คาง คือ หัวใจสำคัญของสัดส่วนใบหน้าที่สร้างความสมดุล และความเป็นหนึ่งเดียวให้กับรูปลักษณ์โดยรวม การเสริมคาง จึงไม่ใช่เพียงการปรับปรุงความงามเพื่อความพึงพอใจชั่วขณะ แต่เป็นศิลปะการปรับโครงสร้างใบหน้าที่ผสานความเข้าใจในสรีรวิทยาและความงามเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างสรรค์สัดส่วนที่เป็นธรรมชาติและสมบูรณ์แบบ ด้วยเทคนิคที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน เพื่อให้คุณเปิดประตูสู่ความมั่นใจและการยอมรับในตัวตนที่แท้จริงของคุณเองอย่างยั่งยืน
เสริมคาง คืออะไร
เสริมคาง คือ หัตถการศัลยกรรมบริเวณคาง เพื่อปรับสัดส่วนและความสมดุลของใบหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่มีคางสั้น คางถอย หรือรูปหน้าดูไม่สมส่วน การเสริมคางช่วยทำให้ใบหน้าดูเรียวยาว ได้รูป V-shape ที่นิยมมากขึ้น
อีกทั้งการ เสริมคาง ยังช่วยขับให้สันจมูกและโครงหน้าโดยรวมดูคมชัดขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถแก้ปัญหาความไม่สมมาตรของคาง เช่น คางเบี้ยวหรือเอียงได้ จึงถือเป็นหัตถการที่ช่วยทั้งด้านความสวยงามและบุคลิกภาพโดยรวมในระยะยาว
เสริมคาง เหมาะกับใคร
การ เสริมคาง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนและดูสมดุลมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่มีปัญหา คางสั้น คางถอย หรือคางไม่ชัด ทำให้ใบหน้าดูกลม ไม่มีมิติ รวมถึงผู้ที่อยากให้ใบหน้าเรียวยาวขึ้นในสไตล์ V-shape ที่กำลังเป็นที่นิยม
นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้ที่เคยทำจมูกมาแล้ว แต่รู้สึกว่าด้านข้าง (side profile) ยังไม่สมบูรณ์ การเสริมคางจะช่วยให้สันจมูกและคางรับกันอย่างลงตัว อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหา คางเบี้ยวหรือไม่สมมาตร ให้ดูสมดุลขึ้น ที่สำคัญเหมาะกับคนที่ต้องการ เสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจ ให้โดดเด่นในทุกมุมมอง ทั้งการพูดคุย การเข้าสังคม และการถ่ายรูป
ข้อดีของการเสริมคาง
- ปรับสัดส่วนระหว่างหน้าผาก จมูก และคางให้เป็นไปตามหลักการทางความงาม
- เสริมโครงหน้าให้คมชัด ทำให้ใบหน้ามีมิติและความชัดเจนมากขึ้น
- ลดการมองเห็นของแก้มใหญ่ เพราะคางที่โดดเด่นจะช่วยให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น
- เพิ่มความมั่นใจในตัวเอง เช่น การถ่ายรูป ทำให้มั่นใจในการถ่ายรูปทุกมุม โดยเฉพาะมุมข้าง หรือ การปรับปรุงภาพลักษณ์โดยรวมให้ดูดีขึ้น
วิธีการเสริมคาง
รูปทรงคางที่นิยมในการเสริม
คางเรียวแหลม (V-Shape Chin)
- ทำให้ใบหน้าดูเรียวยาว มีความเฟมินีน
- เหมาะกับผู้หญิงที่อยากได้รูปหน้า V-shape
- ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนหวานและเล็กลง
คางมนธรรมชาติ (Natural Round Chin)
- ทรงยอดนิยม เพราะให้ความเป็นธรรมชาติ ไม่แหลมเกินไป
- เหมาะกับทั้งผู้ชายและผู้หญิง
- ทำให้รูปหน้าได้สัดส่วน ดูละมุน และเข้ากับโครงหน้าส่วนใหญ่
คางเหลี่ยม (Square Chin)
- นิยมในผู้ชาย เพราะช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความคมชัดของใบหน้า
- ทำให้โครงหน้าดูแมน มีมิติ และเสริมบุคลิกความมั่นใจ
คางยาวเสริมความสมดุล (Extended Chin)
- เหมาะกับผู้ที่มีคางสั้นหรือถอยมาก
- ช่วยดึงให้สัดส่วนหน้าผาก จมูก คาง สมดุลขึ้น
- มักใช้กับการแก้โครงสร้างใบหน้า (บางครั้งอาจต้องทำร่วมกับเลื่อนกระดูกคาง)
หลักการเลือกรูปทรงคางที่เหมาะกับตัวเอง
ดูโครงสร้างใบหน้า
- หน้ากลม/หน้าสั้น เหมาะกับ คางเรียวแหลม เพื่อช่วยให้หน้าดูยาวและเล็กลง
- หน้ายาว ควรเลือก คางทรงมนธรรมชาติ ไม่ยาวเกินไป เพื่อไม่ให้หน้ายิ่งยาว
- หน้าเหลี่ยม/กรามชัด เลือก คางทรงมน หรือ คางเหลี่ยม ที่ช่วยบาลานซ์ความคมของใบหน้า
ดูสัดส่วนใบหน้าด้านข้าง
- ต้องพิจารณาให้ ปลายจมูก ริมฝีปาก คาง อยู่ในเส้นสมดุลเดียวกัน (เรียกว่า E-line)
- ถ้าคางถอยมาก อาจต้องเสริมให้ยาวขึ้น เพื่อให้สมดุล
- รูปทรงคางที่ดี คือคางที่ เสริมให้ใบหน้าโดดเด่น แต่ไม่ทำให้ดูปลอม
- ศัลยแพทย์มักจะแนะนำรูปทรงที่เข้ากับ โครงหน้า, จมูก, ริมฝีปาก
เตรียมตัวก่อนเสริมคาง อย่างไร?
1. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- แจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่ หรือเคยแพ้ยา/ยาชามาก่อน
- ให้แพทย์ประเมินรูปหน้า เลือกรูปทรงคางและเทคนิคที่เหมาะสม
2. ตรวจสุขภาพเบื้องต้น
- หากมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดัน ควรควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์
- อาจต้องตรวจเลือดหรือ X-ray ตามที่แพทย์แนะนำ
3. งดการใช้ยาบางชนิดและอาหารเสริม (อย่างน้อย 7–14 วันก่อนผ่าตัด)
- เช่น แอสไพริน วิตามินอี น้ำมันปลา สมุนไพรที่ทำให้เลือดออกง่าย
- เพื่อลดความเสี่ยงเลือดออกหรือบวมช้ำ
4. งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ (อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนและหลังผ่าตัด)
- บุหรี่ทำให้แผลหายช้า เพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อ
- แอลกอฮอล์ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด
5. เตรียมร่างกายให้แข็งแรง
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เสริมภูมิคุ้มกัน
6. วางแผนการพักฟื้น
- หลังผ่าตัด 2–3 วันแรก ควรหยุดงานหรืองดกิจกรรมหนัก
- เตรียมประคบเย็น–อุ่น และอาหารอ่อน เช่น โจ๊ก ซุป
สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำ
- โรคประจำตัว (เช่น เบาหวาน ความดัน หัวใจ)
- การตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ประวัติการแพ้ยา แพ้อาหาร หรือแพ้วัคซีน
- เคยศัลยกรรมบริเวณคางหรือใบหน้ามาก่อนหรือไม่
วิธีดูแลตัวเองหลังเสริมคาง
- ประคบน้ำแข็ง 15-20 นาทีทุกชั่วโมง เพื่อลดการบวม
- ยกศีรษะสูง ขณะนอนด้วยหมอน 2-3 ใบ
- งดอาหารแข็ง รับประทานอาหารเหลวหรือนุ่มเท่านั้น
- ทานยาตามแพทย์สั่ง ยาแก้ปวดและยาต้านการอักเสบ
- ล้างหน้าเบา ๆ ด้วยน้ำเปล่าและผลิตภัณฑ์อ่อนโยน
- หลีกเลี่ยงการกดขยี้ บริเวณที่ทำการรักษา
- งดออกกำลังกายหนัก และกิจกรรมที่ใช้แรงมาก
- รับประทานอาหารนุ่ม หลีกเลี่ยงการเคี้ยวแรง
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
- เริ่มนวดเบาๆ ตามคำแนะนำของแพทย์ (สำหรับฟิลเลอร์)
- ใช้ครีมบำรุงที่อ่อนโยน หลีกเลี่ยงสารเคมีแรง
- ค่อยๆ เพิ่มกิจกรรม แต่ยังคงระมัดระวัง
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ใช้ครีมกันแดด SPF 30+ เสมอ
- ตรวจติดตามกับแพทย์ ตามนัดหมาย
- หลีกเลี่ยงการทำฟัน หรือการรักษาช่องปาก
- ระวังการนอนคว่ำ หรือการกดทับบริเวณคาง
- รักษาน้ำหนักให้คงที่ เพื่อรักษาผลลัพธ์
สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง
- การออกกำลังกายหนัก อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- ซาวน่า อบไอน้ำ ห้ามนาน 1 เดือน
- การนวดหน้า และทรีทเมนท์เสริมความงาม
- อาหารเค็มจัด เพื่อป้องกันการบวม
- การดื่มผ่านหลอด ในสัปดาห์แรก
สรุป เสริมคาง เหมาะกับใคร มีข้อดีอะไรบ้าง
เสริมคาง เหมาะสำหรับผู้ที่มีคางสั้น คางถอย หรือรูปหน้าไม่สมดุล ทำให้ใบหน้าดูกลม ขาดมิติ รวมถึงผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวยาวขึ้นเป็นทรง V-shape ซึ่งช่วยเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจได้มากขึ้น
อีกทั้งยังเหมาะกับคนที่เคยทำจมูกมาแล้ว แต่อยากให้ใบหน้าด้านข้าง ดูสมบูรณ์ คางที่ได้สัดส่วนจะช่วยขับให้จมูกและโครงหน้าดูคมชัดยิ่งขึ้น ข้อดีของการเสริมคางคือช่วยปรับสมดุลของใบหน้าให้ได้สัดส่วนที่สวยงาม ทำให้หน้าดูเรียวยาวและมีมิติ เพิ่มความมั่นใจทั้งในการใช้ชีวิตประจำวัน การถ่ายรูป และการเข้าสังคม
สามารถแก้ปัญหาความไม่สมมาตรของคาง เช่น คางเบี้ยวหรือเอียงได้ด้วย จึงถือเป็นหัตถการที่ช่วยยกระดับภาพลักษณ์และบุคลิกโดยรวมอย่างเห็นผล
10 คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับ ศัลยกรรมเสริมคาง
อายุการใช้งานของการเสริมคางขึ้นอยู่กับวิธีการรักษาที่เลือก โดย การฉีดฟิลเลอร์ จะให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้ประมาณ 12-24 เดือน ขึ้นกับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้และการดูแลหลังการรักษา
ในขณะที่ การผ่าตัดใส่ซิลิโคน จะให้ผลลัพธ์แบบถาวรที่สามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต หากไม่มีปัญหาหรือภาวะแทรกซ้อน ซิลิโคนคุณภาพสูงสมัยใหม่มีความคงทนและปลอดภัย แต่อาจต้องมีการปรับเปลี่ยนหากต้องการรูปทรงใหม่หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงของใบหน้าตามวัย สำหรับการดูแลระยะยาว ควรตรวจติดตามกับแพทย์อย่างสม่ำเสมอและดูแลสุขภาพโดยรวมให้ดีเพื่อรักษาผลลัพธ์ให้ยาวนานที่สุด
ระยะเวลาที่ผลการเสริมคางจะเข้าที่และดูเป็นธรรมชาติขึ้นอยู่กับวิธีการรักษา โดย การฉีดฟิลเลอร์ จะให้ผลลัพธ์ทันทีแต่จะค่อยๆ เข้าที่และดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นภายใน 2-4 สัปดาห์ เมื่อการบวมลดลงและฟิลเลอร์กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับ การผ่าตัดใส่ซิลิโคน ผลลัพธ์เบื้องต้นจะเห็นได้หลังการบวมลดลงในสัปดาห์แรก แต่ผลลัพธ์สุดท้ายที่เข้าที่อย่างสมบูรณ์จะใช้เวลา 2-3 เดือน เมื่อเนื้อเยื่อหายชุบและปรับตัวให้เข้ากับซิลิโคนอย่างเป็นธรรมชาติ ในช่วงนี้รูปทรงจะดูเป็นส่วนหนึ่งของใบหน้าอย่างแท้จริง
หลังการเสริมคางควรหลีกเลี่ยงการนอนตะแคง หรือนอนคว่ำเป็นเวลา 7-14 วัน ขึ้นอยู่กับวิธีการรักษา โดย การฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงการนอนตะแคงอย่างน้อย 7 วันเพื่อให้ฟิลเลอร์กระจายตัวและเข้าที่อย่างสม่ำเสมอ
ส่วน การผ่าตัดใส่ซิลิโคน ต้องระวังมากขึ้น โดยควรนอนหงายและยกศีรษะสูงเป็นเวลา 10-14 วัน เพื่อป้องกันการกดทับที่อาจทำให้ซิลิโคนเคลื่อนที่หรือส่งผลต่อการหายของแผล แนะนำให้ใช้หมอน 2-3 ใบเพื่อยกศีรษะให้สูงกว่าระดับหัวใจ ซึ่งจะช่วยลดการบวมและส่งเสริมการฟื้นตัวที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
หลังการเสริมคางสามารถแปรงฟันได้ตามปกติทันที แต่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดย การฉีดฟิลเลอร์ สามารถแปรงฟันได้ในวันแรกแต่ควรใช้แรงเบาๆ และหลีกเลี่ยงการกระแทกบริเวณคางเป็นเวลา 3-7 วัน
สำหรับ การผ่าตัดใส่ซิลิโคน หากผ่าตัดผ่านช่องปาก ควรใช้แปรงฟันขนนุ่มและแปรงอย่างระมัดระวังเป็นเวลา 7-10 วันแรก หลีกเลี่ยงการบ้วนปากแรงๆ และใช้น้ำยาบ้วนปากที่อ่อนโยนหรือน้ำเกลือ การดูแลสุขอนามัยช่องปากยังคงสำคัญเพื่อป้องกันการติดเชื้อ แต่ควรปฏิบัติด้วยความนุ่มนวลและหลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนบริเวณที่รักษาจนกว่าจะหายสมบูรณ์
การผ่าตัดใส่ซิลิโคน หากมีแผลภายนอกควรระมัดระวังไม่ให้แผลเปียกในวันแรก และหลังจากนั้นสามารถล้างหน้าเบา ๆ ได้ แต่ต้องเช็ดแผลให้แห้งทันที ควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนจัด การใช้สบู่ที่มีสารเคมีแรง และการถูขัดบริเวณคางเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการระคายเคืองและส่งเสริมการฟื้นตัวที่รวดเร็ว
หลังการเสริมคางควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ต้องเคี้ยวแรงหรืออาหารแข็ง เช่น เนื้อย่าง ขนม ลูกอม แอปเปิ้ล และขนมปัง เป็นเวลา 7-14 วัน เพื่อป้องกันการกดทับและการเคลื่อนที่ของคาง
นอกจากนี้ยังควรงดอาหารรสเค็มจัดเพื่อลดการบวม รวมทั้งหลีกเลี่ยงอาหารร้อนจัด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง เนื่องจากอาจเพิ่มการอักเสบและชะลอการฟื้นตัว แนะนำให้รับประทานอาหารเหลว อาหารนุ่ม เช่น โจ๊ก ซุป ผลไม้บดละเอียด และน้ำผลไม้ในช่วงแรก แล้วค่อยๆ เพิ่มความแข็งของอาหารเมื่อการบวมลดลงและรู้สึกสบายมากขึ้น
การเสริมคาง หากผ่าตัดผ่านช่องปากแผลจะหายเร็วกว่าเนื่องจากเนื้อเยื่อในช่องปากฟื้นตัวได้เร็ว โดยแผลจะเริ่มติดกันใน 3-5 วัน และหายสมบูรณ์ใน 7-10 วัน แต่หากมีแผลภายนอกใต้คาง แผลจะหายใน 7-14 วัน โดยไหมดูดซับจะหลุดเองหรือต้องตัดออกตามนัดแพทย์ การดูแลแผลอย่างถูกต้องและการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยให้แผลหายเร็วและสวยงาม
หลังการเสริมคางจะมีอาการปกติที่เกิดขึ้นเป็นธรรมชาติ ได้แก่ การบวม ที่จะมากที่สุดใน 24-48 ชั่วโมงแรก แล้วค่อยๆ ลดลงใน 7-10 วัน รอยช้ำ อาจปรากฏเป็นสีน้ำเงินหรือเหลืองและจะหายไปใน 5-7 วัน ความปวดหรือระคายเคือง ในระดับเบาถึงปานกลางที่สามารถคุมได้ด้วยยาระงับปวด และ ความแข็งหรือตึงบริเวณคาง เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
นอกจากนี้อาจมี ความรู้สึกชาเล็กน้อย บริเวณที่รักษาและ การเปลี่ยนแปลงรูปทรง ที่อาจดูไม่เป็นธรรมชาติในระยะแรก อาการเหล่านี้ถือเป็นเรื่องปกติและจะค่อยๆ ดีขึ้นตามธรรมชาติ แต่หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไข้สูง การติดเชื้อ หรือปวดมากผิดปกติ ควรติดต่อแพทย์ทันที
การผ่าตัดใส่ซิลิโคน จะมีความเจ็บปวดเฉพาะใน 2-3 วันแรกที่จำเป็นต้องใช้ยาระงับปวดตามแพทย์สั่ง หลังจากนั้นความเจ็บจะค่อยๆ ลดลงและจะเหลือเพียงความรู้สึกเล็กน้อยใน 5-7 วัน โดยรวมแล้วความเจ็บปวดจะหมดไปอย่างสมบูรณ์ภายใน 7-10 วัน และในสัปดาห์ที่สองจะเริ่มรู้สึกสบายและสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องและทานยาตามแพทย์สั่งจะช่วยให้ความเจ็บปวดลดลงได้เร็วขึ้น
การผ่าตัดใส่ซิลิโคน ต้องพักงาน 3-5 วัน สำหรับงานออฟฟิศ และ 7-14 วัน สำหรับงานที่ต้องใช้แรงงาน การบวมส่วนใหญ่จะลดลงใน 7-10 วัน และสามารถออกสังคมได้อย่างปกติภายใน 10-14 วัน โดยการฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์จะใช้เวลา 4-6 สัปดาห์ ในช่วงพักฟื้นควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก การยกของหนัก และกิจกรรมที่อาจกระทบกระเทือนบริเวณคาง
รัตตินันท์ คลินิก ให้บริการด้านความงามและการรักษา โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา พร้อมด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้รับบริการ ศูนย์ได้รับการรับรองคุณภาพจาก AACI สหรัฐอเมริกา ในฐานะศูนย์ศัลยกรรมผู้ป่วยนอกแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และได้รับการประเมินในด้านการให้บริการจากลูกค้าหลายประเทศ