NK Cells คืออะไร เซลล์เพชฌฆาตธรรมชาติ เสริมภูมิคุ้มกันและป้องกันมะเร็ง

NK Cells คืออะไร เซลล์เพชฌฆาตธรรมชาติ เสริมภูมิคุ้มกันและป้องกันมะเร็ง

ในยุคที่การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมกำลังได้รับความสนใจมากขึ้น หลายคนเริ่มตระหนักว่าการมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงคือรากฐานสำคัญของสุขภาพที่ยั่งยืน หนึ่งในกลไกป้องกันที่ทรงพลังที่สุดของร่างกายคือ NK Cells หรือ Natural Killer Cells ซึ่งทำหน้าที่เป็นเสมือน “นักรบแถวหน้า” ที่คอยปกป้องร่างกายจากเชื้อโรค ไวรัส และเซลล์ผิดปกติต่าง ๆ รวมถึงเซลล์มะเร็ง

บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจเกี่ยวกับ NK Cells อย่างครบถ้วน ตั้งแต่บทบาทหน้าที่ สาเหตุที่ทำให้อ่อนแอลง ไปจนถึงนวัตกรรมการรักษาด้วย NK Cells Therapy ที่ Rattinan Clinic นำเสนอเพื่อช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

NK Cells หรือ Natural Killer Cells คือ เซลล์เพชฌฆาตธรรมชาติ

NK Cells คืออะไร

NK Cells หรือ Natural Killer Cells คือ เซลล์เพชฌฆาตธรรมชาติ ที่เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ (Lymphocyte) เป็นส่วนสำคัญของระบบภูมิคุ้มกันแบบธรรมชาติ (Innate Immunity) หรือที่เรียกว่า ภูมิต้านทานแต่กำเนิด โดย NK Cells มีความพิเศษตรงที่สามารถจดจำและโจมตีเซลล์ที่ผิดปกติได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการกระตุ้นหรือฝึกฝนล่วงหน้าเหมือนเซลล์ภูมิคุ้มกันชนิดอื่น ๆ

ชื่อ “Natural Killer” หรือ “เซลล์เพชฌฆาตธรรมชาติ” สะท้อนถึงความสามารถพิเศษของเซลล์เหล่านี้ที่สามารถทำลายเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัส เซลล์ที่กลายพันธุ์ หรือเซลล์มะเร็งที่กำลังเติบโต

บทบาทหลักของ NK Cells ในการปกป้องร่างกาย

NK Cells มีหน้าที่สำคัญในการ ป้องกันและกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย เช่น เชื้อไวรัสต่าง ๆ อีกทั้งยังทำลายเซลล์ผิดปกติในร่างกายที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส หรือฆ่าเซลล์ที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์มะเร็ง

ลักษณะเด่นของ NK Cells คือ

  • ไม่ต้องการการกระตุ้นก่อน สามารถทำงานได้ทันทีเมื่อพบเป้าหมาย โดยไม่ต้องรอการกระตุ้นแอนติบอดี
  • จดจำเซลล์ผิดปกติได้เอง โดยไม่ต้องอาศัย Antibody หรือ MHC molecules
  • ทำงานได้รวดเร็ว เป็นแนวป้องกันแรกของร่างกายก่อนที่ระบบภูมิคุ้มกันแบบจำเพาะ (Adaptive Immunity) จะเข้ามาทำงาน

ปริมาณ NK Cells ในร่างกาย

โดยปกติแล้วในร่างกายมนุษย์จะมี NK Cells อยู่ในกระแสเลือดประมาณ 5-20% จากจำนวนเม็ดเลือดขาวทั้งหมด หรือประมาณ 2,000-5,000 ล้านเซลล์ ถึงแม้จะมีจำนวนไม่มากนัก แต่ NK Cells กลับเป็นส่วนสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันในการป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง และป้องกันการติดเชื้อไวรัสในร่างกาย

อย่างไรก็ตาม เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น NK Cell ที่มีอยู่ในร่างกายจะค่อย ๆ มีจำนวนและประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการชราภาพของระบบภูมิคุ้มกัน ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำกว่าปกตินี้จึงทำให้ผู้สูงอายุเจ็บป่วยได้ง่าย ป่วยหนักหลังติดเชื้อไวรัส หรือมีโอกาสเป็นโรคร้ายอย่างมะเร็งลุกลามไวมากกว่าผู้ที่มีอายุน้อย

เพราะเหตุนี้ การทำ NK Cells Therapy จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน โดยการเพิ่มจำนวนและเสริมประสิทธิภาพ NK Cells ให้แข็งแรง พร้อมต่อสู้กับเชื้อไวรัสและเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หน้าที่ของ NK Cells ในระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย

NK Cells มีบทบาทสำคัญหลายประการในการปกป้องร่างกาย ทำหน้าที่เป็น “ผู้พิทักษ์สุขภาพ” ที่เฝ้าระวังและตอบสนองต่อภัยคุกคามต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

หน้าที่ของ NK Cells ในระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย

1. กำจัดสิ่งแปลกปลอมและเซลล์ผิดปกติได้ทันที

NK Cells จะเดินทางอยู่ในกระแสเลือดคอยตรวจหาเซลล์ที่ผิดปกติอยู่ตลอดเวลา และเมื่อเจอเซลล์ผิดปกติหรือสิ่งแปลกปลอม NK Cells จะมีการปล่อย สารโปรตีน Interferon Gamma (IFN-γ) ออกมาเพื่อเข้าไปทำลายเซลล์ที่มีความผิดปกติทันที โดยไม่ต้องรอการกระตุ้นจากแอนติบอดี

นอกจากนี้ NK Cells ยังมีการหลั่ง สารโปรตีน Cytokine มาเรียกเม็ดเลือดขาวกลุ่มอื่น ๆ เช่น Dendritic Cell, T-Cell และ B-Cell เพื่อช่วยในการกำจัดเซลล์เหล่านั้นด้วย การทำงานนี้ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทั้งหมดทำงานอย่างประสานสมดุล

2. การทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัส

เมื่อเซลล์ในร่างกายถูกไวรัสเข้าโจมตี NK Cells จะสามารถตรวจจับและทำลายเซลล์เหล่านั้นได้ก่อนที่ไวรัสจะแพร่กระจายไปยังเซลล์อื่น ๆ การทำงานนี้ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อรุนแรงและช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น ทำให้คุณกลับมามีพลังงานและความสดชื่นในชีวิตประจำวันได้เร็วยิ่งขึ้น

3. ยับยั้งและกำจัดเซลล์มะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

หนึ่งในหน้าที่สำคัญที่สุดของ NK Cells คือการเฝ้าระวังและทำลายเซลล์ที่กลายพันธุ์หรือเซลล์มะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ในทุก ๆ วัน ร่างกายของเรามีเซลล์ผิดปกติเกิดขึ้นหลายร้อยเซลล์ แต่ NK Cells ที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยกำจัดเซลล์เหล่านี้ก่อนที่จะพัฒนาเป็นมะเร็ง

NK Cells สามารถ ยับยั้งและกำจัดเซลล์มะเร็งได้หลายระยะ ไม่ว่าจะเป็น

  • เซลล์กำเนิด (Cancer Stem Cell) เซลล์ที่เป็นต้นกำเนิดของมะเร็ง
  • เซลล์ที่อยู่ในระบบไหลเวียน (Circulating Tumor Cell) เซลล์มะเร็งที่กำลังแพร่กระจาย
  • เซลล์มะเร็งในระยะต่าง ๆ ช่วยควบคุมการลุกลามของมะเร็ง

4. การควบคุมการอักเสบและสร้างความสมดุล

NK Cells ไม่ได้ทำหน้าที่แค่ทำลายเซลล์ผิดปกติเท่านั้น แต่ยังสามารถหลั่งสาร Cytokines ต่าง ๆ เพื่อควบคุมและประสานงานกับเซลล์ภูมิคุ้มกันชนิดอื่น ๆ ช่วยสร้างสมดุลให้กับระบบภูมิคุ้มกันโดยรวม ลดการอักเสบเรื้อรังที่เป็นสาเหตุของการเสื่อมสภาพตามอายุ

5. การตอบสนองอย่างรวดเร็ว

เนื่องจาก NK Cells เป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันแบบธรรมชาติ จึงสามารถตอบสนองต่อภาวะคุกคามได้ทันที ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากพบเชื้อโรคหรือเซลล์ผิดปกติ ทำให้เป็นแนวป้องกันแรกที่สำคัญของร่างกาย ก่อนที่ระบบภูมิคุ้มกันแบบจำเพาะจะเข้ามาสนับสนุน

สาเหตุที่ทำให้ NK Cell ในร่างกายอ่อนแอลง

แม้ว่า NK Cells จะมีความสำคัญอย่างมากต่อสุขภาพ แต่มีหลายปัจจัยที่สามารถทำให้การทำงานของ NK Cells ลดลง ส่งผลให้ร่างกายมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและโรคร้ายแรงมากขึ้น การเข้าใจปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม

สาเหตุที่ทำให้ NK Cell ในร่างกายอ่อนแอลง

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของ NK Cells

1. อายุที่เพิ่มมากขึ้น

เมื่ออายุมากขึ้น จำนวนและประสิทธิภาพการทำงานของ NK Cells มักจะค่อย ๆ ลดลง การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ Immunosenescence หรือการชราภาพของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งและโรคติดเชื้อมากขึ้น

2. ความเครียดเรื้อรัง

ความเครียดที่สะสมเป็นเวลานานสามารถส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันโดยรวม โดยเฉพาะการทำงานของ NK Cells ฮอร์โมนความเครียดอย่าง Cortisol ที่หลั่งออกมาในระดับสูงอาจยับยั้งการทำงานของเซลล์เหล่านี้ ทำให้ร่างกายอ่อนแอและเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยมากขึ้น

3. การนอนหลับไม่เพียงพอ

การพักผ่อนไม่เต็มที่มีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของ NK Cells งานวิจัยหลายชิ้นพบว่า ผู้ที่นอนหลับน้อยกว่า 6-8 ชั่วโมงต่อคืนมีระดับ NK Cells Activity ที่ต่ำกว่าผู้ที่พักผ่อนเพียงพอ การนอนหลับเป็นเวลาที่ร่างกายฟื้นฟูและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

4. โภชนาการที่ไม่สมดุล

การขาดสารอาหารสำคัญ โดยเฉพาะวิตามิน D, วิตามิน C, สังกะสี และโปรตีน สามารถส่งผลเสียต่อการสร้างและการทำงานของ NK Cells การรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ หรือการรับประทานอาหารฟาสต์ฟู้ด ไขมันสูง น้ำตาลสูง อาหารรสจัด อาจทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง

5. การออกกำลังกายมากเกินไปหรือน้อยเกินไป

การออกกำลังกายในระดับที่เหมาะสมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ NK Cells และช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้ดียิ่งขึ้น แต่การออกกำลังกายหนักเกินไปหรือไม่ออกกำลังกายเลยล้วนส่งผลเสียต่อระบบภูมิคุ้มกัน

6. การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์

สารพิษจากบุหรี่และแอลกอฮอล์สามารถทำลายโครงสร้างและการทำงานของ NK Cells ทำให้ร่างกายมีความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่อย่างหนักจะมี NK Cells ที่อ่อนแอกว่าปกติ

7. โรคเรื้อรังและการติดเชื้อ

โรคบางชนิด เช่น เบาหวาน โรคไตเรื้อรัง หรือการติดเชื้อ HIV สามารถส่งผลกระทบต่อการทำงานของ NK Cells ทำให้ร่างกายอ่อนแอลง นอกจากนี้ผู้ที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม หรือผู้ที่ต้องสัมผัสกับฮอร์โมนหรือมลพิษตลอดเวลาก็มีความเสี่ยงเช่นกัน

ผลกระทบเมื่อมี NK Cell น้อย

หากมีปริมาณ NK Cell ที่ต่ำมาก อาจทำให้

  • ร่างกายอ่อนแอและติดเชื้อโรคได้ง่าย สามารถติดเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย หรือไม่สบายได้ง่ายกว่าคนปกติ
  • ใช้เวลานานในการฟื้นตัว เมื่อเจ็บป่วยจะใช้เวลาในการหายนานขึ้น
  • เสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรง รวมถึงโรคมะเร็งและโรคติดเชื้ออื่น ๆ

การตรวจวัดระดับ NK Cells Activity Test ของร่างกาย

การรู้ว่าระบบภูมิคุ้มกันของคุณทำงานได้ดีเพียงใดเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการดูแลสุขภาพอย่างเชิงรุก NK Cells Activity Test คือการตรวจที่วัดประสิทธิภาพการทำงานของ NK Cells ในร่างกาย ซึ่งช่วยประเมินความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ และวางแผนการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม

การตรวจวัดระดับ NK Cells Activity Test ของร่างกาย

กระบวนการตรวจ NK Cell Activity Test

การตรวจ NK Cell Activity Test ทำได้ง่าย โดยเจาะเลือดเพียงแค่ 1 ซีซี เพื่อนำไปตรวจวัดระดับการทำงานของ NK Cells วัดค่า Interferon Gamma (IFN-γ) ที่หลั่งจาก NK Cells และประเมินความสามารถของร่างกายในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสและการเกิดมะเร็ง

NK Cell เป็นกุญแจสำคัญที่บ่งชี้ถึงสภาวะภูมิคุ้มกันโรค ถึงแม้ว่าการตรวจหาระดับ NK Cell Activity Test ในร่างกายจะไม่สามารถบ่งบอกโรคที่เป็นอยู่ได้โดยตรง แต่มีประโยชน์ในการช่วยให้แพทย์วินิจฉัยและแนะนำได้ว่าควรตรวจร่างกายเพิ่มเติมเพื่อหาว่าร่างกายมีปัญหาสุขภาพหรือไม่

ค่ามาตรฐานของ NK Cell Activity

  • ค่าต่ำกว่าปกติ (ต่ำกว่า 100-250) – ร่างกายอาจบ่งบอกว่ามีปัญหาสุขภาพภายใน หรือเป็นสัญญาณของโรคบางชนิดในระยะเริ่มต้น
  • ค่าปกติ (250-500) – ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดี มีความพร้อมในการป้องกันโรค
  • ค่าสูงกว่าปกติ (สูงกว่า 500) – แสดงถึงระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงและพร้อมทำงาน

Rattinan Clinic ร่วมมือกับ LAB มาตรฐานให้บริการตรวจ NK Cell Activity Test เพื่อตรวจสอบระดับการทำงานของ NK Cells และตรวจหาความเสี่ยงโรคมะเร็ง ด้วยชุดตรวจนำเข้าจากญี่ปุ่น


การตรวจนี้ใช้เทคโนโลยีที่ได้มาตรฐานสากล สามารถวิเคราะห์ความสามารถในการทำลายเซลล์เป้าหมายของ NK Cells ได้อย่างแม่นยำ ผลการตรวจจะช่วยให้แพทย์สามารถประเมินสถานะภูมิคุ้มกันและวางแผนการดูแลที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล สะท้อนถึงความใส่ใจในรายละเอียดและการดูแลอย่างพิถีพิถันที่เป็นเอกลักษณ์ของ Rattinan Clinic

Rattinan Clinic ร่วมมือกับ LAB มาตรฐานให้บริการตรวจ NK Cell Activity Test เพื่อตรวจสอบระดับการทำงานของ NK Cells และตรวจหาความเสี่ยงโรคมะเร็ง ด้วยชุดตรวจนำเข้าจากญี่ปุ่น

ใครบ้างที่ควรตรวจวัดระดับ NK Cells Activity Test

การตรวจ NK Cells Activity Test เหมาะสำหรับผู้รับบริการหลายกลุ่ม เพราะการรู้สถานะภูมิคุ้มกันของตัวเองคือการเริ่มต้นเส้นทางสู่สุขภาพที่ยั่งยืน

ผู้ที่มีสุขภาพดี (Healthy Person)

  • ผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ต้องการตรวจเพื่อติดตามการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย เป็นการสร้างพื้นฐานข้อมูลด้านสุขภาพและข้อมูลด้านปัจจัยเสี่ยงการเกิดมะเร็ง เพื่อการป้องกันในเบื้องต้น
  • ผู้ที่ใส่ใจสุขภาพและต้องการดูแลเชิงป้องกัน การตรวจเป็นประจำช่วยติดตามและดูแลสุขภาพได้ดีขึ้น มั่นใจว่าร่างกายมีความพร้อมในการป้องกันโรค
  • ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป เมื่ออายุมากขึ้น ประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันมักลดลง การตรวจเป็นประจำช่วยให้ทราบสถานะที่แท้จริงและสามารถวางแผนการดูแลได้อย่างเหมาะสม

ผู้ที่มีความผิดปกติ มีโรคประจำตัว หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง (Clinical Disorders)

  • ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง หากมีสมาชิกในครอบครัวหรือญาติป่วยเป็นมะเร็ง การตรวจระดับ NK Cells จะช่วยประเมินความเสี่ยงและเตรียมแผนการดูแลเชิงป้องกันที่เหมาะสม
  • ผู้ที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม การตรวจช่วยให้ทราบสถานะภูมิคุ้มกันและวางแผนการดูแลที่เหมาะสม
  • ผู้ที่อยู่ระหว่างการรักษาโรคมะเร็ง หรือผู้รับบริการที่รักษาหายแล้ว แต่ยังต้องเฝ้าติดตามการเกิดซ้ำของมะเร็ง การตรวจ NK Cell Activity Test ช่วยประเมินประสิทธิภาพของการรักษาและความเสี่ยงในการกลับเป็นซ้ำ
  • ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่อย่างหนัก พฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลเสียต่อ NK Cells การตรวจจะช่วยให้เห็นผลกระทบที่เกิดขึ้น
  • ผู้ที่ต้องสัมผัสกับฮอร์โมนหรือมลพิษตลอดเวลา สภาพแวดล้อมที่ไม่ดีสามารถส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน
  • ผู้ที่มีปัญหาความเครียดสูง เครียดสะสม เครียดเรื้อรัง ความเครียดมีผลโดยตรงต่อการทำงานของ NK Cells การตรวจจะช่วยให้ทราบสถานะที่แท้จริงของร่างกาย
  • ผู้ที่พักผ่อนน้อยและออกกำลังกายไม่เพียงพอ วิถีชีวิตที่ไม่สมดุลส่งผลต่อภูมิคุ้มกัน
  • ผู้ที่ได้รับสารอาหารไม่ครบ 5 หมู่ เช่น ผู้ที่ทานมังสวิรัติ ซึ่งมักจะได้รับสารอาหารประเภทโปรตีน วิตามิน และเกลือแร่ไม่เพียงพอ
  • ผู้ที่ติดเชื้อบ่อยหรือฟื้นตัวช้า หากคุณป่วยบ่อยหรือใช้เวลานานในการหายจากการเจ็บป่วย อาจเป็นสัญญาณว่า NK Cells ทำงานไม่เต็มที่

วิธีการรักษาด้วย NK Cells Therapy ทำอย่างไร?

NK Cells Therapy คือนวัตกรรมการรักษาที่นำเซลล์ NK ของผู้รับบริการมาเพาะเลี้ยงให้เพิ่มจำนวนและกระตุ้นให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น จากนั้นจึงนำกลับเข้าสู่ร่างกายเพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน การรักษานี้เป็นการใช้ “กำลังของตัวคุณเอง” มาช่วยปกป้องและดูแลสุขภาพของคุณ

ขั้นตอนการรักษาที่ออกแบบอย่างพิถีพิถัน

ขั้นตอนที่ 1 การเจาะเลือดและแยก NK Cells

แพทย์จะทำการเจาะเลือดจากผู้รับบริการประมาณ 20-30 มิลลิลิตร เพื่อแยกเอา NK Cells ออกมา กระบวนการนี้ใช้เวลาไม่นาน และไม่ก่อให้เกิดอาการไม่สบายมากนัก ผู้รับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที

ขั้นตอนที่ 2 การส่งไปห้องปฏิบัติการมาตรฐาน

เลือดที่เจาะได้จะถูกส่งไปยังห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) เพื่อทำการสกัดแยก NK Cells และนำไปเพาะเลี้ยงในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

ขั้นตอนที่ 3 การเพาะเลี้ยงด้วย Osaki Method

ห้องปฏิบัติการจะใช้เทคโนโลยี Osaki Method ซึ่งเป็นวิธีการเพาะเลี้ยง NK Cells แบบไม่ใช้เซลล์พี่เลี้ยง ด้วยน้ำยาสูตรเฉพาะที่บรรจุในระบบปิดที่ได้รับสิทธิบัตรรับรอง สามารถเพิ่มจำนวน NK Cells ได้มากถึง 510-1500 เท่า พร้อมกับเสริมประสิทธิภาพการทำงานให้กำจัดไวรัสและเซลล์มะเร็งได้ดียิ่งขึ้น

กระบวนการเพาะเลี้ยงใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ โดย NK Cells ที่ได้จะมีจำนวนไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านเซลล์ และอยู่ในสภาพที่ถูกกระตุ้นแล้วพร้อมทำงาน (Highly Active NK Cell)

ขั้นตอนที่ 4 การตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด

ก่อนนำ NK Cells กลับเข้าสู่ร่างกาย จะมีการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าเซลล์มีความบริสุทธิ์ ปลอดเชื้อ และมีประสิทธิภาพตามมาตรฐาน สะท้อนถึงความใส่ใจในรายละเอียดและความปลอดภัยที่ Rattinan Clinic ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก

ขั้นตอนที่ 5 การให้เซลล์เข้าสู่ร่างกาย

NK Cells ที่ผ่านการเพาะเลี้ยงแล้วจะถูกนำกลับเข้าสู่ร่างกายผ่านทางหลอดเลือดดำ เช่นเดียวกับการให้น้ำเกลือหรือสารน้ำทางเส้นเลือดทั่วไป กระบวนการใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที ผู้รับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที ไม่ก่อให้เกิดการแพ้หรือผลแทรกซ้อนต่อร่างกาย เพราะเป็นเซลล์ที่มาจากตัวผู้รับบริการเอง

ขั้นตอนที่ 6 การติดตามผลและการดูแลต่อเนื่อง

แพทย์จะนัดติดตามผลและประเมินประสิทธิภาพของการรักษา อาจมีการตรวจ NK Cells Activity Test ซ้ำเพื่อดูการเปลี่ยนแปลงและประสิทธิภาพของการรักษา การดูแลอย่างใกล้ชิดนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Rattinan Clinic ในการมอบประสบการณ์การดูแลที่ครอบคลุมและเป็นส่วนตัว

ความสำคัญของการเพาะเลี้ยง NK Cells

การเพาะเลี้ยง NK Cells ไม่ใช่แค่การเพิ่มจำนวนเซลล์เท่านั้น แต่เป็นกระบวนการที่ช่วยให้เซลล์มีความพร้อมและประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด ผลลัพธ์หลังการให้ NK Cells Therapy จะดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับวิธีการเพาะเลี้ยงเป็นส่วนสำคัญ ว่าทำให้เซลล์นั้นมีสภาพพร้อมทำงานหรือมีประสิทธิภาพที่มากพอหรือไม่

ความแตกต่างของวิธีการเพาะเลี้ยง NK Cell

การเพาะเลี้ยง NK Cell มี 2 แบบหลัก ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ได้แก่

1. การใช้เซลล์พี่เลี้ยง (Feeder Cell Method)

  • ข้อดี สามารถเพาะเลี้ยง NK Cell ได้จำนวนมากในเวลาที่สั้นกว่า
  • ข้อเสีย ประสิทธิภาพหรือสภาพพร้อมทำงานของเซลล์จะต่ำ เมื่อมีการปลูกถ่ายเข้าสู่ร่างกาย เซลล์อาจไม่พร้อมทำงานทันทีหรือมีประสิทธิภาพไม่เต็มที่

2. การไม่ใช้เซลล์พี่เลี้ยง (Feeder-Free Method – Osaki Method)

  • ข้อดี เซลล์จะมีความสามารถ มีประสิทธิภาพ และสภาพพร้อมทำงานของเซลล์ดีกว่ามาก เมื่อมีการปลูกถ่ายเข้าสู่ร่างกาย เซลล์สามารถทำงานได้ทันทีและมีประสิทธิภาพสูง
  • ข้อพิจารณา แม้จะได้จำนวนน้อยกว่าแบบมีพี่เลี้ยง แต่ด้วยเทคโนโลยี Osaki Method สามารถเพิ่มจำนวนได้มากพอสำหรับการรักษา พร้อมทั้งรักษาคุณภาพของเซลล์ไว้ได้อย่างดีเยี่ยม
ขั้นตอนการทำ NK Cells Therapy
NK Cells Therapy

เพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกายด้วย NK Cells Therapy

ผู้รับบริการที่ตรวจวัดระดับ NK Cells Activity Test แล้วพบว่ามีค่าต่ำกว่าค่าปกติ (ต่ำกว่า 100-250) ร่างกายอาจบ่งบอกว่ามีปัญหาสุขภาพภายใน หรือเป็นสัญญาณของโรคบางชนิดในระยะเริ่มต้น

ดังนั้น การทำ NK Cells Therapy ก็เพื่อเสริมประสิทธิภาพและความแข็งแรงของภูมิต้านทานในร่างกายให้อยู่ในระดับปกติ (250-500) หรือดีกว่านั้น เปรียบเสมือนการเติมเต็มกองกำลังของร่างกายให้พร้อมรับมือกับภัยคุกคามต่าง ๆ

NK Cells Therapy ช่วยเสริมสร้างกำลังให้กับระบบภูมิคุ้มกันโดยรวม ดังนี้

  • เพิ่มจำนวน “นักรบ” ในร่างกาย จากการเพาะเลี้ยง NK Cells สามารถเพิ่มจำนวนได้หลายร้อยถึงหลายพันเท่า ทำให้ร่างกายมีกองกำลังมากขึ้นในการต่อสู้กับเชื้อโรคและเซลล์ผิดปกติ
  • ปรับปรุงคุณภาพของเซลล์ NK Cells ที่ผ่านการเพาะเลี้ยงและกระตุ้นจะมีความแข็งแรงและทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเซลล์ปกติในร่างกาย อยู่ในสภาพพร้อมทำงานทันที
  • ช่วยฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ สำหรับผู้รับบริการที่มีภูมิคุ้มกันต่ำจากโรคเรื้อรังหรืออายุที่มากขึ้น การเพิ่ม NK Cells ช่วยคืนความแข็งแรงให้กับร่างกาย
  • สนับสนุนการรักษาโรคที่มีอยู่ NK Cells Therapy สามารถใช้ร่วมกับการรักษาอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดผลข้างเคียง

การเพาะเลี้ยง NK Cells ด้วยวิธี 'Osaki Method'

Osaki Method เป็นเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยง NK Cells ที่ได้รับการพัฒนาโดยแพทย์ชาวญี่ปุ่น นายแพทย์จุนอิชิ มัตซึยามา (Junichi Masuyama, M.D., Ph.D.) ซึ่งเป็นแพทย์ผู้มีความรู้ความสามารถด้านเซลล์ภูมิคุ้มกัน วิธีการนี้มีความโดดเด่นด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัย จนได้รับการยอมรับในระดับสากล

การเพาะเลี้ยง NK Cells ด้วยวิธี 'Osaki Method'

ความพิเศษของ Osaki Method

1. การควบคุมสภาพแวดล้อมอย่างพิถีพิถัน

Osaki Method ใช้การควบคุมสภาพแวดล้อมในการเพาะเลี้ยงเซลล์อย่างเข้มงวด และใช้น้ำยาสูตรเฉพาะที่บรรจุในระบบปิดที่ได้รับสิทธิบัตรรับรอง ที่มีสารกระตุ้นการทำงานและการแบ่งตัวของ NK Cells ให้ได้จำนวนเซลล์มากขึ้น

2. เซลล์ที่อยู่ในสภาพถูกกระตุ้นแล้วพร้อมทำงาน

สิ่งที่ทำให้ Osaki Method แตกต่างคือ NK Cells ที่ได้จะอยู่ในสภาพที่ถูกกระตุ้นแล้วพร้อมทำงาน (Highly Active NK Cell) สามารถปลูกถ่ายกลับเข้าไปในร่างกายได้ทันที และเริ่มทำงานป้องกันร่างกายได้ทันทีโดยไม่ต้องรอการกระตุ้นเพิ่มเติม

3. อัตราการเพิ่มจำนวนที่สูง

Osaki Method สามารถเพิ่มจำนวน NK Cells ที่ถูกกระตุ้นแล้วได้มากถึง 510-1500 เท่า และเซลล์มีประสิทธิภาพพร้อมทำงานในระดับที่สูง

ด้วยเทคโนโลยีพิเศษ Osaki Method สามารถเพิ่มจำนวน NK Cells ได้มากกว่าวิธีการทั่วไปหลายเท่า ทำให้ผู้รับบริการได้รับเซลล์ในปริมาณที่เพียงพอ (ไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านเซลล์) ต่อการสร้างผลลัพธ์ที่เด่นชัด

4. ประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อเทียบกับวิธีอื่น ๆ

Osaki Method เป็นการเพิ่มที่ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดหากเทียบกับวิธีการเพาะเลี้ยงแบบอื่น ๆ ทั้งในด้านจำนวนและคุณภาพของเซลล์ที่ได้

5. ความปลอดภัยสูง

กระบวนการเพาะเลี้ยงทำในสภาพแวดล้อมที่ปลอดเชื้อและควบคุมอย่างเข้มงวดตามมาตรฐาน GMP ลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนหรือผลข้างเคียง

6. ไม่ก่อให้เกิดการแพ้หรือผลแทรกซ้อน

เนื่องจากเป็นเซลล์ที่มาจากตัวผู้รับบริการเอง จึงไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ไม่เกิดผลแทรกซ้อนต่อร่างกายและในการรักษา


Rattinan Clinic และ Osaki Method

Rattinan Clinic ร่วมมือกับบริษัท MEDEZE ซึ่งใช้การเพาะเลี้ยง NK Cells แบบไม่ใช้เซลล์พี่เลี้ยง ด้วยวิธี Osaki Method เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของ NK Cells เมื่อนำกลับมาใช้สู่ร่างกาย การเลือกใช้เทคโนโลยีชั้นนำนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Rattinan Clinic ในการนำเสนอการดูแลที่มีคุณภาพและความปลอดภัยเป็นหัวใจสำคัญ

ประโยชน์ของการทำ NK Cells Therapy

NK Cells Therapy นำเสนอประโยชน์หลากหลายด้านที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาพของผู้รับบริการ เป็นมากกว่าการรักษา แต่เป็นการลงทุนในสุขภาพระยะยาวที่ยั่งยืน

ประโยชน์หลักของ NK Cells Therapy

1. เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายมีสุขภาพที่แข็งแรง

การเพิ่มจำนวนและประสิทธิภาพของ NK Cells ช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อโรค ไวรัส และแบคทีเรียได้ดียิ่งขึ้น ลดโอกาสการเจ็บป่วยจากโรคติดเชื้อต่าง ๆ ผู้รับบริการหลายท่านรายงานว่ารู้สึกมีพลังงานมากขึ้น ไม่ป่วยบ่อยเหมือนเดิม และฟื้นตัวเร็วขึ้นเมื่อมีอาการไม่สบาย

2. เป็นทางเลือกในการป้องกันการเกิดมะเร็ง

NK Cells ที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพช่วยเฝ้าระวังและกำจัดเซลล์ที่กลายพันธุ์ก่อนที่จะพัฒนาเป็นมะเร็ง การทำ NK Cells Therapy เป็นทางเลือกในการป้องกันการเกิดมะเร็งที่ทุกคนสามารถทำได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น ประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง หรือมีพฤติกรรมที่เสี่ยง

3. สนับสนุนการรักษามะเร็งได้

สำหรับผู้รับบริการที่กำลังรักษามะเร็ง NK Cells Therapy สามารถใช้ร่วมกับการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา ลดผลข้างเคียงจากการรักษาด้วยยาหรือเคมีบำบัด และช่วยควบคุมการลุกลามของมะเร็ง

4. สามารถเพาะเลี้ยงและฝากเก็บไว้ใช้ในอนาคต

หนึ่งในข้อดีพิเศษของ NK Cells Therapy คือ หากไม่ได้ใช้ทันที สามารถเพาะเลี้ยงและฝากเก็บไว้ใช้ในอนาคตเมื่อต้องการได้ เปรียบเสมือนการเก็บ “ประกันสุขภาพ” ของตัวเองไว้

5. ชะลอความชราและส่งเสริม Anti-Aging

ระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงเป็นรากฐานสำคัญของการชะลอวัย การมี NK Cells ที่ทำงานดีช่วยลดการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเสื่อมสภาพตามอายุ ผู้รับบริการจะรู้สึกมีชีวิตชีวา มีพลังงาน และเปล่งประกายจากภายใน

6. เพิ่มพลังงานและความสดชื่น

ผู้รับบริการหลายท่านรายงานว่ารู้สึกมีพลังงานมากขึ้น นอนหลับได้ดีขึ้น และมีความสดชื่นโดยรวมหลังจากทำ NK Cells Therapy ร่างกายที่มีภูมิคุ้มกันแข็งแรงจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสมดุล

7. สนับสนุนการฟื้นตัวของร่างกาย

สำหรับผู้รับบริการที่อยู่ระหว่างการฟื้นตัวจากการเจ็บป่วยหรือได้รับการรักษาที่ส่งผลต่อภูมิคุ้มกัน NK Cells Therapy ช่วยเร่งกระบวนการฟื้นฟูให้เร็วขึ้น

8. ปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง

เนื่องจาก NK Cells ที่ใช้มาจากตัวผู้รับบริการเอง จึงไม่มีความเสี่ยงจากการปฏิเสธหรือภูมิแพ้ อาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นมักเบาและหายไปเองภายในระยะเวลาสั้น ๆ เช่น อาการไข้เล็กน้อยหรือเมื่อยเล็กน้อยซึ่งเป็นสัญญาณว่าเซลล์กำลังทำงาน


ข้อควรพิจารณา

การทำ NK Cells Therapy อาจไม่เหมาะกับผู้รับบริการที่มีภาวะเครียดสูงจากงานที่กดดัน หรือการที่ทำให้เซลล์เกิดความเครียดสูง แต่ถึงอย่างไรก็สามารถตรวจระดับภูมิคุ้มกัน NK Cell Activity Test ก่อนได้ เพื่อหาแนวทางการดูแลที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล

การรักษามะเร็งด้วย NK Cells Therapy

ดังที่กล่าวข้างต้นว่า NK Cells เป็นเซลล์เพชฌฆาตธรรมชาติที่มีความสามารถในการฆ่าเซลล์มะเร็งได้ดีมาก แม้จะได้ผลกับมะเร็งบางชนิดเท่านั้น แต่ก็รวมถึงสามารถป้องกันการกระจายหรือกลับมาเป็นซ้ำของมะเร็งบางชนิดได้ เช่น มะเร็งเนื้องอก มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งต่อมลูกหมาก

หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุน

มะเร็งระยะเริ่มต้น

จากการวิจัยพบว่า การทำ NK Cells Therapy ร่วมกับการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบันในผู้รับบริการโรคมะเร็งระยะเริ่มต้นนั้น ผลลัพธ์การรักษามีประสิทธิภาพที่ดีและไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายหรือการรักษา การเสริม NK Cells ช่วยเพิ่มโอกาสในการควบคุมโรคและลดความเสี่ยงในการกลับเป็นซ้ำ

มะเร็งระยะลุกลาม

ส่วนในกลุ่มมะเร็งระยะลุกลาม NK Cells ช่วยควบคุมการลุกลามของมะเร็ง ทำให้ผู้รับบริการมีเวลาที่เหลืออยู่กับครอบครัวได้นานขึ้น และไม่เกิดอาการเจ็บป่วยจากการรักษาด้วยยาหรือเคมีบำบัด ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตในช่วงเวลาที่มีค่า

มะเร็งระยะสุดท้าย

มีงานวิจัยอีกหนึ่งกลุ่มพบว่า ในผู้รับบริการโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ที่ไม่มีการตอบสนองต่อการรักษาด้วยการให้ยาหรือเคมีบำบัดต่าง ๆ แล้ว เมื่อทำการปลูกถ่าย NK Cells Therapy ด้วยวิธีของ Osaki Method อาการของผู้รับบริการหลังการรักษาก็ดีขึ้นตามลำดับ แม้จะไม่ใช่ทุกกรณี แต่ก็ให้ความหวังและทางเลือกใหม่สำหรับผู้รับบริการและครอบครัว

บทบาทของ NK Cells Therapy ในการรักษามะเร็ง

NK Cells Therapy ไม่ได้เป็นการรักษาหลักที่ใช้แทนการรักษามะเร็งมาตรฐาน แต่เป็นการรักษาเสริม (Adjuvant Therapy) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาหลัก โดย

  • เพิ่มความสามารถในการโจมตีเซลล์มะเร็ง
  • ลดการกลับเป็นซ้ำของมะเร็ง
  • ลดผลข้างเคียงจากการรักษาหลัก
  • ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้รับบริการ
  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอจากการรักษา

สำหรับผู้รับบริการที่สนใจ NK Cells Therapy ในการรักษามะเร็ง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมและวางแผนการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล

คำถามที่พบบ่อย เรื่อง NK Cell

โดยปกติแล้ว NK Cell ภูมิคุ้มกันจะมีประมาณ 5-20% หรือ 2,000-5,000 ล้านเซลล์ ของจำนวนเม็ดเลือดขาวทั้งหมด

หากตรวจ NK Cell Activity Test แล้วพบว่ามีปริมาณที่ต่ำ อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพได้ ซึ่งสามารถให้แพทย์ตรวจร่างกายเพิ่มต่อไปได้ หรืออาจทำ NK Cell Therapy เพื่อเพิ่มจำนวนภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรงขึ้นก็ได้เช่นกัน

หากมีปริมาณ NK Cell ที่ต่ำมาก อาจทำให้ร่างกายอ่อนแอ และสามารถติดเชื้อโรค เชื้อไวรัส หรือไม่สบายได้ง่ายกว่าคนปกติ หรือคนที่มี NK Cell สูง

หรือในบางกรณีหากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี เช่น สถานที่ไม่ถูกสุขอนามัย ไม่สะอาด เสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรือมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม ไม่ออกกำลังกาย นอนน้อย รวมถึงการรับประทานอาหารที่ไม่ดี รับประทานอาหารฟาสต์ฟู้ด ไขมันสูง อาหารรสจัด ก็เสี่ยงทำให้เจ็บป่วยหรือเกิดโรคต่าง ๆ ได้ง่ายเช่นกัน

หลังจากการทำ NK Cell Therapy แล้ว จะทำให้ NK Cell แข็งแรงพร้อมต่อสู้กับเชื้อโรค เชื้อไวรัสได้ดียิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาที่ NK Cell จะอยู่ในร่างกายและมีประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองด้วย หากไม่ดูแลตัวเอง เช่น ไม่ดูแลสุขภาพ ไม่ออกกำลังกาย ไม่รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็อาจทำให้ร่างกายเสื่อมโทรมลงได้อีกเช่นกัน

ดังนั้น การทำ NK Cell Therapy ควรไปคู่กับการดูแลสุขภาพอย่างรอบด้าน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและคุ้มค่าที่สุด

การนำ NK Cell Therapy มาใช้ร่วมกับการรักษาโรคมะเร็งในทางการแพทย์นั้น พบว่า NK Cell สามารถช่วยรักษามะเร็งบางชนิด ทำให้อาการดีขึ้นหรือบรรเทาอาการของโรคได้

อย่างไรก็ตาม NK Cell Therapy ไม่ใช่การรักษาที่สามารถรับรองว่ามะเร็งจะหายขาดได้ทุกกรณี แต่เป็นการรักษาเสริมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาหลัก ลดการกลับเป็นซ้ำ และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้รับบริการ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ชนิดของมะเร็ง ระยะของโรค สภาพร่างกายโดยรวม และการรักษาที่ได้รับร่วมด้วย

ในการตรวจวัดระดับ NK Cells Activity Test ของร่างกาย และการทำ NK Cells Therapy ผู้รับบริการสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรายละเอียดเกี่ยวกับราคาได้โดยตรงจาก Rattinan Clinic

ทีมงานของเราพร้อมให้คำปรึกษาอย่างละเอียด ประเมินความเหมาะสม และออกแบบแผนการดูแลที่เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละบุคคล เพราะเราเข้าใจว่าสุขภาพของทุกคนมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

เริ่มต้นเส้นทางสู่สุขภาพที่ยั่งยืนกับ Rattinan Clinic

การดูแลระบบภูมิคุ้มกันไม่ใช่แค่การป้องกันโรค แต่เป็นการลงทุนในคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน NK Cells Therapy คือหนึ่งในนวัตกรรมที่ช่วยให้คุณมีความมั่นใจในสุขภาพของตัวเอง พร้อมเผชิญกับทุกช่วงเวลาของชีวิตอย่างเต็มที่

ประสบการณ์ที่คุณจะได้รับตลอดการร่วมเส้นทางไปกับเรา

  • การดูแลโดยทีมแพทย์มืออาชีพ ทีมแพทย์ของเรามีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในการดูแลผู้รับบริการมายาวนาน พร้อมให้คำปรึกษาและวางแผนการดูแลที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
  • มาตรฐานความปลอดภัย Rattinan Clinic ได้รับการรับรองคุณภาพจาก AACI (American Association for Accreditation of Ambulatory Surgery Facilities) สหรัฐอเมริกา ในฐานะศูนย์ศัลยกรรมผู้ป่วยนอกแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการให้บริการที่ปลอดภัยและได้มาตรฐานสูงสุด
  • เทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นนำ เราคัดสรรเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน เช่น Osaki Method ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการเพาะเลี้ยง NK Cells
  • การดูแลแบบเฉพาะบุคคล เราเข้าใจว่าทุกคนมีความต้องการและสภาพร่างกายที่แตกต่างกัน ดังนั้นเราจึงออกแบบแผนการดูแลที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลอย่างพิถีพิถัน
  • ประสบการณ์ตั้งแต่ปี 1999 ด้วยประสบการณ์ยาวนานในการให้บริการด้านความงามและการดูแลสุขภาพ เราเข้าใจความต้องการของผู้รับบริการอย่างลึกซึ้ง และพร้อมมอบประสบการณ์การดูแลที่ดีที่สุด
  • สภาพแวดล้อมที่สะอาด ปลอดภัย ส่วนตัว Rattinan Clinic ให้ความสำคัญกับความสะอาด ความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของผู้รับบริการ สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและให้ความมั่นใจในทุกขั้นตอนการดูแล

ที่ รัตตินันท์ คลินิก ความงามที่แท้จริงไม่ใช่เพียง การเปลี่ยนแปลงภายนอก แต่คือ
การออกแบบอย่างเข้าใจในตัวคุณ