หนอกคอ ออกกำลังกายหายไหม วิธีง่าย ๆ ลดหนอกคอการดูแลร่างกาย

หนอกคอ ออกกำลังกายหายไหม

หนอกคอ คืออะไร?

หนอกคอ หรือ หนอกหลัง (Buffalo Hump) เป็นภาวะที่ร่างกายสะสมไขมันอยู่ในช่วงบริเวณด้านหลังของคอ ทำให้เกิดการกระจุกตัวขึ้นเป็นก้อนที่มองเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้รูปลักษณ์ของคอด้านหลังเปลี่ยนแปลงได้ คนรอบข้างสามารถเห็นและรับรู้ได้ง่าย โดยภาวะนี้อาจไม่มีอาการเจ็บปวดแต่ส่วนใหญ่มักมองเห็นได้ชัดเจน 

ซึ่งอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์และบุคลิกภาพของบุคคลได้ สาเหตุหลักมักเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนคอร์ติซอล การใช้ยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน หรือการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนตามวัย ที่สำคัญ การมีหนอกหลังหรือติ่งเนื้อที่คออาจเป็นสัญญาณเตือนให้ระวังเรื่องปัญหาสุขภาพอื่น ๆ 

เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือปัญหาหัวใจและหลอดเลือด ที่ควรระมัดระวังและได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

สาเหตุการเกิดหนอกคอ

สาเหตุที่ทำให้เกิด หนอกคอ คืออะไร?

  • การใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ในระยะเวลานาน : การใช้ยาในกลุ่มนี้เป็นเวลานานอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไขมันสะสมในหนอกคอ เนื่องจากผลข้างเคียงของยาสเตียรอยด์อาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • พฤติกรรมการก้มมองจอโทรศัพท์หรือนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ที่ไม่ถูกต้องเป็นระยะเวลานานหลายชั่วโมง : การก้มหลังเป็นเวลานานหรือนั่งอยู่ในท่าทีที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดการสะสมไขมันในหนอกคอ
  • อุบัติเหตุจากการเล่นกีฬาหรือกิจกรรมอื่น ๆ : การได้รับบาดเจ็บในบริเวณคอจากกิจกรรมเช่นกีฬาอาจส่งผลให้ร่างกายสร้างเยื่อไขมันเพื่อปกป้องกระดูกสันหลัง
  • ผลข้างเคียงจากการทานยาบางชนิด : การทานยาลดความอ้วนหรือยาต้านเอชไอวีอาจมีผลทำให้เกิดการสะสมไขมันในหนอกคอ
  • โรคที่เป็นสาเหตุ : บางโรคเช่น โรคกระดูกพรุนและโรคอ้วนอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดหนอกคอ
  • วัย : ในบางกรณีสตรีที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือนอาจเจอปัญหานี้
  • คอร์ติซอลสูงผิดปกติ : ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลสูงเกินปกติอาจเป็นสาเหตุของการสะสมไขมันในหนอกคอ

อันตรายจากหนอกคอ

ผลกระทบของหนอกคอต่อสุขภาพและชีวิตประจำวัน

ด้านสุขภาพกาย : การมีหนอกคอส่งผลให้เกิดปัญหาโครงสร้างร่างกาย โดยเฉพาะหลังค่อมเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของท่าทาง ความหนาของก้อนไขมันทำให้คอและไหล่เอียงไปข้างหน้า ส่งผลให้เกิดอาการปวดเมื่อยบริเวณหลังและคอเรื้อรัง การเคลื่อนไหวจำกัดลงโดยเฉพาะการหันหลังหรือยกแขน 

นอกจากนี้ยังมีปัญหาผิวหนัง เช่น สิวเกิดขึ้นง่ายในบริเวณที่มีไขมันสะสม การติดเชื้อราจากความชื้น และผิวหนังอักเสบจากการเสียดสีกับเสื้อผ้า ส่วนระบบเมแทบอลิซึมอาจได้รับผลกระทบทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง รู้สึกไม่มีแรง และน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วผิดปกติ

ด้านจิตใจและสังคม : ไม่มั่นใจ หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าที่เปิดเผยบริเวณคอและไหล่ ความเครียดและวิตกกังวลเรื้อรัง เพราะต้องหลีกเลี่ยงการแต่งตัวกลายเป็นปัญหาใหญ่

ด้านฮอร์โมน : หนอกคออาจส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมน ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติในผู้หญิง ความผิดปกติของฮอร์โมนเพศทั้งในผู้ชายและผู้หญิง และอาจเป็นสัญญาณของภาวะคอร์ติซอลสูงที่ต้องการการรักษาด่วน หากไม่ได้รับการดูแล ปัญหาเหล่านี้จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และส่งผลต่อคุณภาพชีวิตโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ

วิธีการรักษาหนอกคอ

การดูดไขมัน (Liposuction) ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ 2 แบบคือ Vaser Lipo Selection ที่ใช้คลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์สลายก้อนไขมันให้เป็นของเหลวก่อนดูดออก และ BodyTite ที่ใช้พลังงาน RF กำจัดไขมันพร้อมกระชับผิว ข้อดีคือไม่เจ็บปวดมาก ผลลัพธ์ชัดเจน หลังดูดไขมันร่างกายจะสร้างพังผืดใหม่ทำให้ผิวกระชับ กรณีหนอกคอใหญ่มากอาจต้องผ่าตัดตัดหนังส่วนเกินเพิ่มเติม

Liposlim เทคโนโลยีที่กำจัดไขมันได้อย่างถาวรและกระชับผิวไปพร้อมกัน ไม่เจ็บปวด ไม่มีบาดแผล ไม่ต้องพักฟื้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว

การฉีดสลายไขมัน (LipoGold Therapy) ฉีดสาร Phosphatidyl choline และ L-carnitine เข้าไปในชั้นไขมันเพื่อกระตุ้นให้ไขมันสลายตัว ใช้ปริมาณ 0.2-0.5 ซีซี ห่างกัน 1.2 ซม. ฉีดลึก 0.1-12 มม. ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด ปรับปรุงระบบน้ำเหลือง และทำให้ผิวกระชับขึ้น

การซ่อมกระดูกสำหรับกรณีกระดูกพรุน ฉีด Bone Cement เพื่อเสริมกระดูกที่ทรุดตัว ป้องกันไม่ให้กระดูกยุบเบียดไขสันหลัง ลดปวดหลัง และทำให้กระดูกแข็งแรงทนทานต่อน้ำหนักร่างกายมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากระดูกเป็นสาเหตุของหนอกคอ

การเลือกวิธีรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุ ขนาดของหนอกคอ สุขภาพผู้ป่วย และคำแนะนำของแพทย์

การออกกำลังกายลดหนอกคอ

ท่าที่ 1 : ท่า YWTL

ท่านี้ช่วยยืดกล้ามเนื้อและกระดูกในบริเวณหลังและไหล่ เริ่มต้นด้วยการยืนตัวตรง จากนั้นทำตามลำดับ

  • ยกแขนขึ้นเหนือศีรษะเป็นรูป Y
  • ลดแขนลงแล้วยกตั้งเฉียงสูงเป็นรูป W
  • กางแขนออกเป็นรูป T โดยหันฝ่ามือขนานกับพื้น
  • สุดท้ายลดแขนลงในระดับเอวและกางออกด้านข้างเป็นรูป L ในมุม 90 องศา ทำท่านี้ช้า ๆ พร้อมหายใจลึก ๆ เป็นเวลา 30 วินาที ท่านี้จะช่วยปรับปรุงท่าทางและลดการสะสมไขมันในบริเวณคอและไหล่

ท่าที่ 2 : ท่ายืดกล้ามเนื้อส่วนสะบักและหลัง

ยืดแขนทั้งสองข้างไปด้านหลัง ใช้มือขวาจับข้อมือซ้ายแล้วดึงให้ตึง รักษาท่านี้ไว้ 30 วินาที จากนั้นเงยหน้าขึ้นและค้างไว้อีก 30 วินาที ท่านี้จะช่วยเปิดหน้าอกและยืดกล้ามเนื้อที่เกร็งจากการก้มหน้าใช้โทรศัพท์หรือทำงาน

ท่าที่ 3 : ท่ายืดกล้ามเนื้อข้างลำตัว

ยืดแขนขวาแนบกับผนัง หันหน้าไปทางขวาพร้อมเอียงศีรษะ ค้างไว้ 15 วินาที แล้วสลับข้าง ท่านี้จะช่วยยืดกล้ามเนื้อด้านข้างของคอและลำตัว ลดความตึงเครียดในบริเวณที่อาจมีการสะสมไขมัน

ท่าที่ 4 : ท่า 5 นาทีก่อนนอน

ก่อนนอนหรือก่อนใช้โทรศัพท์ ให้นอนราบแล้วใช้มือเท้าคางพยุงศีรษะ เชิดหน้าขึ้นและแอ่นหลังเล็กน้อย ค้างท่านี้ไว้ 5 นาที ท่านี้จะช่วยลดความเมื่อยล้าสะสมจากกิจกรรมต่างๆ ในระหว่างวัน และช่วยปรับสมดุลของกล้ามเนื้อคอและหลัง การทำท่านี้เป็นประจำจะช่วยป้องกันการสะสมไขมันและปรับปรุงท่าทางโดยรวม

รักษากระดูก

การฉีดสลายไขมันหนอกคอ

การฉีด สลายไขมันหนอกคอ เป็นวิธีการรักษาที่ใช้สารเฉพาะในการทำลายเซลล์ไขมันโดยตรง โดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันสะสมในบริเวณหนอกคออย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

สารที่ใช้ในการฉีด ใช้สารหลักสองตัวคือ Phosphatidyl choline ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่พบในเซลล์ ช่วยในการสลายไขมันและเพิ่มการเผาผลาญ และ L-carnitine ที่ช่วยขนส่งไขมันไปใช้เป็นพลังงาน สารเหล่านี้จะกระตุ้นให้เซลล์ไขมันที่สะสมในบริเวณหนอกคอสลายตัว แล้วถูกขับออกจากร่างกายผ่านระบบน้ำเหลืองตามธรรมชาติ

วิธีการฉีดและขนาดยา แพทย์จะฉีดสารในปริมาณ 0.2-0.5 ซีซี โดยจุดฉีดจะห่างกันทุกๆ 1.2 ตารางเซนติเมตร เข็มฉีดจะลึกเข้าไปในชั้นไขมันตั้งแต่ 0.1 มิลลิเมตร ถึง 12 มิลลิเมตร ขึ้นอยู่กับความหนาของชั้นไขมันในแต่ละบุคคล ปริมาณที่ฉีดจะปรับตามบริเวณที่ต้องการรักษาและความรุนแรงของปัญหา

ผลลัพธ์ที่คาดหวัง หลังจากการฉีด ผู้ป่วยจะได้รับประโยชน์หลายด้าน ได้แก่ การไหลเวียนของเลือดในบริเวณที่รักษาดีขึ้น ระบบต่อมน้ำเหลืองทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื้อเยื่อโดยรอบบริเวณที่ฉีดมีความแข็งแรงและยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น และที่สำคัญคือผิวหนังจะกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้รูปร่างของคอกลับมาดูเป็นธรรมชาติและสวยงามมากขึ้น ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ปรากฏชัดเจนภายใน 2-4 สัปดาห์หลังการรักษา และจะให้ผลระยะยาวหากดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม

การป้องกันหนอกคอ ทำอย่างไร?

การควบคุมน้ำหนักและอาหาร รักษา BMI ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ 18.5-22.9 kg/m² หลีกเลี่ยงการเพิ่มน้ำหนักอย่างรวดเร็ว เลือกรับประทานอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ เพิ่มผัก ผลไม้ และธัญพืชเต็มเมล็ด ลดอาหารแปรรูป น้ำตาล และแป้งแระแน ควบคุมปริมาณอาหารในแต่ละมื้อให้เหมาะสม

การออกกำลังกายเฉพาะ 4 ท่า ท่า YWTL ช่วยยืดกล้ามเนื้อหลังและไหล่ ทำ 30 วินาที ท่ายืดกล้ามเนื้อสะบักและหลังโดยยืดแขนหลังตัว ทำ 30 วินาที ท่ายืดกล้ามเนื้อข้างลำตัวโดยแนบแขนกับผนัง ทำข้างละ 15 วินาที และท่า 5 นาทีก่อนนอนโดยนอนราบเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย เพื่อลดความเมื่อยล้าสะสม

การดูแลท่าทางในชีวิตประจำวัน หลีกเลี่ยงการก้มหน้าใช้โทรศัพท์เป็นเวลานาน จัดท่านั่งและท่ายืนให้ถูกต้อง ใช้หมอนรองคอที่เหมาะสม เปลี่ยนท่าทางบ่อยๆ ระหว่างทำงาน และออกกำลังกายแบบแอโรบิคอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์

การตรวจสุขภาพและจัดการโรคประจำตัว ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดปีละครั้ง ตรวจสมดุลฮอร์โมนตามความเหมาะสม ควบคุมเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือด รักษาภาวะไทรอยด์ให้คงที่ หลีกเลี่ยงการใช้ยาสเตียรอยด์ระยะยาวโดยไม่จำเป็น และเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงของรูปร่างบริเวณคออย่างสม่ำเสมอ หากพบความผิดปกติควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

สรุป หนอกคอ คืออะไร มีวิธีการรักษาอย่างไร หายจริงไหม?

หนอกคอ หรือ Buffalo Hump คือ การสะสมไขมันในบริเวณด้านหลังของคอ ทำให้เกิดก้อนนูนที่มองเห็นได้ชัด ส่งผลต่อภาพลักษณ์และบุคลิกภาพ แม้ไม่เจ็บปวด แต่อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพ เช่น ความผิดปกติของฮอร์โมนคอร์ติซอล การใช้ยาสเตียรอยด์ หรือโรคประจำตัวอื่นๆ และยังส่งผลให้เกิดหลังค่อม ปวดหลัง สิว อารมณ์ไม่คงที่ และปัญหาระบบฮอร์โมน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ หนอกคอ

หนอกคอเกิดจากการสะสมไขมันผิดปกติเนื่องจากความผิดปกติของฮอร์โมนคอร์ติซอล การใช้ยาสเตียรอยด์ระยะยาว การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนตามวัย หรือปัจจัยพันธุกรรม กลุ่มเสี่ยงสูง ได้แก่ ผู้ที่ใช้ยาสเตียรอยด์ ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ผู้ป่วยเบาหวาน และผู้ที่มีน้ำหนักเกิน

หนอกคอหายได้จริงหากรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม ระยะเวลาขึ้นอยู่กับวิธีรักษา การดูดไขมันและ Liposlim ให้ผลเร็วภายใน 1-2 เดือน การฉีดสลายไขมันต้องทำ 3-6 ครั้ง ผลจะเห็นภายใน 2-4 สัปดาห์ต่อครั้ง ที่สำคัญต้องแก้ไขสาเหตุต้นตำหรับด้วยเพื่อป้องกันการกลับมา

หนอกคอหายได้จริงหากรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม ระยะเวลาขึ้นอยู่กับวิธีรักษา การดูดไขมันและ Liposlim ให้ผลเร็วภายใน 1-2 เดือน การฉีดสลายไขมันต้องทำ 3-6 ครั้ง ผลจะเห็นภายใน 2-4 สัปดาห์ต่อครั้ง ที่สำคัญต้องแก้ไขสาเหตุต้นตำหรับด้วยเพื่อป้องกันการกลับมา

หากแก้ไขสาเหตุต้นตำหรับและดูแลตัวเองดี โอกาสกลับมาเป็นน้อยมาก การดูดไขมันและ Liposlim ทำลายเซลล์ไขมันถาวร แต่ต้องควบคุมน้ำหนัก หลีกเลี่ยงยาสเตียรอยด์ ออกกำลังกาย และตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ หากไม่ดูแลตัวเอง อาจเกิดขึ้นใหม่ได้