ถุงใต้ตาบวม เกิดจากอะไร มีวิธีแก้ไขและรักษาอย่างไร

เมื่อเรามีอายุมากขึ้นก็มักจะมาพร้อมกับปัญหาความหย่อนคล้อย หน้าผากย่น และริ้วรอยเริ่มเห็นได้ชัด แต่ปัญหาหนึ่งที่มักทำให้คนหลายคนรู้สึกไม่สบายใจ คือ ปัญหาถุงใต้ตาบวม นี่เป็นปัญหาที่สามารถสร้างความรำคาญและลดความมั่นใจได้อย่างมาก บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจกับปัญหาถุงใต้ตาบวมว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร มีวิธีการแก้ไขถุงใต้ตาบวมอย่างไร รวมถึงวิธีลดถุงใต้ตาแบบธรรมชาติ ที่คุณสามารถนำไปใช้ได้จริงทันที  พร้อมแล้วตามไปอ่านกันได้เลย

โดยปกติแล้ว ร่างกายของมนุษย์มีถุงไขมันอยู่รอบดวงตา รวมถึงบริเวณเบ้าตา เปลือกตาบน และเปลือกตาล่าง ในช่วงวัยหนุ่มสาว กล้ามเนื้อและผิวหนังมีความแข็งแรงและเรียบเนียน ทำให้ถุงไขมันเหล่านี้อาจไม่มองเห็นชัดเจน แต่เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น ความแข็งแรงของผิวหนังลดลง หรือสาเหตุอื่น ๆ เช่น การเจริญเติบโต โรคภัยไข้เจ็บ พฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เริ่มมีผล กล้ามเนื้อรอบดวงตาจะสูญเสียความกระชับ ทำให้ถุงไขมัน โดยเฉพาะในบริเวณใต้ตาล่างนั่น โป่งนูน และบวมปูดส่งผลให้เกิดปัญหาถุงใต้ตาบวม (Eye Bags) ตามมานั่นเอง

อาการที่ถุงใต้ตาบวม สาเหตุเกิดจากอะไร เพราะเป็นปัญหาที่พบได้มากและมีหลายสาเหตุด้วยกัน สามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทหลัก คือ ถุงใต้ตาแท้ และถุงใต้ตาเทียม แต่การรักษาสองประเภทนี้มีวิธีแตกต่างกันอย่างมาก ดังนี้

ถุงใต้ตาแท้เกิดจากปัญหาที่ถุงใต้ตาค่อย ๆ หย่อนและโป่งนูนอย่างถาวร การรักษามักจะต้องผ่าตัดถุงใต้ตาหรือใช้สารเติมเต็ม เช่น เติมไขมันหรือกระตุ้นคอลลาเจน หรืออาจจะต้องพบแพทย์เพื่อพิจารณาเทคนิคศัลยกรรมเพิ่มเติม เหตุผลที่เป็นไปได้รวมถึงสาเหตุทางพันธุกรรมและการเสื่อมสภาพของผิวหนังตามวัย

• สาเหตุทางพันธุกรรม: บางคนอาจมีมูลไขมันรอบดวงตามากเนื่องจากพันธุกรรมหรือการทำงานผิดปกติของต่อมไร้ท่อที่ทำให้มีการสะสมไขมันและของเหลวมากเกินไปในพื้นที่นี้
• การเสื่อมสภาพของผิวหนังตามวัย: ผิวหนังรอบดวงตาของคนเราจะสูญเสียความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ทำให้ถุงใต้ตาหย่อนลงและแสดงอาการได้ชัดเจนมากขึ้น

ถุงใต้ตาเทียมเป็นปัญหาที่อาการบวมมีลักษณะชั่วคราวและอาจดีขึ้นเองหลังจากรักษาต้นเหตุที่เป็นสาเหตุของอาการบวม สาเหตุหลักสามอย่างคือ

• การแพ้: การแพ้ต่ออาหาร เกสรดอกไม้ หรือฝุ่นควันอาจเป็นสาเหตุของอาการระคายเคืองและบวมรอบดวงตา
• พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อสุขภาพ: การไม่ได้นอนหลับพอ ความเครียด การดื่มแอลกอฮอล์ การใช้สายตามากเกินไป หรือการขยี้ตาอย่างแรงอาจทำให้เกิดอาการบวมใต้ตา
• การเจ็บป่วยบางชนิด: ผู้ที่มีโรคภูมิแพ้ ไทรอยด์เป็นพิษ หรือโรคหอบหืดอาจมีโอกาสที่จะเจออาการถุงใต้ตาบวม

การที่มีถุงใต้ตาบวมอาจไม่มีผลต่อสุขภาพโดยตรง แต่ก็สามารถส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความมั่นใจได้อย่างมากในคนหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของผู้ที่มีปัญหาถุงใต้ตาบวมตั้งแต่อายุน้อย หรือบุคคลที่ต้องประกอบอาชีพที่ต้องใช้ใบหน้าเป็นส่วนสำคัญ หรือต้องสื่อสารกับผู้อื่นอย่างต่อเนื่อง ปัญหานี้อาจทำให้คุณดูแก่กว่าวัย เหนื่อยล้า พักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้หน้าตาดูไม่สดใส ไม่หน้าอ้วน หรือดูอ่อนเพลียตลอดเวลา และกระทบต่อบุคลิกภาพโดยรวม

การแก้ปัญหาถุงใต้ตาที่บวมมีวิธีหลายแบบที่คุณสามารถเลือกใช้ได้ วิธีการที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับสภาพของผิวและปัจจัยส่วนบุคคลของคุณเอง วันนี้เราจะสรุปวิธีการรักษาถุงใต้ตาเบื้องต้นเป็น 3 แนวทางหลัก ที่อาจช่วยให้คุณได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ถุงใต้ตาบวมเป็นปัญหาที่หลายคนพบเจอเนื่องจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น การนอนไม่เพียงพอ การใช้สายตานานเกินไป หรือการขยี้ตาอย่างแรง วิธีการลดถุงใต้ตาด้วยวิธีธรรมชาติอาจช่วยลดอาการได้ในระดับหนึ่ง แม้จะไม่เป็นวิธีแก้ปัญหาแบบถาวร แต่มีประโยชน์ในการปรับปรุงสภาพผิวรอบดวงตาของคุณ ดังนี้

• ใช้แตงกวา: แตงกวาเป็นผักที่มีความชุ่มชื้นสูงและมีกรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid) ที่ช่วยลดอาการบวมได้ คุณสามารถนำแตงกวาหั่นแว่นแล้วแช่เย็น แล้วนำมาประคบที่ดวงตาประมาณ 15 นาที เพื่อช่วยลดอาการบวมรอบดวงตา อย่าลืมล้างแตงกวาให้สะอาดก่อนใช้เพื่อป้องกันการระคายเคืองได้
• นวดเบา ๆ: ล้างมือและใบหน้าให้สะอาด จากนั้นใช้นิ้วกลางและนิ้วนางนวดเบา ๆ ด้วยครีมบริเวณถุงใต้ตา ลากนิ้วจากหัวตาไปหางตาและนวดย้อนกลับไปมาประมาณ 4-5 รอบ เพื่อช่วยลดอาการบวมใต้ตา
• เกลือชุบสำลี: นำครึ่งช้อนโต๊ะของเกลือละลายในน้ำอุ่น แล้วชุบสำลีแปะไว้ที่ใต้ดวงตาประมาณ 10 นาที เป็นประจำ จะช่วยลดอาการบวมและความหมองคล้ำใต้ดวงตาได้
• ไข่ขาว: ไข่ขาวมีคุณสมบัติในการช่วยยกกระชับผิว คุณสามารถทาไข่ขาวบริเวณถุงใต้ตาและประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ควรระวังไม่ให้ไข่ขาวเข้าตา
• ถุงชาหรือผ้าชุบน้ำอุ่น: ใช้ถุงชาหรือผ้าชุบน้ำอุ่นประคบทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและช่วยลดอาการบวมรอบดวงตา
• รับประทานอาหารที่ดี: รักษาการรับประทานอาหารที่ครบ 5 หมู่ ลดการทานอาหารที่มีโซเดียมสูง เนื่องจากโซเดียมอาจทำให้ร่างกายเก็บน้ำใต้ผิวหนังมากขึ้น
• ออกกำลังกาย: ออกกำลังกายเป็นการช่วยกำจัดของเสียในร่างกายและช่วยรักษาสุขภาพผิวหนัง มันยังช่วยให้ผิวดูอ่อนวัยและสดใสขึ้น
• พักผ่อน: นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการนอนไม่เพียงพออาจทำให้เกิดอาการถุงใต้ตาบวม รู้จักดูแลสุขภาพโดยรวม เพื่อลดการเกิดปัญหาถุงใต้ตาในระยะยาว

ถุงใต้ตาบวม วิธีการเติมเต็มเพื่อแก้ไขปัญหานี้ได้รับความนิยมในวงการความงาม เราจะสำรวจวิธีการเติมเต็มที่ช่วยให้ถุงใต้ตาดูเต็มขึ้นได้อย่างรวดเร็วและมีผลลัพธ์ที่น่าพอใจได้ดังนี้

ฟิลเลอร์คือสารเติมเต็มผิวที่มีชื่อเสียงในการเติมเต็มบริเวณถุงใต้ตา เสริมความชุ่มชื้นและความอิ่มน้ำให้กับผิวใต้ตา ฟิลเลอร์ที่ใช้มักเป็นไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่เรามีในร่างกายเอง การเติมเต็มด้วยฟิลเลอร์ช่วยลดริ้วรอยและช่วยบรรเทาอาการบวมของถุงใต้ตา

ข้อดี

• ผลลัพธ์เห็นได้ทันทีและไม่มีอาการบวมช้ำหลังการทำ
• ไม่ต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัวหลังการทำ

ข้อเสีย

• ผลลัพธ์ไม่ใช่ระยะยาวและอาจต้องทำซ้ำในอนาคต
• ความคงทนของผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้

วิธีนี้เป็นการใช้ไขมันจากส่วนอื่นของร่างกาย เช่น ส่วนหน้าท้องหรือต้นขา เพื่อเติมเต็มบริเวณถุงใต้ตา เพิ่มความชุ่มชื้นและปรับโครงสร้างผิวใต้ตาให้ดูตื้นขึ้น

ข้อดี

• ไม่มีความเสี่ยงของอาการแพ้เนื่องจากใช้ไขมันจากร่างกายเอง
• ผลลัพธ์มีความคงทนในระยะยาว

ข้อเสีย

• การเติมไขมันใต้ตาเป็นกระบวนการที่ยุ่งยากและต้องใช้เวลาในการดูดและเตรียมไขมัน
• บริเวณที่ทำการดูดไขมันอาจมีรอยแผลหลังการทำ
• ผลลัพธ์มีอาจมีอาการคางตัวเริ่มแสดงผลลัพธ์อยู่ในระยะเวลาประมาณ 1 ปีหรือมากกว่านั้น

ในการเลือกวิธีการเติมเต็มที่เหมาะสมสำหรับคุณ ควรปรึกษากับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม เพื่อให้ได้คำแนะนำและแผนการรักษาที่เหมาะสมกับความต้องการและสภาพผิวของคุณ และจำไว้ว่าผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

การรักษาปัญหาถุงใต้ตาบวมด้วยวิธีการศัลยกรรมเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาที่อาจเป็นเรื่องที่รบกวนและทำให้เหมือนอายุมากขึ้นได้ วิธีการรักษานี้สามารถแบ่งเป็นสองรูปแบบหลัก คือการผ่าตัดถุงใต้ตาแบบไร้แผลและการผ่าตัดถุงใต้ตาแผลด้านนอก

เป็นเทคนิคที่ทันสมัยและปลอดภัย โดยศัลยแพทย์จะทำการเปิดแผลขนาดเล็กด้านในเปลือกตาและดูดไขมันส่วนเกินออก เพื่อลดปัญหาถุงใต้ตาที่บวมอาจเกิดขึ้น เทคนิคนี้มีข้อดีอย่างมากคือไม่ต้องมีรอยแผลที่ต้องเย็บหรือตัด และผู้รับการรักษาสามารถกลับไปปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน แต่อาจมีอาการบวมเล็กน้อยหรือช้ำช่วงระยะหลังผ่าตัดได้

จะทำการซ่อนแผลที่บริเวณขอบขนตาล่าง และอาจรวมการจัดเรียงไขมันใต้ตาหรือร่องน้ำตา หรือการยกกระชับใบหน้า และกระชับกล้ามเนื้อรอบ ๆ ดวงตา ทำให้ผู้รับการรักษาได้ผลลัพธ์ที่ดีและถาวร โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหนังตาและไขมันส่วนเกินมาก แม้จะมีความสะดวกในการรักษาร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ตามความต้องการของผู้รับการรักษาและคำแนะนำจากแพทย์ แต่ควรทราบว่าอาจมีอาการบวมช้ำบางส่วนหรือรอยแผลที่เป็นไปได้

การรักษาถุงใต้ตาบวมมีวิธีหลายแบบที่มีข้อดีและข้อเสียต่างกันที่ควรพิจารณาอย่างละเอียด สิ่งสำคัญที่ควรใส่ใจคือการเลือกทางการรักษาที่เหมาะกับคุณเองและรับคำแนะนำจากแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ การเลือกวิธีการรักษาถุงใต้ตาบวมควรพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยคุณควรรับคำปรึกษาจากแพทย์ที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญในการดูแลผิวหน้าและถุงใต้ตา เพื่อให้คุณได้รับการประเมินและคำแนะนำที่เหมาะสมตามสภาพของผิวหน้าและปัญหาที่คุณพบ

ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีการรักษาใด ควรให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือของแพทย์และสถานพยาบาลที่คุณเลือกใช้บริการ นี่เป็นสิ่งที่สำคัญมากในกรณีที่คุณต้องผ่าตัด เนื่องจากความชำนาญและเทคนิคที่ถูกต้องมีผลต่อผลลัพธ์ของการรักษา การทำผ่าตัดที่ไม่ถูกต้องอาจส่งผลให้แผลไม่ชิดขอบตาหรือมีรอยแผลที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งอาจทำให้คุณสูญเสียความมั่นใจ ดังนั้น ก่อนที่คุณจะตัดสินใจรักษาถุงใต้ตา ควรรีบรู้ข้อมูลเกี่ยวกับแพทย์และสถานพยาบาลที่คุณจะเลือกใช้บริการให้รอบคอบและถูกต้อง เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการดูแลผิวหน้าและถุงใต้ตาของคุณ

ปัญหาถุงใต้ตาบวมเป็นเรื่องที่คนทุกวัยและทุกเพศอาจพบเจอได้ สาเหตุของปัญหานี้มีหลายปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางพันธุกรรม อายุที่เพิ่มขึ้น อาการแพ้ หรือการระคายเคืองบริเวณรอบดวงตาก็เป็นสาเหตุของปัญหานี้ได้ด้วย ดังนั้นหากใครที่กำลังเจอปัญหานี้อยู่และต้องการรักษาให้ตรงจุดสามารถเข้ามาปรึกษาวิธีรักษาและการแก้ไข้เบื้องต้นกับคลินิกของเราได้เลย ทางเรามีทีมแพทย์เฉพาะทางที่พร้อมให้คำปรึกษาคุณตลอดเวลา ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น