ผิวที่เริ่มแสดงสัญญาณของวัยเป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อเส้นริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย และการสูญเสียความยืดหยุ่นของผิวเริ่มปรากฏชัด การเลือกสารเติมเต็มผิวที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ หนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมคือ Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจนที่ให้ทั้งผลลัพธ์เร่งด่วนและการฟื้นฟูผิวในระยะยาว
Radiesse มีกลไกการทำงานที่แตกต่างจาก HA Filler ทั่วไป เพราะนอกจากจะเติมเต็มปริมาตรผิวทันทีแล้ว ยังช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ส่งผลให้ผิวฟื้นฟูความแข็งแรงจากภายในอย่างเป็นธรรมชาติ
คุณหมอสรุปให้ Radiesses คืออะไร? ทำที่รัตตินันท์ ดีอย่างไร?
Radiesse เป็นสารเติมเต็มผิวชนิด Bio-stimulator ที่มีองค์ประกอบหลักคือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) แขวนลอยอยู่ในเจลคาร์บอกซีเมทิลเซลลูโลส การทำงานของ Radiesse แบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน คือ เติมเต็มปริมาตรทันที และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในระยะยาว
ที่รัตตินันท์ คลินิก คุณจะได้รับการดูแลโดยทีมแพทย์ด้าน Medical Aesthetics พร้อมการประเมินและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและตรงตามความต้องการของแต่ละคน โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแหล่งที่มาชัดเจน ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา
Radiesses คืออะไร
Radiesse เป็นสารเติมเต็มผิวประเภท Bio-stimulator ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย เส้นริ้วรอย และการสูญเสียปริมาตรของผิว โดยมีกลไกการทำงานที่แตกต่างจาก Dermal Filler ทั่วไป เพราะนอกจากจะให้ผลลัพธ์เร่งด่วนแล้ว ยังมีคุณสมบัติในการกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูผิวจากภายใน
สิ่งที่ทำให้ Radiesse โดดเด่นคือความสามารถในการกระตุ้นให้ผิวสร้าง คอลลาเจน และ อีลาสติน ใหม่ ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญที่ช่วยรักษาความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของผิว ส่งผลให้ผิวดูอ่อนเยาว์และมีความกระชับมากขึ้นในระยะยาว
ทำความรู้จักองค์ประกอบของตัวยา Radiesses
องค์ประกอบหลักของ Radiesse ประกอบด้วย
- Calcium Hydroxylapatite (CaHA)
- เป็นสารธรรมชาติที่พบในร่างกายมนุษย์ โดยเฉพาะในกระดูกและฟัน
- ทำหน้าที่เป็น Scaffolding หรือโครงสร้างรองรับให้เซลล์ในการสร้างคอลลาเจนใหม่
- มีความปลอดภัยสูง เพราะร่างกายสามารถดูดซึมได้ตามธรรมชาติ
- มีขนาดอนุภาค 25-45 ไมครอน ซึ่งเหมาะสมสำหรับการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- Carboxymethylcellulose Gel
- เป็นตัวกลางที่ช่วยให้ CaHA แขวนลอยอยู่ในสารละลาย
- มีคุณสมบัติ Viscoelastic ที่ให้ผลลัพธ์การเติมเต็มที่เป็นธรรมชาติ
- ช่วยให้การฉีดเข้าไปในผิวเป็นไปอย่างราบรื่น
- สารเติมเต็ม
- น้ำกลั่น และโซเดียมคลอไรด์ เพื่อปรับค่า pH ให้เหมาะสมกับร่างกาย
- ไม่มีสารกันบูดหรือสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้
องค์ประกอบเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงร้ายแรง
Radiesses มีหลักการทำงานอย่างไร?
การทำงานของ Radiesse แบ่งออกเป็น 2 ระยะที่เกิดขึ้นพร้อมกัน
ระยะที่ 1: การเติมเต็มทันที (Immediate Volumizing)
เมื่อ Radiesse ถูกฉีดเข้าไปใต้ผิว เจล Carboxymethylcellulose จะทำหน้าที่เติมเต็มปริมาตรที่สูญเสียไปทันที ช่วยยกผิวที่หย่อนคล้อย ลดเส้นริ้วรอยลึก และปรับสัดส่วนของใบหน้าให้ดูกลมกลืนมากขึ้น ผลลัพธ์นี้จะมองเห็นได้ทันทีหลังจากการรักษา
ระยะที่ 2: การกระตุ้นคอลลาเจน (Collagen Stimulation)
อนุภาค Calcium Hydroxylapatite จะทำหน้าที่เป็น Bio-stimulator โดย
- กระตุ้น Fibroblast เซลล์ที่รับผิดชอบในการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
- ส่งเสริม Neocollagenesis กระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ที่มีคุณภาพดี
- ปรับปรุงโครงสร้างผิว เพิ่มความหนาแน่นและความแข็งแรงของชั้นหนังแท้ (Dermis)
- เพิ่มความยืดหยุ่น ผ่านการสร้างอีลาสติน Fiber ใหม่
กระบวนการกระตุ้นคอลลาเจนนี้จะดำเนินต่อไปได้นาน 12-18 เดือน โดยในช่วง 2-3 เดือนแรกจะเป็นช่วงที่มีการสร้างคอลลาเจนมากที่สุด ส่งผลให้ผิวมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องแม้หลังจากที่เจลตัวพาหะถูกดูดซึมไปแล้ว
ขั้นตอนการดูดซึม
หลังจาก 12-15 เดือน อนุภาค CaHA จะถูกดูดซึมโดยร่างกายผ่านกระบวนการ Phagocytosis และ Metabolization เป็น CO2 และน้ำ ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติของร่างกาย โดยไม่ทิ้งสารตกค้างใด ๆ
รูปแบบการฉีดโปรแกรม Radiesse
การเลือกรูปแบบการฉีด Radiesse ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ต้องการปรับปรุงและผลลัพธ์ที่ต้องการ โดยแพทย์จะพิจารณาเลือกเทคนิคที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล
ฉีดแบบไม่ผสมน้ำเกลือ (Non-diluted)
ลักษณะการใช้
- ใช้ Radiesse ในรูปแบบเดิมโดยไม่เจือจาง
- มีความข้นแน่นสูง เหมาะสำหรับการเติมเต็มปริมาตร
- ให้ผลลัพธ์การยกกระชับที่เห็นได้ชัดทันที
เหมาะสำหรับ
- ร่องแก้มลึก (Nasolabial Fold)
- ร่องหัวเราะ (Marionette Line)
- การเติมเต็มแก้ม
- การปรับรูปคาง
- ปรับโครงสร้างจมูก (Non-surgical Rhinoplasty)
ข้อดี
- ผลลัพธ์ชัดเจนทันที
- ปริมาตรการเติมเต็มสูง
- เหมาะกับบริเวณที่ต้องการการยกที่เด่นชัด
ฉีดแบบผสมน้ำเหลือ และยาชา (Diluted และ Hyper Diluted)
Diluted Radiesse (ผสม 1:1)
- ผสม Radiesse กับน้ำเกลือ หรือยาชาในอัตราส่วน 1:1
- เพิ่มความนุ่มนวลและการกระจายตัวในบริเวณกว้าง
- เน้นการกระตุ้นคอลลาเจนมากกว่าการเติมเต็ม
Hyper Diluted Radiesse (ผสม 1:2 หรือมากกว่า)
- เจือจางมากที่สุด เพื่อใช้ในบริเวณผิวบาง
- มุ่งเน้นที่การปรับปรุงคุณภาพผิวเป็นหลัก
- กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอในพื้นที่กว้าง
เหมาะสำหรับ
- ต้นคอและคอ
- ด้านหลังมือ
- ต้นแขนที่หย่อนคล้อย
- หน้าท้องที่มีเส้นยืดหลังคลอด
- การปรับปรุงผิวหน้าโดยรวม (Facial Rejuvenation)
ข้อดี
- ความรู้สึกธรรมชาติหลังฉีด
- ปรับปรุงคุณภาพผิวอย่างรอบด้าน
- เหมาะสำหรับผิวบางและบริเวณกว้าง
- ลดความเสี่ยงจากการเกิดก้อนหรือการไหลไม่สม่ำเสมอ
แพทย์จะเลือกรูปแบบการฉีดที่เหมาะสมตามการประเมินโครงสร้างใบหน้า ความหนาของผิว และผลลัพธ์ที่ผู้รับบริการต้องการ
ควรฉีด Radiesses กี่ครั้ง? อยู่ได้นานแค่ไหน?
ความถี่ในการฉีด
ครั้งแรก (Initial Treatment)
- ส่วนใหญ่จะเห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจภายใน 1 ครั้ง
- บางกรณีอาจต้องการการปรับแต่งเพิ่มเติมหลัง 2-4 สัปดาห์
- ปริมาณที่ใช้ขึ้นอยู่กับบริเวณและระดับการปรับปรุงที่ต้องการ
การรักษาต่อเนื่อง (Maintenance)
- ควรทำซ้ำทุก 12-18 เดือน
- ผู้ที่มีการสร้างคอลลาเจนดีอาจยืดระยะเวลาได้นานขึ้น
- บางคนอาจต้องการการบำรุงรักษาทุก 9-12 เดือน
ระยะเวลาที่ผลลัพธ์คงอยู่
ผลลัพธ์เร่งด่วน (Immediate Results)
- เติมเต็มปริมาตร: 6-9 เดือน
- การยกกระชับ: 9-12 เดือน
ผลลัพธ์จากการกระตุ้นคอลลาเจน (Long-term Results)
- การปรับปรุงคุณภาพผิว: 12-18 เดือน
- ความกระชับและความยืดหยุ่น: 15-24 เดือน
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความยาวนาน
- อายุและสภาพผิวเริ่มต้น
- พื้นที่ที่ทำการรักษา
- การดูแลตัวเองหลังการรักษา
- พันธุกรรมและการสร้างคอลลาเจนของแต่ละบุคคล
- การใช้ Skin Care ที่เหมาะสม
- การป้องกันแสงแดด
เปรียบเทียบกับ HA Filler: Radiesse มีความยาวนานกว่า HA Filler ทั่วไปประมาณ 1.5-2 เท่า เนื่องจากมีทั้งผลจากการเติมเต็มและการกระตุ้นคอลลาเจน
Radiesse เหมาะกับใครบ้าง?
กลุ่มที่เหมาะสมสำหรับการรักษาด้วย Radiesse
ตามช่วงอายุ
- อายุ 35-55 ปี ช่วงที่เริ่มมีการสูญเสียคอลลาเจนอย่างเด่นชัด
- อายุ 25-35 ปี สำหรับการป้องกันและปรับปรุงเฉพาะจุด
- อายุ 55+ ปี สำหรับการฟื้นฟูและชะลอการเสื่อม (ร่วมกับหัตถการอื่น)
สภาพปัญหาที่เหมาะสม
- ผิวเริ่มหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง
- เส้นริ้วรอยลึกปานกลาง (Nasolabial Fold, Marionette Line)
- การสูญเสียปริมาตรแก้ม คาง หรือขมับ
- ผิวต้นคอที่เริ่มหย่อนคล้อย
- ต้องการปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม
- มือที่แสดงอาการแก่ชรา (เส้นเอ็น เส้นเลือดโปรจ่าง)
วิถีชีวิตและความต้องการ
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ยาวนานและค่อยเป็นค่อยไป
- มีเวลาในการฟื้นฟูที่เพียงพอ (2-7 วัน)
- ต้องการการปรับปรุงที่เป็นธรรมชาติ
- สนใจการกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูผิวจากภายใน
- มีความเข้าใจในกระบวนการรักษาที่ต้องใช้เวลา
เงื่อนไขสุขภาพที่เหมาะสม
- สุขภาพโดยรวมดี ไม่มีโรคประจำตัวที่รุนแรง
- ไม่มีประวัติการแพ้ Calcium Hydroxylapatite
- ไม่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ไม่มีการติดเชื้อบริเวณที่ต้องการรักษา
- ผิวมีความหนาเพียงพอสำหรับการฉีด
ความคาดหวังที่เหมาะสม
- เข้าใจว่าผลลัพธ์จะค่อย ๆ ปรับปรุงตามเวลา
- ต้องการความงามที่เป็นธรรมชาติมากกว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง
- มีความอดทนต่อการบวมและช้ำเล็กน้อยในระยะแรก
Radiesse ไม่เหRadiesse ไม่เหมาะกับใครบ้าง?มาะกับใครบ้าง?
ด้านสุขภาพ
- มีประวัติแพ้ Calcium Hydroxylapatite หรือส่วนประกอบใดๆ ใน Radiesse
- กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- มีการติดเชื้อหรือสภาพอักเสบในบริเวณที่ต้องการรักษา
- ผู้ที่มีปัญหาการแข็งตัวของเลือดหรือกำลังรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด
- มีโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องรุนแรง
เงื่อนไขผิวหนัง
- ผิวที่บางเกินไป (เช่น หนังตาล่าง)
- มีแผลเป็นหรือรอยแผลบริเวณที่ต้องการรักษา
- ผิวหนังมีการอักเสบจาก Acne หรือ Rosacea ในระยะรุนแรง
ข้อควรระวัง (Relative Contraindications)
ช่วงอายุ
- อายุต่ำกว่า 21 ปี (ยังไม่ผ่านการรับรองความปลอดภัย)
- ผู้สูงอายุที่มีผิวบางมากและเปราะบาง
สภาพสุขภาพเฉพาะ
- ผู้ที่มี History ของ Keloid หรือแผลเป็นที่ผิดปกติ
- กำลังรักษาด้วย Isotretinoin (Accutane) หรือเพิ่งหยุดไม่เกิน 6 เดือน
- มีโรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ดี
- มีปัญหาการหายของแผลช้า
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
บริเวณที่ไม่เหมาะสม
- ริมฝีปาก (เสี่ยงต่อการเกิดก้อนและการเคลื่อนตัว)
- บริเวณใกล้ดวงตา (Tear Trough Area)
- พื้นที่ที่มี Filler ชนิด Permanent อยู่แล้ว
- บริเวณที่เคยทำ Surgery หรือ Thread Lift ไม่เกิน 3 เดือน
ความคาดหวังที่ไม่เหมาะสม
- ต้องการผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างใบหน้าอย่างมาก
- ต้องการผลลัพธ์ทันทีโดยไม่สนใจระยะฟื้นฟู
- ไม่สามารถหลีกเลี่ยงแสงแดดหรือดูแลตัวเองหลังรักษาได้
- ต้องการราคาต่ำโดยไม่คำนึงถึงคุณภาพผลิตภัณฑ์
การประเมินก่อนการรักษา: แพทย์จำเป็นต้องประเมินประวัติการรักษา ยาที่รับประทาน สภาพผิว และความคาดหวังอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจให้การรักษา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัย
Radiesse แตกต่างจาก HA Filler ทั่วไปอย่างไร?
สารประกอบหลักต่างกัน
Radiesse:
- องค์ประกอบหลัก: Calcium Hydroxylapatite (CaHA) 30%
- ตัวพาหะ: Carboxymethylcellulose Gel 70%
- เป็นสาร Bio-stimulator ที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
HA Filler:
- องค์ประกอบหลัก: Hyaluronic Acid 100%
- สาร Hydrophilic ที่ดึงความชื้นเข้าสู่ผิว
- ทำหน้าที่เติมเต็มปริมาตรเป็นหลัก
ฟังก์ชันไม่เหมือนกัน
กลไกการทำงานของ Radiesse
- Immediate Effect เติมเต็มปริมาตรทันที
- Bio-stimulation กระตุ้น Fibroblast สร้างคอลลาเจนใหม่
- Tissue Remodeling ปรับปรุงโครงสร้างผิวในระยะยาว
- Progressive Improvement ผลลัพธ์ดีขึ้นตามเวลา
กลไกการทำงานของ HA Filler
- Volume Restoration เติมเต็มปริมาตรที่สูญเสีย
- Hydration ดึงความชื้นเพิ่มการอิ่มฟูของผิว
- Immediate Result ผลลัพธ์ชัดเจนทันทีหลังฉีด
- Gradual Absorption ถูกดูดซึมโดยไม่กระตุ้นคอลลาเจน
ผลลัพธ์ยาวนานกว่า
ความคงทนของ Radiesse
- ผลจากการเติมเต็ม 9-12 เดือน
- ผลจากการกระตุ้นคอลลาเจน 15-24 เดือน
- รวมผลลัพธ์ 18-24 เดือน
- ผลลัพธ์ดีขึ้นตามเวลาใน 3-6 เดือนแรก
ความคงทนของ HA Filler
- Soft Tissue Filler 6-9 เดือน
- Medium Density HA 9-12 เดือน
- High Density HA 12-15 เดือน
- ผลลัพธ์ลดลงตามเวลา
ลักษณะผิวหลังฉีด
หลังฉีด Radiesse
- สัปดาห์ที่ 1-2 อาจมีการบวมและแข็งเล็กน้อย
- เดือนที่ 1-3 เริ่มเห็นการปรับปรุงจากการกระตุ้นคอลลาเจน
- เดือนที่ 3-6 ผิวมีความกระชับและยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น
- เดือนที่ 6-12 ผลลัพธ์อยู่ในช่วงที่ดีที่สุด
หลังฉีด HA Filler
- วันที่ 1-3 ผลลัพธ์ชัดเจนทันที
- สัปดาห์ที่ 1-2 การบวมลดลง ผลลัพธ์เสถียร
- เดือนที่ 1-6 ผลลัพธ์คงที่ดีส
- เดือนที่ 6-12 เริ่มมีการดูดซึมและผลลัพธ์ค่อย ๆ ลดลง
- ไม่มีการปรับปรุงเพิ่มเติมหลังจากการฉีด
เหมาะกับบริเวณที่ต่างกัน
บริเวณที่ Radiesse เหมาะสม
- ร่องแก้มลึก (Nasolabial Fold)
- ร่องน้ำหมาก (Marionette Line)
- การเติมเต็มแก้มและปรับรูปคาง
- ต้นคอและด้านหลังมือ
- บริเวณที่ต้องการการยกกระชับ
บริเวณที่ HA Filler เหมาะสม
- ริมฝีปาก (Lip Enhancement)
- ใต้ตา (Tear Trough)
- ร่องจมูกถึงปาก (เฉพาะความลึกน้อย)
- การปรับแต่งจุดเล็ก ๆ
- บริเวณที่ผิวบางและต้องการความนุ่มนวล
ความรู้สึกหลังฉีด
ความรู้สึกจาก Radiesse
- สัมผัสได้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมใน 1-2 สัปดาห์แรก
- ค่อย ๆ กลมกลืนกับเนื้อเยื่อตามธรรมชาติ
- หลัง 1 เดือนจะรู้สึกเป็นธรรมชาติ
- ไม่สามารถกดให้เคลื่อนตัวได้เหมือน HA
ความรู้สึกจาก HA Filler
- รู้สึกนุ่มและเป็นธรรมชาติทันที
- สามารถกดให้เคลื่อนตัวเล็กน้อยได้
- มีความยืดหยุ่นคล้ายเนื้อเยื่อธรรมชาติ
- ไม่มีความรู้สึกแข็งหรือแปลกปลอม
การเลือกใช้ที่เหมาะสม
- Radiesse สำหรับผู้ที่ต้องการการปรับปรุงระยะยาวและยอมรับระยะฟื้นฟูที่นานกว่า
- HA Filler สำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ทันทีและการปรับแต่งที่ละเอียดอ่อน
ทีมแพทย์ รัตตินันท์ คลินิก
Radiesse แตกต่างจาก Sculptra อย่างไร?
Radiesse และ Sculptra เป็นสาร Bio-stimulator ทั้งคู่ แต่มีความแตกต่างในหลายประการ
ความแตกต่างด้านองค์ประกอบ Radiesse ใช้ Calcium Hydroxylapatite ผสมกับเจล Carboxymethylcellulose ทำให้สามารถให้ผลลัพธ์แบบ Dual-action คือเติมเต็มปริมาตรทันทีและกระตุ้นคอลลาเจนต่อเนื่อง ในขณะที่ Sculptra ใช้ Poly-L-Lactic Acid ที่ทำงานเฉพาะการกระตุ้นคอลลาเจนเท่านั้น จึงต้องใช้เวลานานกว่าจึงจะเห็นผลลัพธ์
จำนวนครั้งและระยะเวลาการรักษา Radiesse ใช้การรักษาเพียง 1-2 ครั้งต่อปี โดยเห็นผลลัพธ์ทันทีและดีขึ้นเรื่อยๆ ภายใน 2-3 เดือน ส่วน Sculptra ต้องทำเป็นโปรแกรม 3-4 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 4-6 สัปดาห์ และใช้เวลาสะสมผลลัพธ์ 4-6 เดือนจึงจะเห็นผลชัดเจน
ควรเลือกฉีดโปรแกรม Radiesse , HA Filler หรือ Sculptra ดี?
การตัดสินใจเลือกสารเติมเต็มผิวที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการที่แพทย์จะพิจารณาร่วมกับผู้รับบริการ การเลือกที่ถูกต้องจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามความต้องการและคุ้มค่า
การเลือกตามลักษณะปัญหาและความต้องการ
สำหรับผู้ที่เหมาะกับ Radiesse มักเป็นผู้ที่อายุ 30-55 ปี ที่เริ่มมีการสูญเสียปริมาตรปานกลาง ต้องการผลลัพธ์เร่งด่วนพร้อมการปรับปรุงระยะยาว มีปัญหาร่องลึกอย่าง Nasolabial Fold หรือ Marionette Line รวมถึงต้องการยกกระชับแก้มและปรับรูปคาง โดยมีเวลาฟื้นฟู 3-7 วันและยอมรับการบวมเล็กน้อย
HA Filler จะเหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ทันทีและนุ่มนวล สำหรับปัญหาที่ไม่ลึกมากและต้องการความละเอียดอ่อน เช่น การปรับปรุงริมฝีปากหรือใต้ตา โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ต้องการระยะฟื้นฟูนานหรือต้องการสามารถปรับแต่งและละลายได้หากไม่พอใจ
Sculptra เหมาะสำหรับผู้ที่อายุ 40+ ปีที่มีการสูญเสียปริมาตรและคุณภาพผิวมาก ต้องการการฟื้นฟูใบหน้าโดยรวม ยอมรับผลลัพธ์ค่อยเป็นค่อยไปใน 4-6 เดือน แต่ต้องการความยาวนานที่สุดถึง 24+ เดือน และพร้อมทำหลายครั้งตามโปรแกรม
คำแนะนำจากแพทย์ตามสถานการณ์
สำหรับมือใหม่สามารถเริ่มต้นด้วย HA Filler เพื่อทดลองประสบการณ์ เข้าใจกระบวนการก่อนที่จะพิจารณา Radiesse หรือ Sculptra ในขั้นตอนต่อไปได้
การแก้ปัญหาเฉพาะจุดจะใช้หลักการ
- Radiesse สำหรับร่องลึกและการยกกระชับ
- HA Filler สำหรับการปรับแต่งละเอียดอ่อน
การฟื้นฟูโดยรวมมักจะใช้ Combination Therapy โดยใช้หลายชนิดร่วมกัน เช่น Sculptra สำหรับ Base ร่วมกับ HA Filler สำหรับรายละเอียด หรือ Radiesse สำหรับโครงสร้างร่วมกับ HA สำหรับความนุ่มนวล
ข้อแนะนำสำคัญ
แพทย์จะประเมินโครงสร้างใบหน้า สภาพผิว และความต้องการเฉพาะบุคคลเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด ไม่ควรตัดสินใจเลือกเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะการเลือกผิดอาจทำให้ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวังหรือเสียเงินโดยใช่เหตุ
ก่อนฉีด วิธีดูแลตัวเองหลังฉีด Radiesse
ก่อนตัดสินใจ
การศึกษาข้อมูล
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ Radiesse จากแหล่งที่เชื่อถือได้
- ดู Before & After ของผลงานแพทย์และคลินิก
- อ่านรีวิวจากผู้ที่เคยรับการรักษา
- เข้าใจข้อจำกัดและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
การเลือกคลินิกและแพทย์
- ตรวจสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์
- เลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน และใช้ผลิตภัณฑ์แท้
- ประเมินประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์
- พิจารณาการให้บริการ Aftercare
ก่อนฉีดควรแจ้งแพทย์
ประวัติการรักษา
- การทำ Filler หรือ Bio-stimulator ครั้งก่อน (ชนิด, เมื่อไหร่, บริเวณใด)
- ประวัติการผ่าตัดหรือหัตถการทางความงามในใบหน้า
- การใช้ Skincare ที่มี Active Ingredient (Retinoid, AHA, BHA)
- การทำ Laser หรือ Treatment อื่น ๆ ภายใน 2 สัปดาห์
ประวัติการแพ้
- แพ้ยาหรือสารใดบ้าง
- ประวัติการแพ้ Lidocaine หรือยาชาชนิดอื่น
- แพ้อาหารหรือสารกันบูด
- ประวัติแผลเป็นผิดปกติหรือ Keloid
ยาที่รับประทาน
- ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Warfarin, Aspirin)
- อาหารเสริม (Vitamin E, Fish Oil, Ginkgo)
- ยาฮอร์โมน หรือยาคุมกำเนิด
- ยาต้านจุลชีพ หรือยาอื่น ๆ ที่รับประทานประจำ
สภาวะสุขภาพปัจจุบัน
- ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- มีไข้หรือไม่สบาย
- รอบประจำเดือน (อาจมีการบวมมากกว่าปกติ)
การเตรียมตัวก่อนฉีด
1-2 สัปดาห์ก่อนฉีด
- หยุดยาต้านการแข็งตัวของเลือด (ตามคำแนะนำแพทย์)
- หยุดอาหารเสริม Vitamin E, Fish Oil, Ginseng
- หลีกเลี่ยง Retinoid หรือ Exfoliating Product
- หยุดดื่มแอลกอฮอล์ 2-3 วันก่อนฉีด
วันที่ฉีด
- ล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์อ่อนโยน หลีกเลี่ยง Scrub
- ไม่ทา Makeup หนา โดยเฉพาะบริเวณที่จะฉีด
- แต่งตัวสบาย ๆ หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่คับ หรือต้องสวมผ่านศีรษะ
- กินอาหารเบา ๆ เพื่อป้องกันน้ำตาลในเลือดต่ำ
- นำยาที่รับประทานประจำมาด้วย (หากจำเป็น)
หลังฉีดแล้ว
24 ชั่วโมงแรก
- ประคบเย็นเบา ๆ 10-15 นาที ทุก 2-3 ชั่วโมง (ไม่ให้แข็งจนเกินไป)
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือนวดบริเวณที่ฉีด
- นอนหัวสูง เพื่อลดการบวม
- ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ เพื่อช่วยในการดูดซึม
- หลีกเลี่ยงอาหารเค็ม แอลกอฮอล์
สัปดาห์แรก (1-7 วัน)
- ล้างหน้าอ่อนโยน ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ระคายเคือง
- ทา Sunscreen SPF 30+ ทุกวัน
- หลีกเลี่ยง Sauna, Steam, อาบน้ำร้อนจัด
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก
- ไม่ทำ Facial, Massage หรือ Treatment อื่น
สัปดาห์ที่ 2-4
- ค่อย ๆ เริ่มใช้ Skincare ตามปกติ
- หลีกเลี่ยง Retinoid หรือ Exfoliating Product จนกว่าการบวมจะหาย
- สามารถออกกำลังกายเบา ๆ ได้
- หากมี Massage หน้า ให้แจ้งผู้ให้บริการเรื่องการฉีด Filler
1-3 เดือนหลังฉีด
- ติดตามผลลัพธ์และการเปลี่ยนแปลง
- ใช้ Skincare ที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน (Vitamin C, Peptide)
- Sunscreen ทุกวันอย่างต่อเนื่อง
- นัดติดตาม (Follow-up) ตามที่แพทย์กำหนด
สัญญาณเตือนที่ควรรีบพบแพทย์
- บวมหรือแดงผิดปกติหลัง 3-5 วัน
- เจ็บมากผิดปกติ หรือมีไข้
- เกิดผื่น หรือมีปฏิกิริยาแพ้
- ผลลัพธ์ไม่สมดุล หรือเกิดก้อนแปลกปลอม
- การติดเชื้อ (แดง ร้อน บวม หนอง)
Radiesse มีกี่รุ่น อะไรบ้าง?
Radiesse Classic (Original)
ลักษณะเฉพาะ
Radiesse Classic มีความเข้มข้นของ CaHA ที่ 30% พร้อมด้วยขนาดอนุภาคที่ 25-45 ไมครอน ซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะสมสำหรับการกระตุ้นคอลลาเจนอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวผลิตภัณฑ์มีความหนืดสูง (High Viscosity) ที่ช่วยให้สามารถเติมเต็มและยกกระชับได้ดี โดยมีจำหน่ายในรูปแบบหลอดฉีดขนาด 0.8 ml และ 1.5 ml เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในบริเวณและปริมาณที่แตกต่างกัน
เหมาะสำหรับ
- ร่องลึกปานกลางถึงมาก (Deep Nasolabial Fold)
- การเติมเต็มแก้ม และปรับรูปคาง
- บริเวณที่ต้องการ Volume และการยกกระชับ
- ผิวที่มีความหนาเพียงพอ
Radiesse (+) with Lidocaine
Radiesse (+) with Lidocaine มีองค์ประกอบเดียวกับ Radiesse Classic แต่เติม Lidocaine 0.3% เข้าไปเพื่อลดความเจ็บปวดระหว่างการรักษา การเพิ่ม Lidocaine นี้ทำให้ผู้รับการรักษามีความสะดวกสบายมากขึ้น โดยไม่ต้องฉีดยาชาแยกต่างหาก ปัจจุบัน Radiesse (+) กลายเป็นตัวเลือกมาตรฐานที่แพทย์นิยมใช้เนื่องจากช่วยลดความรู้สึกไม่สบายและทำให้ประสบการณ์การรักษาดีขึ้น
ข้อดี
- ลดความรู้สึกไม่สบายระหว่างฉีด
- ไม่จำเป็นต้องฉีดยาชาแยก
- เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวความเจ็บปวด
การเลือกใช้ตามบริเวณ
สำหรับใบหน้า
- Radiesse (+) เป็นตัวเลือกแรก เนื่องจากลดความเจ็บปวด
- ใช้เข็มขนาด 25-27G เพื่อการฉีดที่นิ่มนวล
- เทคนิค Linear Threading หรือ Serial Puncture
สำหรับ Body (ต้นคอ, มือ)
- สามารถใช้ทั้ง Radiesse Classic และ Radiesse (+)
- มักจะผสมน้ำเกลือเพื่อให้การกระจายตัวดีขึ้น
- ใช้เข็ม Cannula ขนาด 22-25G เพื่อลดการช้ำ
การเลือกปริมาณที่เหมาะสม
ผู้รับการรักษาครั้งแรก
- เริ่มต้นด้วย 0.8-1.5 ml
- ประเมินผลลัพธ์ก่อนเพิ่มปริมาณ
ผู้ที่ต้องการ Volume มาก
- อาจต้องการ 2-3 ml ต่อครั้ง
- แบ่งฉีดหลายครั้งเพื่อความปลอดภัย
การแยกแยะผลิตภัณฑ์แท้
- บรรจุภัณฑ์ต้องมีฉลากภาษาไทยและเลขทะเบียน อย.
- หลอดฉีดต้องมี Hologram และ Serial Number
- ควรขอดูการเปิดหลอดใหม่ต่อหน้าผู้รับการรักษา
โปรแกรม Radiesse ฉีดตรงไหนได้บ้าง?
บริเวณใบหน้า (Facial Areas)
- ร่องจมูกถึงปาก (Nasolabial Fold) ช่วยยกกระชับและลดความลึกของร่อง
- ร่องน้ำหมาก (Marionette Line) ช่วยยกมุมปากและลดการหย่อนคล้อย
- แก้ม (Cheek Augmentation) เพิ่มปริมาตรและยกกระชับแก้มที่หย่อน สร้างความคมชัดของโครงกระดูกแก้ม เหมาะกับผู้ที่แก้มแบนหรือสูญเสีย Volume
- คาง (Chin Enhancement) ปรับรูปร่างคางให้โดดเด่นและสมดุล แก้ปัญหาคางเล็กหรือคางหดกลับ ช่วยปรับสัดส่วนใบหน้าให้ลงตัว
- ขมับ (Temple Area) เติมเต็มขมับที่บุ๋มหรือเหี่ยวย่น ช่วยให้ใบหน้าดูอิ่มเอมและอ่อนเยาว์
บริเวณร่างกาย (Body Areas):
- ต้นคอ (Neck/Décolletage)
- Upper Neck ด้านหน้าต้นคอที่มีเส้นริ้วรอยเนื่องจากเทคโนโลยี
- Lower Neck บริเวณใต้คอที่หย่อนคล้อย
- ด้านหลังมือ (Hand Rejuvenation)
- ปรับปรุงมือที่แสดงอาการแก่ชรา
- ลดความเห็นชัดของเส้นเอ็นและเส้นเลือด
- เพิ่มความหนาของผิวหนัง
- ต้นแขน (Upper Arms)
- แก้ปัญหาต้นแขนที่หย่อนคล้อย (Bat Wings)
- ช่วยกระชับและเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว
- ใช้เทคนิค Hyperdilution เพื่อครอบคลุมพื้นที่กว้าง
- หน้าท้อง (Abdominal Area)
- เส้นยืดหลังตั้งครรภ์ (Stretch Marks)
- ผิวที่หย่อนคล้อยบริเวณหน้าท้องล่าง
- ช่วยปรับปรุงผิวสัมผัสและความกระชับ
- ต้นขา (Thigh Area)
- ผิวส้มที่เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจน
- บริเวณต้นขาด้านในที่หย่อนคล้อย
บริเวณที่ไม่เหมาะสม (Contraindicated Areas)
- ริมฝีปาก (Lips)
- เสี่ยงต่อการเกิดก้อนและการไหลไม่สม่ำเสมอ
- ความรู้สึกแข็งที่ไม่เป็นธรรมชาติ
- อาจเกิดการอักเสบหรือการเกิด Granuloma
- ใต้ตา (Tear Trough)
- ผิวบางเกินไปสำหรับ Radiesse
- เสี่ยงต่อการเกิด Tyndall Effect (ผิวแสดงสีฟ้า)
- อาจทำให้เกิดการบวมเรื้อรัง
- หนังตา (Eyelid Area)
- บริเวณที่มีการเคลื่อนไหวมากและผิวบาง
- เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาการมองเห็น
4 วิธีเช็ค Radiesse แท้หรือปลอม ดูอย่างไร?
การตรวจสอบความแท้ของ Radiesse เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณได้รับการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
มีฉลากภาษาไทย พร้อมเลขทะเบียน อย. ชัดเจน
รายละเอียดที่ต้องมีบนฉลาก
ชื่อผลิตภัณฑ์
- ภาษาไทย: “เรดิเอส พลัส” หรือ “Radiesse (+)”
- ภาษาอังกฤษ: “Radiesse (+) Volumizing Filler”
- ต้องมีทั้งสองภาษาและสะกดถูกต้อง
เลขทะเบียน อย.
- รูปแบบ: อย. 1X-X-XXXXXXXX-X-XX
- ตัวอย่าง: “อย. 1C-25-XXXXXXXX-5-01”
- ต้องมีครบ 15-16 หลัก และเป็นเลขล่าสุดที่ได้รับการอนุมัติ
ข้อมูลผู้ผลิตและผู้นำเข้า
- ชื่อบริษัทผู้ผลิต: Merz Aesthetics Inc.
- ประเทศผู้ผลิต: United States
- ชื่อผู้นำเข้า: บริษัทที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย
- ที่อยู่ผู้นำเข้าครบถ้วน
การตรวจสอบเลขทะเบียน
- เช็คผ่านเว็บไซต์ FDA อย. (fda.moph.go.th)
- กรอกเลขทะเบียนในระบบค้นหา
- ตรวจสอบวันที่ได้รับอนุญาต และสถานะปัจจุบัน
มีหมายเลขล็อต (LOT), วันผลิต และวันหมดอายุครบถ้วน
หมายเลขล็อต (Batch/LOT Number)
- รูปแบบ: ตัวอักษรและตัวเลขผสม เช่น “2XXXXX” หรือ “RXX-XXXX”
- แต่ละล็อตจะมีหมายเลขเฉพาะไม่ซ้ำกัน
- พิมพ์ชัดเจน ไม่เลือนหรือดูเหมือนแก้ไข
วันที่ผลิต (MFG Date)
- รูปแบบ: MM/YYYY หรือ DD/MM/YYYY
- ตัวอย่าง: “03/2024” หรือ “15/03/2024”
- ต้องไม่เก่าเกินไปเมื่อเปรียบเทียบกับวันหมดอายุ
วันหมดอายุ (EXP Date)
- ระยะเวลา: โดยทั่วไป 24-36 เดือนจากวันผลิต
- รูปแบบ: MM/YYYY หรือ DD/MM/YYYY
- ต้องยังไม่หมดอายุในวันที่รักษา
วิธีตรวจสอบ
- ขอดูบรรจุภัณฑ์ก่อนการรักษา
- ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน
- ตรวจสอบว่าตัวอักษรและตัวเลขชัดเจน ไม่เลือน
สแกน QR Code หรือ Serial Number ตรวจสอบแหล่งที่มา
- ผลิตภัณฑ์แท้จะมี QR Code สำหรับตรวจสอบ
- สแกนแล้วจะเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของผู้ผลิต
- จะแสดงรายละเอียดของผลิตภัณฑ์และยืนยันความแท้
Serial Number
- แต่ละหลอดจะมีหมายเลขซีเรียลเฉพาะ
- สามารถตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ Merz Aesthetics
- จะแสดงข้อมูล: วันผลิต, ล็อต, การกระจายสินค้า
แอปพลิเคชันตรวจสอบ
- Merz Aesthetics มีแอปสำหรับตรวจสอบความแท้
- ดาวน์โหลดจาก App Store หรือ Google Play เท่านั้น
- สแกนบาร์โค้ดหรือกรอก Serial Number
เว็บไซต์ตรวจสอบ
- เว็บไซต์อย.: drug.fda.moph.go.th
- เว็บไซต์ Merz: merzaesthetics.com
- เว็บไซต์ผู้จำหน่ายที่ได้รับอนุญาต
ขอดูหลอดยาก่อนฉีด พร้อมเปิดใหม่ต่อหน้า
การตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ภายนอก
กล่องภายนอก
- วัสดุแข็งแรง พิมพ์คมชัด สีสันสดใส
- มีฟอยล์หรือ Holographic Seal
- ไม่มีรอยยับ, ขาด, หรือดูเหมือนเปิดแล้ว
ซีลความปลอดภัย
- Tamper-evident seal ที่ไม่สามารถเปิดแล้วปิดใหม่ได้
- หากซีลขาดหรือดูผิดปกติ ไม่ควรใช้
การตรวจสอบหลอดฉีด
ลักษณะหลอดฉีด
- ทำจากแก้วใส คุณภาพสูง
- มี Rubber stopper ที่ปิดสนิท
- ไม่มีรอยแตก รั่ว หรือฟองอากาศผิดปกติ
การเปิดต่อหน้าผู้รับการรักษา
- แพทย์ต้องเปิดซีลและประกอบหลอดฉีดต่อหน้าคุณ
- ให้คุณเห็นว่าเป็นหลอดใหม่ที่ไม่เคยใช้
- อนุญาตให้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน
เนื้อสัมผัสของเจล
- เจลใส ไม่มีก้อน หรือสีผิดปกติ
- ไม่มีกลิ่นแปลกปลอม
- ความหนืดสม่ำเสมอ
สัญญาณเตือนของผลิตภัณฑ์ปลอม
ราคาต่ำผิดปกติ
- ราคาต่ำกว่าราคาตลาดมากๆ ควรระวัง
- ผลิตภัณฑ์แท้มีต้นทุนสูง จึงไม่มีราคาถูกมาก
การบริการที่น่าสงสัย
- ไม่ยอมให้ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์
- รีบเร่งในการรักษา ไม่ให้เวลาพิจารณา
- ไม่สามารถแสดงใบรับรองการนำเข้าได้
คำแนะนำสำคัญ
- เลือกคลินิกที่มีชื่อเสียงและใช้ผลิตภัณฑ์แท้
- อย่าลังเลที่จะขอดูหลักฐานความแท้
- หากสงสัย ให้หยุดการรักษาและขอคำปรึกษาเพิ่มเติม
- รายงานผลิตภัณฑ์ปลอมต่อหน่วยงาน อย.
โปรแกรม Radiesse ราคาเท่าไหร่
โปรแกรม Radiesse ราคาเท่าไหร่?
ราคา Radiesse 0.8 ml อยู่ที่ 36,000 บาท และ 1.5 ml อยู่ที่ 69,000 บาท ซึ่งรวมค่าบริการแพทย์และการติดตาม การรักษาบริเวณต่าง ๆ มีราคาแตกต่างกัน เช่น Nasolabial Fold ประมาณ 35,000-45,000 บาท และ Hand Rejuvenation ประมาณ 80,000-120,000 บาท
ปัจจัยที่มีผลต่อราคา
ราคา Radiesse ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้ บริเวณที่รักษา ความเชี่ยวชาญของแพทย์ และมาตรฐานของคลินิก โดยปริมาณ 0.8 ml เหมาะสำหรับการปรับแต่งเล็กน้อย ส่วน 1.5 ml เป็นปริมาณมาตรฐานสำหรับบริเวณใหญ่
ความคุ้มค่า
แม้ราคาจะสูงกว่า HA Filler ประมาณ 1.5-2 เท่า แต่ Radiesse อยู่ได้นาน 2-3 เท่า คิดเป็นราคาต่อเดือนจึงคุ้มค่ากว่าในระยะยาว นอกจากนี้ยังให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ จากการกระตุ้นคอลลาเจน
สิ่งที่รวมในราคา
ราคารวมการประเมินก่อนรักษา ผลิตภัณฑ์แท้ การฉีดโดยแพทย์ ยาระงับปวด และการติดตามผล อย่างไรก็ตาม อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับการ Touch-up หรือการรักษาเสริม
คำแนะนำ
ควรเลือกคลินิกที่ใช้ผลิตภัณฑ์แท้และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หลีกเลี่ยงราคาต่ำผิดปกติเพราะอาจเสี่ยงต่อการใช้ผลิตภัณฑ์ปลอม ปรึกษาหลายคลินิกเพื่อเปรียบเทียบประสบการณ์และบริการ
เหตุผลที่หลายคนไว้วางใจเลือกฉีด Radiesse ที่รัตตินันท์ คลินิก
1. ดำเนินการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์
ทีมแพทย์รัตตินันท์ คลินิก ผ่านการอบรมเฉพาะทางด้าน Medical Aesthetics และผ่านการรักษาด้วย Radiesse จนเข้าใจกายวิภาคศาสตร์ของใบหน้าและสามารถจัดการกับภาวะแทรกซ้อนได้อย่างมืออาชีพ พร้อมการอัปเดตความรู้จากการประชุมวิชาการ
2. ประเมินและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล
การประเมินเบื้องต้นครอบคลุมการศึกษาโครงสร้างใบหน้า การวิเคราะห์คุณภาพผิว และการประเมินความต้องการของผู้รับการรักษา ใช้เทคโนโลยีช่วยการวิเคราะห์ เช่น การถ่ายภาพ 3D เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและให้การปรึกษาอย่างละเอียดโดยไม่รีบเร่ง
3. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแหล่งที่มาชัดเจน
สั่งซื้อตรงจากตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย มีใบรับรองการนำเข้าและเลขทะเบียน อย. ครบถ้วน เก็บรักษาในระบบ Cold Storage ที่ควบคุมอุณหภูมิ 2-8°C และยินดีแสดงบรรจุภัณฑ์พร้อมเอกสารก่อนการรักษา
4. After Care
ให้การดูแลทันทีหลังการรักษาด้วยการประคบเย็นและคำแนะนำการลดการบวม มีการนัดติดตามใน 1-2 สัปดาห์ และติดตามผลลัพธ์ระยะยาวใน 3, 6, และ 12 เดือน พร้อมระบบการปรึกษาและประวัติการรักษาครบถ้วน
5. สภาพแวดล้อมเอื้อต่อการดูแลที่ดี
ห้องรักษาได้มาตรฐานและอุปกรณ์การแพทย์ใช้ครั้งเดียวทิ้ง ส่วนตัว สงบ และระบบความปลอดภัยครบถ้วนรวมถึงการประกันภัยและแผนการจัดการภาวะฉุกเฉิน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโปรแกรม Radiess
A: ความเจ็บปวดระดับน้อยถึงปานกลาง โดยเฉพาะ Radiesse (+) ที่มี Lidocaine ช่วยลดความเจ็บปวดได้ดี แพทย์อาจใช้ยาชาเพิ่มเติมในบริเวณที่ละเอียดอ่อน ส่วนใหญ่ผู้รับการรักษาสามารถทนได้โดยไม่มีปัญหา
A: การบวมจะเกิดขึ้น 1-5 วัน โดยเฉพาะวันที่ 1-2 จะบวมมากที่สุด หลังจากนั้นจะค่อย ๆ ลดลง ส่วนใหญ่สามารถทำงานได้ปกติ แต่หากต้องการความสมบูรณ์แบบ ควรหยุดงาน 2-3 วัน
A: Radiesse ได้รับการรับรองความปลอดภัยจาก FDA และ อย. เมื่อฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ การบวม แดง ช้ำ ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติและจะหายไปเอง การติดเชื้อหรือการแพ้เกิดขึ้นได้น้อยมาก
A: ควรรอให้ Radiesse เสถียรก่อน ประมาณ 2-4 สัปดาห์ หลังจากนั้นสามารถฉีด HA Filler เพิ่มเติมได้ในบริเวณอื่น หรือเพื่อปรับแต่งรายละเอียด แต่ต้องแจ้งแพทย์ให้ทราบประวัติการรักษา
A: Radiesse ไม่สามารถละลายด้วย Hyaluronidase เหมือน HA Filler ได้ หากมีปัญหาจะต้องรอให้ดูดซึมตามธรรมชาติ หรือใช้วิธีการอื่นในการแก้ไข เช่น การนวดหรือการฉีดสเตอรอยด์ในกรณีที่มีการอักเสบ
A: เหมาะสำหรับทั้งชายและหญิง โดยเฉพาะผู้ชายที่ต้องการปรับโครงหน้า เช่น การทำให้ขากรรไกรคมชัด การเติมเต็มแก้มที่แบน หรือการปรับรูปคาง เทคนิคและปริมาณจะปรับให้เหมาะกับโครงสร้างใบหน้าของผู้ชาย
A: เมื่อคิดเป็นราคาต่อเดือน Radiesse อาจคุ้มค่ากว่า เพราะอยู่ได้นาน 18-24 เดือน ในขณะที่ HA Filler อยู่ได้ 6-12 เดือน นอกจากนี้ Radiesse ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพผิวในระยะยาว
A: สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ เช่น
- Botox สามารถทำร่วมกันได้ โดยขอแนะนำให้ทำ Botox ก่อน รอ 2 สัปดาห์ แล้วค่อยฉีด Radiesse
- Laser Treatment หลีกเลี่ยงการทำ Laser ใกล้บริเวณที่ฉีด Radiesse ใน 2 สัปดาห์แรก
- PRP สามารถทำร่วมกันได้เพื่อเสริมการฟื้นฟูผิว
- Skincare Treatment ควรหยุดการใช้ Retinoid หรือ AHA/BHA 1 สัปดาห์ก่อนและหลังการรักษา
A: สัปดาห์แรกให้ใช้ผลิตภัณฑ์อ่อนโยน หลีกเลี่ยง Active Ingredient หลังจากนั้นสามารถใช้:
- Vitamin C ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน
- Peptides เสริมการฟื้นฟูผิว
- Hyaluronic Acid เพิ่มความชุ่มชื้น
- Sunscreen ป้องกันแสงแดดทุกวัน
A: เหมาะสำหรับอายุ 25 ปีขึ้นไป โดย
- อายุ 25-35 ปี เน้นการป้องกันและปรับแต่งเฉพาะจุด
- อายุ 35-50 ปี ช่วงที่เหมาะที่สุดสำหรับการฟื้นฟู
- อายุ 50+ ปี มักใช้ร่วมกับหัตถการอื่นเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
คุณหมอสรุปให้ Radiesse เติมเต็มผิวทันที พร้อมฟื้นฟูจากภายใน
Radiesse เป็นนวัตกรรมการดูแลผิวที่โดดเด่นด้วยกลไกการทำงาน 2 ระยะ ที่ให้ทั้งผลลัพธ์ทันทีและการฟื้นฟูระยะยาว ด้วยองค์ประกอบหลัก Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ที่เป็นสารธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ ทำให้มีความปลอดภัยสูงและสามารถดูดซึมได้ตามธรรมชาติ
จุดเด่นที่แตกต่างจาก Filler ทั่วไป การทำงานแบบ Dual-action ที่เติมเต็มปริมาตรทันทีพร้อมกับกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ส่งผลให้ผิวไม่เพียงแค่ดูอิ่มเิมขึ้นชั่วคราว แต่ยังได้รับการฟื้นฟูโครงสร้างจากภายในอย่างยั่งยืน ผลลัพธ์จึงมีความยาวนาน 18-24 เดือน ซึ่งนานกว่า HA Filler ทั่วไป
ความเหมาะสมและความคุ้มค่า Radiesse เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาการสูญเสียปริมาตรปานกลางถึงมาก ร่องลึก และผิวที่เริ่มหย่อนคล้อย โดยเฉพาะในช่วงอายุ 35-55 ปี แม้ว่าราคาต่อครั้งจะสูงกว่า HA Filler แต่เมื่อคิดเป็นราคาต่อเดือน มักจะคุ้มค่ากว่าในระยะยาว
ความปลอดภัยและการดูแล ความสำเร็จของการรักษาขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแพทย์และการใช้ผลิตภัณฑ์แท้เป็นสำคัญ การเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน มีการประเมินเฉพาะบุคคล และให้การดูแลอย่างครบวงจร จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัย
ข้อแนะนำสุดท้าย การตัดสินใจเลือกรับการรักษาด้วย Radiesse ควรเริ่มจากการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินความเหมาะสมและวางแผนการรักษาที่ตรงกับความต้องการ อย่าตัดสินใจจากราคาเพียงอย่างเดียว แต่ให้ความสำคัญกับคุณภาพการรักษาและความปลอดภัยเป็นหลัก
Radiesse จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความงามที่ยั่งยืน ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ และการลงทุนในการดูแลตัวเองที่คุ้มค่าในระยะยาว ด้วยการผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์การแพทย์และศิลปะแห่งความงาม เพื่อให้คุณได้รับความมั่นใจและความสุขจากภาพลักษณ์ใหม่ที่สะท้อนตัวตนที่แท้จริงของคุณ
รัตตินันท์ คลินิก ให้บริการด้านความงามและการรักษา โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา พร้อมด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้รับบริการ ศูนย์ได้รับการรับรองคุณภาพจาก AACI สหรัฐอเมริกา ในฐานะศูนย์ศัลยกรรมผู้ป่วยนอกแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และได้รับการประเมินในด้านการให้บริการจากลูกค้าหลายประเทศ