เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น การหาตัวช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟู และชะลอวัย จึงจำเป็นต่อการคงสภาพผิวให้ดูสดใส เพราะฉะนั้นการเลือกฟิลเลอร์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำคัญ ที่ทำให้ผิวหน้าของทุกคนกลับมาดูอิ่มน้ำดังเดิม
และในบทความนี้ รัตตินันท์ขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ Radiesse ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มผิวคืออะไร? ดีอย่างไร? และสามารถเลือก Radiesse แทนฟิลเลอร์ตัวอื่นได้หรือไม่?
โปรแกรม Radiesse คืออะไร?
Radiesse (อ่านว่า เร-เดียสซ์) คือ ฟิลเลอร์ชนิดหนึ่งที่เข้าไปช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ซึ่งมีจุดเด่นแตกต่างจากฟิลเลอร์แบบทั่วไป (เช่น Hyaluronic Acid หรือ HA) เพราะ Radiesse ไม่ได้แค่เติมเต็มผิวให้เรียบตึงในทันที แต่ยังเข้าไปช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ในบริเวณที่ฉีดอย่างเป็นธรรมชาติ และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ สำหรับการจัดการปัญหาผิวที่มีความหย่อนคล้อย เกิดริ้วรอย
เช่น หน้าตอบ ผิวแห้งกร้านขาดน้ำ มีริ้วรอยร่องลึกและผิวหย่อนคล้อยในระดับปานกลาง เป็นการรักษาโดยไม่ต้องผ่านการผ่าตัด ช่วยเติมวอลุ่มให้ผิว และเห็นผลยาวนานด้วยองค์ประกอบจาก CaHA การฟื้นฟูหรือชะลอวัย
CaHA คืออะไร
CaHA คือ สารในกลุ่มของ mineral ที่พบในร่างกายได้โดยธรรมชาติ CaHa มีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูผิว โดยการเข้าไปกระตุ้นยึดโยงโครงสร้างภายในชั้นผิวให้เกิดกระบวนการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่ง CaHa สามารถเข้ากับร่างกายได้เป็นอย่างดี และมีความปลอดภัยสูง สามารถสลายไปตามธรรมชาติตามปกติของร่างกาย
โปรแกรม Radiesse ทำงานอย่างไร?
เมื่อฉีดโปรแกรม Radiesse เข้าไป อนุภาคแร่ CaHA (Calcium Hydroxylapatite) จะกระจายอยู่ในเจลพาหะ เมื่อเข้าสู่ชั้นผิวลึก (Dermis หรือใต้ผิว) เจลจะช่วยพยุงผิวในทันที ทำให้ริ้วรอยตื้นขึ้น ผิวดูแน่น ยกกระชับขึ้นแบบธรรมชาติ แก้ปัญหาโครงสร้างหน้าตอบหรือผิวหย่อนคล้อยได้ในทันที ผลลัพธ์หลังฉีดจะเห็นความเปลี่ยนแปลงทันที 30–50%
จุดเด่นของโปรแกรม Radiesse คืออะไร?
จุดเด่นของโปรแกรม Radiesse ไม่ใช่แค่การกระตุ้นคอลลาเจนบนผิวหน้าเท่านั้น แต่ยังช่วยเติมเต็มผิวร่องลึก ริ้วรอยให้ตื้นขึ้น ส่งผลให้ผิวแน่นขึ้น กระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติแม้หลังจากเนื้อฟิลเลอร์สลายไปแล้วก็ตาม
โปรแกรม Radiesse เหมาะกับใครบ้าง?
- โปรแกรม Radiesse เหมาะกับ ผู้ที่เริ่มมีสัญญาณผิวหย่อนคล้อย เช่น แก้มตก ขมับยุบ กรอบหน้าไม่ชัด ต้องการยกกระชับแบบแน่นผิว ไม่เน้นฟูเหมือนฟิลเลอร์ทั่วไป
- ผู้ที่ต้องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- ผู้ที่อายุ 30–50 ปีขึ้นไป ที่เริ่มสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว ไม่ใช่แค่เติมแล้วหายไป
- ผู้ที่ไม่ต้องการเติมฟิลเลอร์บ่อย ๆ เพราะ Radiesse อยู่ได้นานถึง 12–18 เดือน
- ผู้ที่อยากฟื้นฟูผิวบริเวณเฉพาะ เช่น ขมับ คาง กรอบหน้า หรือหลังมือ
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบธรรมชาติ เพราะเนื้อเจลของ Radiesse มีความแน่น ไม่ฟู จึงให้ผลลัพธ์ที่ดูกระชับแบบเป็นธรรมชาติ
โปรแกรม Radiesse ไม่เหมาะกับใครบ้าง?
- ผู้ที่ต้องการเติมเต็มผิวบริเวณที่บางมาก
- ผู้ที่มีโรคแพ้หรือภูมิคุ้มกันผิดปกติบางประเภท
- ผู้ที่มีการติดเชื้อหรือผิวหนังอักเสบในบริเวณที่ต้องการฉีด
- ผู้ที่ตั้งครรภ์หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร
โปรแกรม Radiesse ดีกว่าฟิลเลอร์ทั่วไปอย่างไร?
- โปรแกรม Radiesse กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้จริง เพราะประกอบด้วยสาร CaHA (Calcium Hydroxylapatite) ที่ทำงานเป็น Collagen Stimulator โดยตรง ที่ไม่ใช่แค่การเติมเต็ม แต่จะเป็นการกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวแน่นขึ้น ยืดหยุ่นขึ้น แม้หลังสารสลายไปแล้ว แต่ฟิลเลอร์ทั่วไป (เช่น Hyaluronic Acid) เติมเต็มได้ทันที แต่ไม่ได้กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระดับเดียวกัน
- โปรแกรม Radiesse ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 12–18 เดือน หรือบางเคสอาจถึง 24 เดือน แต่ HA Filler ทั่วไป ผลลัพธ์โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 6–12 เดือน
- โปรแกรม Radiesse โครงสร้างแน่น ยกกระชับดีเยี่ยม เพราะเนื้อของ Radiesse มีความแน่นและยืดหยุ่นสูง เหมาะกับบริเวณที่ต้องการยกกระชับชัด เช่น แนวกราม มุมคาง ขอบใบหน้า แต่ HA Filler บางชนิดอาจนิ่มเกินไปสำหรับการยกกระชับ
ทีมแพทย์ รัตตินันท์ คลินิก
เปรียบเทียบ Radiesse กับ Sculptra
การเลือกฉีดฟิลเลอร์สักหนึ่งประเภทนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวไหนดีกว่ากัน แต่ขึ้นอยู่กับว่าผู้เข้ารับบริการนั้นต้องการผลลัพธ์แบบใด ซึ่งเราได้ยกทั้งสองฟิลเลอร์มาเปรียบเทียบในบทความนี้ เพื่อให้ทุกคนเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสำหรับตัวเองมากที่สุด
โปรแกรม Sculptra – เสริมเกราะ ฟื้นฟูลึกจากภายใน
โปรแกรม Sculptra เหมาะสำหรับผู้ที่ ผิวขาดการบำรุงมานาน มีปัญหา ผิวบาง ขาดวอลุ่ม โครงสร้างผิวอ่อนแอ ต้องการ กระตุ้นคอลลาเจนในชั้นลึก อย่างต่อเนื่อง ฟื้นฟูผิวแบบระยะยาวไม่รีบร้อนเห็นผล ผลลัพธ์จะค่อยๆ ฟูขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติในช่วง 4–12 สัปดาห์ และ โปรแกรม Sculptra อยู่ได้นานถึง 18–24 เดือน และควรฉีด 2–3 ครั้งห่างกัน 4–6 สัปดาห์ เพื่อให้ผลลัพธ์ชัดเจนและยาวนาน
โปรแกรม Radiesse – ยกกระชับ ผิวแน่น มีเลือดฝาดทันใจ
โปรแกรม Radiesse เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหา ริ้วรอย ร่องลึก เช่น ร่องแก้ม คาง ขากรรไกร ผิวดูโทรม ขาดความชุ่มชื้น อยากให้หน้า ฉ่ำเด้ง อมชมพู มีเลือดฝาด ต้องการผลลัพธ์ที่เห็นทันทีหลังทำ พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว เนื้อแน่น ยกกระชับดี เหมาะกับโครงหน้าและกรอบหน้าชัด ๆ เหมาะกับคนไข้ที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจน เห็นการเปลี่ยนแปลงเร็ว
โปรแกรม Radiesse มีกี่รุ่น อะไรบ้าง?
โปรแกรม Radiesse มีทั้งหมด 2 รุ่น คือ Radiesse Filler แบบไม่มียาชา และ Radiesse Plus มีส่วนประกอบของยาชา
โปรแกรม Radiesse ฉีดตรงไหนได้บ้าง?
ตำแหน่ง |
ช่วยเรื่องอะไรบ้าง? |
แนวกรอบหน้า (Jawline) |
ยกกระชับใบหน้า ให้กรอบหน้าชัด ลดความหย่อนคล้อย |
คาง (Chin) |
เติมความยาว สร้างมิติให้ใบหน้าดูสมดุล |
ขมับ (Temples) |
เติมขมับตอบให้ดูอิ่มเต็ม ใบหน้าดูไม่โทรม |
ร่องแก้ม (Nasolabial folds) |
ลดร่องลึก ให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น |
มุมปาก/มาริโอเนตไลน์ (Marionette lines) |
ยกมุมปาก ลดร่องเศร้า |
หลังมือ (Hands) |
ลดความเหี่ยวย่น ให้ผิวมือดูอ่อนเยาว์ |
ลำคอ/เนินอก (บางเคส) |
ฟื้นฟูผิวที่บางและหย่อนคล้อย |
Mid-face/แก้มด้านข้าง |
ยกกระชับผิว เพิ่ม Volume ให้ใบหน้ากลับมาดูสดใส |
โปรแกรม Radiesse มีผลข้างเคียงไหม?
การฉีดโปรแกรม Radiesse จะมีผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น บวมแดง บริเวณที่ฉีด (พบได้บ่อยใน 24–48 ชม.แรก) ช้ำหรือเป็นรอยเข็ม เจ็บหรือระบมเล็กน้อย หรือ ผิวบริเวณที่ฉีดรู้สึกตึง ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะหายไปใน 3–7 วัน และสามารถประคบเย็นหรืองดกิจกรรมบางอย่างเพื่อลดอาการ
วิธีดูแลตัวเองก่อนฉีดโปรแกรม Radiesse
- ก่อนฉีดโปรแกรม Radiesse ผู้เข้ารับบริการควรมีการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง และไม่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ให้ผู้เข้ารับบริการแจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัวหรือการแพ้ยาที่มีอยู่ หรือการรักษาทางการแพทย์ที่ผ่านมา
- หลีกเลี่ยงการทานยาที่อาจมีผลต่อการขาดสารละลายในเลือด หากจำเป็นต้องใช้ยาประเภทนี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับยาเหล่านี้
- งดการบริโภควิตามินหรืออาหารเสริมที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการขาดสารละลายในเลือด เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา และน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส เป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้รับเรเดียสซ์จากผู้ผลิตแท้และการรักษาถูกดำเนินการโดยผู้ชำนาญการทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรอง ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ผ่าน Radiesse Certified Injector ที่คลินิก หรือ Merz Check
วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดโปรแกรม Radiesse
- หลังเข้ารับบริการ ฉีดโปรแกรม Radiesse ใบหน้าอาจบวมเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีดและจะหายเองภายใน 72 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส การนวดหรือการกดบริเวณที่ถูกฉีด
- งดการแต่งหน้าอย่างน้อย 12 ชั่วโมงหลังการฉีด
- หากรู้สึกมีก้อนใต้ผิวหนัง สามารถกดและนวดบริเวณที่มีปัญหาเพื่อช่วยลดขนาดของก้อนได้
- ในบางกรณี อาจเกิดรอยช้ำหลังจากการฉีด ซึ่งเป็นปกติเนื่องจากการกระจายสารเติมเต็มบนผิวหนัง หากสังเกตเห็นผิวหนังแดงหลังการฉีด แนะนำให้ประคบเย็นหรือใช้ยาที่ช่วยลดรอยช้ำ หากผ่านไป 24 ชั่วโมงแล้วและผิวหนังยังคงแดง แนะนำให้ประคบอุ่น
- หลีกเลี่ยงการทำหัตถการที่ใช้ความร้อนสูงและงดเข้าห้องซาวน่าอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- แจ้งแพทย์หากคุณมีอาการผิดปกติอื่น ๆ หรือมีข้อกังวล
- แจ้งแพทย์หากคุณวางแผนที่จะทำหัตถการหรือรับการรักษาเพิ่มเติมในบริเวณที่ได้รับการฉีดเรเดียสซ์
สรุป Radiesse คืออะไร?
Radiesse เป็นนวัตกรรมย้อนวัยด้วยสาร CaHA ช่วยเพิ่มความเต่งตึงและกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนสำหรับผิว มีผลลัพธ์ทนทานได้ถึง 24 เดือน ฟื้นฟูผิวหน้าแบบกึ่งถาวรโดยไม่ต้องผ่าตัด รับบริการหรือปรึกษากับแพทย์ผิวหนังผู้ชำนาญการและมากประสบการณ์ได้ที่ รัตตินันท์ คลินิก
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโปรแกรม Radiesse
โปรแกรม Radiesse สามารถอยู่ได้นานประมาณ 12–18 เดือน ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด ปริมาณที่ใช้ และสภาพผิวของแต่ละบุคคล รวมถึงการดูแลตัวเองหลังฉีด เช่น การหลีกเลี่ยงความร้อนสูง การนวดบริเวณที่ฉีด หรือการใช้สกินแคร์ที่กระตุ้นการผลัดเซลล์
การฉีดโปรแกรม Radiesse โดยทั่วไปจะเห็นผลทันทีหลังฉีด เพราะเนื้อเจลมีคุณสมบัติในการเติมเต็มผิวได้เลย และจะยิ่งเห็นผลชัดขึ้นในช่วง 2–4 สัปดาห์ หลังจากร่างกายเริ่มสร้างคอลลาเจนตามที่กระตุ้นไปแล้ว
หากต้องการผลลัพธ์ที่ต่อเนื่อง แนะนำให้ ฉีดซ้ำทุก 12 เดือน หรือให้แพทย์ประเมินเป็นรายกรณี
การฉีดโปรแกรม Radiesse จะเห็นผลเบื้องต้นทันทีหลังฉีด แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นจะเห็นภายใน 2–4 สัปดาห์ หลังจากที่เนื้อผิวเริ่มฟื้นฟูและร่างกายสร้างคอลลาเจนเพิ่มเติม ทำให้ผิวแน่น ฉ่ำ และดูอิ่มน้ำมากขึ้น
โปรแกรม Radiesse 1 กล่องจะมี 1.5 cc บางคลินิกอาจมีการแบ่งฉีดในปริมาณที่เหมาะสมกับแต่ละบริเวณ เช่น แก้ม ขมับ แนวกราม หรือมือ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม
รัตตินันท์ คลินิก ให้บริการด้านความงามและการรักษา โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา พร้อมด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้รับบริการ ศูนย์ได้รับการรับรองคุณภาพจาก AACI สหรัฐอเมริกา ในฐานะศูนย์ศัลยกรรมผู้ป่วยนอกแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และได้รับการประเมินในด้านการให้บริการจากลูกค้าหลายประเทศ