10 วิธีปรับรูปหน้าวีเชฟ V-Shape

ปรับรูปหน้าวีเชฟ

สาเหตุที่ทำให้หน้าไม่วีเชฟ เป็นเพราะอะไร?

การที่หน้าของเราไม่เป็นรูปหน้าวีเชฟ (V-Shape) อาจเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งทางพันธุกรรมและปัจจัยภายนอก ซึ่งมีสาเหตุหลัก ๆ ดังต่อไปนี้ค่ะ

1.พันธุกรรม ใบหน้ากลม

รูปหน้าของแต่ละคนส่วนใหญ่ได้รับการกำหนดจากพันธุกรรม หากในครอบครัวมีโครงสร้างใบหน้ากลม หรือกรามกว้าง มักจะทำให้เรามีรูปหน้าที่ไม่เป็นวีเชฟตามไปด้วยค่ะ

2.การสะสมไขมันใต้ผิวหนัง

การสะสมไขมันบริเวณแก้มและคางอาจทำให้ใบหน้าดูบวมและไม่เรียว การมีไขมันส่วนเกินที่ไม่ถูกเผาผลาญอาจทำให้ใบหน้าดูเต็มและขาดมิติ

3.การขาดคอลลาเจน

เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตคอลลาเจนในผิวจะลดลง ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่นและเกิดริ้วรอย ซึ่งทำให้โครงหน้าดูไม่ชัดเจนและไม่กระชับ ส่งผลให้รูปหน้าดูไม่วีเชฟ

4.กล้ามเนื้อกรามใหญ่

หากมีการใช้กล้ามเนื้อกรามในการบดเคี้ยวอาหารหนักหรือมีกิจกรรมที่ทำให้กล้ามเนื้อกรามทำงานมาก (เช่น การเคี้ยวอาหารแข็งหรือการกัดฟัน) จะทำให้กล้ามเนื้อกรามขยายตัวและทำให้กรามดูใหญ่ขึ้น

5.ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ในช่วงตั้งครรภ์ หรือวัยหมดประจำเดือน สามารถทำให้เกิดการสะสมไขมันบริเวณใบหน้า หรือทำให้เกิดการบวมน้ำ ซึ่งส่งผลให้ใบหน้าดูบวมและไม่เรียว

6.การดูแลผิวที่ไม่เพียงพอ

การดูแลผิวไม่ดี เช่น การขาดการบำรุง การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม หรือการถูกแสงแดดบ่อยๆ อาจทำให้ผิวสูญเสียความกระชับและความยืดหยุ่น ทำให้ใบหน้าดูหย่อนคล้อยและขาดมิติ

7.การไม่ออกกำลังกาย

การขาดการออกกำลังกายสามารถทำให้ร่างกายสะสมไขมันเกินไป รวมถึงบริเวณใบหน้า ส่งผลให้หน้าไม่เพรียวและขาดมิติ

8.การรับประทานอาหาร

การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงและน้ำตาลมากเกินไปอาจทำให้เกิดการสะสมไขมันที่ไม่พึงประสงค์ ทำให้ใบหน้าไม่เพรียวและไม่มีมิติ

การปรับรูปหน้าวีเชฟ สามารถทำได้ผ่านการดูแลตัวเองด้วยการควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย หรือวิธีการทางการแพทย์ เช่น การทำโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือการดูดไขมันหน้าเพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวและมีมิติ

10 วิธีปรับรูปหน้าวีเชฟ V-Shape

เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ต้องการปรับรูปหน้าวีเชฟ เพราะช่วยให้ใบหน้าดูเรียวและมีมิติที่ดีขึ้น รูปหน้าวีเชฟถือเป็นสัญลักษณ์ของความงามในปัจจุบัน เพราะช่วยให้กรอบหน้าดูสมส่วนและกระชับ ลดความหนาของกรามและคาง ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสดใสมากขึ้น 

นอกจากนี้ รูปหน้าวีเชฟยังสามารถเสริมความมั่นใจให้กับบุคคล เนื่องจากการมีใบหน้าที่สวยงามและสมดุลช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในตัวเอง ส่งผลดีทั้งในด้านภาพลักษณ์และการสร้างความประทับใจในสังคม

ซึ่งในบทความนี้รัตตินันท์ คลินิก จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ 10 วิธีปรับรูปหน้าวีเชฟ V-Shape ทั้งหัตถการทางการแพทย์และด้วยตนเองกันค่ะ

1. การทำโบท็อกซ์ (Botox)

การทำโบท็อกซ์ (Botox) ถือว่าเป็นวิธีที่นิยมในการปรับรูปหน้าวีเชฟอีกหนึ่งวิธีค่ะ ซึ่งการฉีดโบท็อกซ์บริเวณกรามจะเป็นการทำให้กล้ามเนื้อที่ใหญ่หรือแข็งแรงลดขนาดลง ช่วยให้กรามดูเรียวและใบหน้าดูมีมิติขึ้น 

เหตุผลที่ควร ฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดกราม เพราะโบท็อกซ์จะทำงานโดยการคลายกล้ามเนื้อที่ทำให้กรามกว้างหรือแข็ง เพื่อให้กรามดูเล็กลงและทำให้ใบหน้ามีรูปทรงที่ดูสวยงามและสมดุล ผลลัพธ์ที่คาดหวังคือใบหน้าที่เรียวขึ้นและมีมิติชัดเจน จะเริ่มเห็นใน 3-5 วันและชัดเจนใน 1-2 สัปดาห์นั่นเอง และหลังจากฉีดโบท็อกซ์ ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับร่างกายแต่ละบุคคล

2. ฟิลเลอร์ (Filler)

การเติมเต็มกรอบหน้าด้วยฟิลเลอร์ ถือว่าเป็นวิธีที่ใช้เพิ่มมิติให้กับโหนกแก้มและคาง เพื่อปรับสมดุลของใบหน้าให้ดูเรียวและมีรูปหน้าวีเชฟ เพราะฟิลเลอร์จะถูกฉีดเข้าไปในบริเวณที่ต้องการเพิ่มความชัดเจน เช่น โหนกแก้มและคาง ช่วยให้กรอบหน้าดูมีมิติและกระชับขึ้น โดยการปรับเติมในจุดที่ดูแบนหรือไม่สมดุล การใช้ฟิลเลอร์จะช่วยทำให้ใบหน้าดูสวยงามและสมส่วนมากขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด ผลลัพธ์ที่ได้จะเห็นทันทีหลังการฉีด และสามารถอยู่ได้หลายเดือน ขึ้นอยู่กับประเภทฟิลเลอร์ที่ใช้

โดยหลักการทำงานของฟิลเลอร์ หน้าวีเชฟ คือ การเติมสารเติมเต็ม (เช่น ไฮยาลูโรนิก แอซิด) เข้าไปในบริเวณที่ขาดมิติหรือดูแบน เช่น โหนกแก้ม คาง หรือข้างกราม เพื่อเพิ่มความสมดุลและความชัดเจนให้กับโครงหน้า ฟิลเลอร์จะช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียวและกระชับขึ้น โดยการเติมเต็มในจุดที่ต้องการเพื่อให้กรอบหน้าดูมีมิติและสมส่วน การปรับเติมในบริเวณที่โหนกแก้มและคางทำให้หน้าเพรียวขึ้น และคางที่เรียวจะช่วยให้รูปหน้าดูเป็นวีเชฟมากขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัดนั่นเองค่ะ

3. ศัลยกรรมกราม (Jaw Reduction Surgery)

การผ่าตัดกรามเพื่อให้ได้รูปหน้าวีเชฟ เป็นการผ่าตัดเพื่อลดขนาดของกรามหรือกระดูกกรามที่ใหญ่เกินไป โดยการตัดหรือขัดกระดูกกรามที่เป็นสาเหตุทำให้หน้าดูใหญ่หรือกว้าง การทำศัลยกรรมนี้จะช่วยให้ใบหน้าดูเรียวและมีมิติที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้กรามที่เคยใหญ่และชัดดูเล็กลง หน้าดูเพรียวและมีลักษณะของรูปหน้าวีเชฟ (V-shape) ที่มีคางเรียวและกรอบหน้าสมดุล

ผลลัพธ์ที่ได้รับ คือ การผ่าตัดกรามสามารถทำให้กรามดูเรียวลงและช่วยให้ใบหน้าดูเพรียวและมีมิติที่ชัดเจน หลังการผ่าตัดแล้ว จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในรูปหน้าภายใน 1-2 เดือน และผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ยาวนาน โดยไม่ต้องทำการรักษาซ้ำบ่อย ๆ

4. การทำ Lifting

การทำ Lifting หรือ การยกกระชับหน้า เป็นกระบวนการที่ช่วยเสริมความคมชัดให้กับใบหน้า โดยการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิวหนัง เพื่อให้ผิวกระชับและยกขึ้น ทำให้ใบหน้าดูเรียวและดูอ่อนเยาว์มากขึ้น โดยไม่ต้องใช้การผ่าตัด การยกกระชับหน้านี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับปรุงรูปหน้าที่เริ่มมีความหย่อนคล้อย หรือใครที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นธรรมชาติ

วิธีการยกกระชับหน้า (เช่น Ultherapy, Thermage)

  • Ultherapy เป็นการยกกระชับผิวด้วยคลื่นอัลตราซาวด์ที่มีความเข้มข้นสูง โดยการใช้คลื่นเสียงเพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิวชั้นลึก โดยไม่ทำให้ผิวชั้นบนเกิดความเสียหาย
  • Thermage ใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ (RF) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ช่วยกระชับผิวและยกกระชับใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ผลลัพธ์จากการยกกระชับหน้า คือ ใบหน้าจะดูเรียวและกระชับขึ้น โดยเฉพาะบริเวณกรอบหน้า คาง และโหนกแก้ม ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและลดริ้วรอยที่เกิดจากการหย่อนคล้อยและผลลัพธ์จะค่อย ๆ ปรากฏชัดเจนหลังจากทำไปแล้วประมาณ 2-3 เดือน และสามารถอยู่ได้นาน 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแล

เหมาะสำหรับ ผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย หรือริ้วรอยที่เกิดจากวัย คนที่ต้องการการยกกระชับผิวแบบไม่ต้องผ่าตัด เหมาะสำหรับคนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์และสดใสมากขึ้น

5. การดูดไขมันหน้า (Face Liposuction)

การดูดไขมันหน้า (Face Liposuction) คือ การลดไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่บริเวณคางและแก้ม เพื่อทำให้ใบหน้าดูเรียวและคมชัดมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีไขมันสะสมในบริเวณดังกล่าว ซึ่งอาจทำให้หน้าดูบวมและไม่สมส่วน การดูดไขมันหน้าช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเพรียวและกระชับมากขึ้นค่ะ

ข้อดีของการดูดไขมันหน้า จะเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังการทำ และหน้าดูเรียวขึ้นอย่างชัดเจน ได้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน เพราะไขมันที่ถูกดูดออกจะไม่กลับมาใหม่ หากรักษาน้ำหนักตัวให้คงที่ และไม่ต้องใช้เวลาฟื้นตัวนาน ผู้เข้ารับบริการสามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้ในระยะเวลาสั้น ๆ

6. การนวดหน้า (Facial Massage)

การนวดหน้า (Facial Massage) เป็น วิธีธรรมชาติที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและเพิ่มการผลิตคอลลาเจน ทำให้ผิวกระชับและลดความหย่อนคล้อย ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวและมีมิติมากขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าวีเชฟโดยไม่ต้องพึ่งการทำหัตถการ

เทคนิคการนวดหน้าช่วยให้ผิวกระชับ

  1. นวดจากคางขึ้นสู่ขมับ : ใช้นิ้วมือทั้งสองข้างนวดจากคางขึ้นไปยังขมับตามแนวกราม เพื่อกระตุ้นให้กล้ามเนื้อที่กรามผ่อนคลายและลดความตึง
  2. นวดบริเวณโหนกแก้ม : ใช้นิ้วกลางและนิ้วนางนวดเบาๆ ที่โหนกแก้มเพื่อเพิ่มการไหลเวียนและช่วยกระชับผิว
  3. นวดหน้าผากและระหว่างคิ้ว : ใช้นิ้วมือทั้งสองข้างนวดเบาๆ บริเวณหน้าผากและระหว่างคิ้ว เพื่อลดริ้วรอยและกระชับผิวหน้า

7. การใช้เครื่องมือกระชับผิว (Skin Tightening Devices)

การใช้เครื่องมือกระชับผิว (Skin Tightening Devices) ทำให้หน้าวีเชฟ เช่น HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) และ RF (Radiofrequency) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นพลังงานเพื่อกระตุ้นการยกกระชับผิวหน้า ทำให้กรอบหน้าชัดเจนและใบหน้าดูเรียวขึ้น โดยไม่ต้องใช้การผ่าตัด

วิธีการทำงานของเครื่องมือกระชับผิว

HIFU : ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ที่มีความเข้มข้นสูงในการส่งผ่านผิวชั้นบนไปสู่ชั้นลึกของผิวหนัง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและทำให้ผิวยกกระชับ

RF : ส่งคลื่นวิทยุความถี่สูงลงสู่ผิวชั้นลึก เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยกระชับผิวและลดการหย่อนคล้อย

ผลลัพธ์จากการใช้เครื่องมือกระชับผิวจะเห็นได้ภายใน 2-3 สัปดาห์หลังการทำ โดยผิวหน้าจะเริ่มกระชับและเรียวขึ้น การกระตุ้นคอลลาเจนจะทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และมีมิติชัดเจนมากขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้จะยาวนานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวและสภาพผิวของแต่ละบุคคล

8. การควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย

การควบคุมอาหารและออกกำลังกายไม่เพียงแต่ช่วยลดไขมันในร่างกาย แต่ยังสามารถช่วยให้ใบหน้าดูเรียวและมีมิติที่ชัดเจนมากขึ้น การลดไขมันในร่างกายโดยรวมจะทำให้ไขมันสะสมที่บริเวณใบหน้า ลดลง ทำให้กรอบหน้าและคางดูชัดเจนมากขึ้น เป็นวิธีที่เป็นธรรมชาติในการปรับรูปหน้าวีเชฟโดยไม่ต้องพึ่งการทำหัตถการหรือการผ่าตัด

อาหารที่ควรกินเพื่อการมีผิวพรรณและใบหน้าที่สุขภาพดี

  • อาหารที่มีวิตามิน C สูง เช่น ผลไม้ตระกูลส้ม กีวี หรือสตรอว์เบอร์รี วิตามิน C ช่วยในการผลิตคอลลาเจน ทำให้ผิวกระชับและสดใส
  • อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 เช่น ปลาแซลมอน ถั่วและเมล็ดพืช กรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยลดการอักเสบและช่วยให้ผิวชุ่มชื้น
  • อาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ผักใบเขียว และธัญพืช ช่วยในการขจัดของเสียจากร่างกายและปรับสมดุลการย่อยอาหาร
  • โปรตีนจากแหล่งที่มีคุณภาพ เช่น ไก่ไร้หนัง, ปลา, หรือถั่วลิสง ช่วยในการสร้างกล้ามเนื้อและทำให้ผิวพรรณแข็งแรง

การออกกำลังกายที่ช่วยกระชับใบหน้า

  • การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน ช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกายและลดไขมันที่ใบหน้า ซึ่งทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น
  • การออกกำลังกายที่ช่วยกระชับกล้ามเนื้อใบหน้า เช่น การทำ ฟิตเนสใบหน้า โดยการออกกำลังกายกล้ามเนื้อใบหน้าหลายๆ จุด เช่น การยิ้มและยืดกล้ามเนื้อบริเวณแก้ม หรือการทำท่าทางเช่นการยกคิ้วเพื่อกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อใบหน้า
  • โยคะหน้า (Face Yoga) เทคนิคการออกกำลังกายใบหน้า เช่น การยืดและผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณกรามหรือคาง ช่วยลดความตึงเครียดและทำให้ใบหน้าดูเพรียวและกระชับ

การควบคุมอาหารที่มีประโยชน์และการออกกำลังกายเป็นวิธีธรรมชาติที่ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวและคมชัด การกินอาหารที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของผิวพรรณและลดไขมันในร่างกาย รวมถึงการทำการออกกำลังกายที่ช่วยกระชับทั้งร่างกายและใบหน้า จะช่วยให้คุณได้รูปหน้าวีเชฟที่ดูดีและสุขภาพดีจากภายใน

9. การทำทรีตเมนต์ผิวหน้า (Facial Treatments)

การทำทรีตเมนต์ผิวหน้า (Facial Treatments) เป็นวิธีการดูแลผิวหน้าเพื่อปรับสภาพผิวให้กระจ่างใส เปล่งปลั่ง และกระชับขึ้น โดยมีทรีตเมนต์หลายประเภทที่ช่วยกระชับผิวหน้าและปรับรูปหน้าให้ดูเรียวและมีมิติที่ชัดเจน โดยแต่ละประเภททรีตเมนต์มีวิธีการและผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไปตามความต้องการของผิวหน้า

ทรีตเมนต์ต่าง ๆ ที่ช่วยกระชับผิวหน้า

  • PRP (Platelet-Rich Plasma) การใช้เกล็ดเลือดจากตัวผู้รับบริการเองมาใช้ฟื้นฟูผิวหน้า ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่งและกระชับขึ้น ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและปรับสภาพผิวหน้าให้กระชับและเรียวขึ้น การใช้ PRP ช่วยลดริ้วรอยและกระตุ้นการฟื้นฟูผิวที่ดูหย่อนคล้อย
  • Mesotherapy เป็นการฉีดสารอาหารและวิตามินเข้าไปในผิวหนังเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและกระชับผิว ช่วยให้ผิวหน้าดูเรียบเนียน กระจ่างใส และมีมิติ ลดความหย่อนคล้อยที่กรอบหน้าและคาง ทำให้ใบหน้าดูสมดุลและเรียวขึ้น
  • Thermage ใช้คลื่นวิทยุ (RF) กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง ช่วยยกกระชับผิวหนังและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนังลึก ช่วยให้กรอบหน้าและคางดูเรียวขึ้นและมีมิติชัดเจน

10. การเลือกทรงผมที่เหมาะสม

การเลือกทรงผมที่เหมาะสม เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยเสริมรูปลักษณ์และทำให้ใบหน้าดูสวยงามและสมดุลมากขึ้น โดยเฉพาะการเลือกทรงผมที่เสริมรูปหน้าวีเชฟ ซึ่งจะช่วยให้หน้าดูเรียวและคมชัดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

ทรงผมที่ช่วยเสริมรูปหน้าวีเชฟ

  1. ทรงผมยาวตรง คือ ทรงผมยาวตรงที่มีความยาวถึงกลางหลังหรือยาวกว่ามักช่วยให้ใบหน้าดูเรียวและยืดหยุ่นขึ้น โดยเฉพาะเมื่อทำให้ผมตรงและเรียบ
  2. ทรงผมบ็อบยาว คือ ทรงบ็อบยาวเป็นทรงที่เหมาะกับการเสริมรูปหน้าวีเชฟ เพราะการตัดผมให้ยาวถึงระดับคางหรือไหล่จะช่วยให้กรอบหน้าดูสมดุลและไม่หนักเกินไป
  3. ผมซอยปลาย คือ การตัดผมให้มีหลายชั้นโดยที่ปลายผมยาวและบางจะช่วยให้ใบหน้าดูเรียวและลดความหนาของกรามได้
  4. ทรงผมทวิสต์ คือ การทำผมให้มีเทคนิคการทวิสต์หรือลอนเล็กๆ จะช่วยเพิ่มมิติให้กับใบหน้า โดยการลอนผมจะช่วยทำให้กรอบหน้าดูชัดและเพรียวมากขึ้น
  5. ผมบ็อบสั้น คือ ทรงบ็อบสั้นที่ตัดตรงหรือเป็นชั้นจะช่วยให้ใบหน้าดูเรียวและคมชัดขึ้น เพราะการตัดผมสั้นจะไม่ทำให้ใบหน้าดูใหญ่เกินไป

สรุป การปรับรูปหน้าวีเชฟ ทำอย่างไรได้บ้าง?

การปรับรูปหน้าวีเชฟ สามารถทำได้หลายวิธี ทั้งวิธีทางธรรมชาติ เช่น การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย หรือการนวดหน้า รวมถึงวิธีทางการแพทย์ เช่น การทำโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ การดูดไขมันหน้า 

และการใช้เครื่องมือกระชับผิว เช่น HIFU หรือ RF การเลือกวิธีที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและปัญหาของแต่ละคน รวมถึงงบประมาณและเวลาในการฟื้นตัว