การ ผ่าตัดกระเพาะ ลดน้ำหนัก (Bariatric surgery) เป็นวิธีที่ใช้รักษาคนไข้ที่มีภาวะน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน (โรคอ้วน) และมีโรคประจำตัว หรือโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่วมด้วย เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดและสมอง หรือมีการนอนกรน ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เป็นต้น เมื่อคนไข้รักษาด้วยวิธีอื่นๆ ไม่ได้ผล การผ่าตัดกระเพาะ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยให้สุขภาพดีขึ้น ได้กลับมาใช้ชีวิตที่เป็นปกติได้อีกครั้ง
สิ่งสำคัญของ อาหารหลังผ่าตัดกระเพาะ ลดน้ำหนัก
เนื่องจากการผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก หลักๆ จะมีด้วยกัน 2 วิธี คือ
- ผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟ (Gastric Sleeve) เป็นวิธีมาตรฐาน ผ่าตัดกระเพาะออกไปบางส่วน รวมถึงตัดฮอร์โมนที่ควบคุมความหิวออกไปด้วย วิธีจะทำให้คนไข้สามารถลดน้ำหนักลงไปได้ถึง 40-60% และยังสามารถช่วยลดโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากความอ้วนลงได้อีกด้วย
- ผ่าตัดกระเพาะแบบบายพาส (Gastric Bypass) เป็นวิธีมาตรฐาน และเป็นวิธีลดน้ำหนักที่ได้ผลดีที่สุด บายพาสจะมีการตัดกระเพาะออก และนำไปต่อกับลำไส้ส่วนที่ 2 โดยตรง นอกจากจะช่วยให้คนไข้สุขภาพดีขึ้น เพราะน้ำหนักที่ลดลงแล้ว ยังช่วยผลโรคแทรกซ้อน และช่วยลดเรื่อง โรคกรดไหลย้อน ได้อีกด้วย
จะเห็นได้ว่าทั้ง 2 วิธีนั้นจะมีการตัดบางส่วนของกระเพาะอาหารออก และมีการปรับเปลี่ยนส่วนของกระเพาะอาหารและลำไส้ร่วมกันด้วย หลังผ่าตัดกระเพาะจึงเป็นช่วงที่สำคัญมากในเรื่องของ การรับประทานอาหาร เมื่อขนาดของกระเพาะเปลี่ยนไปเราจะต้องดูแลเรื่องของอาหารหลังการ ผ่าตัดลดน้ำหนัก ให้เหมาะสมด้วย
การลดน้ำหนักด้วยการผ่าตัดกระเพาะอาหาร จะได้ผลดีเต็มประสิทธิภาพหรือไม่? นอกจากความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ทำการรักษาแล้ว ยังเป็นผลมาจากการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดของผู้เข้ารับการรักษาด้วย
มีหลายกรณีที่ต้องกลับมาพบแพทย์ก่อนกำหนดเพราะมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกาย ซึ่งส่วนมากมักเป็นปัญหาอันเนื่องมาจาการเลือกทานอาหารแทบทั้งสิ้น ยิ่งในช่วง 2 สัปดาห์แรกที่แผลผ่าตัดในกระเพาะอาหารยังไม่ปิดสนิทดีก็ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับการเลือกทานอาหารเป็นพิเศษ ต่อไปนี้คือคำแนะนำ
6 ข้อ ผู้ที่ผ่าตัดกระเพาะอาหาร ควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
1. ทานโปรตีนให้เพียงพอ
อาหารหลังผ่าตัดกระเพาะ ให้เน้นทานโปรตีนเป็นหลัก เพราะโปรตีนเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อการซ่อมแซมร่างกาย อย่างที่เรารู้กันว่าเมื่อป่วยก็ต้องทานโปรตีนให้มากหน่อย ในกรณีนี้ก็เช่นกันต้องทานโปรตีนให้เพียงพอต่อความต้องการ
แต่ในเมื่อกระเพาะอาหารมีขนาดเล็กลงแล้วก็จะไม่สามารถทานได้ในปริมาณมากนัก จึงต้องทานอาหารประเภทโปรตีนก่อนเป็นอันดับแรกเสมอปริมาณที่แนะนำ คือ 10-15 ช้อนโต๊ะ
2. งดของมันของทอด
อาหารหลังผ่าตัดกระเพาะ อย่างแรกที่ต้องงด คือ ของมันของทอดนั้นเป็นอุปสรรคต่อการลดน้ำหนัก ต่อให้ผ่าตัดกระเพาะมาแล้วน้ำหนักก็จะไม่ค่อยลดลงอย่างที่ควรจะเป็น แถมยังทำให้เกิดนิ่วและปัสสาวะเป็นเลือดได้ด้วย
3. ลดความเร็วในการทาน
ยิ่งอาหารที่ลงสู่กระเพาะมีชิ้นใหญ่เท่าไร กระเพาะก็ยิ่งต้องทำงานหนักมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องเคี้ยวให้ละเอียดทุกครั้ง อย่างน้อย 30 ครั้งก่อนกลืน และหยุดทานทันทีเมื่อรู้สึกว่าตึงๆ บริเวณลิ้นปี่
4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
น้ำเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย แต่เมื่อกระเพาะมีขนาดเล็กลง การจะดื่มน้ำรวดเดียวในปริมาณมากจึงไม่สามารถทำได้ ถึงอย่างนั้นร่างกายเราก็ยังต้องการน้ำในปริมาณเท่าเดิมอยู่ดี ให้ใช้วิธีค่อยๆ จิบน้ำทีละน้อย จิบไปเรื่อยๆ ตลอดทั้งวันรวมแล้วให้ได้สักประมาณ 6 แก้วต่อวัน และระวังการดื่มน้ำทั้งก่อนและหลังอาหารด้วย
5. เติมผักผลไม้
เมื่อทานโปรตีนจนเต็มที่แล้วแต่ยังไม่รู้สึกอิ่ม ให้เพิ่มเติมด้วยผักและผลไม้ นอกจากมีวิตามินแล้วยังส่งเสริมระบบขับถ่ายด้วย
6. หลีกเลี่ยงแป้ง
แป้งเป็นอาหารประเภทหนึ่งที่จะเปลี่ยนรูปไปเป็นน้ำตาลในที่สุด ซึ่งน้ำตาลนั้นเป็นเหมือนอาหารต้องห้ามในช่วงแรกนี้ หากทานน้ำตาลมากไปจะเกิดอาการวูบ หน้ามืดเป็นลมได้
ทั้งหมดนี้คือแนวทางในการเลือกทาน อาหารหลังผ่าตัดกระเพาะ ของผู้ที่รับการรักษา เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยหากไม่อยากพบกับอาการไม่พึงประสงค์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้ในช่วง 2 สัปดาห์แรกจะต้องเป็นอาหารเหลวไปก่อนจนกว่าจะเข้าสัปดาห์ที่ 3 ถึงจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นอาหารที่แข็งขึ้นได้
สุดท้ายงดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะกระเพาะจะดูดซึมเร็วขึ้นกลายเป็นพิษจากแอลกอฮอล์ได้ แม้แต่น้ำอัดลมที่ไร้น้ำตาลก็ต้องงดไว้ก่อนเช่นเดียวกัน
ศูนย์ผ่าตัดลดน้ำหนัก ครบวงจร สามารถทำได้ทุกวิธี ที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
บทความที่เกี่ยวข้อง
อาหารหลังผ่าตัดกระเพาะ ลดน้ำหนัก
อาหารหลังผ่าตัดกระเพาะ ลดน้ำหนัก จะแบ่งออกเป็น 5 เฟส หรือ 5 ระยะด้วยกัน
อาหารหลังการผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก เฟสที่ 1 : การกินของเหลว
อาหารหลังผ่าตัดกระเพาะ สัปดาห์แรกหลักการผ่าตัดกระเพาะ (1-7 วันแรก) เป็นช่วงเวลาของอาหารเหลว อาหารเหลวที่ว่านี้ไม่ได้หมายถึงอาหารที่มีน้ำในลักษณะของต้มจืดหรือของที่คล้ายกัน แต่หมายถึงอาหารเหลวหรือเครื่องดื่มที่มีลักษณะเหลวใส ไม่มีกากใย แก๊ส น้ำตาล เป็นอาหารที่สามารถดูดได้ด้วยหลอด เช่น
- น้ำซุปใส ต้มเนื้อไก่/หมูในน้ำซุป หรือน้ำก๋วยเตี๋ยว กรองเอาแต่น้ำซุป
- น้ำสมุนไพรใส่น้ำตาลเทียม เช่น น้ำดอกคำฝอย น้ำมะตูม เป็นตัน
เหตุผลที่ต้องทานอาหารเหลวในช่วงแรกนี้ก็เพราะว่าแผลจากการผ่าตัดลดน้ำหนักในกระเพาะยังไม่หายดี เราจึงต้องเลี่ยงการทานอาหารที่ทำให้กระเพาะต้องทำงานหนักเอาไว้ก่อน ในช่วงนี้ผู้ป่วยอาจมีอาการอ่อนเพลีย เป็นเรื่องปกติ จึงควรนอนพักผ่อนอย่างเต็มที่
อาหารหลังการผ่าตัดกระเพาะ เฟสที่ 2 : กินของเหลวต่อเนื่อง
อาหารหลังผ่าตัดกระเพาะ ระยะที่ 2 (8-14 วันหลังผ่าตัด) ช่วงนี้อาการบาดเจ็บจากแผลผ่าตัดที่หน้าท้องและแผลในกระเพาะอาหารเริ่มดีขึ้น แต่ก็ยังต้องทานอาหารเหลวหรือเครื่องดื่มเหลวต่ออีกประมาณ 1 สัปดาห์ โดยเพิ่มความเข้มข้นขึ้น แต่ต้อง มี โปรตีนสูง ไขมันต่ำ ไม่มีกากใย และไม่ใส่น้ำตาล เช่น
- นมจืดหรือนมพร่องมันเนย
- โปรตีนเชค เป็นอาหารเหลวที่มีประโยชน์มาก
- น้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาลหรือหวานน้อย
อาหารหลังการผ่าตัดลดน้ำหนัก เฟสที่ 3 : อาหารอ่อน ย่อยง่าย
เฟสที่ 3 หรือสัปดาห์ที่ 3 หลังการผ่าตัดกระเพาะ คนไข้สามารถเริ่มทานอาหารอ่อนๆ ย่อยง่ายคล้ายกับอาหารเด็กได้แล้ว โดยอาจจะเริ่มจาก
- เนื้อสัตว์ต้ม หรือไข่ต้ม ผักใบเขียวต้ม นำมาปั่นรวมกันข้นๆ
- ไข่ลวก/ไข่ตุ๋นนิ่มๆ/ไข่คน
- ปลานึ่งนิ่มๆ
อาหารหลังการผ่าตัดกระเพาะ เฟสที่ 4 : อาหารธรรมดา เน้นปรงสุก
อาหารหลังผ่าตัดกระเพาะ ระยะที่ 4 หรือ สัปดาห์ที 4 คนไข้สามารถทานอาหารได้ตามปกติ โดยจะต้องเป็น อาหารปรุงสุก และเน้นโปรตีนสูงเป็นหลัก รวมถึงสามารถเริ่มรับประทานผักนิ่ม ๆ ได้ เน้นเป็นผักใบเขียว และผลไม้ควรเริ่มทานเป็นผลไม้ที่นิ่มๆ ย่อยง่าย และทานในปริมาณน้อยๆ ก่อน
- สเต็กปลา/ไก่/หมู
- ไข่ยัดไส้
- ปลาเผา/ปลาย่าง
- สุกี้น้ำหมูไก่/ทะเล
- ดอยคำ
อาหารหลังการผ่าตัดลดน้ำหนัก เฟสที่ 5 : รับประทานอาการได้ตามปกติ
สัปดาห์ที่ 5 หรือ 1 เดือนหลังการผ่าตัดกระเพาะอาหาร คนไข้สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ แต่ยังคงต้องควบคุมตามที่แพทย์และนักโภชนาการแนะนำ คือ
- เน้นอาหารที่มีโปรตีนสูง
- คาร์โบไฮเดรตต่ำ
- งดของมันและของทอด
- ไม่ใส่น้ำตาล หรือใส่แต่เป็นแบบหวานน้อย
- ผักใบเขียว และผลไม้
สิ่งสำคัญ : ควรเคี้ยวอาหารให้ละเอียดอย่างช้าๆ เพียงแต่ว่าจะต้องปรับพฤติกรรมการทานเล็กน้อยจากเดิม ที่ทานได้ไม่อั้นจนกว่าจะหมดทุกจานก็ไม่สามารถทำได้อีกแล้ว เพราะการผ่าตัดลดน้ำหนักทำให้ขนาดของกระเพาะอาหารเล็กลงและส่งผลให้รู้สึกอิ่มได้เร็ว เหมือนกับถุงใบเล็กๆ ที่ใส่ของได้ไม่มากนั่นเอง
ดังนั้น เมื่อจะเริ่มทานอาหารจานไหนก็ต้องเลือกทานสิ่งที่มีประโยชน์มากที่สุดก่อน ไล่จากอาหารประเภทโปรตีน ตามด้วยผักผลไม้ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่สำคัญครบถ้วน หากรีบทานหรือทานมากเกินไปก็จะเกิดอาการคลื่นไส้ได้ แรกๆ คงไม่เคยชินนัก แต่ไม่นานก็จะรู้สึกเป็นปกติได้เอง
ทั้งนี้คนไข้สามารถทานได้ตามปกติเพื่อควบคุมพลังงานส่วนเกินและน้ำหนักตัว หรืออาจจะรับประทานวิตามินและแร่ธาตุเสริมเพิ่มเติมตามคำแนะนำของแพทย์ **หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้แก่ สุรา เบียร์ ไวน์ เป็นต้น**
อ่านบทความเชิงลึก เพิ่มเติม
บรรยากาศ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐานสากล
พร้อมด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ
ประสบการณ์กว่า 24 ปี
อาจารย์แพทย์สอนดูดไขมัน ในไทยและเอเชียแปซิฟิค
เชี่ยวชาญด้านการดูดไขมันมากว่า 24 ปี