หูกาง ปัญหาเล็กที่กระทบความมั่นใจ แก้ไขได้ด้วยศัลยกรรมเฉพาะทาง

หูกาง

สารบัญ

หูกาง (Otoplasty) คืออะไร? มีผลกับใบหน้าอย่างไร?

หูกาง (Otoplasty) คือ ภาวะที่ใบหูยื่นออกจากศีรษะมากกว่าปกติ โดยทั่วไปหากมุมระหว่างศีรษะกับใบหู เกิน 30–35 องศา จะถือว่ากางผิดปกติ ทำให้ใบหูแลดูเด่นชัดเมื่อมองจากด้านหน้าหรือเมื่อรวบผมขึ้น

แม้ หูกาง จะไม่ใช่ปัญหาสุขภาพโดยตรง แต่ส่งผลต่อ บุคลิกภาพ ความมั่นใจ และความรู้สึกของตัวเองอย่างมาก โดยเฉพาะในด้านความงามและสัดส่วนใบหน้า

สาเหตุของหูกาง มีอะไรบ้าง?

สาเหตุของหูกาง มีอะไรบ้าง?

ภาวะ หูกาง ส่วนใหญ่เกิดจากโครงสร้างของ กระดูกอ่อนใบหูที่ผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่กำเนิด หรือเกิดจากพฤติกรรมบางอย่างในช่วงวัยเด็ก โดยสามารถแบ่งสาเหตุหลัก ๆ ได้ดังนี้

1. กรรมพันธุ์/พันธุกรรม

กรรมพันธุ์/พันธุกรรม เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด เด็กหลายคนเกิดมาพร้อมใบหูที่กางผิดมุม โดยมีพ่อแม่หรือคนในครอบครัวที่มีลักษณะหูกาง ซึ่งลักษณะของใบหูผิดรูปอาจไม่แสดงชัดในวัยทารก แต่จะเริ่มเห็นได้ชัดเมื่อโตขึ้น

2. โครงสร้างกระดูกอ่อนผิดปกติ

กระดูกอ่อนบริเวณ Antihelical fold ไม่พับตัวตามธรรมชาติ ทำให้ใบหูแผ่ตรงออกมาส่วนฐานของใบหูที่เรียกว่า Conchal bowl มีลักษณะนูนหรือใหญ่เกินไป ดันใบหูออกจากศีรษะมากกว่าปกติ ทำให้ขอบใบหูอ่อนหรือไม่พับตัวกลับ ทำให้ใบหูดูแบนและยื่นออกด้านข้าง

3. พฤติกรรมในวัยเด็ก

พฤติกรรมในวัยเด็ก เช่น การนอนทับหูข้างเดียวซ้ำ ๆ หรือใส่หมวกที่รัดใบหูผิดรูปเป็นเวลานาน การดึงหูเล่นบ่อย ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ อาจส่งผลต่อพัฒนาการของกระดูกอ่อนในเด็กเล็กแต่อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมลักษณะนี้จะส่งผลได้ในช่วงที่กระดูกอ่อนยังนิ่มเท่านั้น (ก่อนอายุ 6 เดือน)

4. การบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุ

การบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุ เช่น กระแทกที่ใบหูอย่างรุนแรงจนโครงสร้างผิดรูป การผ่าตัดหรือเจาะหูที่ผิดตำแหน่งก็อาจมีผลในบางกรณี

หูกาง แก้ไขได้ไหม? ต้องผ่าตัดหรือเปล่า?

หูกาง แก้ไขได้ไหม? ต้องผ่าตัดหรือเปล่า?

ศัลยกรรมหูกาง คือ การผ่าตัดแก้ไขลดขนาดหูกาง ให้มีขนาด และลักษณะของใบหูเหมาะสมกับใบหน้าของผู้เข้ารับการผ่าตัด อาการหูกาง หรือ หูค้างคาว จะมีลักษณะใบหูไม่แนบไปทางด้านหลังเท่าที่ควร ซึ่งปกติควรทำมุมประมาณ 30 องศากับศีรษะ ส่วนคนหูกางอาจทำมุมมากกว่าจนเห็นเด่นชัดจากด้านหน้า สาเหตุเกิดจากกระดูกอ่อนของหูชั้นนอก (ใบหู) ไม่พับไปตามปกติ เกิดขึ้นได้ตั้งแต่เด็กและอาจถ่ายทอดทางพันธุกรรม

ศัลยกรรมใบหู เพื่อการ แก้ไขหูกาง สามารถทำได้ตั้งแต่อายุประมาณ 6 ขวบ เพราะใบหูเด็กช่วงนั้น จะมีขนาดโตเต็มที่เท่ากับผู้ใหญ่ ผู้เข้ารับการผ่าตัดลดขนาดหูกางจะต้องรับการปรึกษาจากแพทย์ผู้ผ่าตัดโดยตรง ให้แพทย์วินิจฉัยก่อนการผ่าตัดทุกครั้ง

วิธีศัลยกรรมแก้ไขหูกาง มีกี่แบบ?

การศัลยกรรมแก้ไขหูกาง (Otoplasty) เป็นหัตถการที่ทำเพื่อปรับตำแหน่งใบหูให้ชิดกับศีรษะมากขึ้น โดยใช้เทคนิคเฉพาะทางในการเย็บหรือปรับโครงสร้างกระดูกอ่อนใบหู เพื่อให้ใบหูดูสมดุลกับใบหน้า ซึ่งปัจจุบันมีอยู่หลัก ๆ 3 เทคนิคที่นิยมใช้ ดังนี้

1. เย็บพับกระดูกอ่อน

  • เป็นวิธีที่ ไม่ต้องตัดกระดูกอ่อน
  • แพทย์จะกรีดเปิดผิวหนังด้านหลังใบหู จากนั้นใช้ไหมเย็บกระดูกอ่อนใบหูให้พับเข้าและแนบกับศีรษะ
  • เหมาะกับผู้ที่โครงสร้างกระดูกอ่อนไม่ผิดปกติมาก แต่มีแนวพับที่ไม่ชัด
  • แผลจะอยู่ด้านหลังใบหู มองไม่เห็น

ข้อดี : ไม่ตัดกระดูกอ่อน / แผลเล็ก / ฟื้นตัวเร็ว

ข้อจำกัด : ต้องอาศัยความแม่นยำสูง แพทย์ต้องมีประสบการณ์

2. ตัดกระดูกอ่อนร่วมกับการเย็บ

  • ใช้ในเคสที่กระดูกอ่อนมีความหนาหรือเด้งมาก
  • แพทย์จะ ตัดกระดูกอ่อนบางส่วนออก แล้วเย็บปรับรูปทรงให้แนบกับศีรษะ
  • ให้ผลลัพธ์ถาวร และแก้ปัญหาหูกางระดับรุนแรงได้ชัดเจน

ข้อดี : ปรับโครงสร้างได้ชัดเจน / เหมาะกับเคสหูกางมาก

ข้อจำกัด : ใช้เวลาฟื้นตัวนานกว่า / บวมมากกว่า / มีแผลภายในใบหูมากขึ้น

3. วิธีไม่ผ่าตัด

  • ใช้เทคนิค ร้อยไหมหรือไหมจิ๋วผ่านผิวหนัง เพื่อดึงใบหูให้ชิดศีรษะ
  • ไม่ต้องกรีดเปิดแผล ไม่ต้องวางยาชาแบบลึก
  • ผลลัพธ์ไม่ถาวรเท่าการผ่าตัด อาจคลายตัวเมื่อเวลาผ่านไป

ข้อดี : เจ็บน้อย / ทำเสร็จในเวลาไม่นาน / ไม่ต้องพักฟื้น
ข้อจำกัด : ไม่เหมาะกับผู้ที่กระดูกอ่อนหนา / ผลลัพธ์ไม่ถาวร

เปรียบเทียบผ่าตัดหูกาง

เทคนิค

เหมาะกับใคร ผลลัพธ์ แผลเป็น พักฟื้น

เย็บพับกระดูกอ่อน

หูกางเล็ก–ปานกลาง ถาวร ด้านหลังหู 5–7 วัน

ตัดกระดูกอ่อน

หูกางมาก / โครงสร้างแข็ง

ถาวร

ด้านหลังหู

7–10 วัน

ไม่ผ่าตัด (ไหมจิ๋ว) หูกางเล็ก / กลัวผ่าตัด ชั่วคราว ไม่มี / รอยเข็มเล็ก

1–3 วัน

แผลหลังผ่าตัดหูกางอยู่ตรงไหน? เห็นชัดไหม?

แผลหลังผ่าตัดหูกางอยู่ตรงไหน? เห็นชัดไหม?

แผลจากการ ผ่าตัดแก้ไข หูกาง จะถูกซ่อนอย่างแนบเนียน บริเวณด้านหลังของใบหู หรือบริเวณรอยพับระหว่างใบหูกับศีรษะ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มองไม่เห็นจากด้านหน้า และแม้จะมองด้านข้างก็แทบจะสังเกตไม่ออกเมื่อแผลหายดีแล้ว

โดยศัลยแพทย์จะแก้ไขรูปโครงกระดูกอ่อนผ่านทางด้านหลังของใบหู (โดยจะมีแผลผ่าตัดอยู่ที่หลังใบหู) และทำการตกแต่งลักษณะใบหูใหม่ โดยมีเทคนิคการผ่าตัด แก้ไขหูกาง มีหลากหลายรูปแบบ ขึ้นกับปัญหาของหู เช่น บางคนหูเล็ก ไม่มีติ่งหู กระดูกอ่อนโค้งเกินไป ไม่มี Antihelix

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดหูกางเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้การผ่าตัดเป็นไปอย่าง ปลอดภัย ฟื้นตัวไว และลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน ซึ่งผู้เข้ารับการรักษาควรเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างน้อย 5–7 วันก่อนวันผ่าตัด

ศัลยกรรมหูกาง otoplasty

ทั้งนี้ต้องอาศัยฝีมือและความปราณีตของศัลยแพทย์ตกแต่งเป็นอย่างมาก อีกทั้งการทำแผลหลังผ่าตัดเสร็จก็เช่นกัน ต้องใช้ผ้าทำแผลที่มีลักษณะพิเศษ เพื่อให้เสี่ยงต่อการบวมช้ำและเกิดแผลเป็นให้น้อยที่สุด การผ่าตัดแก้ไขหูกาง สามารถทำได้ด้วยยาชาเฉพาะที่ ใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 1 ชั่วโมง แผลเล็กมากขนาดประมาณ 1-2 เซนติเมตร

สิ่งที่ควรทำก่อน ผ่าตัดหูกาง

  • ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง
  • งดยาและอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
  • งดบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • งดอาหารและน้ำก่อนผ่าตัด 6 ชั่วโมง (กรณีใช้ยานอนหลับ/ยาชาเฉพาะที่ร่วมยากล่อมประสาท)
  • อาบน้ำ-สระผม และทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อยในวันก่อนผ่าตัด
  • วางแผนเรื่องการพักฟื้น

วิธีดูแลตัวเองหลังผ่าตัดแก้หูกาง

1. ใส่ผ้ารัดหูหรือ Headband ตามแพทย์สั่ง

ใส่ผ้ารัดหูหรือ Headband ตามแพทย์สั่ง สวมไว้ ตลอด 24 ชั่วโมงใน 3–5 วันแรก หลังจากนั้น ใส่เฉพาะตอนนอนต่อเนื่องประมาณ 2–3 สัปดาห์ ช่วยพยุงให้ใบหูแนบกับศีรษะและป้องกันการกระทบกระเทือน

2. ดูแลแผลให้สะอาดและแห้ง

ทำความสะอาดแผลด้วย น้ำเกลือและสำลีปลอดเชื้อ วันละ 1–2 ครั้ง ทายาและปิดแผลตามคำแนะนำแพทย์ งดให้แผลโดนน้ำ อย่างน้อย 5–7 วัน

3. ทานยาให้ครบตามที่แพทย์สั่ง

ยาแก้อักเสบ ยาแก้ปวด และยาปฏิชีวนะ ห้ามหยุดยาเอง แม้อาการจะดีขึ้นเร็ว

4. หลีกเลี่ยงอาหารแสลง 2 สัปดาห์แรก

งดอาหารทะเล ของหมักดอง ของเผ็ดจัด งดแอลกอฮอล์และบุหรี่ เพราะทำให้แผลหายช้า

5. ท่านอนหลังผ่าตัด

ควรนอนหงายและหนุนหมอนสูง ห้ามนอนตะแคงทับใบหู เพราะอาจทำให้รูปทรงหูผิดเพี้ยน

6. งดกิจกรรมที่เสี่ยงต่อแรงกระแทก

หลีกเลี่ยงกีฬา หรือกิจกรรมที่อาจโดนหู เช่น เล่นฟุตบอล, ว่ายน้ำ, ซาวน่า, สวมหมวกแน่น ๆ งดใส่หูฟังแบบครอบหู หรือแว่นตาที่กดใบหูแรง ๆ ในช่วง 1 เดือนแรก

7. ติดตามผลตามนัดกับแพทย์

มาตรวจแผลและตัดไหม (ถ้ามี) ประมาณวันที่ 5–7 หลังผ่าตัด หากมีอาการผิดปกติ เช่น แผลแดงมาก บวมผิดปกติ เจ็บรุนแรง หรือมีหนอง ควรรีบพบแพทย์ทันที

สรุป หูกาง ปัญหาเล็กที่กระทบความมั่นใจ แก้ไขได้ด้วยศัลยกรรมเฉพาะทาง

หูกาง คือ ภาวะที่ใบหูยื่นออกจากศีรษะมากกว่าปกติ ทำให้ใบหน้าดูไม่สมดุล ส่งผลต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจของหลายคน 

โดยเฉพาะเวลารวบผมหรือไว้ผมสั้น แม้จะเป็นปัญหาด้านรูปลักษณ์เพียงเล็กน้อย แต่สามารถแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย ศัลยกรรมแก้ไขหูกาง (Otoplasty) ซึ่งเป็นหัตถการที่ปลอดภัย ใช้เวลาไม่นาน แผลซ่อนด้านหลังหู และให้ผลลัพธ์ที่ถาวร เมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยเสริมความมั่นใจให้กับรูปลักษณ์โดยรวมได้อย่างเป็นธรรมชาติ