เสริมคางแล้วเป็นก้อน สาเหตุเกิดจากอะไร แก้ยังไงให้กลับมาสวยปัง

เสริมคางแล้วเป็นก้อน เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ แต่อย่าเพิ่งสิ้นหวังที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ของเรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ในการแก้ไขเคสที่เคยเสริมคางแล้วเป็นก้อน พร้อมที่จะช่วยให้คุณกลับมามีคางที่สวยปังเหมือนเดิมอีกครั้ง หากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับการเสริมคางที่ส่งผลให้เกิดก้อน ทางคลินิกของเราจะดำเนินการหาสาเหตุของปัญหา และให้การรักษาที่เหมาะสมกับสภาพของผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งเรายินดีต้อนรับและพร้อมที่จะให้บริการในการเคลียร์ปัญหาเสริมคางที่เป็นก้อนของคุณ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ให้คางของคุณกลับมาสวยเหมือนเดิมได้อีกครั้ง

การเสริมคางแล้วเป็นก้อน เกิดจากสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้

1. เกิดจากการวางซิลิโคนผิดตำแหน่ง โดยวางห้อยย้อยลงไปด้านล่าง ไม่เป็นไปตามองศาของคางและโครงหน้า
2. ซิลิโคนที่ใส่ไปนั้นใหญ่เกินไป ไม่มีการเหลาปรับให้เข้ากับโครงหน้า ในกรณีที่ผู้เข้ารับบริการมีแก้จะทำให้เกิดรอยต่อของซิลิโคนระหว่างแก้มเยอะกับคางซึ่งจะเห็นได้ชัดเจน
3. ฉีดฟิลเลอร์บ่อยเกิดไป ทำให้เกิดการสะสมของฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปก่อนหน้านั้น ทำให้คางดูเป็นก้อนห้อยย้อย
4. ไม่เข้ารับบริการเสริมคางกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน อาจได้รับการฉีดฟิลเลอร์ปลอม ซิลิโคนเหลวที่ไม่ย่อยสลาย จึงทำให้เกิดเป็นก้อนปูดนูนออกมาข้างหน้า

ในกรณีที่เสริมคางแล้วเป็นก้อน เป็นแม่มด หรือคางมะม่วง เสริมแล้วเป็นรอยต่อ หมอจะต้องพิจารณาดูว่าสาเหตุของก้อนนั้นเกิดจากซิลิโคนหรือไม่ หรืออาจเกิดจากกรณีที่ฉีดสารเติมเต็มหรือสารแปลกปลอมเข้าไปในส่วนของคาง ซึ่งจำเป็นต้องแก้ไขอย่างตรงจุดและเหมาะสมกับแต่ละเคส

วิธีแก้ปัญหาทำคางแล้วเป็นก้อนที่นิยมใช้มากที่สุด คือการผ่านำซิลิโคนอันเก่าของคนไข้ออกก่อน หลังจากนั้นก็ทำการแทนที่ด้วยซิลิโคนใหม่ที่ผ่านการเหลาให้เข้ากับรูปหน้ามากขึ้น ซึ่งควรเข้ารับบริการกับแพทย์ที่มีความชำนาญและเชี่ยวชาญในด้านนี้ เพื่อให้ตัวเองมีรูปคางที่สวยขึ้นและสร้างความมั่นใจในรูปลักษณ์ของตนเอง

จากที่ทราบกันดีว่าการทำคางมีหลายวิธี ซึ่งการทำคางโดยการฉีดฟิลเลอร์เป็นวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยม หากปัญหาคางเป็นก้อนเกิดจากฟิลเลอร์ แพทย์ต้องทำการตรวจสอบและพิจารณาว่าฟิลเลอร์ที่ผู้เข้ารับบริการไปฉีดมาเป็นฟิลเลอร์ที่มีมาตรฐานหรือไม่ ของปลอมหรือเปล่า ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากพบว่าฟิลเลอร์ที่ใช้ไม่มีมาตรฐานแพทย์จำเป็นต้องทำการขูดตัวฟิลเลอร์ออกจากผิวคาง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับขั้นตอนต่อไป ซึ่งคือการทำการผ่าตัดเสริมคางด้วยซิลิโคน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยสำหรับผู้เข้ารับบริการ

หลังจากที่ทีมแพทย์ของเราได้ทำการปรับรูปคางด้วยซิลิโคนอันใหม่แล้ว คุณจะรับรู้ได้ชัดเจนว่าคางที่เคยเป็นก้อนห้อยย้อยไม่สมดุลกัน ปัญหานี้จะหายไปหากมองจากด้านข้าง คางจะกระชับรับกับจมูกและหน้าผากเดิม ทำให้รูปหน้าดูสมส่วนมากขึ้น ไม่ยื่นออกมากจนเกินไป และไม่งอนจนผิดธรรมชาติ คางไม่สั้นและไม่แหลมเกินไป ใบหน้าดูเรียวยาวขึ้น และจะค่อยๆ เข้าที่เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 1-3 เดือน และจะดีขึ้นเรื่อย ๆ จนรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของใบหน้าและเราสามารถกำจัดไขมันเลวได้

ก่อนที่เราจะไปสำรวจปัญหาเสริมคางแล้วเป็นก้อน เราควรมาเริ่มต้นด้วยการทำความรู้จักกับกระบวนการทำศัลยกรรมเสริมคางกันก่อน ในปัจจุบันการเสริมคางได้รับความนิยมในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับรูปทรงคาง ซึ่งอาจทำให้ใบหน้าไม่ได้สัดส่วน มีปัญหาทำให้คางสั้น คางหลุบถอย คางตัด หรือคางบุ๋ม การเสริมคางจะช่วยให้ใบหน้าดูเรียวสวย ได้สัดส่วน ทำให้ใบหน้าดูหวานมากยิ่งขึ้น หรือที่หลายคนเรียกว่า ใบหน้าแบบวีเชฟ

1. วิธีเสริมคางด้วยการฉีดสารเติมเต็ม HA (Hyaluronic Acid) เป็นกระบวนการที่ให้ผลลัพธ์แบบเร่งด่วน ไม่ต้องผ่าตัดไม่ต้องพักฟื้น แต่ก็จะมีข้อจำกัดในด้านของการให้ผลลัพธ์ที่ไม่คงทนถาวร เนื่องจากสารเติมเต็มนี้สามารถสลายตัวได้ภายใน 1-2 ปี จึงอาจจำเป็นต้องกลับมาฉีดเพิ่มบ่อย ๆ
2. การเสริมคางด้วยซิลิโคน เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากมีผลลัพธ์ที่คงทนถาวร และอาจให้ผลดีไปตลอดชีวิต วิธีนี้สามารถใช้ซิลิโคนชนิดขาสั้นหรือไม่มีขา หรือซิลิโคนแบบขายาว ซึ่งแพทย์สามารถเหลาซิลิโคนปรับรูปทรงให้เข้ากับรูปคางของผู้เข้ารับบริการได้ตามความต้องการ การเสริมคางนั้น สามารถทำได้โดยการเสริมบริเวณใต้เยื่อหุ้มกระดูก ซึ่งจะมีทั้งแบบเสริมคางเปิดแผลในช่องปาก และเสริมคางเปิดแผลนอก

​หลายคนต้องการมีใบหน้าที่สมส่วน หากหน้าสั้น หน้าเหลี่ยม การเสริมคางจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้เข้ารับบริการได้ และในปัจจุบันนี้การเสริมคางไม่ได้ทำแต่กับสาว ๆ เท่านั้น ผู้ชายก็นิยมทำเช่นกัน ก่อนที่จะทำการเสริมคางนั้นควรที่จะต้องศึกษารายละเอียดดังนี้

1. ​การศัลยกรรมเสริมคางเป็นวิธีการปรับแต่งโครงสร้างใบหน้าเพื่อให้ใบหน้าเราดูดีขึ้น ทำให้รูปหน้าดูสมส่วน โดยทั่ว ๆ ไปใบหน้าของคนเราจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนบนคือส่วนหน้าผา ส่วนกลางคือตั้งแต่หน้าผากลงมาจนถึงจมูก และส่วนล่างคือตั้งแต่จมูกลงไปถึงปลายคาง สำหรับใครที่มีรูปหน้าได้สัดส่วนตามนี้ก็จะทำให้รูปหน้าดูสวยงาม
2. การเสริมคางเหมาะกับคนที่มีโครงสร้างของฟันกรามและฟันมีความแข็งแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และต้องเป็นคนที่มีสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัวที่อาจเป็นอุปสรรคหลังทำการเสริมคาง ซึ่งอาจเกิดการอักเสบและเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
3. ความเสี่ยงในการทำศัลยกรรมเสริมคาง อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน ถ้าโชคดีก็จะทำให้เราสวยสมใจ แต่หากโชคดีไม่ดีเสริมคางแล้วเป็นก้อน มีผลกระทบต่อรูปลักษณ์ หรือในบางรายอาจเกิดอาการชาที่ริมฝีปากล่างแต่ก็จะค่อย ๆ หาย บางรายอาจเกิดอาการชาถาวร ซึ่งอาจเกิดจากความผิดพลาดของแพทย์ หลังการผ่าตัด ควรระมัดระวังไม่ให้แผลกระทบกระเทือนอย่างแรง เนื่องจากอาจทำให้ซิลิโคนที่เสริมเข้าไปเคลื่อนที่ออกจากตำแหน่งที่ใส่เข้าไป นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อการอักเสบและติดเชื้อได้ง่ายอีกด้วย
4. สำหรับผู้ที่เคยผ่านการเสริมคางมาแล้วหรือฉีดซิลิโคนเหลวมาก่อน ลักษณะทรงคางนั้นจะจะควบคุมได้ยาก สาเหตุมาจากซิลิโคนเหลวที่แทรกอยู่ในผิวหรือสารเคมีตกค้างอยู่ภายใน ทำให้การแก้ไขและเอาของเก่าออกได้ยากขึ้น และอาจมีอาการเจ็บที่รุนแรงกว่าที่เคยผ่านมา
5. การดูแลตัวเองหลังเสริมคางเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ หากดูแลไม่ดีจะส่งผลต่อแผลที่ทำมา อาจทำให้การเสริมคางบิดเบี้ยวได้
6. ต้องพยายามสังเกตตัวเองหลังจากได้ทำการเสริมคางมาแล้ว เพราะอาจเกิดความผิดพลาดได้ หากพบว่ามีอาการผิดปกติ คางห้อย คางย้อย บิดเบี้ยวให้รีบกลับมาแก้ไขทันที

เสริมคางแล้วเป็นก้อน เกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการวางซิลิโคนผิดตำแหน่ง การใส่ซิลิโคนที่ใหญ่เกินไปโดยไม่มีการเหลาปรับให้เข้ากับโครงหน้า การฉีดฟิลเลอร์ที่บ่อยเกินไป ทำให้เกิดการสะสมจนดูเป็นก้อน หรือแม้กระทั่งการเข้ารับบริการกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้การเสริมคางมีปัญหา และหากคุณต้องการให้การเสริมคางของคุณออกมาแล้วได้กรอบหน้าที่คมชัด สวยวีเชฟ เราขอแนะนำให้คุณเข้ารับบริการเสริมคางที่ รัตนินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ของเรา ซึ่งมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการเสริมคาง พร้อมให้คำแนะนำก่อนและหลังการทำ รับรองว่าหลังจากคุณเข้ารับบริการกับเรา คุณจะได้รับความประทับใจอย่างแน่นอน