การดูแลผิวหน้าให้ดูเปล่งปลั่งและมีสุขภาพดีเป็นความต้องการที่หลายคนมองหา โดยเฉพาะในยุคที่การใช้ชีวิตเร่งรีบ มลภาวะและความเครียดส่งผลกระทบต่อสภาพผิว โปรแกรม Skin Booster จึงกลายเป็นหนึ่งในวิธีการที่ได้รับความนิยมในการฟื้นฟูความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิวหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ
สำหรับท่านที่กำลังสนใจโปรแกรม Skin Booster แต่ยังไม่แน่ใจว่าเหมาะกับตัวเองหรือไม่ บทความนี้จะชี้แจงให้เข้าใจถึงหลักการทำงาน ประโยชน์ และข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ท่านตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล
คุณหมอสรุปให้ โปรแกรม Skin Booster คืออะไร ทำไมต้อง รัตตินันท์ คลินิก
โปรแกรม Skin Booster เป็นการรักษาเพื่อเติมความชุ่มชื้นและปรับปรุงคุณภาพผิวโดยการฉีดสารสกัดธรรมชาติลงในชั้นผิวหนัง ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและปรับสมดุลความชุ่มชื้นจากภายในอย่างยั่งยืน
ที่ รัตตินันท์ คลินิก เราให้ความสำคัญกับการออกแบบโปรแกรมที่เหมาะสมกับสภาพผิวของผู้รับบริการแต่ละท่าน โดยแพทย์คุณภาพจะประเมินความต้องการและเลือกใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สร้างความมั่นใจและเป็นธรรมชาติ
ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยและการดูแลที่ใส่ใจรายละเอียด ทำให้ผู้รับบริการสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลที่คุ้มค่าและปลอดภัย
โปรแกรม Skin Booster คืออะไร?
Skin Booster เป็นหัตถการทางการแพทย์เพื่อความงามที่มุ่งเน้นการปรับปรุงคุณภาพผิวจากภายใน โดยการฉีดสารที่มีคุณสมบัติในการเติมความชุ่มชื้น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และฟื้นฟูโครงสร้างของผิว
หลักการทำงานของ Skin Booster จะแตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไป เนื่องจากไม่ได้มุ่งเน้นการเพิ่มปริมาตรหรือการปรับแต่งโครงหน้า แต่จะช่วยปรับปรุงเนื้อผิว ความนุ่มนวล ความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นของผิวให้ดูสุขภาพดีขึ้น
การทำงานของ Skin Booster จะกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมและฟื้นฟูของผิวตามธรรมชาติ ทำให้ผู้รับบริการสามารถสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงที่ค่อยเป็นค่อยไปและยั่งยืน
คุณสมบัติของ Skin Booster มีอะไรบ้าง?
1. ช่วยเติมความชุ่มชื้นลึกในระดับเซลล์ผิว
Skin Booster ทำงานในระดับเซลล์โดยการเพิ่มความสามารถในการกักเก็บน้ำของผิว ทำให้ผิวดูฉ่ำน้ำและมีความชุ่มชื้นที่แท้จริงจากภายใน ไม่เพียงแค่ความชุ่มชื้นผิวเผินที่ได้จากครีมทาภายนอก
การเติมความชุ่มชื้นในระดับลึกนี้จะช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและความนุ่มนวลที่ดีขึ้น พร้อมทั้งช่วยลดปัญหาผิวแห้งและหยาบกร้านที่เกิดจากการขาดน้ำ
2. ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน
กระบวนการของ Skin Booster จะส่งสัญญาณให้เซลล์ผิวเพิ่มการผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินตามธรรมชาติ โปรตีนสองชนิดนี้เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผิวมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น และดูอ่อนเยาว์
การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินจะเห็นผลในระยะยาว ทำให้ผิวมีความแน่นและโครงสร้างที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
3. ช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ
แม้ว่า Skin Booster จะไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการลดริ้วรอยลึก แต่สามารถช่วยปรับปรุงริ้วรอยเล็ก ๆ และเส้นแห่งวัยที่เกิดจากการขาดความชุ่มชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อผิวได้รับความชุ่มชื้นและคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ริ้วรอยเล็ก ๆ จะดูจางลงและผิวจะดูเรียบเนียนขึ้นตามธรรมชาติ
4. ปรับสมดุลผิวให้แข็งแรงขึ้น
Skin Booster ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของชั้นผิวหนัง ปรับปรุงโครงสร้างและการทำงานของเซลล์ผิว ทำให้ผิวสามารถต้านทานปัจจัยภายนอกได้ดีขึ้น
ผิวที่ได้รับการปรับสมดุลจะมีความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองได้ดีขึ้น และดูสุขภาพดีอย่างชัดเจน
5. ปรับผิวให้กระจ่างใส สุขภาพดี
การปรับปรุงการไหลเวียนและการทำงานของเซลล์ผิวจะช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสและมีความเปล่งปลั่งที่เป็นธรรมชาติ ไม่ใช่ความขาวที่ผิดธรรมชาติ
ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นผิวที่ดูสุขภาพดี มีความเปล่งประกายจากภายใน และดูอ่อนเยาว์อย่างเหมาะสม
6. ไม่เปลี่ยนรูปหน้า / ไม่บวม ไม่โป๊ะ
หนึ่งในข้อดีสำคัญของ Skin Booster คือไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปหน้าหรือลักษณะใบหน้าตามธรรมชาติ ผู้รับบริการจะยังคงเป็นตัวเองแต่ดูดีขึ้น
การไม่เกิดอาการบวม ทำให้ผู้รับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการปกปิดหรือการพักฟื้น
7. โปรแกรม Skin Booster สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้
Skin Booster สามารถทำร่วมกับการรักษาอื่น ๆ ได้อย่างปลอดภัย เช่น การทำเลเซอร์ โปรแกรม โบทอกซ์ หรือโปรแกรม ฟิลเลอร์ โดยช่วยเสริมประสิทธิภาพของการรักษาและทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
การใช้งานร่วมกันนี้จะช่วยให้ผู้รับบริการได้รับประโยชน์สูงสุดจากการรักษาและมีผลลัพธ์ที่สมบูรณ์มากขึ้น
โปรแกรม Skin Booster เหมาะกับใครบ้าง?
โปรแกรม Skin Booster เหมาะสำหรับผู้ที่มีความต้องการ ดังนี้
- ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งและขาดความชุ่มชื้น เนื่องจาก Skin Booster จะช่วยเติมความชุ่มชื้นล้ำลึก ทำให้ผิวดูฉ่ำน้ำและนุ่มนวลขึ้น
- ผู้ที่เริ่มเห็นสัญญาณแห่งวัย เช่น ริ้วรอยเล็ก ๆ การสูญเสียความยืดหยุ่นของผิว หรือผิวที่ดูหมองคล้ำ
- ผู้ที่ต้องการผิวที่ดูสุขภาพดีและเปล่งปลั่งตามธรรมชาติ โดยไม่ต้องการการเปลี่ยนแปลงรูปหน้าหรือลักษณะใบหน้า
- ผู้ที่มีไลฟ์สไตล์เร่งรีบและต้องการการดูแลที่สะดวก เพราะ Skin Booster ไม่ต้องมีระยะเวลาพักฟื้นที่ยาวนาน
- ผู้ที่ต้องการเสริมประสิทธิภาพการรักษาอื่น ๆ เพราะสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้
อย่างไรก็ตาม การประเมินความเหมาะสมควรได้รับการปรึกษาจากแพทย์คุณภาพเพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการเฉพาะบุคคล
Top 7 โปรแกรม Skin Booster ยอดนิยมในไทย
ปัจจุบันมีโปรแกรม Skin Booster หลายยี่ห้อที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย แต่ละยี่ห้อจะมีจุดเด่นและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน
- Profhilo ที่มีชื่อเสียงด้านเทคโนโลยี NAHYCO ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินอย่างมีประสิทธิภาพ
- Rejuran ที่มาพร้อมกับ Polynucleotide (PN) ช่วยในการซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวระดับ DNA
- Skinboosters by Restylane จากเทคโนโลยี NASHA ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นและปรับปรุงคุณภาพผิว
- Juvederm Volite ด้วย Vycross Technology ที่ช่วยให้ผลลัพธ์คงอยู่นานขึ้น
- Teosyal Redensity 1 ที่ผสมสารอาหารเซลล์และวิตามินเพื่อบำรุงผิวอย่างครอบคลุม
- Sunekos ที่มีสูตรผสมของกรดอะมิโนที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ
- Belotero Revive ที่มุ่งเน้นการปรับปรุงเนื้อผิวและความยืดหยุ่นของผิว
การเลือกใช้โปรแกรมใดจะขึ้นอยู่กับการประเมินจากแพทย์ โดยพิจารณาจากสภาพผิว ความต้องการ และเป้าหมายของผู้รับบริการแต่ละท่าน
เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของการทำโปรแกรม Skin Booster
ข้อดีของโปรแกรม Skin Boosterคลิก
- ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปหน้าที่ผิดธรรมชาติ แต่จะปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดูดีขึ้นในแบบที่เป็นตัวเอง
- ระยะเวลาพักฟื้นที่สั้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้เกือบทันที โดยไม่ต้องหยุดกิจกรรมประจำวันเป็นเวลานาน
- ปรับปรุงปัญหาหลายด้านพร้อมกัน ช่วยแก้ปัญหาความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่น ริ้วรอยเล็ก ๆ และความเปล่งปลั่งของผิวในครั้งเดียว
- สามารถทำร่วมกับการรักษาอื่นได้ ไม่ขัดแย้งกับการรักษาอื่น ๆ และยังช่วยเสริมประสิทธิภาพอีกด้วย
- ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน ช่วยกระตุ้นการทำงานของผิวตามธรรมชาติ ทำให้ผลลัพธ์คงอยู่ในระยะยาว
ข้อเสียของโปรแกรม Skin Boosteคลิก
- ต้องทำหลายครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดยทั่วไปจะต้องทำ 2-3 ครั้ง เว้นระยะ 4-6 สัปดาห์ เพื่อให้เห็นผลที่สมบูรณ์
- ค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการดูแลผิวทั่วไป เป็นการลงทุนในการรักษาเฉพาะทางที่ต้องใช้งบประมาณมากกว่าการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทั่วไป
- อาจเกิดอาการแสบหรือบวมเล็กน้อยหลังการรักษา แม้ว่าจะไม่รุนแรง แต่บางท่านอาจมีความไวต่อการฉีด
- ต้องเลือกแพทย์และคลินิกที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี จำเป็นต้องเลือกสถานที่ที่น่าเชื่อถือ
- ผลลัพธ์อาจไม่ชัดเจนในผู้ที่มีปัญหาผิวรุนแรง สำหรับปัญหาผิวที่รุนแรงมาก อาจจำเป็นต้องใช้วิธีการรักษาอื่นประกอบ
โปรแกรม Skin Booster เจ็บไหม?
การทำโปรแกรม Skin Booster โดยทั่วไปจะมีอาการเจ็บเพียงเล็กน้อย เทียบได้กับการฉีดยาทั่วไป อย่างไรก็ตาม ระดับความเจ็บจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น
- ความไวต่อความเจ็บปวดของแต่ละบุคคล บางท่านอาจรู้สึกเจ็บน้อยกว่าคนอื่น
- ตำแหน่งที่ทำการรักษา บางบริเวณเช่น ริมฝีปากหรือใต้ตา อาจมีความรู้สึกมากกว่าแก้มหรือหน้าผาก
- เทคนิคของแพทย์ แพทย์คุณภาพที่มีประสบการณ์จะสามารถทำให้ผู้รับบริการรู้สึกสบายมากขึ้น
เพื่อลดความรู้สึกไม่สบาย คลินิกที่ดีจะมีการเตรียมการดังนี้
- ทาครีมชาเฉพาะที่ก่อนการรักษา
- ใช้เข็มที่บางและมีคุณภาพ
- ใช้เทคนิคการฉีดที่อ่อนโยน
- มีการดูแลและปลอบประโลมระหว่างการรักษา
หลังการรักษา อาจมีความรู้สึกเจ็บหรือไวเล็กน้อย แต่จะหายไปภายใน 1-2 วัน และสามารถใช้ยาบรรเทาปวดทั่วไปได้หากจำเป็น
โปรแกรม Skin Booster ทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผล?
การเห็นผลของโปรแกรม Skin Booster จะแบ่งออกเป็นช่วงเวลาดังนี้
หลังการรักษาครั้งแรก (1-2 สัปดาห์) จะเริ่มสังเกตเห็นความชุ่มชื้นและความนุ่มนวลของผิวที่เพิ่มขึ้น ผิวจะดูสดใสและมีความเปล่งปลั่งเล็กน้อย
หลังการรักษาครั้งที่สอง (4-6 สัปดาห์) ผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้น ผิวจะมีความยืดหยุ่นดีขึ้น ริ้วรอยเล็ก ๆ ดูจางลง และโครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้น
หลังการรักษาครั้งที่สาม (8-12 สัปดาห์) – ผลลัพธ์จะสมบูรณ์ที่สุด ผิวจะดูสุขภาพดี มีความแน่น ความชุ่มชื้นที่ยั่งยืน และความเปล่งปลั่งที่เห็นได้ชัดเจน
แผนการรักษามาตรฐาน ที่แพทย์มักแนะนำคือ
- ครั้งที่ 1-2: เว้นระยะ 4-6 สัปดาห์
- ครั้งที่ 3: เว้นระยะ 6-8 สัปดาห์
- การบำรุงรักษา: ทุก 6-12 เดือน
อย่างไรก็ตาม จำนวนครั้งที่ต้องทำจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวเริ่มต้น ความต้องการ และการตอบสนองของแต่ละบุคคล บางท่านอาจเห็นผลชัดเจนหลังการรักษา 2 ครั้ง ในขณะที่บางท่านอาจต้องใช้เวลามากกว่านั้น
โปรแกรม Skin Booster อยู่ได้นานแค่ไหน?
ระยะเวลาที่ผลลัพธ์ของโปรแกรม Skin Booster จะคงอยู่ขึ้นกับปัจจัยหลายประการ ได้แก่
ระยะเวลาทั่วไป ผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 6-12 เดือน โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 8-9 เดือน
ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลา
- อายุ ผู้ที่อายุน้อยกว่ามักจะมีผลลัพธ์คงอยู่นานกว่า เนื่องจากการทำงานของเซลล์ผิวที่ดีกว่า
- สภาพผิวเริ่มต้น ผิวที่มีสภาพดีอยู่แล้วจะคงสภาพได้นานกว่า
- การดูแลตัวเอง การดูแลผิวหลังการรักษาที่ดีจะช่วยยืดอายุผลลัพธ์
- ปัจจัยภายนอก การสัมผัสแสงแดด มลภาวะ และความเครียดจะส่งผลต่อความคงทนของผลลัพธ์
- ไลฟ์สไตล์ การดื่มน้ำเพียงพอ การนอนหลับพักผ่อน และการออกกำลังกายจะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่นานขึ้น
วิธีการยืดอายุผลลัพธ์
- การบำรุงรักษา ทำการรักษาเสริมทุก 6-12 เดือน เพื่อรักษาสภาพผิวที่ดี
- การป้องกันแสงแดด ใช้ครีมกันแดดทุกวันเพื่อป้องกันการสลายตัวของคอลลาเจน
- การดูแลผิวที่เหมาะสม ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีคุณภาพและเหมาะกับสภาพผิว
- การดื่มน้ำเพียงพอ ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวจากภายใน
ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ลดลงตามธรรมชาติของกระบวนการเมแทบอลิซึมของร่างกาย แต่การรักษาบำรุงอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ผิวยังคงสภาพที่ดีไว้ได้ในระยะยาว
โปรแกรม Skin Booster ต่างจากฟิลเลอร์และโปรแกรมอื่นอย่างไร?
การเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Skin Booster กับการรักษาอื่น ๆ จะช่วยให้ท่านเลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุด
Skin Booster vs ฟิลเลอร์
- วัตถุประสงค์ Skin Booster มุ่งปรับปรุงคุณภาพผิว ส่วนฟิลเลอร์มุ่งเพิ่มปริมาตรและปรับแต่งโครงหน้า
- ผลลัพธ์ Skin Booster ให้ผลที่เป็นธรรมชาติ ฟิลเลอร์สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ชัดเจน
- การกระจายตัว Skin Booster กระจายเข้าสู่เนื้อเยื่อ ฟิลเลอร์อยู่ในตำแหน่งที่ฉีด
Skin Booster vs โบท็อกซ์
- กลไกการทำงาน Skin Booster บำรุงผิวจากภายใน โบท็อกซ์ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
- ปัญหาที่แก้ Skin Booster แก้ความแห้งและโครงสร้างผิว โบท็อกซ์แก้ริ้วรอยจากกล้ามเนื้อ
- บริเวณการใช้ Skin Booster ใช้ได้หลายบริเวณ โบท็อกซ์เน้นบริเวณที่มีกล้ามเนื้อ
Skin Booster vs เลเซอร์
- วิธีการรักษา Skin Booster ใช้การฉีด เลเซอร์ใช้แสง
- เป้าหมาย Skin Booster เน้นความชุ่มชื้นและคอลลาเจน เลเซอร์เน้นผิวหน้าและเม็ดสี
- ระยะพักฟื้น Skin Booster มีระยะพักฟื้นน้อย เลเซอร์อาจต้องพักฟื้นนานกว่า
ข้อดีของ Skin Booster คือสามารถใช้ร่วมกับการรักษาเหล่านี้ได้ ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์และเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ทำโปรแกรม Skin Booster ตำแหน่งไหนได้บ้าง?
โปรแกรม Skin Booster สามารถทำได้ในหลายบริเวณของใบหน้าและร่างกาย
บริเวณใบหน้า
- แก้ม เป็นบริเวณที่นิยมที่สุด ช่วยให้ใบหน้าดูอวบอิ่มและมีความชุ่มชื้น
- หน้าผาก ปรับปรุงเนื้อผิวและลดริ้วรอยเล็ก ๆ
- ขมับ เติมความชุ่มชื้นและปรับปรุงผิวที่บางลง
- บริเวณใต้ตา ช่วยลดถุงใต้ตาและริ้วรอยรอบดวงตา (ต้องทำด้วยความระมัดระวังพิเศษ)
- คาง ปรับปรุงเนื้อผิวและเพิ่มความแน่น
บริเวณลำคอและอก
- คอ ปรับปรุงริ้วรอยคอและเพิ่มความยืดหยุ่น
- หน้าอก ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและมีความชุ่มชื้น
บริเวณมือ
- หลังมือ ปรับปรุงเนื้อผิวที่หยาบกร้านและเพิ่มความชุ่มชื้น
การเลือกตำแหน่ง จะขึ้นอยู่กับ
- ปัญหาและความต้องการของผู้รับบริการ
- การประเมินจากแพทย์
- ความเหมาะสมของแต่ละบริเวณ
- ปริมาณและชนิดของ Skin Booster ที่เลือกใช้
แพทย์คุณภาพจะสามารถแนะนำตำแหน่งที่เหมาะสมและวางแผนการรักษาที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุดสำหรับแต่ละท่าน
การเตรียมตัวก่อนทำโปรแกรม Skin Booster
การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงของการเกิดอาการไม่พึงประสงค์
1-2 สัปดาห์ก่อนการรักษา
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดรอยช้ำ
- หยุดการใช้ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วิตามินอี (ต้องปรึกษาแพทย์ก่อน)
- หลีกเลี่ยงการทำหัตถการอื่นบริเวณใบหน้า เช่น การทำเลเซอร์หรือพีลิ่ง
3-7 วันก่อนการรักษา
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี AHA, BHA, Retinol ที่อาจทำให้ผิวบอบบางเกินไป
- เลิกสูบบุหรี่ เพื่อให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น
- ดูแลผิวให้มีความชุ่มชื้นดี แต่ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่อาจทำให้เกิดการแพ้
วันทำการรักษา
- ทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาด โดยไม่ใช้เครื่องสำอาง
- หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ เพื่อลดความวิตกกังวล
- รับประทานอาหารเบา ๆ ไม่ควรอดอาหารหรือทานมากเกินไป
- มาถึงคลินิกก่อนเวลานัดหมาย เพื่อผ่อนคลายและเตรียมความพร้อม
ข้อมูลที่ควรแจ้งแพทย์
- ประวัติการแพ้ยาหรือสารต่าง ๆ
- การใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
- การมีโรคประจำตัว
- ประวัติการทำหัตถการทางความงามมาก่อน
ขั้นตอนการทำโปรแกรม Skin Booste
ขั้นตอนการทำโปรแกรม Skin Booster ที่คลินิกคุณภาพจะดำเนินการดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 การปรึกษาและประเมิน (20-30 นาที)
- แพทย์จะประเมินสภาพผิวและรับฟังความต้องการ
- วิเคราะห์ปัญหาผิวและกำหนดแผนการรักษา
- อธิบายขั้นตอน ความเสี่ยง และผลลัพธ์ที่คาดหวัง
- ตอบข้อสงสัยและให้คำแนะนำ
ขั้นตอนที่ 2 การเตรียมตัว (15-20 นาที)
- ทำความสะอาดบริเวณที่จะทำการรักษา
- ทาครีมชาเฉพาะที่และรอให้เข้าที่ (15-20 นาที)
- เตรียมเครื่องมือและผลิตภัณฑ์ที่ใช้
- ถ่ายภาพบันทึกสภาพผิวก่อนการรักษา
ขั้นตอนที่ 3 การฉีด Skin Booster (20-40 นาที)
- ทำเครื่องหมายจุดที่จะฉีดอย่างเป็นระบบ
- ฉีด Skin Booster ด้วยเทคนิคที่เหมาะสม
- ปรับปริมาณและความลึกตามแต่ละบริเวณ
- คอยดูแลความสบายของผู้รับบริการตลอดเวลา
ขั้นตอนที่ 4 การดูแลหลังการรักษา (10-15 นาที)
- ทำความสะอาดและทาครีมบรรเทาการอักเสบ
- ประคบเย็นเบา ๆ เพื่อลดอาการบวม
- แนะนำการดูแลตัวเองหลังการรักษา
- นัดหมายครั้งถัดไปและติดตามผลลัพธ์
ระยะเวลารวม ประมาณ 60-90 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่รักษาและความซับซ้อนของการรักษา
คลินิกที่ดีจะดูแลให้ผู้รับบริการรู้สึกสบายและปลอดภัยตลอดขั้นตอนการรักษา พร้อมทั้งให้คำแนะนำที่ชัดเจนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
วิธีดูแลตัวเองหลังทำโปรแกรม Skin Booster
การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมหลังการรักษาจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและลดความเสี่ยงของการเกิดอาการไม่พึงประสงค์
24 ชั่วโมงแรก
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือนวดบริเวณที่ทำการรักษา เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของสาร
- ไม่แต่งหน้าหรือใช้เครื่องสำอางบริเวณที่รักษา เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ที่อาจทำให้เลือดไหลเวียนเร็วเกินไป
- ประคบเย็นเบา ๆ ถ้ามีอาการบวมหรือแสบ (ไม่เกิน 10-15 นาทีต่อครั้ง)
1-3 วันหลังการรักษา
- ทำความสะอาดใบหน้าอย่างอ่อนโยน ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำหนัก
- ใช้ครีมบำรุงที่มีความชุ่มชื้นสูง เพื่อช่วยการฟื้นฟู
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด และใช้ครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไป
- งดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารระคายเคือง เช่น AHA, BHA, Retinol
1-2 สัปดาห์หลังการรักษา
- หลีกเลี่ยงการทำหัตถการอื่น ๆ บริเวณใบหน้า
- งดการไปซาวน่าหรือการอบไอน้ำ ที่อาจทำให้เกิดการอักเสบ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยในการฟื้นฟูผิว
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะที่อุดมด้วยวิตามินซีและโปรตีน
สัญญาณเตือนที่ควรปรึกษาแพทย์
- อาการบวมหรือแดงที่รุนแรงและไม่ทุเลา
- เกิดหนองหรือสัญญาณของการติดเชื้อ
- ปวดหรือแสบผิดปกติ
- ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
การติดตามอาการและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดจะช่วยให้การรักษาประสบผลสำเร็จและปลอดภัย
สรุป โปรแกรม Skin Booster คืออะไร
โปรแกรม Skin Booster เป็นนวัตกรรมการดูแลผิวที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพผิวจากภายในอย่างเป็นธรรมชาติ โดยการเติมความชุ่มชื้น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และฟื้นฟูโครงสร้างของผิวให้แข็งแรงขึ้น
จุดเด่นสำคัญของ Skin Booster
- ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและไม่เปลี่ยนรูปหน้า
- ช่วยแก้ปัญหาผิวหลายด้านพร้อมกัน
- มีระยะเวลาพักฟื้นที่สั้น
- สามารถทำร่วมกับการรักษาอื่น ๆ ได้
เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการปรับปรุงความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่น และความเปล่งปลั่งของผิว โดยไม่ต้องการการเปลี่ยนแปลงรูปหน้าที่ผิดธรรมชาติ
การเลือกทำ Skin Booster ควรพิจารณาจากความต้องการ สภาพผิว และงบประมาณ พร้อมทั้งเลือกคลินิกและแพทย์คุณภาพที่สามารถให้คำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล
สำหรับผู้ที่สนใจและต้องการข้อมูลเพิ่มเติม การปรึกษาแพทย์คุณภาพจะช่วยให้ได้รับคำแนะนำที่ตรงกับความต้องการและปลอดภัยที่สุด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโปรแกรม Skin Booster (FAQ)
A: Skin Booster เหมาะกับผู้ที่อายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่เริ่มมีปัญหาความแห้งของผิวหรือสัญญาณแรกของการสูญเสียความยืดหยุ่น
A: ได้ครับ สามารถทำร่วมกันได้ โดยควรมีการวางแผนจากแพทย์เพื่อจัดลำดับการรักษาให้เหมาะสม และควรเว้นระยะเวลาระหว่างหัตถการแต่ละครั้งตามคำแนะนำของแพทย์
A: แนะนำให้รอประมาณ 6-12 ชั่วโมงก่อนแต่งหน้า เพื่อให้สารได้เข้าที่และลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
A: ไม่แนะนำให้ทำระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เพื่อความปลอดภัยของแม่และลูก
A: ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วิตามินอี หรือ Fish Oil แต่ไม่ควรหยุดยาโรคประจำตัวโดยไม่ปรึกษาแพทย์ผู้ดูแล
รัตตินันท์ คลินิก ให้บริการด้านความงามและการรักษา โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา พร้อมด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้รับบริการ ศูนย์ได้รับการรับรองคุณภาพจาก AACI สหรัฐอเมริกา ในฐานะศูนย์ศัลยกรรมผู้ป่วยนอกแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และได้รับการประเมินในด้านการให้บริการจากลูกค้าหลายประเทศ