ครีมอันตราย วิธีสังเกตและป้องกัน ก่อนหน้าจะพัง!

วิธีสังเกต ครีมอันตราย ดูอย่างไร

ครีมอันตราย ที่ขายทั้งใต้ดินบนดินตอนนี้ ถือเป็นภัยสังคมแบบหนึ่ง เพราะเป็นการทำกำไรบนความทุกข์ของผู้อื่น ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพมากมายกับผู้ที่ใช้ ปัจจุบันนับว่าเครื่องสำอางถือว่าจำเป็นอย่างมากเลยสำหรับบรรดาชาย –หญิง ที่ก็ต้องการปรนนิบัติตัวเอง โดยแต่ละยี่ห้อก็มีคุณสมบัติหรือข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป บางยี่ห้อก็อาจทำให้หน้าขาวใส บางยี่ห้อก็ลดสิว ฝ้า ลดริ้วรอย ไร้จุดด่างดำ แต่ก็มีเครื่องสำอางบางยี่ห้อหรือบางชนิดที่ผสมสารอันตรายที่ส่งผลให้ร่างกายได้รับผลอันตรายที่ตามมา แต่จะมีสารอันตรายชนิดไหนบ้าง และ มีวิธีสังเกตอย่างไร วันนี้เราก็มีคำตอบมาฝากกันด้วย…

ครีมอันตราย จุดสังเกตง่าย ๆ  5 จุด

1. ครีมที่มีคุณสมบัติครอบจักรวาล

โดยเฉพาะที่ชอบระบุว่าสามารถรักษาสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ หน้ากระจ่างใส ผิวชุ่มชื่น ช่วยรักษารูขุมขน ทำให้ผิวดูดีขึ้นได้อย่างรวดเร็วภายใน 7 วัน

ซึ่งมีหลายชนิดเลยที่เห็นตามท้องตลาดและ Internet ที่เขาเคลมคุณสมบัติต่าง ๆ ไว้ครอบจักรวาล ซึ่งมันเป็นข้อบ่งชี้หรือเป็นสิ่งที่เราควรที่จะต้องพึงระลึกว่าไม่สามารถมีจริงบนโลก และที่สำคัญหลาย ๆ คนที่ไปใช้แล้วเกิด Side Effects เกิดอาการสิวเห่อ ผิวหน้าพัง ดังนั้นถ้าพบเจอครีมที่มีโฆษณาแบบนี้จริง ๆ หรือเปล่า ถ้าใครยังคงใช้อยู่ก็ควรที่จะเลิกและตรวจสอบย้อนกลับว่าสิ่งที่เราใช้นั้นปลอดภัยจริง ๆ ไหม

2. ครีมที่มีสีผิดไปจากสีขาว ใส

นับเป็นข้อที่จับตามองได้ง่ายมาก ๆ นั้นก็คือครีมที่ใช้มีสีสันที่มันแปลกไปหรือเปล่าหรือมีสีสันเกินไปไหม เพราะในหลาย ๆ ตัวที่ได้สังเกตดูแล้วพบเป็นส่วนใหญ่ว่าครีมที่มีสีสันนั้นมักจะมีสารสเตียรอยด์ โดยเฉพาะ สีส้ม สีเขียว ที่อาจจะแอบอ้างว่าเป็นสีที่ได้จากกลุ่มตระกูลพืชอย่าง แครอท ชาเขียว ตรงนี้ก็เป็นข้อบ่งชี้ให้ฉุกคิดเลยว่าครีมนี้มีสารอันตรายผสมอยู่ สีที่ได้มักเป็นสารสีที่ต้องการใส่เข้าไปเพื่อเพื่อที่จะปลอมและเกิดการน่าใช้

ครีมอันตราย ไม่มีอย.
กลับสู่สารบัญ

3. ครีมที่มีกลิ่นน้ำหอมแรงผิดปกติ (กลิ่นหอมไปทางฉุน)

ก็แน่นอนว่ากลิ่นที่แรงเตะจมูกก็เป็นข้อจับผิดได้ง่ายไม่ต่างจากสีของเนื้อครีมเช่นกัน เนื่องจากว่า ครีมอันตราย บางชนิดนั้นอาจมีสารที่ส่งกลิ่นรุนแรงเลยทำให้การผสมน้ำหอมเข้าไปก็จะช่วยไปกลบกลิ่นของสารอันตรายนั้น ๆ ได้

4. หยุดใช้ครีมแล้วสิวบุก (สิวขึ้น)

และอีกข้อสำคัญก็คือหลังจากที่ใช้ไปแล้วและหยุดใช้กลับเกิดอาการหน้าเห่อ สิวเห่อ เป็นฝ้า กระ จุดด่าดำขึ้น หน้าแดง แบบนี้ก็คือต้องเลิกใช้ขาดไปเลย เพราะว่า ครีมตัวนี้มีสารอันตราย แน่นอนอาจจะเป็น ไฮโดรควิโนน สารสเตียรอยด์ หรือสารปรอทอาจผสมอยู่

เนื่องจากว่าครีมที่ปลอดภัยจริง ๆ เลิกใช้จะไม่มีปัญหา และไม่ทำให้ผิวเกิดเป็นสิวยกเว้นประเภทครีมที่ทำให้เกิดการอุดตันเวลาที่ใช้ไปแล้วจะเกิดสิวเพิ่มมากขึ้น แต่ถ้าใช้ไปแล้วสักพักแล้วหน้ากระจ่างใส แต่พอหยุดใช้ไปแล้วสิวเกิดเห่อเยอะขึ้นแบบนี้มีสารสเตียรอยด์

5. เนื้อครีมมีลักษณะคล้ายเม็ดทราย (แต่ไม่ใช่เม็ดบีดส์)

ช่างสังเกตสักนิดถ้ามองด้วยตาเปล่าอาจจะพบว่าเนื้อครีมมีความหยาบ คล้ายมีเม็ดทรายเล็ก ๆ แต่ต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่เม็ดบีดส์ ซึ่งเม็ดบีดส์นั้นจะมีก็ต่อเมื่อครีมชนิดนั้นเป็นครีมหรือโฟมล้างหน้าซะมากกว่า ในเนื้อครีมบำรุงจะไม่มี

ครีมแบบไหนที่อาจมีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือ

ในความจริงแล้ว ครีมที่ปลอดภัย คือเป็นครีมขึ้นทะเบียนจริง ตรวจสอบง่าย มีชื่อผู้ผลิตชัดเจนแน่นอน

ส่วนมากจะมีลักษณะโปร่งแสง หรือเป็นลักษณะของเนื้อครีมขาว เนื้อเจล ซึ่งอาจเป็นข้อสันนิษฐานสำคัญที่ได้ยกตัวอย่าง แต่ไม่ได้การันตีได้ 100% ว่าครีมที่เป็นเนื้อใส สีขาว หรือเจลเขาจะไม่ผสมสารอันตรายเข้าไป ไม่ได้หมายความว่าครีมใส ๆ จะไม่มี อาจมี แต่เป็นข้อบ่งชี้ว่าครีมที่มีสีสันฉูดฉาดจะมีสารอันตรายมากกว่านั่นเอง ก็อยากแนะนำว่าให้ไปตรวจสอบกันดูว่าครีมที่ใช้นั้นมีสีสันเยอะเกินไปหรือไม่

วิธีสังเกต ครีมอันตราย

เลือกพิสูจน์ ครีมอันตราย จากการทดสอบง่าย ๆ ที่บ้านก็ทำได้

ในปัจจุบันนี้มีสารเกิดขึ้นมากมายบ้างก็สามารถทราบได้จากการสัมผัสดูสี ดมกลิ่น แต่ก็มีสารที่เราไม่สามารถทราบได้เลยว่าภายในเนื้อครีมนั้นจะมีสารอันตรายหรือไม่เพราะบางยี่ห้อก็ให้สีที่คล้ายกันจนแยกไม่ออกว่าแบบไหนเป็นครีมอันตราย และแบบไหนปลอดภัย ดังนั้นก็จะมาแนะนำการตรวจสอบง่าย ๆ ที่บ้านกัน

วิธีที่ 1. ตรวจสารปรอท

การสังเกตจากตาเปล่าก็พบแล้วว่าสารปรอทในเนื้อครีมจะมีคล้าย ๆ เหมือนกับเม็ดทรายหรือเม็ดบีดส์ แต่มีอีกวิธีถ้าหากว่าการสังเกตด้วยตาเปล่าอาจไม่ชัดเจนมากพอ ก็คือการใช้กระดาษสีดำทึบ ๆ เหตุผลที่ใช้ก็เพราะว่าจะทำให้เห็นสารปรอทที่ชัดเจนมากขึ้นโดยเฉพาะเนื้อครีมที่มีสีอ่อน จากนั้นใช้คอตตอนบัดในการตักเนื้อครีมที่มีสารปรอทขึ้นมา เมื่อตักครีมขึ้นมาแล้วให้ทำการปาดลงบนกระดาษสีดำโดยปาดในลักษณะวน ๆ ลงแผ่นกระดาษ (อย่างเบามือ) สักพักหนึ่งก็จะพบได้อย่างชัดเจนเลยว่าในเนื้อครีมนั้นไม่ได้มีแค่เนื้อครีมเท่านั้นแต่ยังมีเม็ดทรายเล็ก ๆ ผสมอยู่ด้วยนั่นเอง

กลับสู่สารบัญ

วิธีที่ 2. ตรวจหาสารไฮโดรควิโนน (hydroquinone)

วิธีนี้หากมองด้วยตาเปล่าก็จะไม่พบ ไม่เจออะไรเลย จำเป็นต้องใช้ผงซักฟอกเท่านั้น โดยเริ่มจากตักผงซักฟอกใส่ภาชนะ (ปริมาณของผงซักฟอกต้องเยอะถึงจะเห็นความเข้มข้นของสารชนิดนี้) หลังจากที่ตักผงซักฟอกใส่ภาชนะแล้วเติมน้ำเล็กน้ำและตีให้เกิดฟอง จากนั้นใช้กระดาษทิชชู่ (หนาเพื่อลดการซึมเปื้อน) ใช้คอตตอนบัดตักเนื้อครีมที่มีสารไฮโดรควิโนนขึ้นมาใสบริเวณกระดาษทิชชู่เลย จากนั้นใช้น้ำผงซักฟอกที่เตรียมไว้เทลงไปบริเวณครีมได้เลย จากนั้นรอผลลัพธ์สัก 2-3 นาที ถ้าหากว่าครีมชนิดไหนมีสารไฮโดรควิโนนที่ค่อนข้างเข้มข้นช่วงบริเวณโดยรอบนอกของเนื้อครีมบนกระดาษทิชชู่ก็จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอย่างชัดเจนเลย

วิธีที่ 3. ตรวจหาสเตียรอยด์

อีกวิธีคือการใช้ พลาสเตอร์ในการตรวจนั่นเอง โดยอาจจะใช้ผิวบริเวณท้องแขนของตัวเองโดยเริ่มจากใช้คอตตอนบัดป้ายครีมที่มีสารสเตียรอยด์ (พอประมาณเท่านั้น) และจะใช้พลาสเตอร์ปิดทับลงไปบริเวณที่ได้ทาครีมลงไป หลังจากนั้นเพื่อเป็นการเปรียบเทียบกันดูว่าจะมีความแตกต่างกันหรือไม่ โดยการใช้พลาสเตอร์อีกหนึ่งอันที่ไม่ต้องป้ายครีมใด ๆ ทั้งสิ้นแปะลงไปคู่กัน เมื่อแปะลงไปคู่กันเรียบร้อยแล้วให้ทิ้งไว้ประมาณ 12 ชั่วโมง สีผิวที่ป้ายครีมที่มีสารไฮโดรควิโนนนั้นจะมีสีที่ซีดและขาวกว่าข้างที่ไม่ได้ทาครีมนั่นเอง

กลับสู่สารบัญ
ครีมอันตราย dangerous cream
ครีมอันตราย ผิวหนังพัง

ผงซักฟอกสามารถตรวจหาสารปรอทได้ไหม

การใช้ผงซักฟอกนั้นไม่สามารถตรวจหาสารปรอทได้ สารปรอทจะไม่เปลี่ยนสีเป็นสีอะไรเลย ฉะนั้นแล้ววิธีการใช้ผงซักฟอกนั้นตรวจหาได้แค่สารที่มีไฮโดรควิโนนเท่านั้น

อาการถอนยาสเตียรอยด์ใน ครีมอันตราย มีอะไรบ้าง

ปัญหาผิวอันดับหนึ่งที่หลายคนกังวลใจว่าลักษณะสิวที่เป็นนั้นใช่สิวติดสารสเตียรอยด์หรือไม่ ซึ่งอาการสิวติดสารสเตียรอยด์มักจะเกิดขึ้นหลังจากหยุดครีมชนิดนั้น ๆ อย่างน้อย 7-14วัน แต่อาการจะหนักขึ้นก็ประมาณ1-2เดือนหลังจากที่หยุดครีมอันตรายนั้นๆ โดยอาการเหล่านี้จะเรียกว่าอาการถอนยาสเตียรอยด์ ซึ่งจะมีอาการคร่าว ๆ 8ข้อด้วยกัน

  1. ผิวหมองคล้ำอยู่ดี ๆ ผิวหน้าก็คล้ำเร็วมาก ๆ จนหลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่าโดนของหรือเปล่า
  2. มีอาการคันหน้ายุบยิบ อยู่ดี ๆ ก็คันโดยเฉพาะเวลาที่เหงื่อออกจะมีอาการคันหน้าเป็นพิเศษจะคันมาก ๆ
  3. มีอาการหน้าแดง แสบร้อน ก็จะมีอาการร้อนผ่าวใต้ผิวหรือบางคนก็จะรู้สึกว่าเหมือนมีไอร้อนผุดออกมาจากใต้ผิว
  4. เป็นปัญหาสิว ที่อยู่ดี ๆ สิวก็เห่อขึ้นเยอะมากเลย ไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตัน สิวอักเสบ เรียกได้ว่าปะทุกันขึ้นมาเยอะมาก ๆ
  5. มีปัญหาหน้ามัน แม้ว่าไม่ได้ทาครีมอะไรก็ตามแต่ หน้าก็จะมันเยิ้ม มันมากกว่าปกติ
  6. ใช้ครีมอะไรก็แพ้ กลายเป็นว่าผิวแพ้ง่ายมาก ๆ แล้วก็จะมีผดผื่นขึ้น
  7. ผิวแก่ ผิวโทรม ผิวแก่ก่อนวัยจนผิดสงสัยของคนรอบข้าง
  8. ผิวบางจนเห็นเส้นเลือด บางคนจะสังเกตได้ว่าพอหยุดครีมอันตราย เวลาที่ส่องกระจกผิวจะเห็นได้ชัดเลยว่าผิวหน้าบาง ผิวหน้าขาวโพนจนเห็นเส้นเลือดเลย

สิวแบบนี้เมื่อหายจะทิ้งรอยดำ และต้องเอามายิงด้วยเลเซอร์ลบรอยดำเช่น pico laser

กลับสู่สารบัญ

ชุดตรวจ ครีมอันตราย จากกรมวิทยาศาสตร์

เท่าที่จะให้มั่นใจและชัวร์กว่าก็คือการมีตัวช่วยจาก กรมวิทยาศาสตร์ ที่หน้าตาจะเป็นกล่องสีเหลือ ๆ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าสมัยก่อนนี้เครื่องที่ใช้ตรวจสารจากกรมวิทยาศาสตร์มีราคาค่อนข้างสูงตั้งแต่หลักพันถึงสองพันบาทกันเลยทีเดียว แต่ว่าตอนนี้เขามีขนาดไซต์เล็ก ๆ กะทัดรัดด้วยราคา 200 บาทเรียกได้ว่าการมีติดไว้ที่บ้านก็จะได้ประโยชน์มาก ๆ เมื่อไหร่ที่ได้ลองครีมใหม่ ๆ หรือจำเป็นจะต้องเปลี่ยนครีมก็สามารถไปตรวจหาสารอันตรายกันได้จะได้ไม่ต้องพลาดกับปัญหา ครีมอันตราย ผิวติดสารอันตรายและมาแก้ไขภายหลัง

และทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เป็นวิธีการใช้สังเกตถึงความปลอดภัยให้กับตัวเองว่าครีมที่ปลอดภัยควรจะมีลักษณะอย่างไร และวิธีการแบบไหนที่จะพบได้ว่าเป็นการส่งสัญญาณแล้วว่าผิวติดสารสเตียรอยด์ ดังนั้นควรจะหาวิธีแก้และปรึกษาปัญหาผิวกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อที่จะได้รับคำแนะนำว่าจะเริ่มรักษาผิวอย่างไร เริ่มแก้ปัญหาผิวกันอย่างไร เพื่อให้ปัญหาผิวติดสารอันตรายได้ฟื้นฟูไปในทางที่ดีขึ้นตามลำดับ

Reference: http://www.env.eng.chula.ac.th/?q=content/high-performance-liquid-chromatography-hplc

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า