ใส่บอลลูน ในกระเพาะอาหาร แบบส่องกล้อง เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักโดยไม่ต้องผ่าตัด การใส่บอลลูน ช่วยลดความอยากอาหารและสนับสนุนการควบคุมน้ำหนักอย่างยั่งยืน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยทีมแพทย์ของ รัตตินันท์ คลินิก คุณจะได้รับการดูแลอย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ
ใส่บอลลูน ในกระเพาะอาหาร คืออะไร?
ใส่บอลลูน ในกระเพาะอาหาร (Intragastric Balloon) เป็นวิธีลดน้ำหนักที่ไม่ต้องผ่าตัด โดยการนำบอลลูนซิลิโคนที่ปลอดภัยเข้าไปในกระเพาะอาหารผ่านกระบวนการส่องกล้อง บอลลูนนี้จะถูกเติมด้วยน้ำเกลือหรือสารละลายเฉพาะ ทำให้เกิดพื้นที่ในกระเพาะที่จำกัด ส่งผลให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและบริโภคอาหารได้น้อยลง
การใส่บอลลูน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักเกิน และต้องการตัวช่วยที่ปลอดภัยและได้ผลในระยะสั้น (4–12 เดือน ขึ้นอยู่กับประเภทบอลลูน) โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือใช้ยา การรักษานี้ยังช่วยสร้างนิสัยการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน
ในกระบวนการนี้ ทีมแพทย์จะประเมินสุขภาพของผู้เข้ารับบริการและเลือกประเภทบอลลูนที่เหมาะสม เพื่อให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล พร้อมทั้งวางแผนการดูแลต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน
ประเภทของบอลลูนในกระเพาะอาหาร
ในปัจจุบัน การ ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร (Intragastric Balloon) มีหลายประเภทให้เลือก โดยแต่ละแบบมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของผู้ป่วยแต่ละราย ที่ รัตตินันท์ คลินิก มีการใช้บอลลูนที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน FDA เช่น Spatz, Orbera, และ Allurion โดยมีรายละเอียดดังนี้
| ชนิดบอลลูน | คุณสมบัติเด่น | ข้อดี | ข้อเสีย |
| Spatz | ปรับขนาดได้, อยู่ได้นาน 12 เดือน | ปรับตามการตอบสนองของร่างกาย, ลดได้นานและต่อเนื่อง | ต้องส่องกล้องทั้งใส่และถอด, ดูแลซับซ้อนกว่าชนิดอื่น |
| Orbera | ได้รับรองจาก US และ Thai FDA, อยู่ได้นาน | เห็นผลชัด, ลดได้ 10-15% ของน้ำหนักตัว | ต้องถอดหลัง 12 เดือน, อาจไม่สบายช่วงแรก |
| Allurion | กลืนได้เอง ไม่ต้องส่องกล้อง | ติดตั้งง่าย, ไม่ต้องวางยาสลบหรือผ่าตัด | อยู่ในร่างกายได้เพียง 4 เดือน, เหมาะกับการลดน้ำหนักระดับปานกลาง |
เลือกประเภทบอลลูนอย่างไร ให้เหมาะกับคุณ?
ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องผ่าตัด การใส่บอลลูนช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็ว กินได้น้อยลง ส่งผลให้น้ำหนักลดลงอย่างเป็นธรรมชาติ แต่สิ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้คือ “บอลลูนลดน้ำหนักมีหลายประเภท” และการเลือกให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลนั้นมีผลต่อทั้งผลลัพธ์ ความสะดวก และค่าใช้จ่ายในระยะยาว
เพราะฉะนั้น การเลือกประเภทบอลลูนจึงควรพิจารณาจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ เป้าหมายในการลดน้ำหนัก งบประมาณ และความสะดวกของผู้เข้ารับบริการ
แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกบอลลูนที่เหมาะสมไม่ควรยึดจากเพียงแค่ราคา หรือความสะดวกอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ควรมองในภาพรวมว่า แบบไหนตอบโจทย์เป้าหมายการลดน้ำหนักของคุณได้ดีที่สุดในระยะยาว และสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพที่ยั่งยืนได้หรือไม่ การปรึกษาแพทย์จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยที่สุด
การ ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร เหมาะกับใคร?
การ ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร (Intragastric Balloon) เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักเกิน หรือโรคอ้วนที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องผ่าตัด อย่างไรก็ตาม การรักษานี้ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน และต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยผู้ที่เหมาะสมกับการใส่บอลลูนมีลักษณะดังนี้
1. ผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ในช่วง 27–35
การใส่บอลลูนเหมาะกับผู้ที่มี BMI ในระดับน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนระดับปานกลาง และยังไม่ถึงขั้นที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดลดน้ำหนัก เช่น Gastric Bypass หรือ Sleeve Gastrectomy
2. ผู้ที่พยายามลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นแล้วไม่สำเร็จ
สำหรับผู้ที่เคยลองควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย หรือใช้ยาลดน้ำหนัก แต่ยังไม่สามารถลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมาย บอลลูนในกระเพาะอาหารเป็นตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่อง
3. ผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการผ่าตัด
ใครก็ตามที่กลัวการผ่าตัดใหญ่และต้องการวิธีลดน้ำหนักที่ปลอดภัยและไม่รุกรานร่างกาย การใส่บอลลูนเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะไม่ต้องผ่านการผ่าตัดและไม่ทำให้เกิดแผล
4. ผู้ที่ไม่มีปัญหาสุขภาพร้ายแรงที่เป็นข้อห้าม
ผู้ที่เหมาะสมต้องมีสุขภาพทั่วไปที่ดี ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคกรดไหลย้อนขั้นรุนแรง แผลในกระเพาะอาหาร หรือเคยผ่าตัดในระบบทางเดินอาหารที่อาจส่งผลต่อการใส่บอลลูน
5. ผู้ที่มุ่งมั่นในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต
การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารไม่ได้ให้ผลลัพธ์แบบถาวร หากผู้ป่วยไม่ปรับพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกาย การรักษานี้เหมาะสำหรับผู้ที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ควบคู่กับการได้รับคำแนะนำจากทีมผู้เชี่ยวชาญ
ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการ ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร?
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น แผลในกระเพาะอาหาร
- ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่มีประวัติเคยแพ้ซิลิโคนหรือวัสดุที่ใช้ในบอลลูน
ทำไมต้องปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ?
การ ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร ต้องผ่านการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยเหมาะสมกับการรักษา และเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยที่ รัตตินันท์ คลินิก ทีมแพทย์จะช่วยประเมินสุขภาพ วางแผนการรักษา และดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
ใส่บอลลูน ในกระเพาะอาหาร ช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไร?
การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร เป็นวิธีลดน้ำหนักแบบไม่ต้องผ่าตัดที่ปลอดภัย หลักการทำงานของบอลลูนนั้นเรียบง่าย โดยอาศัยการเพิ่มพื้นที่ในกระเพาะอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น กินได้น้อยลงในแต่ละมื้อ ช่วยควบคุมปริมาณอาหารและลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ต่อไปนี้ คือ วิธีการทำงานของบอลลูน และเหตุผลที่ทำให้วิธีนี้กลายเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักโดยไม่ต้องผ่าตัด
1. ลดพื้นที่ในกระเพาะอาหาร
เมื่อใส่บอลลูนเข้าไปในกระเพาะอาหาร แพทย์จะเติมน้ำเกลือหรือสารละลายเข้าไปในบอลลูน เพื่อให้มันขยายตัวและเข้าไปแทนที่บางส่วนของพื้นที่ในกระเพาะ โดยทั่วไปบอลลูนจะมีขนาดประมาณ 400–700 มิลลิลิตร ส่งผลให้กระเพาะอาหารมีพื้นที่เหลือสำหรับอาหารน้อยลง ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น แม้จะกินอาหารเพียงเล็กน้อย ช่วยควบคุมปริมาณการกินในแต่ละมื้อได้
2. ลดความอยากอาหาร
บอลลูนในกระเพาะอาหารจะกระตุ้นให้สมองส่งสัญญาณความอิ่มผ่านเส้นประสาทในระบบทางเดินอาหาร (Vagus Nerve) เมื่อบอลลูนเติมเต็มพื้นที่ในกระเพาะอาหาร ผู้เข้ารับบริการจะรู้สึกอิ่มนานขึ้น ลดความอยากอาหาร และควบคุมการกินอาหารระหว่างมื้อได้ดีขึ้น
3. สนับสนุนการควบคุมพฤติกรรมการกิน
ระหว่างที่บอลลูนอยู่ในกระเพาะอาหาร (4-12 เดือน ขึ้นอยู่กับประเภทบอลลูน) ผู้เข้ารับบริการจะมีโอกาสฝึกพฤติกรรมการรับประทานอาหารใหม่ที่ดีต่อสุขภาพ เช่น
- ลดการกินอาหารที่มีแคลอรีสูง
- หลีกเลี่ยงการกินเกินพอดี
- ปรับสมดุลอาหารที่รับประทานในแต่ละมื้อ
ด้วยการปรับพฤติกรรมการกินนี้ เมื่อถอดบอลลูนออกจึงมีโอกาสรักษาน้ำหนักที่ลดลงได้ในระยะยาว
4. ช่วยลดน้ำหนักในระยะเวลาสั้น
การใส่บอลลูนสามารถลดน้ำหนักได้เร็ว โดยเฉลี่ยสามารถลดน้ำหนักได้ 10-15% ของน้ำหนักตัว ภายใน 6 เดือนถึง 1 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของบอลลูนและความร่วมมือของผู้เข้ารับบริการในการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
5. เสริมด้วยทีมสนับสนุนการลดน้ำหนัก
ที่ รัตตินันท์ การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารไม่ได้เป็นเพียงการใส่อุปกรณ์เท่านั้น แต่ยังมีการดูแลและสนับสนุนโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ เช่น
- นักโภชนาการ ช่วยออกแบบแผนการกินอาหารที่เหมาะสม
- แพทย์ผู้ชำนาญการด้านผ่าตัดกระเพาะ เพื่อติดตามผลน้ำหนักและสุขภาพอย่างต่อเนื่อง
เหมาะสำหรับใครที่ต้องการตัวช่วยที่ปลอดภัย
การ ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร เป็นวิธีลดน้ำหนักที่เหมาะกับผู้ที่มี BMI อยู่ในช่วง 27-35 และต้องการลดน้ำหนักโดยไม่ต้องผ่าตัด อีกทั้งยังเหมาะกับผู้ที่พร้อมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อรักษาผลลัพธ์ในระยะยาว
ขั้นตอนการ ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
ที่ รัตตินันท์ คลินิก การ ใส่บอลลูน ในกระเพาะอาหาร (Intragastric Balloon) เป็นกระบวนการที่ปลอดภัยและดำเนินการโดยศัลยแพทย์ เช่น นพ. ปณต ยิ้มเจริญ และ นพ. เสรษฐสิริ พันธุ์ธนากุล ด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัยและผ่านมาตรฐาน และนี่คือขั้นตอนการใส่บอลลูนตั้งแต่เริ่มต้นจนจบกระบวนการ
เปรียบเทียบการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารกับวิธีลดน้ำหนักอื่น ๆ
การลดน้ำหนัก มีหลากหลายวิธีที่เหมาะสมกับความต้องการและสภาวะสุขภาพของแต่ละคน ตั้งแต่การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย ไปจนถึงการใช้เทคนิคทางการแพทย์ เช่น การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร (Intragastric Balloon) และการผ่าตัดลดน้ำหนัก
ต่อไปนี้ เป็นการเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสีย ของการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร กับวิธีอื่น ๆ เพื่อช่วยให้เลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุด
| วิธีลดน้ำหนัก | ข้อดี | ข้อเสีย |
| ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร | ไม่ต้องผ่าตัด, ฟื้นตัวเร็ว, ลดน้ำหนักได้ผลดี | ใช้ได้ช่วงเวลาจำกัด ต้องปรับพฤติกรรมการกิน |
| ควบคุมอาหาร + ออกกำลังกาย | ยั่งยืน, ปลอดภัย | ใช้เวลานาน ต้องมีวินัยสูง |
| ใช้ยาลดน้ำหนัก | สะดวก, เห็นผลเร็ว | มีผลข้างเคียง อาจไม่ยั่งยืน |
| ผ่าตัดลดน้ำหนัก | ลดได้มากและเร็ว | เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน, ค่าใช้จ่ายสูง |
| บอลลูนแบบกลืน (ไม่ต้องส่องกล้อง) | ง่าย สะดวก ไม่ต้องผ่าตัด | ใช้งานได้เพียง 4 เดือน, ลดได้น้อยกว่า |
การ ใส่บอลลูน ในกระเพาะอาหาร เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักในระยะปานกลางถึงระยะสั้น โดยไม่ต้องการผ่าตัดหรือใช้ยา ทั้งนี้ การเลือกวิธีที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสภาวะสุขภาพ เป้าหมายการลดน้ำหนัก และคำแนะนำของแพทย์ ที่ รัตตินันท์ ศัลยแพทย์จะช่วยประเมินและเลือกแนวทางที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับคุณ
ทำไมต้องเลือก Orbera ที่ Rattinan Clinic
ที่ รัตตินันท์ คลินิก การใส่บอลลูน Orbera จะดำเนินการโดยศัลยแพทย์ เช่น นพ. ปณต ยิ้มเจริญ หรือ นพ. เสรษฐสิริ พันธุ์ธนากุล พร้อมด้วยอุปกรณ์การส่องกล้องที่ทันสมัยและมาตรฐานระดับสากล ผู้ป่วยจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ขั้นตอนการประเมินสุขภาพ การใส่บอลลูน ไปจนถึงการดูแลหลังการรักษา เพื่อผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและยั่งยืน
Orbera ไม่ได้เป็นเพียงตัวช่วยลดน้ำหนัก แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสุขภาพที่ดีในระยะยาว ใครที่มองหาวิธีลดน้ำหนักแบบปลอดภัยและได้ผลอย่างเป็นธรรมชาติ Orbera คือคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ
ทำไมต้องเลือก รัตตินันท์ สำหรับการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร?
รัตตินันท์ เป็นคลินิกที่มีความโดดเด่นด้านการลดน้ำหนักและการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร ด้วยประสบการณ์และมาตรฐาน AACI ทำให้เราเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับผู้ที่มองหาวิธีลดน้ำหนักที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และดูแลครบวงจร
1. ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่เชื่อถือได้
- ดำเนินการโดยแพทย์เฉพาะทางที่มีชื่อเสียง เช่น นพ. ปณต ยิ้มเจริญ ศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการลดน้ำหนัก และ นพ. เสรษฐสิริ พันธุ์ธนากุล ศัลยแพทย์ด้านการผ่าตัดและลดน้ำหนักที่ได้รับการยอมรับ
- ทีมงานมีประสบการณ์สูงในการใส่บอลลูนหลากหลายประเภท
- มีเคสผู้เข้ารับการรักษาที่ประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักจำนวนมาก
2. มาตรฐานระดับสากลและเทคโนโลยีล้ำสมัย
- ห้องผ่าตัดผ่านมาตรฐาน AACI, กระทรวงสาธารณสุขและมาตรฐาน ISO
- อุปกรณ์ที่ใช้ เช่น กล้องส่องกระเพาะอาหาร และบอลลูนผ่านการรับรองจาก US FDA และ Thai FDA
- การรักษาใช้วิธีที่ปลอดภัยและเป็นไปตามมาตรฐาน
3. การดูแลจนครบการรักษา
รัตตินันท์ คลินิก ให้การดูแลตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการติดตามผล โดยมีบริการดังนี้
- การประเมินสุขภาพเบื้องต้น ตรวจสุขภาพอย่างละเอียดเพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด
- การให้คำแนะนำด้านโภชนาการ นักโภชนาการที่เชี่ยวชาญจะช่วยออกแบบแผนการกินที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคน
- การติดตามผลหลังการใส่บอลลูน มีการตรวจเช็กอย่างสม่ำเสมอเพื่อประเมินผลลัพธ์และปรับแผนการรักษาตามความเหมาะสม
4. บรรยากาศและบริการที่เป็นมิตร
- คลินิกมีบรรยากาศที่สะอาด ทันสมัย และเป็นส่วนตัว ให้ความรู้สึกผ่อนคลายตลอดการรักษา
- ทีมงานทุกคนพร้อมให้คำปรึกษาและดูแล เพื่อให้ผู้เข้ารับการรักษารู้สึกมั่นใจและสบายใจ
5. ผลลัพธ์ที่เชื่อถือได้
- การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารที่ รัตตินันท์ คลินิก ช่วยให้ผู้เข้ารับการรักษาลดน้ำหนักได้เฉลี่ย 10-15% ของน้ำหนักตัว ภายใน 6-12 เดือน
- มีผู้เข้ารับการรักษาจำนวนมากที่ประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักและเปลี่ยนแปลงสุขภาพในทางที่ดีขึ้น
6. ความโปร่งใสด้านค่าใช้จ่าย
- ค่าใช้จ่ายสำหรับการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารเริ่มต้นที่ 140,000 บาท พร้อมการดูแลแบบครบ
- ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น การถอดบอลลูน ได้รับการแจ้งอย่างชัดเจน
ทีมแพทย์ผ่าตัดกระเพาะ ที่ รัตตินันท์ คลินิก
ใส่บอลลูน ในกระเพาะอาหาร ใช้เวลานานแค่ไหน?
การ ใส่บอลลูน ในกระเพาะอาหาร มีระยะเวลาการรักษาที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของบอลลูนที่เลือกใช้ โดยทั่วไป ระยะเวลาในการใส่บอลลูนแบ่งออกเป็น 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่ ระยะเวลาของกระบวนการติดตั้งบอลลูน, ระยะเวลาที่บอลลูนอยู่ในกระเพาะ, และ ระยะเวลาการติดตามผล ดังนี้
สำหรับบอลลูนแบบ Orbera และ Spatz
- ใช้การส่องกล้อง (Endoscopy) เพื่อนำบอลลูนเข้าไปในกระเพาะอาหาร กระบวนการนี้ใช้เวลาเพียง 20-30 นาที โดยผู้เข้ารับการรักษาจะได้รับยาชาเฉพาะที่ หรือในบางกรณีอาจมีการให้ยาสลบเบา ๆ เพื่อความสะดวก
สำหรับบอลลูนแบบ Allurion
- ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ผู้เข้ารับการรักษาสามารถกลืนแคปซูลที่มีบอลลูนอยู่ด้านในเอง โดยไม่ต้องส่องกล้องหรือวางยาสลบ
หลังจากการใส่บอลลูน ผู้เข้ารับการรักษาพักฟื้นที่คลินิกเพียง 1-2 ชั่วโมง หลังจากนั้นสามารถกลับบ้านได้
บอลลูน ในกระเพาะอาหาร มีระยะเวลาการใช้งานที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของบอลลูนที่เลือก
Spatz (Spatz Adjustable Balloon System)
ใช้งานได้นานถึง 12 เดือน เป็นบอลลูนชนิดปรับขนาดได้ระหว่างการรักษา เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลง
Orbera (Orbera Managed Weight Loss System)
ใช้งานได้นาน 12 เดือน เป็นระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน
Allurion (Allurion Balloon)
บอลลูนจะอยู่ในกระเพาะอาหารประมาณ 16 สัปดาห์ (4 เดือน) ก่อนที่บอลลูนจะสลายตัวเองและถูกขับออกจากร่างกายทางธรรมชาติ
หลังจากถอดบอลลูนออก (หรือบอลลูน Allurion สลายตัวเอง) ผู้เข้ารับบริการควรมีการติดตามผลต่อเนื่อง เพื่อรักษาน้ำหนักที่ลดลงและป้องกันน้ำหนักกลับมาเพิ่ม
- การพบแพทย์หรือนักโภชนาการตามกำหนด เช่น ทุกเดือนหรือตามแผนที่วางไว้
- การปรับแผนโภชนาการและพฤติกรรมการใช้ชีวิต เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
ค่าใช้จ่ายในการ ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร ที่รัตตินันท์ คลินิก
ที่ รัตตินันท์ คลินิก เราให้บริการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารด้วยมาตรฐานระดับ AACI ในราคาที่โปร่งใสและคุ้มค่า โดยค่าบริการเริ่มต้นสำหรับการรักษา รวมถึงการติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมแพทย์ มีรายละเอียดดังนี้
ความคุ้มค่าในการรักษาที่ รัตตินันท์
- คุณจะได้รับการดูแลจากศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เช่น นพ. ปณต ยิ้มเจริญ หรือ นพ. เสรษฐสิริ พันธุ์ธนากุล ซึ่งมีประสบการณ์ในการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
- การติดตามผลอย่างใกล้ชิดจากทั้งแพทย์และนักโภชนาการ เพื่อให้คุณบรรลุเป้าหมายในการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยและยั่งยืน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการ ใส่บอลลูน ในกระเพาะอาหาร
เหมาะสำหรับผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ในช่วง 27-35 และต้องการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยเฉพาะผู้ที่พยายามลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายแล้วไม่ได้ผล
การใส่บอลลูนไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดในระหว่างกระบวนการ เนื่องจากใช้ยาชาเฉพาะที่ หรือยาสลบเบา ๆ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เข้ารับบริการบางท่านอาจรู้สึกไม่สบาย เช่น คลื่นไส้หรือปวดท้องในช่วง 2-3 วันแรกหลังใส่บอลลูน ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถบรรเทาได้ด้วยยา
- Spatz, Orbera ได้สูงสุด 12 เดือน
- Allurion อยู่ในกระเพาะอาหารประมาณ 4 เดือนก่อนสลายตามธรรมชาติ
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ คลื่นไส้ ปวดท้อง หรืออาการไม่สบายในช่วงแรก ซึ่งมักหายไปภายในไม่กี่วัน หากเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น บอลลูนรั่ว (พบได้น้อยมาก) แพทย์สามารถถอดบอลลูนออกได้ทันที
ผู้เข้ารับบริการส่วนใหญ่ สามารถลดน้ำหนักได้ประมาณ 10-15% ของน้ำหนักตัว ภายในระยะเวลาที่บอลลูนอยู่ในกระเพาะ ทั้งนี้ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตามคำแนะนำด้านโภชนาการและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทาน
การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร เป็นวิธีที่ปลอดภัย เพราะดำเนินการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการผ่าตัดกระเพาะอาหาร และใช้บอลลูนที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน เช่น US FDA และ Thai FDA โดยที่ รัตตินันท์ คลินิก มีมาตรการดูแลที่ครอบคลุมทุกขั้นตอน
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และนักโภชนาการ
- รับประทานอาหารเหลวในช่วงแรกก่อนเปลี่ยนเป็นอาหารปกติ
- เข้ารับการติดตามผลตามนัดหมายอย่างสม่ำเสมอ
ค่าบริการเริ่มต้นที่ 140,000 บาท รวมการดูแลก่อนและหลังการใส่บอลลูน ค่าถอดบอลลูนหรือการปรับน้ำในบอลลูน มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ประมาณ 50,000 บาท
สามารถทำซ้ำได้ หากแพทย์ประเมินว่าผู้เข้ารับบริการยังคงต้องการการรักษาเพิ่มเติม และร่างกายอยู่ในภาวะที่เหมาะสม
รัตตินันท์ คลินิก มีทีมแพทย์ในการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร พร้อมด้วยอุปกรณ์มาตรฐานและการดูแลผู้เข้ารับบริการ เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี
สรุป ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร คืออะไร?
การ ใส่บอลลูน ในกระเพาะอาหาร (Intragastric Balloon) เป็นวิธีลดน้ำหนักที่ปลอดภัย ไม่ต้องผ่าตัด และได้รับการยอมรับในระดับสากล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงของการผ่าตัดใหญ่ กระบวนการนี้ช่วยให้คุณปรับพฤติกรรมการกิน ลดความอยากอาหาร และควบคุมการบริโภคได้ดียิ่งขึ้น
ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยพร้อมด้วยทีมแพทย์ที่รัตตินันท์ คลินิก คุณจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดตั้งแต่การประเมินสุขภาพ การใส่บอลลูน ไปจนถึงการติดตามผลเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะบรรลุเป้าหมายการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยและยั่งยืน
หากคุณกำลังมองหาวิธีที่จะเปลี่ยนแปลงสุขภาพและสร้างชีวิตใหม่ที่เบาสบาย การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารอาจเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ
ติดต่อ รัตตินันท์ คลินิก วันนี้! เพื่อเริ่มต้นการเดินทางสู่สุขภาพที่ดีขึ้นและชีวิตที่สดใสกว่าเดิม
นพ.ปณต ยิ้มเจริญ เป็นศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญในการผ่าตัดผ่านกล้อง (Minimally Invasive Surgery – MIS) และผ่าตัดลดน้ำหนัก โดยให้การรักษาผู้ป่วยมาตั้งแต่ปี 1994 พร้อมทั้งได้เข้ารับการศึกษาต่อในหลายประเทศ รวมทั้งสหรัฐอเมริกาและแคนาดา