่ 7 จะมีนัดถอดเฝือกและตัดไหม
  • อาการบวมช้ำจะดีขึ้นชัดเจนใน 1–2 สัปดาห์
  • ส่วนทรงจมูกจะเริ่มเข้าที่ประมาณ 1 เดือน และเข้าที่เต็มที่ใน 3–6 เดือน
  • ถ้าเป็นงานทั่วไปที่ไม่ใช้แรงมาก เช่น งานออฟฟิศ สามารถลางานได้เพียง 3–5 วัน
  • หากต้องพบปะผู้คนบ่อย อาจพิจารณาพัก 7 วันเพื่อให้บวมช้ำน้อยลงก่อนกลับไปทำงาน
  • สำหรับงานที่ต้องออกแรง เช่น งานภาคสนาม ควรพักอย่างน้อย 1–2 สัปดาห์

การเสริมจมูกด้วยซิลิโคนและการรองปลายด้วยเนื้อเยื่อหรือกระดูกอ่อน เป็นการเสริมแบบกึ่งถาวร ซึ่งสามารถอยู่ได้นานหลายสิบปี
หากไม่มีอาการแทรกซ้อน เช่น อักเสบ ผิวบาง ซิลิโคนเบี้ยว หรือเบื่อทรงเดิม ก็ ไม่จำเป็นต้องแก้หรือถอดออก

ขึ้นอยู่กับสภาพจมูกเดิม

  • หาก ไม่มีอักเสบ ติดเชื้อ หรือผิวบางมาก สามารถแก้ทรงใหม่ได้ทันทีในคราวเดียว
  • แต่หากจมูกมีปัญหา เช่น ซิลิโคนทะลุ หรือผิวบางมาก แพทย์อาจแนะนำให้ ถอดซิลิโคนเดิมออก แล้วพักเนื้อประมาณ 1 เดือน ก่อนเสริมใหม่ เพื่อให้เนื้อฟื้นฟูและปลอดภัยยิ่งขึ้น

การ เสริมจมูก คือการปรับรูปทรงจมูกให้รับกับใบหน้า เสริมความมั่นใจอย่างเป็นธรรมชาติ ที่รัตตินันท์ คลินิก เราใช้เทคนิค Close และ Semi-Open เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว พร้อมรองปลายอย่างปลอดภัย เลือกทรงจมูกจากโครงหน้า ไม่ใช่แค่ตามเทรนด์ เพื่อผลลัพธ์ที่ดูดีในแบบของคุณ วัสดุซิลิโคนและการรองปลายมีหลากหลาย ให้แพทย์ออกแบบเฉพาะบุคคล ทุกเคสดูแลโดยแพทย์มากประสบการณ์ พร้อมติดตามผลอย่างใกล้ชิดหลังทำ