เลือก วิธีดูดไขมัน พลังน้ำ หรือ พลังความร้อน แบบไหนเหมาะกับคุณ

ดูดไขมันพลังน้ำ VS พลังความร้อน

ในปัจจุบัน การดูดไขมันได้กลายเป็นหนึ่งในทางเลือกยอดนิยม สำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปร่างและกำจัดไขมันส่วนเกินที่ยากจะลดลงด้วยการออกกำลังกายหรือการควบคุมอาหารเพียงอย่างเดียว ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์ รัตตินันท์ คลินิก ได้นำเสนอวิธีการดูดไขมันที่หลากหลายและทันสมัย เพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของผู้เข้ารับบริการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลลัพธ์ที่ต้องการ ความปลอดภัย หรือระยะเวลาในการฟื้นตัว

วิธีดูดไขมัน พลังน้ำและการดูดไขมันพลังความร้อน ถือเป็นสองเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยทั้งสองเทคนิคมีจุดเด่นและข้อพิจารณาที่แตกต่างกัน ซึ่งทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของรัตตินันท์ได้คัดสรรมาเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายและความต้องการของผู้เข้ารับบริการ

ที่ รัตตินันท์ คลินิก เราเชื่อว่าการเลือกวิธีการที่เหมาะสมไม่เพียงแต่จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงและทำให้กระบวนการฟื้นตัวเป็นไปอย่างราบรื่น การทำความเข้าใจถึงคุณสมบัติและความแตกต่างของการดูดไขมันพลังน้ำและพลังความร้อนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ และเลือกวิธีการที่เหมาะสมกับตัวคุณมากที่สุด ด้วยคำแนะนำจากทีมผู้เชี่ยวชาญ

วิธีการดูดไขมัน คืออะไร

การ ดูดไขมัน (Liposuction) คือ หัตถการทางการแพทย์ที่ช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินออกจากร่างกายโดยตรงในบริเวณที่มีไขมันสะสม เช่น หน้าท้อง ต้นขา สะโพก แขน หรือใต้คาง เพื่อปรับปรุงรูปร่างให้สมส่วนมากขึ้น โดยวิธีการนี้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการลดน้ำหนัก แต่เป็นการจัดการไขมันเฉพาะจุดที่ลดลงได้ยากแม้จะออกกำลังกายหรือควบคุมอาหารแล้วก็ตาม

ความหมายและหลักการดูดไขมัน

การดูดไขมันใช้หลักการกำจัดเซลล์ไขมันออกจากชั้นใต้ผิวหนังผ่านเครื่องมือเฉพาะที่เรียกว่า “แคนูล่า” (Cannula) ซึ่งทำงานร่วมกับเทคโนโลยีพลังงานเสริม เช่น พลังน้ำหรือพลังความร้อน ช่วยให้กระบวนการกำจัดไขมันเป็นไปอย่างแม่นยำและปลอดภัย การดูดไขมันยังช่วยลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อและส่งเสริมการฟื้นตัวที่รวดเร็ว

ประเภทของพลังงานที่ใช้ในการดูดไขมัน

การดูดไขมันในปัจจุบันมีหลายรูปแบบซึ่งแยกตามประเภทของพลังงานที่ใช้ช่วยในการสลายไขมันและดูดออกได้ง่ายขึ้น ได้แก่

พลังน้ำ (Water Jet Liposuction)

พลังน้ำ (Water Jet Liposuction) การดูดไขมันพลังน้ำใช้แรงดันของน้ำฉีดเข้าสู่ชั้นไขมันเพื่อแยกเซลล์ไขมันออกจากเนื้อเยื่อโดยรอบ ทำให้การดูดไขมันง่ายขึ้นและลดความเสียหายต่อเส้นเลือดหรือเส้นประสาท ข้อดีของวิธีนี้คือช่วยลดอาการบวมช้ำและฟื้นตัวเร็ว

พลังความร้อน (Heat Energy Liposuction)

พลังความร้อน (Heat Energy Liposuction) การดูดไขมันด้วยพลังความร้อนใช้พลังงานจากคลื่นวิทยุ (RF) หรือ เลเซอร์เพื่อสลายไขมันในระหว่างกระบวนการ ความร้อนที่เกิดขึ้นช่วยกระตุ้นการกระชับผิวหลังการดูดไขมัน ทำให้ผิวเรียบเนียนมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันและเพิ่มความกระชับของผิวในเวลาเดียวกัน

พลังน้ำ (Water Jet Liposuction)

หลักการทำงานของ พลังน้ำ (Water Jet Liposuction)

การดูดไขมันด้วยพลังน้ำ (Water Jet Liposuction) ใช้หลักการของแรงดันน้ำในการสลายและแยกชั้นไขมันออกจากเนื้อเยื่อรอบข้างอย่างอ่อนโยน น้ำจะถูกฉีดเข้าสู่ชั้นไขมันในบริเวณที่ต้องการลด หลังจากนั้นไขมันที่ถูกสลายจะถูกดูดออกไปพร้อมกับของเหลว วิธีนี้ช่วยลดการทำลายเนื้อเยื่อและเส้นเลือดบริเวณใกล้เคียง

ข้อดีและข้อเสียของการดูดไขมันพลังน้ำ

1. ลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อรอบข้าง

  • การใช้แรงดันน้ำที่ควบคุมได้อย่างดีช่วยให้การผ่าตัดมีความละเอียด ลดการทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง เช่น เส้นเลือดและเส้นประสาท ซึ่งหมายถึงความเสี่ยงที่ต่ำกว่าสำหรับผู้ป่วย

2. ฟื้นตัวเร็ว

  • ผลจากการบาดเจ็บที่น้อยลงทำให้ร่างกายสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยมักจะสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเทคนิคการดูดไขมันอื่น ๆ ซึ่งช่วยลดเวลาในการฟื้นฟูและทำให้ผู้ป่วยมีความพึงพอใจสูง

3. ลดอาการบวมและช้ำ

  • การใช้พลังน้ำช่วยให้การทำงานของแพทย์มีความแม่นยำ ลดความรุนแรงของการบาดเจ็บขณะทำการดูดไขมัน ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการบวมและช้ำที่น้อยกว่าหลังการรักษา

1. ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกระชับผิว

  • เทคนิคนั้นไม่สามารถกระตุ้นการหดตัวของผิวหนังได้ ทำให้ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่มีความกระชับ อาจต้องพิจารณาใช้วิธีเสริมอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสม

2. ประสิทธิภาพลดลงในพื้นที่ไขมันหนา

  • ในพื้นที่ที่มีไขมันสะสมจำนวนมาก เช่น สะโพกหรือหน้าท้อง วิธีนี้อาจไม่เพียงพอในการสลายไขมันทั้งหมด ซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์ไม่ตรงตามความหวัง

3. ค่าใช้จ่ายสูง

  • การใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือที่ทันสมัยทำให้ค่าใช้จ่ายของการดูดไขมันด้วยพลังน้ำสูงกว่าเทคนิคการดูดไขมันแบบดั้งเดิม ซึ่งอาจทำให้สูญเสียการเข้าถึงสำหรับบางคน

1. ผู้ที่มีไขมันสะสมในปริมาณเล็กน้อยถึงปานกลาง

  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันเฉพาะจุด เช่น หน้าท้อง สะโพก หรือต้นแขน โดยไม่ต้องการปรับโครงสร้างร่างกายมากนัก

2. ผู้ที่ต้องการวิธีที่อ่อนโยนต่อร่างกาย

  • สำหรับผู้ที่กังวลเรื่องอาการบาดเจ็บหรือผลข้างเคียงจากการดูดไขมันแบบอื่น พลังน้ำเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม

3. ผู้ที่ต้องการฟื้นตัวเร็ว

  • เนื่องจากวิธีนี้ลดอาการบาดเจ็บและช้ำ การฟื้นตัวจึงใช้เวลาน้อยกว่า และสามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้ในเวลาไม่นาน

วิธีดูดไขมัน ด้วยพลังน้ำ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวิธีการลดไขมันแบบอ่อนโยนและมีการฟื้นตัวที่รวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนทำการรักษา

การเลือกใช้ เทคนิคการดูดไขมัน พลังน้ำ หรือ พลังความร้อน ควรพิจารณาข้อดีและข้อเสียอย่างรอบคอบ รวมถึงความต้องการส่วนบุคคลและสถานการณ์เฉพาะของผู้ป่วย การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลที่เหมาะสมและการตัดสินใจที่ดีที่สุดสำหรับความงามและสุขภาพของคุณ

พลังความร้อน (Heat Energy Liposuction)

การดูดไขมันด้วยพลังความร้อนเป็นกระบวนการที่ใช้เทคโนโลยีในการละลายไขมันและกระชับผิว โดยอาศัยพลังงานในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ เลเซอร์ (Laser), คลื่นวิทยุ (Radiofrequency : RF), และ อัลตราซาวด์ (Ultrasound) ทั้งสามรูปแบบมีความแตกต่างกันในด้านเทคนิค ประสิทธิภาพ และความเหมาะสมกับผู้เข้ารับบริการ ดังนี้

1. เลเซอร์ดูดไขมัน (Laser Liposuction)

หลักการทำงาน

เลเซอร์ดูดไขมันเป็นเทคโนโลยีที่นำพลังงานแสงเข้ามาใช้ โดยเลเซอร์จะส่งผ่านพลังงานแสงในระดับที่สามารถเปลี่ยนเป็นความร้อน เพื่อทำให้เซลล์ไขมันในชั้นใต้ผิวหนังละลายกลายเป็นของเหลว การเปลี่ยนไขมันให้อยู่ในสภาพของเหลวนี้ทำให้กระบวนการดูดไขมันออกจากร่างกายทำได้ง่ายและลดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อข้างเคียงไปพร้อม ๆ กัน นอกจากนี้ ความร้อนจากเลเซอร์ยังมีผลช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวมีความกระชับและเรียบเนียนมากขึ้น

ข้อดี

  • กำจัดไขมันอย่างมีประสิทธิภาพ : เลเซอร์สามารถเจาะลึกเข้าสู่ชั้นไขมันและสลายไขมันได้อย่างแม่นยำ
  • ช่วยกระชับผิวในระดับหนึ่ง : ความร้อนที่เกิดจากเลเซอร์ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและเต่งตึงขึ้น
  • ลดความเจ็บปวด : การใช้เลเซอร์ช่วยลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อข้างเคียงเมื่อเทียบกับวิธีดูดไขมันแบบดั้งเดิม

ข้อเสีย

  • เสี่ยงต่อการไหม้ : หากการควบคุมพลังงานไม่เหมาะสม อาจทำให้ผิวหนังเกิดความเสียหาย เช่น แผลไหม้หรือรอยด่างดำ
  • ไม่เหมาะกับบริเวณไขมันหนาแน่น  : เลเซอร์เหมาะสำหรับบริเวณที่ไขมันไม่หนาแน่นมาก เช่น แขนหรือคาง มากกว่าบริเวณที่มีไขมันหนาแน่นอย่างหน้าท้องหรือสะโพก

เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมเล็กน้อยถึงปานกลาง เช่น ไขมันบริเวณใบหน้า คาง หรือแขน
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ทั้งในด้านการกำจัดไขมันและการกระชับผิว
  • ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยเพียงเล็กน้อยและต้องการเพิ่มความเต่งตึงให้กับผิว

2. พลังงานวิทยุ (Radiofrequency : RF)

หลักการทำงาน

เทคโนโลยี RF ใช้พลังงานจากคลื่นวิทยุความถี่สูง ซึ่งสามารถเจาะลึกลงไปถึงชั้นผิวหนังและชั้นไขมันใต้ผิว คลื่น RF จะเปลี่ยนเป็นความร้อนที่ช่วยเร่งการสลายไขมันในชั้นลึกและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวหนังบริเวณที่ทำการรักษากระชับและเรียบเนียนขึ้น กระบวนการนี้ไม่ได้ทำให้ไขมันกลายเป็นของเหลวเหมือนเลเซอร์ แต่ช่วยลดปริมาณไขมันและเสริมสร้างโครงสร้างผิวใหม่ไปพร้อมกัน

ข้อดี

  • กระชับผิวได้ลึกกว่าเลเซอร์ : คลื่น RF สามารถเจาะลึกไปยังชั้นไขมันและเนื้อเยื่อใต้ผิว ทำให้ผิวดูตึงกระชับมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณที่หย่อนคล้อยมาก
  • เสริมสร้างความยืดหยุ่นของผิว : RF ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวที่หย่อนคล้อยกลับมาตึงกระชับ
  • เหมาะกับผิวหย่อนคล้อยมาก : RF มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิวสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยอย่างชัดเจน เช่น ผิวหลังการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว

ข้อเสีย

  • ค่าใช้จ่ายสูง : เทคโนโลยี RF มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการดูดไขมันแบบดั้งเดิมหรือเลเซอร์
  • ต้องการผู้เชี่ยวชาญ : การใช้พลังงาน RF จำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการควบคุมพลังงานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย

เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยในระดับปานกลางถึงมาก เช่น บริเวณหน้าท้อง ต้นขา หรือแขน
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ในด้านการกระชับผิวมากกว่าการลดปริมาณไขมัน
  • ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูความยืดหยุ่นของผิวหนังโดยไม่ต้องการกระบวนการผ่าตัด

การเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการดูดไขมันขึ้นอยู่กับลักษณะปัญหาและผลลัพธ์ที่ต้องการ หากคุณมีไขมันสะสมไม่มากและต้องการผลลัพธ์ทั้งการกำจัดไขมันและการกระชับผิว เลเซอร์ดูดไขมันอาจเหมาะสมกว่า แต่ถ้าคุณมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยอย่างชัดเจน การเลือก RF จะตอบโจทย์มากกว่า ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสมและปลอดภัย

3. อัลตราซาวด์ดูดไขมัน (Ultrasound Liposuction)

หลักการทำงาน

เทคโนโลยีนี้ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงที่สามารถแปลงเป็นพลังงานความร้อนเพื่อทำลายเซลล์ไขมันที่มีความหนาแน่นสูง กระบวนการนี้ทำให้ไขมันกลายเป็นของเหลวและสามารถดูดออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดไขมันในบริเวณที่กำจัดออกได้ยากด้วยวิธีทั่วไป เช่น หน้าท้อง สะโพก และต้นขา

เมื่อคลื่นเสียงเข้าสู่เนื้อเยื่อไขมัน จะทำให้เซลล์ไขมันสั่นสะเทือนและแตกตัวเป็นของเหลว ไขมันที่ถูกสลายแล้วจะถูกดูดออกผ่านท่อพิเศษอย่างปลอดภัย ซึ่งช่วยลดขนาดและปรับรูปร่างของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อดี

  • มีประสิทธิภาพในการสลายไขมันที่มีความหนาแน่นสูงและสะสมแน่นหนา
  • สามารถลดไขมันได้ในบริเวณที่ลึก เช่น หน้าท้อง ต้นขา หรือสะโพก
  • ช่วยปรับรูปร่างให้ดูเพรียวและกระชับมากขึ้น
  • เหมาะสำหรับบริเวณที่ไขมันสะสมหนาแน่นและกำจัดได้ยากด้วยการออกกำลังกายหรือลดน้ำหนักเพียงอย่างเดียว
  • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ส่งผลให้ผิวดูเนียนเรียบและกระชับหลังการรักษา

ข้อเสีย

  • อาจไม่เหมาะกับบริเวณที่มีผิวบางหรืออยู่ใกล้กระดูก เช่น ใบหน้า หรือส่วนหลังแขน
  • มีโอกาสเกิดอาการฟกช้ำ บวม หรือปวดบริเวณที่ทำหลังการรักษา
  • ต้องใช้เวลาพักฟื้นในบางกรณีที่ดูดไขมันในปริมาณมาก
  • ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปตามสภาพผิวและการดูแลหลังการรักษา
  • อาจต้องทำซ้ำหลายครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่มีไขมันสะสมในบริเวณที่หนาและแน่น เช่น ท้องส่วนล่าง สะโพก ต้นขา หรือหลัง
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและถาวรในบริเวณที่ไขมันลึกและกำจัดออกได้ยาก
  • ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงและไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่เป็นข้อห้ามสำหรับการทำหัตถการนี้
  • ผู้ที่ต้องการลดไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่และมีแผลขนาดเล็ก
เปรียบเทียบพลังน้ำ VS พลังความร้อน

เปรียบเทียบพลังน้ำ VS พลังความร้อน

เมื่อพูดถึง วิธีดูดไขมัน หลายคนอาจสงสัยว่าควรเลือกวิธีไหนดีระหว่างการดูดไขมันพลังน้ำและการดูดไขมันพลังความร้อน ทั้งสองวิธีนี้มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ซึ่งเหมาะกับความต้องการและสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลอย่างไร เรามาดูรายละเอียดกัน

พลังน้ำ 

  • อ่อนโยนต่อเนื้อเยื่อ : การดูดไขมันพลังน้ำใช้แรงดันน้ำฉีดเข้าไปเพื่อแยกเซลล์ไขมันออกจากเนื้อเยื่ออื่น ๆ ทำให้เนื้อเยื่อข้างเคียงได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
  • ฟื้นตัวเร็ว : เนื่องจากเนื้อเยื่อบาดเจ็บน้อย ผู้ป่วยจึงฟื้นตัวได้รวดเร็วและกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้น
  • ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ : กระบวนการนี้ลดโอกาสติดเชื้อเนื่องจากแผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก

พลังความร้อน

  • ลดไขมันพร้อมกระชับผิว : ความร้อนที่ใช้สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวดูกระชับและเต่งตึงหลังการรักษา
  • ผลลัพธ์ชัดเจนและรวดเร็ว : ไขมันถูกสลายและกำจัดออกอย่างรวดเร็ว ทำให้เห็นผลได้ภายในระยะเวลาไม่นาน

พลังน้ำ

  • ไม่กระชับผิว : แม้ว่าจะสามารถกำจัดไขมันได้ดี แต่ไม่ช่วยกระชับผิวหนังส่วนเกิน ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยอาจต้องทำหัตถการอื่นเพิ่มเติม
  • ผลลัพธ์อาจไม่ชัดเจนในบางกรณี : ผู้ที่มีไขมันหนาแน่นอาจต้องใช้วิธีอื่นร่วมด้วยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

เลเซอร์และ RF

  • เสี่ยงจากความร้อน (เลเซอร์และ RF) : การใช้พลังงานความร้อนอาจทำให้เกิดการไหม้หรือพองของผิวหนังได้หากทำโดยผู้ที่ไม่มีประสบการณ์

อัลตราซาวด์ 

  • ไม่เหมาะกับจุดที่บอบบาง (อัลตราซาวด์)  : บริเวณที่เนื้อเยื่อบาง เช่น ใบหน้า หรือส่วนที่ใกล้เส้นประสาท อาจได้รับผลกระทบจากคลื่นอัลตราซาวด์ ทำให้ต้องระวังเป็นพิเศษ

สรุป เลือก วิธีดูดไขมัน ที่เหมาะสมสำหรับคุณ

การเลือก วิธีดูดไขมัน ที่เหมาะสมเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ไม่มีวิธีใดที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน ปัจจัยที่ต้องพิจารณามีหลายอย่าง เช่น สภาพร่างกาย ปริมาณไขมันที่ต้องการกำจัด บริเวณที่ต้องการรักษา และความคาดหวังของผู้รับการรักษา

การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อ

  • ประเมินสภาพร่างกายและความเหมาะสมในการทำหัตถการ
  • ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ
  • อธิบายข้อดีและข้อเสียของแต่ละวิธี
  • ตอบคำถามและข้อสงสัยต่างๆ ที่คุณอาจมี

ข้อดีของวิธีพลังน้ำและ RF

ในบรรดาวิธีการดูดไขมันที่มีอยู่ วิธีพลังน้ำ (Water-Assisted Liposuction) และวิธี RF (Radiofrequency-Assisted Liposuction) เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเนื่องจากมีความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและความปลอดภัย

1. วิธีพลังน้ำ

  • ลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ
  • ฟื้นตัวเร็วกว่าวิธีดั้งเดิม
  • ลดความเสี่ยงในการเกิดรอยไม่เรียบของผิวหนัง

2. วิธี RF

  • ช่วยกระชับผิวไปพร้อมกับการดูดไขมัน
  • ลดการสูญเสียเลือด
  • ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเลือกวิธีการรักษาควรขึ้นอยู่กับการประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และความต้องการเฉพาะของคุณ การพูดคุยอย่างละเอียดกับแพทย์จะช่วยให้คุณเข้าใจทางเลือกต่าง ๆ และเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณได้