ปัญหา การนอนกรน ไม่เพียงแต่สร้างความรำคาญให้กับคนรอบข้างเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อคุณภาพการนอนหลับและสุขภาพโดยรวมอีกด้วย แต่ถึงอย่างไร การนอนกรน ก็สามารถรักษาให้หายได้ด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณกลับมานอนหลับอย่างมีคุณภาพได้อีกครั้ง
อาการนอนกรน คืออะไร?
อาการนอนกรน (Snoring) คือ เสียงที่เกิดขึ้นขณะนอนหลับ ซึ่งเกิดจากการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อในลำคอเมื่อมีการหายใจผ่านช่องทางหายใจที่แคบลง เสียงกรนสามารถมีความดังและความถี่ที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ตำแหน่งการนอน โครงสร้างของช่องปากและลำคอ และสุขภาพทั่วไปของบุคคล
สาเหตุของการนอนกรน
การนอนกรน เกิดจากหลายสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับการตีบแคบของทางเดินหายใจส่วนบนในขณะหลับ ซึ่งทำให้ลมที่ผ่านเข้าไปเกิดการสั่นสะเทือนและส่งเสียงกรนออกมา อีกทั้งสาเหตุหลัก ๆ ของอาการนอนกรน ยังมีดังต่อไปนี้
-
การสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อในระบบทางเดินหายใจ
การหายใจติดขัดสามารถทำให้เกิดการสั่นสะเทือนในเนื้อเยื่อของระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากอากาศที่ไหลผ่านช่องทางที่แคบหรือมีสิ่งกีดขวาง ทำให้เกิดแรงดันและการเคลื่อนไหวของเนื้อเยื่อรอบ ๆ เสียงกรนเกิดจากการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อในลำคอขณะที่อากาศไหลผ่าน โดยเฉพาะในช่วงการนอนหลับที่กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ส่งผลให้ช่องทางหายใจแคบลง เสียงที่เกิดขึ้นจึงมีความถี่ต่ำและมีลักษณะเฉพาะตัว การรักษาความชุ่มชื้นและหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นสามารถช่วยลดเสียงกรนได้
-
น้ำหนักตัวเกินหรือภาวะอ้วน
น้ำหนักตัวเกินหรือภาวะอ้วน สามารถทำให้มีไขมันสะสมรอบคอ ซึ่งอาจกดทับทางเดินหายใจ ทำให้เกิดการตีบตันและเสียงกรนขณะนอนหลับ
-
อายุมากขึ้น
อายุมากขึ้น กล้ามเนื้อในลำคอจะเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่น ส่งผลให้ช่องทางหายใจแคบลงและทำให้เสียงกรนเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น
-
ภาวะอ้วน
ภาวะอ้วน ไม่เพียงแต่เพิ่มน้ำหนักตัว แต่ยังส่งผลต่อการสะสมของไขมันในลำคอ ซึ่งทำให้ทางเดินหายใจแคบลงและทำให้เกิดเสียงกรน
-
การใช้ยาบางชนิด
การใช้ยาบางชนิด เช่น ยานอนหลับหรือยาต้านซึมเศร้า อาจทำให้กล้ามเนื้อในลำคอผ่อนคลายมากเกินไป ส่งผลให้เกิดการตีบตันของทางเดินหายใจขณะนอนหลับ
อาการนอนกรน แบ่งออกเป็นกี่ประเภท
อาการนอนกรน เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้คนทุกวัย โดยมีลักษณะและระดับความรุนแรงที่แตกต่างกันไป ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ
1. การนอนกรนแบบเบา
การนอนกรนแบบเบา เกิดจากการไหลของอากาศผ่านทางเดินหายใจที่แคบหรือถูกอุดตันในขณะหลับ ทำให้เกิดเสียงกรนที่ไม่ดังมากนัก แม้ว่าการกรนแบบนี้อาจไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากนัก แต่ก็สามารถเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น
เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea Syndrome – OSAS) ซึ่งทำให้เกิดการหยุดหายใจชั่วคราวในขณะหลับ ส่งผลให้คุณภาพการนอนหลับลดลง และทำให้รู้สึกง่วงเหงาหาวนอนในระหว่างวัน
2. อาการนอนกรนแบบหนัก
อาการนอนกรนแบบหนัก เป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไปและสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea – OSA) ร่วมด้วย การนอนกรนแบบนี้มักเกิดจากการตีบแคบของทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้เกิดเสียงกรนที่ดังและอาจมีการหยุดหายใจชั่วขณะในระหว่างการนอนหลับ
การนอนกรน ทำลายสุขภาพอย่างไร?
ในบทความนี้จะทำให้ทุกคนเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่า การนอนกรน นั้นส่งผลต่อสุขภาพได้มากกว่าที่คิด ดังนี้
1. คุณภาพการนอนหลับลดลง
การนอนกรน อาจทำให้ร่างกายไม่สามารถเข้าสู่ช่วงการนอนหลับลึก (deep sleep) ได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้การพักผ่อนไม่เพียงพอ และทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าเมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้า ผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับจะมีการตื่นตัวสั้น ๆ หลายครั้งระหว่างคืน ซึ่งอาจไม่รู้สึกตัว แต่ทำให้คุณภาพการนอนลดลง
2. เหนื่อยล้าและง่วงนอนในระหว่างวัน
การนอนกรนอาจทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าและง่วงนอนในระหว่างวัน เนื่องจากร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานและกิจกรรมประจำวัน
3. เสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
การนอนกรน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด หัวใจเต้นผิดจังหวะ และโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) การหยุดหายใจชั่วคราวระหว่างการนอนทำให้ระดับออกซิเจนในเลือดลดลง ส่งผลให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น
4. หยุดหายใจขณะหลับ
มีงานวิจัยพบว่าภาวะหยุดหายใจขณะหลับ อาจเชื่อมโยงกับการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน เนื่องจากการขาดออกซิเจนระหว่างการนอนส่งผลต่อระบบเผาผลาญน้ำตาลในร่างกาย
5. การพักผ่อนไม่เพียงพอ
การพักผ่อนไม่เพียงพอจากการนอนกรนอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต เช่น ทำให้เกิดความเครียด อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย และมีปัญหาในการจดจำหรือโฟกัสงาน
6. รบกวนผู้อื่น
ปัญหาความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง อาจรบกวนคนที่นอนด้วย ทำให้คู่ชีวิตหรือคนในครอบครัวต้องเผชิญกับปัญหาการพักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งอาจนำไปสู่ความเครียดและความขัดแย้งในความสัมพันธ์
วิธี รักษาอาการนอนกรน ด้วยเลเซอร์ ที่รัตตินันท์
การ รักษาอาการนอนกรน ในปัจจุบันมีหลายวิธี และหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมคือการใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ ซึ่งเป็นการรักษาที่มีความปลอดภัยและไม่เจ็บ ช่วยให้ผู้เข้ารับบริการสามารถหายใจสะดวกขึ้นระหว่างนอนหลับ
ซึ่งการ รักษาอาการนอนกรน ด้วยเลเซอร์ ที่ รัตตินันท์ คลินิก เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการช่วยลดปัญหานอนกรน โดยใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ที่ทันสมัยเพื่อกระชับเนื้อเยื่อในช่องคอ ช่วยขยายทางเดินหายใจให้กว้างขึ้น ทำให้การหายใจระหว่างนอนหลับเป็นไปอย่างราบรื่นและลดเสียงกรนได้ การรักษานี้มีความปลอดภัยและไม่ต้องผ่าตัด ทำให้ผู้เข้ารับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำและดูแลตลอดกระบวนการรักษา
เตรียมตัวก่อน รักษาอาการนอนกรน ด้วยเลเซอร์
- ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก่อนทำเลเซอร์ แพทย์จะทำการตรวจสอบสภาพร่างกายและประวัติสุขภาพของคุณอย่างละเอียด อาจต้องเข้ารับการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจการนอนหลับ (Sleep Study) เพื่อประเมินระดับความรุนแรงของอาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (ถ้ามี)
- งดอาหารและเครื่องดื่มบางประเภท เช่น แอลกอฮอล์ และยาที่ส่งผลต่อระบบหายใจหรือระบบประสาท ก่อนการรักษา
- งดยาบางชนิด เช่น ยาละลายลิ่มเลือด หรือยาต้านการอักเสบ ควรแจ้งแพทย์ก่อน เพราะอาจต้องหยุดใช้ยาชั่วคราว
- เตรียมตัวด้านจิตใจ การรักษาด้วยเลเซอร์สำหรับอาการนอนกรนไม่ใช่การผ่าตัดใหญ่ จึงไม่จำเป็นต้องดมยาสลบ แต่คุณควรเตรียมตัวให้พร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะรู้สึกผ่อนคลายระหว่างการรักษา
วิธีดูแลตัวเองหลัง รักษาอาการนอนกรน ด้วยเลเซอร์
- หลังจากทำเลเซอร์ คุณสามารถกลับบ้านได้ทันที แต่ควรพักผ่อนให้เพียงพอในวันแรกหลังการรักษา หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้แรงมากหรือออกกำลังกายหนักในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
- ในช่วง 1-2 วันแรกหลังทำเลเซอร์ ควรหลีกเลี่ยงอาหารแข็ง เผ็ด หรือร้อนจัด เพราะอาจทำให้เนื้อเยื่อในช่องปากระคายเคืองได้ ควรเลือกรับประทานอาหารที่อ่อนนุ่มและเย็น เช่น โจ๊ก ซุป หรือน้ำผลไม้
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยให้เนื้อเยื่อในช่องปากฟื้นตัวเร็วขึ้น และลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และบุหรี่ในช่วง 1-2 สัปดาห์หลังจากทำเลเซอร์ เพราะสารเหล่านี้อาจชะลอกระบวนการฟื้นฟูของเนื้อเยื่อ
- ติดตามผลกับแพทย์ จะนัดตรวจติดตามผลหลังจากทำเลเซอร์ เพื่อประเมินผลลัพธ์และตรวจดูว่าเนื้อเยื่อในช่องปากฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์หรือไม่ หากมีอาการผิดปกติ เช่น เจ็บคอมากเกินไป หรือมีเลือดออก ควรรีบติดต่อแพทย์ทันที
รัตตินันท์ คลินิก เป็นสถานพยาบาลที่ได้รับมาตรฐานทางการแพทย์ระดับสูง มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการรักษาอาการนอนกรนด้วยเลเซอร์ เครื่องมือที่ใช้ในการรักษาเป็นเครื่องมือที่ทันสมัย ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA) และผ่านมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล ทีมแพทย์ที่ทำการรักษามีประสบการณ์ในการใช้เทคโนโลยีเลเซอร์เพื่อแก้ไขปัญหาการนอนกรน ทำให้มั่นใจได้ว่าการรักษาจะเป็นไปอย่างปลอดภัยและได้ผลดี
ข้อดีของ การรักษาอาการนอนกรน ด้วยเลเซอร์ ที่ รัตตินันท์ คลินิก
การรักษาด้วยเลเซอร์ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ป่วยในหลากหลายด้าน มีจุดเด่นที่น่าสนใจดังนี้
- ความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์ มีประสบการณ์สูงในการรักษาด้วยเลเซอร์ โดยจะทำการประเมินและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แพทย์ยังให้คำปรึกษาอย่างละเอียดก่อนการรักษา เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าใจขั้นตอนและผลลัพธ์ที่คาดหวังได้
- เทคโนโลยีเลเซอร์ที่ทันสมัยและมีความปลอดภัยสูง เช่น เลเซอร์ NightLase สำหรับการรักษานอนกรน หรือเลเซอร์สำหรับการดูแลผิวพรรณ เช่น การลดริ้วรอย ฝ้า กระ และการกำจัดขนถาวร เครื่องมือทั้งหมดได้รับมาตรฐานระดับสากล ทำให้มั่นใจได้ในคุณภาพและความปลอดภัย
- การดูแลที่ใส่ใจ ให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนการรักษาไปจนถึงการติดตามผลหลังทำ ผู้ป่วยจะได้รับคำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังการรักษา เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นไปตามที่คาดหวัง
ทีมแพทย์รักษาผิวพรรณ
ที่ รัตตินันท์ คลินิก
พญ. รัตตินันท์ ตรีรัตน์
แพทย์หญิง
ฝึกอบรมเฉพาะทางด้านผิวหนังและเวชศาสตร์ชะลอวัย
พญ. นฤมล วิเชียร
แพทย์หญิง
ปริญญาโทสาขาตจวิทยา
พญ. จุฑามาศ ตันคุณากร
ตจแพทย์
วุฒิบัตรสาขาตจวิทยา
ใครเหมาะกับการ รักษาอาการนอนกรน ด้วยเลเซอร์บ้าง?
การ รักษาอาการนอนกรน ด้วยเลเซอร์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหานอนกรนหรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) โดยเฉพาะผู้ที่ได้ลองแก้ไขอาการนอนกรนด้วยวิธีอื่น ๆ แล้วแต่ยังไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ผู้ที่เหมาะสมกับการรักษานี้ ได้แก่
- ผู้ที่มีอาการนอนกรนเรื้อรัง อาการกรนส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับของตนเองและคนรอบข้าง
- ผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว หากไม่ได้รับการรักษา
- ผู้ที่เคยลองวิธีแก้ไขเบื้องต้นแล้วไม่ได้ผล เช่น การปรับท่านอน การลดน้ำหนัก หรือการใช้เครื่อง CPAP แต่ยังคงมีอาการกรนอยู่
- ผู้ที่ต้องการวิธีรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น การรักษาด้วยเลเซอร์เป็นวิธีที่ไม่เจ็บ ไม่ต้องผ่าตัด และสามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้ทันที
รีวิว รักษาอาการนอนกรน ด้วยเลเซอร์ เห็นผลจริงหรือไม่?
การนอนกรนเป็นปัญหาที่หลายคนประสบและอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ทั้งในด้านสุขภาพและความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง การรักษาอาการนอนกรนที่ รัตตินันท์ คลินิก ด้วยวิธี Snore Laser เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งจะขอรีวิวแบบละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบให้เห็นภาพชัดเจนที่สุด
1. อาการก่อนเข้ารับการรักษา
ก่อนจะตัดสินใจไปรักษา อาการของผู้ป่วยส่วนใหญ่ คือ
- นอนกรนเสียงดังจนรบกวนคนรอบข้าง
- รู้สึกเหนื่อยล้าแม้จะนอนเพียงพอ
- บางครั้งมีอาการหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea)
- ตื่นกลางดึกบ่อย ๆ และรู้สึกไม่สดชื่นเมื่อตื่นในตอนเช้า
2. การพบคุณหมอและการปรึกษา
เมื่อมาถึง รัตตินันท์ คลินิก บรรยากาศที่นี่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย พนักงานให้บริการอย่างมืออาชีพและเป็นกันเองมาก
ขั้นตอนแรก คือ การพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาอาการนอนกรน คุณหมอจะทำการตรวจวินิจฉัยสภาพช่องคอ ลิ้นไก่ และโครงสร้างภายในช่องปากอย่างละเอียด เพื่อประเมินว่าผู้ป่วยเหมาะสมกับการรักษาด้วย Snore Laser หรือไม่ คุณหมอที่นี่มีความเชี่ยวชาญสูง และให้คำแนะนำอย่างละเอียดเกี่ยวกับสาเหตุของการนอนกรน รวมถึงวิธีการรักษาที่เหมาะสม โดยเฉพาะ Snore Laser ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ในการลดขนาดเนื้อเยื่อบริเวณลิ้นไก่และเพดานปาก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดเสียงกรน
3. ขั้นตอนการรักษาด้วย Snore Laser
หลังจากปรึกษากับคุณหมอและตัดสินใจเข้ารับการรักษา ขั้นตอนของ Snore Laser มีดังนี้
- เตรียมตัวก่อนเลเซอร์ ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องงดน้ำหรืออาหารก่อนทำเลเซอร์ เนื่องจากเป็นวิธีที่ไม่ต้องใช้ยาสลบ แต่จะมีการใช้ยาชาเฉพาะที่เพื่อให้ไม่รู้สึกเจ็บระหว่างทำ
- ขั้นตอนการเลเซอร์ คุณหมอจะใช้เลเซอร์ชนิดพิเศษในการลดขนาดเนื้อเยื่อบริเวณลิ้นไก่และเพดานปาก ซึ่งเป็นบริเวณที่ทำให้เกิดเสียงกรน การเลเซอร์จะช่วยกระชับเนื้อเยื่อ ทำให้ทางเดินหายใจเปิดกว้างขึ้น
- ระยะเวลาทำเลเซอร์ ใช้เวลาเพียงประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมงเท่านั้น หลังจากนั้นสามารถกลับบ้านได้ทันที ไม่ต้องพักฟื้นในโรงพยาบาล
4. หลังทำเลเซอร์เสร็จ
หลังจากทำ Snore Laser เสร็จแล้ว ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ทันที โดยคุณหมอจะแนะนำวิธีดูแลตัวเองหลังทำ เช่น
- หลีกเลี่ยงอาหารร้อนหรือเผ็ดในช่วงแรก
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยลดความระคายเคือง
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากในช่วง 1-2 วันแรก
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ป่วยจะรู้สึกเพียงแค่ระคายเคืองเล็กน้อยบริเวณลำคอ แต่ไม่มีอาการเจ็บหรือบวมมากนัก และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติภายในไม่กี่วัน
5. ผลลัพธ์หลังการรักษา
ผลลัพธ์จาก Snore Laser น่าประทับใจมาก หลังจากผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ อาการกรนเริ่มลดลงอย่างชัดเจน เสียงกรนเบาลง และบางคืนก็ไม่มีเสียงกรนเลย ยังรู้สึกว่านอนหลับได้สนิทขึ้น ตื่นมาแล้วสดชื่นกว่าเดิม ไม่มีความรู้สึกเหนื่อยล้าหรืออ่อนเพลียเหมือนก่อนเข้ารับการรักษา สำหรับบางราย อาจต้องเข้ารับการเลเซอร์ซ้ำอีกครั้ง ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ แต่ส่วนใหญ่แล้ว การทำเพียงครั้งเดียวก็สามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจน
6. บริการที่ทำให้ประทับใจ
บริการของทีมงานและคุณหมอที่ รัตตินันท์ คลินิก ตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงหลังการรักษา ทุกคนใส่ใจในรายละเอียด ให้คำแนะนำอย่างละเอียดและเข้าใจง่าย พนักงานทุกคนสุภาพและพร้อมช่วยเหลือเสมอ ทำให้รู้สึกมั่นใจและปลอดภัยในการเข้ารับบริการ คลินิกยังสะอาด ทันสมัย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทำให้ประสบการณ์โดยรวมเป็นไปอย่างราบรื่นและไร้กังวล
ประโยชน์ของการ รักษาอาการนอนกรน ด้วยเลเซอร์ที่รัตตินันท์ คลินิก
การ รักษาอาการนอนกรน ด้วยเลเซอร์ ที่รัตตินันท์ ถือเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหาการนอนกรนหรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ที่ไม่รุนแรง การรักษาด้วยเลเซอร์จะช่วยแก้ปัญหาเสียงกรน และเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ โดยข้อดีหลัก ๆ ของการรักษาด้วยวิธีนี้มีดังนี้
- ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ – การใช้เลเซอร์ในการรักษาเป็นการรักษาแบบไม่มีการผ่าตัดใหญ่ ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นนาน ทำให้สะดวกต่อการรักษา
- ปลอดภัยและมีความแม่นยำสูง – เลเซอร์จะช่วยกระตุ้นให้เนื้อเยื่อภายในช่องปากกระชับขึ้น ทำให้ทางเดินหายใจกว้างขึ้น จึงช่วยลดการสั่นสะเทือนที่เกิดเสียงกรนได้ดี
- ผลข้างเคียงน้อย – เนื่องจากไม่มีการผ่าตัดใหญ่ จึงลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและอาการบวมเจ็บหลังการรักษา
- ช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ – หลังจากการรักษา อาการนอนกรนจะลดลง ทำให้การหายใจในขณะหลับราบรื่นขึ้น ทำให้ตื่นมาสดชื่น ลดอาการง่วงนอนในตอนกลางวันได้
- การรักษารวดเร็ว – การทำเลเซอร์รักษานอนกรนใช้เวลาไม่นาน โดยส่วนมากจะทำเสร็จภายใน 30 นาที และสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
การรักษาด้วยเลเซอร์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหานอนกรนเล็กน้อยถึงปานกลาง หากสนใจสามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมของการรักษาก่อน
สรุป รักษาอาการนอนกรน มีวิธีการอย่างไร? เห็นผลจริงไหม?
อาการนอนกรน สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเองผ่านการปรับพฤติกรรม เช่น การนอนตะแคงเพื่อลดการปิดกั้นทางเดินหายใจ การลดน้ำหนักเพื่อช่วยลดแรงกดทับในลำคอ และการหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์หรือยากล่อมประสาทที่ทำให้กล้ามเนื้อหย่อนตัว และการออกกำลังกายกล้ามเนื้อคอและลิ้น สามารถช่วยเสริมความแข็งแรงของเนื้อเยื่อในลำคอได้ หากวิธีเหล่านี้ไม่เพียงพอ การ รักษาอาการนอนกรน ด้วยเลเซอร์ที่ รัตตินันท์ คลินิก เป็นอีกทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูง
Rattinan Team เป็นทีมเขียนบทความสุขภาพที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรกับ SEO เพื่อเพิ่มการมองเห็นและการเข้าถึงของเว็บไซต์สุขภาพในผลการค้นหาของ Google ทีมงานของเราประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่มีประสบการณ์ในหลากหลายสาขา เช่น การแพทย์ การพยาบาล โภชนาการ และการออกกำลังกาย