ในปัจจุบัน เทคโนโลยีดูดไขมัน ได้พัฒนาไปอย่างมาก มีเครื่องมือหลากหลายประเภทและใช้พลังงานหลายรูปแบบเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน แต่หากพูดถึงเครื่องดูดไขมันที่ได้รับความนิยมสูงสุดในวงการ ทั้งในประเทศไทยและระดับโลก จะมีอยู่ 2 เทคโนโลยีหลักที่โดดเด่นเป็นที่รู้จัก ได้แก่ BodyTite Pro และ Vaser Smooth
หลายคนที่กำลังวางแผนจะดูดไขมัน อาจลังเลหรือสงสัยว่า ควรเลือกเทคโนโลยีไหนถึงจะเหมาะกับตัวเองมากที่สุด เพื่อช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้น วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับข้อดี ข้อเสีย และความแตกต่างของ BodyTite Pro และ Vaser Smooth อย่างละเอียด เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจและเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับรูปร่างของคุณเอง
เลือกดูดไขมันด้วย BodyTite Pro หรือ Vaser Smooth ดี
การดูดไขมันในยุคปัจจุบันไม่ใช่แค่การลดสัดส่วนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปั้นรูปร่างและกระชับผิวให้ดูสวยงามและได้สัดส่วนที่เหมาะสม ดังนั้น การเลือกเทคโนโลยีดูดไขมันที่เหมาะสม จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะแต่ละเครื่องมือมีจุดเด่นและขีดความสามารถที่แตกต่างกัน การเลือกที่ถูกต้องจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์ ลดความเสี่ยง และทำให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างราบรื่น
ความสำคัญของการเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม
หลายคนอาจคิดว่าการดูดไขมันทุกแบบให้ผลลัพธ์เหมือนกัน แต่ความจริงแล้ว เครื่องมือและเทคนิคที่ใช้มีผลอย่างมากต่อคุณภาพของผลลัพธ์ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความกระชับของผิว ความเรียบเนียนของสัดส่วนหลังการดูดไขมัน ไปจนถึงระยะเวลาการฟื้นตัว การเลือกเทคโนโลยีที่เข้ากับสภาพร่างกายและความต้องการเฉพาะบุคคลจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจและปลอดภัยยิ่งขึ้น
เช่น หากคุณมีผิวหย่อนคล้อยหลังคลอดหรือมีอายุที่มากขึ้น อาจเหมาะกับเทคโนโลยีที่ช่วยกระชับผิวไปพร้อมกับการดูดไขมันอย่าง BodyTite Pro แต่ถ้าต้องการเน้นสลายไขมันที่มีความหนาแน่นหรือมีพังผืด เช่น ไขมันหน้าท้อง หรือต้นขาด้านใน การเลือก Vaser Smooth ที่ใช้พลังงาน Ultrasound อาจให้ผลลัพธ์ที่ดีและชัดเจนกว่า
ความสำคัญของการเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม
BodyTite Pro เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ พลังงานคลื่นวิทยุ (Radiofrequency: RF) ในการสลายไขมันพร้อมกับกระชับผิวในขั้นตอนเดียว โดยเน้นที่การรักษาความกระชับของผิวหนัง ลดความเสี่ยงที่ผิวจะหย่อนคล้อยหลังการดูดไขมัน เหมาะกับผู้ที่ต้องการดูดไขมันในบริเวณที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย เช่น ต้นแขน หน้าท้องหลังคลอด
Vaser Smooth ใช้ พลังงานคลื่นเสียง Ultrasound ความถี่ต่ำ ในการสลายไขมันอย่างอ่อนโยนและแม่นยำ สามารถแยกชั้นไขมันออกจากเนื้อเยื่อรอบข้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการบอบช้ำของเนื้อเยื่อ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสลายไขมันหนาแน่นหรือไขมันที่มีพังผืด รวมถึงเคสที่ต้องการปั้นรูปร่างแบบ Hi-Def หรือเน้นเส้นสรีระให้ชัดเจน
ปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนเลือก
- สภาพผิวและความหย่อนคล้อย หากคุณกังวลเรื่องผิวหย่อนคล้อยหลังดูดไขมัน BodyTite Pro อาจเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์มากกว่า เพราะสามารถกระชับผิวไปพร้อมกับการสลายไขมัน
- ประเภทของไขมัน หากเป็นไขมันหนาแน่น มีพังผืด หรือเน้นปั้นรูปร่างอย่างชัดเจน Vaser Smooth จะเหมาะสมกว่า เพราะสามารถสลายไขมันได้ละเอียดและแม่นยำ
- ความต้องการผลลัพธ์ ต้องการแค่ลดไขมันเฉพาะส่วนหรืออยากได้ผิวที่กระชับเรียบเนียนควบคู่กัน ควรเลือกเทคโนโลยีให้ตรงกับความต้องการ
- คำแนะนำจากแพทย์: สิ่งสำคัญที่สุดคือการเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินสภาพร่างกายและแนะนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับคุณที่สุด
ทั้งนี้ ฝีมือของแพทย์ รวมถึงประสบการณ์ในการดูดไขมันมีความสำคัญมากกว่าประเภทของของเครื่องมือดูดไขมัน
ดูดไขมันด้วย BodyTite Pro
BodyTite Pro เป็นเทคโนโลยีดูดไขมันรุ่นใหม่ที่ได้รับความนิยมในหลายคลินิกและโรงพยาบาลชั้นนำ เนื่องจากสามารถทำได้ทั้งการสลายไขมันและ กระชับผิวในขั้นตอนเดียว ทำให้ผลลัพธ์หลังทำดูเป็นธรรมชาติ ผิวไม่หย่อนคล้อยแม้ลดปริมาณไขมันออกไปจำนวนมาก จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้ที่กังวลเรื่องผิวไม่กระชับหลังดูดไขมัน
หลักการทำงานของ BodyTite Pro
BodyTite Pro ใช้ พลังงานคลื่นวิทยุ (Radiofrequency: RF) ในการส่งความร้อนเข้าไปสลายไขมันใต้ชั้นผิวอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวหนัง ความพิเศษของเทคโนโลยีนี้คือสามารถ ควบคุมอุณหภูมิ ได้อย่างแม่นยำทั้งภายนอกและภายใน จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดแผลไหม้หรือบอบช้ำของเนื้อเยื่อรอบข้าง
กระบวนการทำงานของ BodyTite Pro แบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอนหลัก
- สลายไขมันด้วยพลังงาน RF หัวอุปกรณ์จะปล่อยคลื่น RF เข้าไปละลายไขมันในบริเวณที่ต้องการ
- ดูดไขมันออกพร้อมกระชับผิว ในขณะที่ไขมันถูกดูดออก ความร้อนจาก RF จะช่วยหดตัวของเส้นใยคอลลาเจนและเนื้อเยื่อ ทำให้ผิวบริเวณนั้นกระชับขึ้น
การใช้พลังงาน RF ในการกระชับผิว
ข้อได้เปรียบของ BodyTite Pro คือ การใช้พลังงาน RF เพื่อ กระชับผิว ควบคู่ไปกับการดูดไขมัน โดยเฉพาะในจุดที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย เช่น ต้นแขน หน้าท้องหลังคลอด หรือบริเวณต้นขา ความร้อนจาก RF จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่อง ช่วยให้ผิวเรียบเนียนและกระชับมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังทำ
เหมาะกับเคสแบบไหน
BodyTite Pro เหมาะสำหรับ
- ผู้ที่มี ปริมาณไขมันปานกลางถึงน้อย แต่กังวลเรื่องผิวหย่อนคล้อยหลังทำ
- ผู้ที่ต้องการ กระชับผิว ควบคู่กับการลดไขมัน เช่น หลังคลอด หรือผู้ที่มีอายุที่เริ่มสูญเสียความยืดหยุ่นของผิว
- บริเวณที่เหมาะสม ได้แก่ ต้นแขน หน้าท้อง ต้นขาด้านใน หรือบริเวณใต้คาง
ข้อดีของการดูดไขมันด้วย BodyTite Pro
- ช่วยกระชับผิวระหว่างดูดไขมัน ลดความเสี่ยงเรื่องผิวหย่อนคล้อยในทันทีหลังการทำ
- ลดความเสี่ยงเรื่องผิวหย่อนคล้อยหลังดูดไขมัน ด้วยพลังงาน RF ที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและหดตัวของเนื้อเยื่อ
- เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อน โดยเฉพาะหลังคลอด หรือบริเวณที่เนื้อเยื่อขาดความกระชับ เช่น ต้นแขน หน้าท้อง
ข้อเสียของการดูดไขมันด้วย BodyTite Pro
- ใช้เวลาพักฟื้นเล็กน้อย แม้จะไม่มากเท่าการผ่าตัดใหญ่ แต่ยังต้องมีระยะพักฟื้นประมาณ 3-7 วัน ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ทำ
- อาจไม่เหมาะกับการดูดไขมันปริมาณมาก หากต้องการดูดไขมันในปริมาณมาก หรือบริเวณกว้าง อาจต้องใช้ร่วมกับเทคโนโลยีอื่นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ดูดไขมันด้วยเครื่อง Vaser Smooth
Vaser Smooth เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีดูดไขมันที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มผู้ที่ต้องการปรับรูปร่างอย่างแม่นยำ โดยเฉพาะผู้ที่มีไขมันสะสมแน่นหรือมีพังผืดแทรกซ้อนอยู่ในชั้นไขมัน จุดเด่นของ Vaser Smooth คือการใช้พลังงาน Ultrasound ความถี่ต่ำ ที่สามารถสลายไขมันได้อย่างอ่อนโยน แต่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยลดการบอบช้ำของเนื้อเยื่อรอบข้าง และสามารถปั้นรูปร่างให้ดูชัดเจนเป็นธรรมชาติ
หลักการทำงานของ Vaser Smooth
Vaser Smooth ใช้เทคโนโลยี Ultrasound-Assisted Liposuction (UAL) ซึ่งเป็นการใช้คลื่นเสียงความถี่ต่ำในการทำให้ไขมันแตกตัวและแยกออกจากเนื้อเยื่อรอบข้างได้อย่างง่ายดาย ความพิเศษของเทคโนโลยีนี้คือสามารถ เจาะจงเฉพาะชั้นไขมัน ได้โดยไม่ทำลายเส้นเลือดหรือเนื้อเยื่อสำคัญรอบ ๆ ทำให้การดูดไขมันมีความแม่นยำและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
กระบวนการทำงานของ Vaser Smooth ประกอบด้วย
- ปล่อยคลื่น Ultrasound เพื่อแยกชั้นไขมันออกจากเนื้อเยื่อ
- ดูดไขมันออกอย่างอ่อนโยน โดยไขมันที่ถูกแยกออกมาจะมีสภาพเป็นของเหลว ทำให้ดูดออกง่าย ลดความเสี่ยงในการบอบช้ำ
การใช้พลังงาน Ultrasound สลายไขมันเฉพาะจุด
Vaser Smooth สามารถสลายไขมันได้เฉพาะจุดอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณที่ไขมันสะสมแน่น หรือพื้นที่เล็ก ๆ ที่ต้องการความละเอียด เช่น บริเวณหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา หรือแม้แต่บริเวณใบหน้า การใช้ Ultrasound ช่วยให้กระบวนการดูดไขมันนุ่มนวลมากขึ้น ลดความเสียหายของเส้นเลือดและเนื้อเยื่อ จึงช่วยลดอาการบวมช้ำและระยะเวลาการฟื้นตัวได้ดี
เหมาะกับเคสแบบไหน
Vaser Smooth เหมาะสำหรับ
- ผู้ที่มี ไขมันสะสมหนาแน่นหรือมีพังผืด เช่น หน้าท้อง ต้นขา หรือหลัง
- ผู้ที่ต้องการ ปั้นรูปร่างแบบละเอียด (Hi-Def) ให้เห็นเส้นสรีระชัดเจน เช่น หน้าท้องหกแพ็ก แขน ขา
- ผู้ที่เคยมีปัญหา ผิวไม่เรียบหลังการดูดไขมันครั้งก่อน และต้องการแก้ไข
ข้อดีของการดูดไขมันด้วย Vaser Smooth
- สลายไขมันแน่นและพังผืดได้ดี เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมหนาแน่นหรือมีพังผืดจำนวนมาก
- ปั้นรูปร่างแบบ Hi-Def ได้แม่นยำ ช่วยเน้นสรีระ เส้นกล้ามเนื้อ หรือรูปร่างเฉพาะจุดได้ชัดเจน
- ลดความบอบช้ำของเนื้อเยื่อรอบข้าง ด้วยพลังงาน Ultrasound ที่ทำงานอย่างอ่อนโยน จึงลดอาการบวมช้ำและระยะเวลาการพักฟื้น
ข้อเสียของการดูดไขมันด้วย Vaser Smooth
- ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ในการปั้นรูปร่าง การใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อปั้นรูปร่างให้ได้ Hi-Def ต้องอาศัยประสบการณ์และทักษะสูงจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- มีราคาสูงกว่าการดูดไขมันทั่วไป เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีเฉพาะทางและต้องใช้เครื่องมือที่มีคุณภาพสูง ราคาค่าบริการจึงสูงกว่าเทคนิคดูดไขมันแบบดั้งเดิม
ดูดไขมันด้วย BodyTite Pro หรือ Vaser แบบไหนดีที่สุด
การเลือกเทคโนโลยีดูดไขมันให้เหมาะสมกับตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแต่ละเครื่องมือมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน แม้ BodyTite Pro และ Vaser Smooth จะเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยและได้รับความนิยมสูง แต่ก็ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ในลักษณะที่แตกต่างกัน ดังนั้น การพิจารณาให้รอบด้านก่อนตัดสินใจจึงเป็นเรื่องที่ควรทำ
เปรียบเทียบผลลัพธ์ที่ได้จากทั้งสองเทคโนโลยี
- BodyTite Pro เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ กระชับผิวควบคู่กับการดูดไขมัน โดยเฉพาะในจุดที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย เช่น ต้นแขน หน้าท้องหลังคลอด หรือใต้คาง หลังทำ ผิวจะดูเรียบเนียน กระชับ ไม่หย่อนคล้อย
- Vaser Smooth เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ เน้นการสลายไขมันที่หนาแน่น มีพังผืด หรือเน้น ปั้นรูปร่างแบบ Hi-Def เช่น หน้าท้องกล้ามเนื้อชัดเจน หรือเส้นสรีระที่ต้องการความละเอียดสูง ผลลัพธ์จะเห็นได้ชัดในเรื่องของการลดไขมันเฉพาะจุด และปั้นรูปร่างอย่างแม่นยำ
ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและความต้องการของแต่ละบุคคล
ไม่มีเทคโนโลยีดูดไขมันชนิดใดที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน เพราะ สภาพร่างกาย และ เป้าหมายของผลลัพธ์ ของแต่ละคนมีความแตกต่างกันอย่างมาก ตัวอย่างเช่น
- หากคุณมี ผิวหย่อนคล้อย และต้องการให้ผิวกระชับไปพร้อมกับการลดไขมัน BodyTite Pro จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะกว่า
- หากคุณมี ไขมันสะสมหนาแน่น มีพังผืด หรืออยากได้รูปร่างที่เน้นรายละเอียดกล้ามเนื้อชัดเจน Vaser Smooth จะตอบโจทย์ได้ดีกว่า
การเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมจึงต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย ทั้งปริมาณไขมันที่ต้องการดูดออก ความกระชับของผิว และความต้องการในเรื่องของการปั้นรูปร่าง
คำแนะนำ ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุด
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเลือกเทคโนโลยีดูดไขมัน คือ การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับร่างกายและเป้าหมายของคุณเอง แพทย์จะทำการประเมินสภาพผิว ปริมาณไขมัน และความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อเพื่อช่วยตัดสินใจเลือกเทคนิคหรือเครื่องมือที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุดกับคุณ
นอกจากนี้ ยังมีเครื่องดูดไขมันประเภทอื่น ๆ ที่แพทย์จะเลือกปรับใช้ให้เหมาะสมกับคุณ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่เน้นความกระชับของผิว หรือเน้นการสลายไขมันในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและเหมาะกับสภาพร่างกายของแต่ละคน หากต้องการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีดูดไขมันอื่น ๆ สามารถอ่านต่อได้ที่ รวมเทคโนโลยีเครื่องดูดไขมันที่เหมาะกับคุณ
คุณสมบัติหลัก | PAL | VASER | BodyTite | J-Plasma | SmartLipo | Body-Jet | ULTRA-Z |
เทคโนโลยี | กลไกสั่นกลับไปมา | คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ | คลื่น RF แบบสองขั้ว | พลาสมาเย็น (ฮีเลียม + RF) | เลเซอร์ (1064–1320 nm) | น้ำเกลือแรงดันสูง (WAL) | คลื่นเสียงความถี่สูง |
กลไกการทำงาน | หัวดูดเคลื่อนไหวเร็วเพื่อแยกไขมัน | คลื่นเสียงแตกไขมันด้วย Microbubble | RF ปล่อยพลังงานละลายไขมัน+หดผิว | พลาสมาเย็นทำให้เนื้อเยื่อหดตัวทันที | เลเซอร์ละลายไขมัน + กระตุ้นคอลลาเจน | พ่นน้ำเกลือเพื่อแยกไขมันอย่างอ่อนโยน | คลื่นเสียงแตกไขมันแบบละเอียด |
การทำงานหลัก | ดูดไขมันอย่างมีประสิทธิภาพ | สลายไขมัน + ปั้นรูปร่าง | ละลายไขมัน + กระชับผิว | กระชับผิว | ละลายไขมัน + กระชับเบา ๆ | ดูดไขมันเบา ๆ | สลายไขมันอย่างนุ่มนวล |
กระชับผิว | ไม่มี | เล็กน้อย | สูงสุดถึง 47% | ชัดเจนใต้ผิวถึง 82% | ปานกลาง | แทบไม่มี | เล็กน้อย |
เก็บไขมันไปเติม | ดีเยี่ยม | ปานกลาง | ไม่เหมาะ | ไม่เหมาะ | ไม่เหมาะ | ดีเยี่ยม | ดี |
ความแม่นยำในการปั้นรูปร่าง | ดี (มีหัวดูดเฉพาะ) | ดีมาก (Hi-Def) | ดี + กระชับ | ดี ปั้นได้แม่นยำ | ปานกลาง | ดี | ดี |
ผิวแน่น/ไขมันแข็ง | ดี (มีหัวดูดเฉพาะ) | เหมาะมาก | ดี | ไม่เด่น | ไม่เด่น | ไม่เด่น | ดี |
รอยแผล | น้อย | น้อย | น้อย | น้อย | น้อย | แทบไม่มี | น้อย |
ความเจ็บ/พักฟื้น | ปานกลาง (2–5 วัน) | ปานกลาง (3–7 วัน) | ปานกลาง (3–7 วัน) | เบา (3–7 วัน) | เบา (2–5 วัน) | เบามาก (1–3 วัน) | เบา (2–5 วัน) |
ใช้ร่วมกับเทคโนโลยีอื่น | VASER, BodyTite, J-Plasma | PAL, J-Plasma | PAL, J-Plasma, Morpheus8 | PAL, VASER | Lipo แบบเดิม | Fat Transfer, RF | PAL, Lipo แบบเดิม |
เหมาะกับเคส | ดูดไขมันทั่วไป + เติมไขมัน | ปั้นรูปร่าง Hi-Def, ไขมันแน่น | ดูดไขมัน + กระชับผิว | ยกกระชับหลังดูดไขมัน | เคสเล็ก ๆ ผิวตึงดี | เติมไขมัน + ต้องการฟื้นตัวเร็ว | ดูดไขมันละเอียด |
ได้รับการรับรองจาก FDA | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
บทสรุป
การเลือกเทคโนโลยีดูดไขมันระหว่าง BodyTite Pro และ Vaser Smooth ไม่มีคำตอบที่ตายตัวว่าแบบไหนดีที่สุด เพราะทั้งสองเทคโนโลยีมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน และเหมาะกับความต้องการที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม การเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมที่สุดควรอยู่ภายใต้ การประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่จะช่วยวิเคราะห์สภาพร่างกาย ปริมาณไขมัน และความต้องการของคุณอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและตรงใจที่สุด
รัตตินันท์ คลินิก ให้บริการด้านความงามและการรักษา โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา พร้อมด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้รับบริการ ศูนย์ได้รับการรับรองคุณภาพจาก AACI สหรัฐอเมริกา ในฐานะศูนย์ศัลยกรรมผู้ป่วยนอกแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และได้รับการประเมินในด้านการให้บริการจากลูกค้าหลายประเทศ