คุณหมอสรุปให้ ผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟ ทำไมต้อง รัตตินันท์ คลินิก
ผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟ คืออะไร?
การผ่าตัดแบบสลีฟ (Gastric Sleeve) คือ การผ่าตัดเพื่อลดขนาดกระเพาะให้เล็กลงอย่างเดียว วิธีนี้ขนาดกระเพาะจะคล้าย ๆ กับไส้กรอกยาวๆ โดยจะตัดเอากระเพาะอาหารออกไปประมาณ 75% – 80% ซึ่งรวมถึงส่วนที่ผลิตฮอร์โมนที่ควบคุมความหิวออกไปด้วย
ทำให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดสามารถรับประทานอาหารได้น้อยลง และสามารถลดน้ำหนักได้มากถึง 40-60% จากน้ำหนักตั้งต้น อีกทั้งยังเป็นการรักษาโรค เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง หยุดหายใจขณะหลับได้ด้วย
ดังนั้น การผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักแบบสลีฟ (Gastric Sleeve) จึงได้รับการรับรองจากสถาบันทางการแพทย์หลายแห่งทั่วโลก ให้เป็นการรักษาทางเลือกสำหรับผู้ที่เป็นโรคอ้วน และโรคเรื้อรังจากโรคอ้วน ซึ่งสามารถทำได้ตั้งแต่เด็กอายุ 15 ปี ขึ้นไป หากได้รับความเห็นชอบทางการแพทย์ กุมารแพทย์ และผู้ปกครอง ถึงประโยชน์ และความเสี่ยงที่อาจจะได้รับ

รีวิวผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟ (Sleeve Gastric Surgery)
ขั้นตอนผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟ (Gastric Sleeve) กับ รัตตินันท์ คลินิก
เทคนิค Triple Lock เฉพาะที่รัตตินันท์ คลินิก
- ใช้ไหมละลายชนิดแข็งแรง ที่คล้ายเส้นลวดเล็ก ๆ เย็บแนวกระเพาะให้แน่น
- พับขอบแผลเข้าด้านใน แล้วเย็บซ้ำอีกชั้น เพื่อให้รอยต่อกระชับมากขึ้น
- ทากาวชีวภาพที่ช่วยให้เนื้อเยื่อติดกันแน่นขึ้นอีกชั้นหนึ่ง
ผลลัพธ์หลังการ ผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟ (Gastric Sleeve)
- สามารถลดน้ำหนักได้มากถึง 40-60% จากน้ำหนักตัวตั้งต้น
- กระเพาะที่ยังคงเหลือจะมีขนาดเล็กประมาณ 100-150 ซีซี เวลาทานอาหารเข้าไปแค่ปริมาณเล็กน้อยก็จะรู้สึกอิ่ม อีกทั้งได้ตัดส่วนผลิตฮอร์โมนควบคุมความหิวออกด้วย
- จะต้องปรับการกิน ให้เข้ากับกระเพาะอาหารใหม่ โดยต้องทานอาหารเหลวนานประมาณสองอาทิตย์และจึงค่อยเปลี่ยนเป็นอาหารอ่อนที่ ย่อยง่ายได้อีกราว 1 อาทิตย์ ก่อนที่จะกลับมาทานอาหารได้ทุกชนิดตามปกติ
ข้อดีของการผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟ (Gastric Sleeve)
- มีความรู้สึกหิวน้อยลง เนื่องจากถูกผ่าตัดส่วนที่ผลิตฮอร์โมนควบคุมความหิวออกไปแล้ว
- น้ำหนักลดลงอย่างต่อเนื่อง และรวดเร็ว กว่าวิธีใช้ห่วงรัดกระเพาะและใส่บอลลูนลดน้ำหนัก น้ำหนักจึงลดลงต่อเนื่องดีมาก
- เป็นการช่วยบรรเทาอาการของโรคเรื้อรังที่เกิดจากความอ้วน เช่น เบาหวาน , ความดันโลหิตสูง หยุดหายใจขณะหลับ โรคไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจดีขึ้น หรือในบางครั้งหายขาดได้
- เมื่อพ้นระยะการปรับตัว คนไข้จะสามารถกลับมาทานอาหารได้ตามปกติ แต่จะกินในปริมาณน้อยลงมาก
- ไม่ต้องพักฟื้นนาน เพียงหนึ่งวันก็ลุกเดินได้
ข้อเสียของการผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟ (Gastric Sleeve)
- ผลข้างเคียงที่เจอบ่อยคืออาการกรดไหลย้อน ดังนั้น ไม่เหมาะกับคนที่เป็นโรคกรดไหลย้อนมาก่อน เพราะจะเป็นมากขึ้น ต้องเปลี่ยนมาตัดกระเพาะด้วยวิธีบายพาส
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เคยปรับขนาดกระเพาะด้วยการใส่ห่วงมาก่อน (ถ้าเคยใส่ห่วง ต้องเลือกทำแบบบายพาสเท่านั้น)
- ความเสี่ยงจากการผ่าตัดจะมีมากขึ้น ถ้าแพทย์ไม่ชำนาญมากพอ หรือ คนไข้มีน้ำหนักมากเกินไปโดยไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน
- อาจจะไม่แก้ปัญหาโรคเบาหวานได้ดีเท่าการผ่าตัดแบบบายพาส
- หากทานหวานเก่ง น้ำหนักอาจจะไม่ลดลงเลย
รีวิว ผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟ ลดน้ำหนัก รักษาโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากความอ้วน
อ่านบทความเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง
ผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟ กับ บายพาส แตกต่างกันอย่างไร?
- ผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟ (Sleeve) ตัดกระเพาะออกอย่างเดียว แต่การผ่าตัดกระเพาะแบบบายพาส (Bypass) จะตัดกระเพาะร่วมกับตัดต่อลำไส้ร่วมด้วย
- ผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟ (Sleeve) ใช้เวลาประมาณ 45 นาที – 1 ชั่วโมง ซึ่งน้อยกว่าการผ่าตัดแบบบายพาส ที่ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพราะมีขั้นตอนที่ซับซ้อนกว่า
- ผลลัพธ์หลังผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟ น้ำหนักจะลดลงประมาณ 40-60% แต่ผ่าตัดกระเพาะแบบบายพาสจะลดลงได้มากกว่า อาจจะถึง 80% ของน้ำหนักตัวที่เกินมา
- ผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟไม่เหมาะกับคนที่เป็นกรดไหลย้อน แนะนำให้ใช้วิธีบายพาสดีกว่า
- หากเคยผ่าตัดแบบสลีฟไปแล้ว และอยากลดน้ำหนักให้ลงมากกว่าเดิม สามารถเปลี่ยนเป็นวิธีบายพาสได้
รีวิวผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก คืนสุขภาพดี เรียกความมั่นใจกลับมา!
นพ.ปณต ยิ้มเจริญ เป็นศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญในการผ่าตัดผ่านกล้อง (Minimally Invasive Surgery – MIS) และผ่าตัดลดน้ำหนัก โดยให้การรักษาผู้ป่วยมาตั้งแต่ปี 1994 พร้อมทั้งได้เข้ารับการศึกษาต่อในหลายประเทศ รวมทั้งสหรัฐอเมริกาและแคนาดา