กินแล้วนอน อันตรายกว่าที่คิด เสี่ยงต่อการเกิดโรค กรดไหลย้อน

กินแล้วนอน

การย่อยอาหารของเราจะเริ่มต้นที่ปาก โดยจะมีการย่อยคาร์โบไฮเดรตให้เป็นน้ำตาลด้วยน้ำลาย ส่วนโปรตีนจะถูกย่อยที่กระเพาะอาหาร จากนั้นอาหารที่ย่อยแล้วบางส่วนจะถูกส่งลงไปยังลำไส้เล็ก เพื่อที่จะย่อยอาหารคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันต่อไป สารอาหารจะถูกดูดซึมในลำไส้เล็ก และกระบวนการย่อยอาหารจะสิ้นสุดที่ลำไส้เล็ก เวลาในการย่อยอาหารประมาณ 2-3 ชั่วโมงก่อนที่ร่างกายจะย่อยอาหารเสร็จสมบูรณ์ ระบบย่อยอาหารจะทำงานได้ดีเมื่อเราอยู่ในท่านั่งหรือยืน

เนื่องจากอวัยวะทุกส่วนในระบบตั้งตรงตามร่างกาย ซึ่งจะย่อยอาหารโดยลำเลียงจากบนลงล่าง แต่หากเรา กินแล้วนอน หลับในช่วงเวลาที่ระบบย่อยอาหารยังไม่สิ้นสุด อวัยวะจะต้องอยู่ในแนวราบ ส่งผลให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาซึ่งอาจเป็นอันตรายได้มากกว่าที่คิดไว้ ดังนั้นการนอนหลังการกินอาหาร อาจทำให้การย่อยอาหารลำบาก และเป็นต้นเหตุของอาการแสบแน่นท้อง หรืออาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจ หรือโรคอ้วนได้ ดังนั้น การทานอาหารควรระมัดระวังและควรเว้นระยะเวลาหลังการกินอาหารก่อนที่จะนอนพักผ่อนอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงเพื่อให้ระบบย่อยอาหารสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อาการหลังการ กินแล้วนอน

การที่อาหารไม่ย่อยทำให้เกิดอาการท้องอืดได้ เนื่องจากระบบย่อยอาหารจะใช้เวลาในการย่อยอาหารแต่ละประเภทไม่เท่ากัน ถ้าเรากินแล้วนอนทันทีก็จะทำให้เกิดการตกค้างของอาหาร และจะเกิดการหมักหมมทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร ซึ่งจะทำให้เกิดอาการจุกเสียด แน่นท้อง และท้องอืด อาการท้องอืดจะทำให้เราไม่สามารถนอนหลับสบาย ๆ ได้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อการนอนหลับ

เกิดกรดไหลย้อนเกิดจากการนอนโน้มหงายหลังรับประทานอาหาร ทำให้น้ำย่อยอาหารที่หลั่งออกมาไหลย้อนกลับขึ้นไปบริเวณหลอดอาหาร ซึ่งการกินแล้วนอน กรดไหลย้อนจะทำให้รู้สึกแสบร้อนกลางอก จุกเสียดแน่นท้อง ขมในลำคอ เรอเหม็นเปรี้ยว โดยการกินแล้วนอนนี้อาจจะทำให้เกิดโรคมะเร็งหลอดอาหารหรือโรคหลอดเลือดสมองได้

อีกอาการหนึ่งที่เกิดจากท้องอืดและกรดไหลย้อนคือ นอนไม่หลับ ซึ่งจะเกิดจากการรู้สึกไม่สบายในท้อง และทำให้ไม่สามารถนอนหลับได้ การนอนหลับไม่เพียงพออาจทำให้ร่างกายไม่ได้พักผ่อนเพียงพอ และทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ ดังนั้นการดูแลสุขภาพ

กินแล้วนอน กรดไหลย้อน

กินแล้วนอนเสี่ยงต่อการเกิดโรค

โรคหลอดเลือดสมองและมะเร็งหลอดอาหาร

โรคหลอดเลือดสมองเกิดจากโรคกรดไหลย้อนและอาการอาหารไม่ย่อย ทำให้กระบวนการย่อยอาหารไม่เป็นไปตามปกติ การดูดซึมสารอาหารจึงมีปัญหา และส่งผลต่อภาวะความดันโลหิต ระดับน้ำตาลและระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตมีปัญหา ซึ่งส่งผลต่อการลำเลียงสารอาหารและออกซิเจนไปทั่วร่างกาย โดยอาจเกิดภาวะสมองขาดเลือดหรือขาดออกซิเจน อาการหายใจไม่อิ่ม ใจสั่น เกิดภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนของโรคหลอดเลือดสมอง

ส่วนโรคมะเร็งหลอดอาหารเกิดจากโรคกรดไหลย้อน หากมีอาการเรื้อรังจากการที่น้ำย่อยไหลย้อนกลับมาที่หลอดอาหาร เกิดการระคายเคืองและอักเสบเรื้อรัง หากปล่อยไว้นาน ๆ จึงมีโอกาสที่จะกลายเป็นโรคมะเร็งหลอดอาหารนั่นเอง

โรคอ้วน

โรคอ้วนเกิดจากการรับพลังงานจากอาหารมากเกินไป ในขณะที่ไม่ได้ออกกำลังกาย ทำให้พลังงานที่ได้ไปใช้ไม่ครบ พลังงานจึงสะสมเป็นไขมันในร่างกาย โดยเฉพาะคนที่ชอบกินอาหารที่มีพลังงานสูง ร่างกายจะสะสมไขมันเพิ่มขึ้น และการนอนหลับหลังจากทานอาหารก็ทำให้ร่างกายไม่ได้เผาผลาญพลังงานเหมือนกับการทำกิจกรรมต่าง ๆ จึงทำให้อ้วนขึ้น นอกจากนี้ยังเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วนลงพุงด้วย

ดังนั้นการกินอาหารแล้วนอนไม่ใช่สาเหตุเดียวที่ทำให้อ้วน แต่การรับประทานอาหารที่มีพลังงานมาก ๆ และไม่ได้ออกกำลังกายเพียงพอก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคอ้วนได้

กินแล้วนอนอ้วนไหม

กินแล้วนอนอ้วนไหม ซึ่งการกินอาหารที่มีปริมาณแคลอรี่สูงและไม่ออกกำลังกาย กินแล้วนอนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อ้วน อย่างไรก็ตามการกินอาหารที่มีปริมาณแคลอรี่สูงแต่ควบคุมอย่างดี เช่น กินอาหารที่มีไขมันน้อย นมไขมันต่ำ และควบคุมอย่างเหมาะสมจะช่วยลดน้ำหนักได้ อีกปัจจัยที่สำคัญคือการออกกำลังกาย เพราะการเผาผลาญพลังงานจากการออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันและลดน้ำหนักได้ การออกกำลังกายที่เหมาะสมอาจประกอบด้วยการเดิน วิ่ง ว่ายน้ำ หรือฝึกโยคะ โดยควรฝึกอย่างน้อย 30 นาทีต่อวันเพื่อเผาผลาญพลังงานและลดน้ำหนัก

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อน้ำหนัก เช่น พฤติกรรมการนอนหลับ การดื่มเครื่องดื่มที่มีแคลอรี่สูง สุขภาพจิต และพันธุกรรม ดังนั้น การควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสม เพื่อลดน้ำหนักและรักษาสุขภาพร่างกายที่ดี ควรรับรู้และควบคุมพฤติกรรมการกินอาหาร และการออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าที่รับเข้าไป ซึ่งจะช่วยลดน้ำหนักได้ โดยควรรับประทานอาหารที่เหมาะสมและมีปริมาณแคลอรี่น้อย และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเผาผลาญพลังงานและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ

นอกจากนี้ ควรรับน้ำมากพอเพียง และหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแคลอรี่สูง เช่น น้ำผลไม้แช่แข็งที่มีน้ำตาลสูง น้ำเปล่าไม่มีแคลอรี่ หรือน้ำผัก โดยเลือกใช้น้ำตาลที่น้อยลง เช่น น้ำผลไม้ธรรมชาติ หรือไม่มีน้ำตาลเพิ่มเติมเลยก็ได้ สำหรับพฤติกรรมการนอนหลับ ควรหลีกเลี่ยงการนอนเยอะเกินไป เพราะมันจะทำให้ร่างกายไม่มีโอกาสใช้พลังงานและเผาผลาญไขมันอย่างเต็มที่ ควรนอนเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งในปกติต้องการนอน 7-8 ชั่วโมงต่อวัน

กินแล้วกี่นาทีถึงนอนได้

กินข้าวกี่ชั่วโมงถึงนอนได้

กินแล้วกี่นาทีถึงนอนได้ จริง ๆ แล้วเวลาที่เหมาะสมระหว่างการกินมื้อสุดท้ายกับการเข้านอนควรเว้นระยะห่างกันประมาณ 3 ชั่วโมงกำลังดี นอกจากนี้ สำหรับสุขภาพที่ดี แนะนำให้ออกไปเดินเล่นสัก 30 นาทีหลังกินข้าวอิ่มแล้ว หรือพยายามหากิจกรรมที่ร่างกายได้เคลื่อนไหว จะช่วยลดแก้ม ลดเหนียงได้ เช่น ล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้าน ทำงานบ้านสักหน่อยเพื่อกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหารและช่วยในการเผาผลาญแคลอรี แล้วค่อยอาบน้ำ จากนั้นก็ค่อยเข้านอน แล้วถ้าเราต้องการกินมื้อดึก แนะนำให้เลือกอาหารที่ย่อยง่าย เช่น โจ๊ก ผลไม้ สลัดผัก เพื่อย่อยอาหารได้ง่ายขึ้น และเว้นระยะห่างก่อนนอนสัก 2 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ ด้วยเหตุนี้ การเลือกเวลาที่เหมาะสมในการกินและการนอนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการดูแลสุขภาพของร่างกาย

นอกจากนี้ การนอนหลับก็เป็นสิ่งสำคัญอีกด้วย การนอนหลับเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวและสมบูรณ์ได้ดีขึ้น นอนหลับไม่เพียงแค่ช่วยฟื้นฟูร่างกาย แต่ยังช่วยฟื้นฟูสมองด้วย เพราะการนอนหลับสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มพลังงานให้กับสมอง ทำให้คุณสามารถทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ การนอนหลับเพียงพอยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย และช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

ดังนั้น การดูแลสุขภาพของร่างกายไม่ใช่เรื่องยากเกินไป แค่เพียงเราจะต้องมีการเลือกใช้เวลาที่เหมาะสมในการกินและการนอนอย่างถูกต้อง ซึ่งวิธีลดพุง สำหรับคนไม่มีเวลา ก็มีความสำคัญที่เราต้องจัดแจงเวลาเอง รวมถึงการดูแลสุขภาพอื่น ๆ อีกด้วย เช่น การออกกำลังกาย การหมั่นดื่มน้ำ การลดความเครียด และการรับประทานอาหารที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและมีพลังงานมากพอในการใช้ชีวิตประจำวัน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า